หลินเฟิงส่ายหน้าและปฏิเสธทันที แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกวิธีที่ดีกว่านี้ขึ้นมาได้ จากนั้นก็เงยหน้ามองไปทางหลิวหย่ง: “งั้นคุณคิดว่าแบบนี้เป็นอย่างไร”“คุณได้นําที่ดินนี้กลับคืนจากตระกูลเซี่ยง น่าจะยังไม่ได้นำไปใช้ประโยน์ย่างอื่น ไม่สู้นำโรงงานพร้อมที่ดิน รวมถึงเครื่องมือที่อยู่ข้างใน ปล่อยเช่าให้กับผมทั้งหมด เป็นอย่างไร?””“ผมจะให้ราคาที่สูงกว่าตระกูลของเซี่ยงสิบเปอร์เซ็นต์”“อะไรนะ?”หลิวหย่งถลึงตาโต“ไม่ได้ไม่ได้ไม่ได้……” หลิวหย่งโบกไม้โบกมือเห็นว่าหลิวหย่งไม่ยินยอม หลินเฟิงขมวดคิ้วและพูดว่า: “งั้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ละเป็นไง?”“ไม่ใช่ครับ คุณหลินคุณเข้าใจผิดไปแล้ว”หลิวหย่งเห็นหลินเฟิงขึ้นราคา ก็รู้ทันทีว่าหลินเฟิงเข้าใจผิด เขาเลยรีบพูดไปว่า: “ในเมื่อคุณหลินต้องการ งั้นผมก็ไม่สามารถที่จะให้คุณตามราคาที่ตระกูลเซี่ยงได้ไปแน่นอน ไม่อย่างนั้นในใจของพวกเราก็จะรู้สึกไม่สบายใจ”“เอาแบบนี้นะครับ นับเฉพาะการเช่าที่ดิน ในราคาครึ่งหนึ่งของราคาตลาด”“โรงงานและเครื่องมือที่เหลือ ก็ไม่ใช่พวกเราที่จ่ายเงินเพื่อสร้างมัน คิดซะว่ามอบให้กับคุณหลินเฟิงไปเปล่า ๆ แล้วกัน คุณหลินอย่าปฏิเสธเด็ดขาด ไม่อย
“ส่งพวกคุณกลับไป? นี่มันเป็นเรื่องอะไรกัน?”เซี่ยงตงเซิงงงงวย น้ำเสียงของโอวหยางป๋อนี้ต่ำกว่าเมื่อก่อนมาก ถึงขั้นมาขอร้องให้เขาช่วย นี่มันเกิดขึ้นอะไรขึ้นกันแน่?“ไม่ปิดบังกับผู้นำตระกูลเซี่ยง หลินเฟิงคนนี้พวกเราไม่สามารถที่จะต่อกลอนได้ ต่อให้เป็นสำนักเสินฉือก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะได้ ดังนั้นฉันพ่อลูกจึงรีบที่จะวางแผน กลับไปยังสำนักเสินฉือเพื่อเตือนกับเจ้าสำนัก หลังจากนั้นก็ค่อยจากไปจากสำนักเสินฉือ ห่างไกลจากการฆ่าฟัน”โอวหยางป๋อถอนหายใจออกมาเขามองดูไปยังเซี่ยงตงเซิงที่สีหน้างุนงงแล้วพูดว่า: “แผนการของฉันล้มเหลว ไม่เพียงแต่ที่จะโดนหลินเฟิงแย่งเอาไผ่กลืนทองไป แถมยังโดนเขาทำร้ายวิทยายุทธลมปราณภายในอีก”“แนะนําผู้นำตระกูลเซี่ยงสักประโยค คุณล้มเลิกความคิดที่ต่อต้านหลินเฟิงไปเถอะ ถ้าหากตระกูลเซี่ยงของคุณต้องการที่จะมีจะอยู่ต่อไป”“……”เซี่ยงตงเซิงบีบราวจับแน่น เกือบที่จะบีบเท้าแขนของเก้าอี้จนแตกละเอียดพวกไร้ประโยชน์! ทั้งหมดเป็นพวกที่ไร้ประโยชน์!ในดวงตาของเซี่ยงตงเซิงเต็มไปด้วยเส้นเลือด แทบจะคลุ้มคลั่งในทันทีสำนักเสินฉือที่ยิ่งใหญ่ของนาย แถมยังเป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียนอันดับท
เขาตะโกนด้วยความโกรธ ตามองไปที่ลูกสาวของเขาที่กำลังร้องไห้ และตะโกนออกมาว่า “รีบหนีไป! ไม่ต้องสนใจพ่อ!”“เซี่ยงตงเซิง มันบ้าไปแล้ว ลูกรีบนำเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ไปบอกกับเจ้าสำนัก!”“อย่าให้เจ้าสำนักต้องไปเอาเรื่องหลินเฟิงเพียงเพราะชีวิตของพ่อ!”“ถ้าจะแก้แค้นให้พ่อ ก็ต้องมาหาเซี่ยงตงเซิง”“พ่อ!”โอวหยางชิ่งเศร้าและโกรธมาก เพราะการมาหาตระกูลเซี่ยงเป็นความคิดของเธอเองข้างกายของสองพ่อลูกไม่เหลือใครแล้ว โอวหยางชิ่งจําเป็นต้องรักษาอาการบาดเจ็บของพ่อของเธอก่อน ป้องกันบาดแผลไม่ให้เป็นอันตรายถึงชีวิตเธอคิดว่าตระกูลเซี่ยงจะรับพวกเขาเข้ามาเพราะเห็นแก่เซี่ยงหลง แต่กลับไม่คิดว่าเซี่ยงตงเซิงนั้นจะบ้าขึ้นมาแบบนี้คิดไม่ถึงว่าจะย้อนกลับมาฆ่าพวกเขา และโยนความผิดทั้งหมดให้กับหลินเฟิง“ชิ่งเอ่อร์ รีบหนีไป!”โอวหยางป๋อได้เห็นธาตุแท้ของเซี่ยงตงเซิงอย่างชัดเจนแล้ว เซี่ยงตงเซิงที่ผมหงอกเต็มหัวคนนี้ได้เสียสติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในหัวสมองคิดแต่จะฆ่าหลินเฟิงได้อย่างไรตอนนี้เขาได้ตกอยู่ในมือของเซี่ยงตงเซิง แถมยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก อยากจะหนีไปนั้นไม่มีทางที่จะเป็นไปได้แล้ววิธีเดียวที่จะลดคว
ในเมื่อเรื่องมันมาถึงตอนนี้แล้วโอวหยางชิ่งจะเสียใจภายหลังก็ไม่มีประโยชน์อะไรสิ่งเดียวที่เธอต้องคิด ณ จุดนี้ คือการหนีออกไปจากตระกูลเซี่ยง เอาเรื่องตระกูลเซี่ยงฆ่าพ่อของเธอไปบอกกับสำนักเสินฉือไม่ให้เจ้าสำนักนั้นไปแก้แค้นหลินเฟิงแต่มาเอาเรื่องที่ตระกูลเซี่ยงสุดท้ายโอวหยางชิ่งใช้กำลังทั้งหมดที่มี ปีนกำแพงหนีออกจากคฤหาสน์ตระกูลเซี่ยงแต่ร่างกายภายนอกของเธอเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย เนื่องจากจุดตันเถียนแตกสลายจนทำให้บาดเจ็บภายใน สติของเธอเริ่มพร่ามัวเล็กน้อยในตอนนี้คฤหาสน์ของตระกูลเซี่ยงนี้ไม่ได้อยู่ในเมือง แต่อยู่บนเนินเขาในเขตชานเมืองหยางเฉิงเขาทั้งลูกต่างเป็นทรัพย์สินของตระกูลเซี่ยงโอวหยางชิ่งทั้งวิ่งและต่อสู้ ถูกไล่ล่าโดยผู้คุ้มครองของตระกูลเซี่ยง ในที่สุดก็วิ่งไปถึงขอบหน้าผา และไม่มีทางที่จะถอยได้แล้ว“โอวหยางชิ่ง คุณควรที่จะยอมจำนนและหยุดต่อต้านซะ!”“โอวหยางชิ่ง ว่าง่ายจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมันดีต่อคุณและผม!”กับการยั่วยุของผู้คุ้มกันตระกูลเซี่ยง ทำให้ใบหน้าของโอวหยางชิ่งนั้นแสดงท่าทีที่ดุร้าย เธอมองไปที่หน้าผาที่อยู่ข้างหลัง จุดต่ำสุดด้านล่างเป็นแม่น้ำเล็ก ๆ“เชอะ พว
“อ้อ……ที่โรงแรมจิ่วโจวแล้วกัน ตอนเย็นมีเพื่อนสมัยเรียนสองสามคนมาหาฉันพอดี คุณก็มาช่วยสมทบฉันด้วย”พูดจบประโยคนี้ ถังหว่านก็เอานิ้วพันรอบสายโทรศัพท์อีกครั้ง และพูดเสริมไปอีกว่า:“อ่อใช่ เพื่อนร่วมชั้นของฉันมีแต่สาวสวยนะ”“ชิ งั้นผมก็ไม่ไปแล้ว”“โอ๊ยคุณเนี่ยนะ”ถังหว่านหัวเราะด้วยท่าทีของหลินเฟิง และถามด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ ว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอกิ๊กของฉัน? คุณกลัวว่าความงามของฉันไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์เอาไว้ได้เหรอ และคุณจะไปตกหลุมรักคนอื่นอย่างอดไม่ได้งั้นเหรอ?”“กิ๊กคืออะไร……”หลินเฟิงพูดอย่างจนใจ: “งานเลี้ยงของเพื่อนร่วมชั้นพวกคุณ ผมไม่ไปดีกว่า”“ฉันเคยพูดไปแล้วว่า ให้คุณไปเป็นหน้าเป็นตา เพื่อนร่วมชั้นของฉันมีสามีกันหมดแล้ว มีฉันที่ไปตัวคนเดียว ดูอึดอัดเกินไปหน่อย”ถังหว่านเบะปากพูด“เป็นยังไง ตกลงว่าคุณจะไปไหม”“ก็ได้”หลินเฟิงพยักหน้าด้วยความจนใจ: “ดูเหมือนว่าวันนี้ที่คุณโทรมาหาผม ก็เพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะสิน่ะ!”“ฉลาด”ริมฝีปากสีแดงของถังหว่านยกขึ้น และทำการวางโทรศัพท์ตั้งโต๊ะไป“ถังหว่าน ฉันไม่เตือนเธอไม่ได้หรอกนะ เธอเป็นคนที่มีคู่หมั้นแล้ว ทางที่ดีควรไปมาหาสู่กับไอ้ส
ภายใต้การนำทางของพนักงานเสิร์ฟ หลินเฟิงกับถังหว่านเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ตกแต่งหรูหรา“อุ๊ยถังหว่านคุณหนูตระกูลถังของฉัน คุณเป็นคนที่งานยุ่งมากจริง ๆ เลยนะ พวกเรารอพวกคุณอยู่ตั้งนานแล้ว”โต๊ะขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้องส่วนตัวมีคนนั่งอยู่เต็มตั้งนานแล้ว มีผู้ชายมีผู้หญิง ดูแล้วคุ้นเคยกับถังหว่านเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่มีคนเอ่ยปากพูดหยอกล้อถังหว่านโดยตรง“พูดซี้ซั้วอะไรน่ะ? พวกเธอก็เพิ่งมาถึงกันชัด ๆ เลย”ถังหว่านยิ้มตาหยีแล้วคล้องแขนหลินเฟิงเข้าประจำที่นั่งเพื่อนนักเรียนหญิงที่อยู่รอบ ๆ หลังจากที่เห็นหลินเฟิงที่อยู่ข้างกายถังหว่าน ดวงตาก็เป็นประกายพูดขึ้น: “อุ๊ยถังหว่าน ไม่ได้เจอกันหลายปี เธอก็มีหนุ่มหล่อแล้วเหรอ?”“พูดอะไรน่ะ ถังหว่านมีหมั้นหมายกับคุณชายหลงเมืองจิงตั้งนานแล้ว”“ท่านนี้เกรงว่าจะเป็นคุณชายหลงยวนจากเมืองจิงสินะ ผมคือเว่ยเฉินของตระกูลเว่ยเมืองหนิงโจว ได้ยินชื่อเสียงไม่สู้ได้เจอหน้าจริง ๆ นะครับ ตระกูลหลงชื่อเสียงโด่งดังกึกก้องเชียวนะครับ”เพื่อนนักเรียนชายของถังหว่านสองคนยืนขึ้นทันที และพยักหน้าไปทางหลินเฟิง ใบหน้ามีรอยยิ้มที่ประจบสอพลอเล็กน้อย“อุ๊ย ท่านนี้ก็คือคุณชายหล
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศกลับมา ถังหว่านสีหน้าจึงดีขึ้นเล็กน้อย และนั่งกลับลงไปยังที่นั่งของตัวเอง“อ่อใช่คุณหนูถังหว่านของฉัน เรื่องที่เธอแอบมีกิ๊กข้างนอก คุณชายหลงรู้เรื่องไหม?”เว่ยเชินกำลังจะดื่มน้ำ จู่ ๆ ชุยหยวนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น นี่ทำให้น้ำที่อยู่ในปากของเว่ยเชินเกือบพุ่งออกมาชุยหยวนพูดอย่างไร้เดียงสา: “พวกเธอคิดดูสิ บอดี้การ์ดส่วนตัวนะ! จะต้องอย่างว่า ใช่ไหมล่ะ?”ชุยหยวนยังเลิกคิ้ว เผยสีหน้าที่บอกว่าคุณก็คงเข้าใจ“ชุยหยวน เธอพูดจาซี้ซั้วอะไร?”เว่ยเชินกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้วขมวดคิ้ว: “ถังหว่านไม่ใช่คนแบบที่เธอพูด!”“ฮิฮิ ร้อนใจแล้วร้อนใจล้วน พวกเธอรีบดูเว่ยเชินสิ!”ชุยหยวนกลัวว่าเรื่องราวจะใหญ่โตไม่พอ และปรบมือยิ้มพูด: “โอ๊ย พวกเราต่างรู้ว่าเว่ยเชินชบคุณหนูตระกูลถัง เพื่อเธอแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แต่งงานเลยนะ”ผู้หญิงชุดราตรีสีแดงที่เหน็บแนมหลินเฟิงเมื่อครู่นี้กลับเบะปาก แล้วพูดเสียงเบา: “มีคู่หมั้นแล้วยังจะแอบมีกิ๊กข้างนอก หน้าด้านจริง ๆ”“เผิงหย่าฟาง เธอพูดจาซี้ซั้วอะไร”ถังหว่านพูดเสียงดัง: “อะไรเรียกว่าคู่หมั้น อะไรเรียกว่าแอบมีกิ๊ก? ฉันไม่เคยรับปากการจัดการ
ถังหว่านยังไม่ทันได้ตอบกลับหมิงอิ่งอิ่งเว่ยเฉินลุกขึ้นยืนในทันทีสายตาของเขามองไปทางหลินเฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉยว่า “อิ่งอิ่ง ไม่ต้องห่วง มีฉันอยู่ก็ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นหรอก”“ยิ่งไปกว่านั้น คนบางคนแข็งแกร่งแค่ไหนก็ยังไม่รู้ เป็นไปได้อาจจะเป็นเพียงพวกขี้เมาที่รู้แค่ท่ามวยฉาบฉวยก็ได้”“คนพวกนี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว”เห็นได้ชัดว่าคำพูดพวกนี้พุ่งตรงไปที่หลินเฟิงโดยเฉพาะหลินเฟิงหัวเราะเยาะ แล้วกินอาหารของตัวเองต่อไป โดยที่ไม่ได้สนใจเว่ยเฉินอีกถังหว่านกลัวว่าหลินเฟิงจะโกรธ จึงเข้าไปขวางกั้นการจ้องมองหลินเฟิงอย่างเหยียดหยามของเว่ยเฉิน ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “คนที่ฉันเลือกด้วยตัวเอง ย่อมแข็งแกร่งอยู่แล้ว คนอื่นไม่จำเป็นต้องตั้งคำถาม”“เอาล่ะ เอาล่ะ ทำไมบรรยากาศมันเริ่มรุนแรงขึ้นอีกแล้วล่ะ?” ชุยหยวนรีบไกล่เกลี่ย“ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่บางคนพาคนแปลกหน้าเข้ามา เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นไหมล่ะ?”เผิงหย่าฟางที่สวมชุดสีแดงกอดอกด้วยสีหน้าที่ประชดประชัน“เผิงหย่าฟาง คุณพูดให้น้อยลงหน่อย มันจะตายไหม?”ชุยหยวนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต้องรู้ไว้ว่า โดยพื้นฐานแล้วเพื่อนร่วมชั้นพวกนี้ต่า