ภายใต้การบีบบังคับของพี่ชายตัวเอง หลิวฮ่าวก้มหน้าขอโทษไปทางหลินเฟิงภาพนี้ ทำให้นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนตกตะลึงพวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันหน้ามองไปทางหลนเฟิงที่หน้าตานิ่งเฉย ในใจสงสัยว่าศาสตราจารย์บรรยายในคณะแพทย์ของพวกเขาที่เพิ่งมาใหม่มีสถานะอะไรกันแน่นะยิ่งกว่านั้น ในดวงตาของนักศึกษาสาวหลายคนเริ่มเกิดเป็นประกายออกมาเห็นหลิวหย่งก็ยังเกรงใจและเคารพต่อหลินเฟิงขนาดนี้ โจวเสี่ยวหางก็วางใจได้แล้ว แต่ก็ยิ่งสงสัยต่อพี่ชายคนนี้ของหลินเสวี่ยฮุ่ยมากยิ่งขึ้นหลินเสวี่ยฮุ่ยรู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกถึงขั้นที่ผายอกขึ้นเล็กน้อย“เสวี่ยฮุ่ย เธอบอกว่าสุดหล่อคนนั้นเป็นพี่ชายของเธอไม่ใช่เหรอ? แนะนำให้พวกเราหน่อยสิ”“จริงด้วยเสวี่ยฮุ่ย เมื่อครู่ยังไม่ได้สังเกต ตอนนี้ดูแล้ว พี่ชายเธอหล่อระเบิดมากเลยนะ”“เสวี่ยฮุ่ย รีบไปถามพี่ชายเธอว่า นัดเดทไหม?”ได้ยินคำเอาอกเอาใจและสอบถามของเหล่านักศึกษาผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ หลินเสวี่ยฮุ่ยรู้สึกโมโหเล็กน้อย และรีบพูดขึ้น: “พวกเธอเลิกล้อเล่นเถอะ พี่ชายฉันไม่ใช่คนที่จะมีความสัมพันธ์ชู้สาวซี้ซั้ว”“อุ๊ย ๆ เสวี่ยฮุ่ย เธอเป็นแบบนี้ พวกเธอคงไม่ได้ไม่มีความส
“ได้ครับ ได้ครับ งั้นผมรอคุณอยู่ตรงนี้”หลิวหย่งก็ไม่รีบร้อน จุดบุหรี่แล้วนั่งยองตรงระเบียงทางเดินเพื่อรอหลินเฟิงก็ไม่ได้ไล่เขากลับ จากนั้นเข้าไปในห้อง เริ่มการบรรยายของตัวเองตอนนี้หลินเฟิงมีอำนาจชื่อเสียงในใจของกลุ่มนักศึกษาเป็นอย่างมาก ไม่เพียงนักศึกษาผู้หญิงที่ใฝ่ฝันต่อหลินเฟิง แม้แต่นักศึกษาชายก็รู้สึกซาบซึ้งและเลื่อมใสหลินเฟิงอย่างมากมีเพียงเสียงผู้หญิงที่แสบแก้วหูพูดเหน็บแนมอยู่ที่แถวหน้า“หึ ก็แค่ถือว่าเบื้องหลังตัวเองมีอำนาจนิดหน่อยไม่ใช่เหรอ? ดูเขาอวดดีซะ ยังจะพูดถึงการดูดมถามจับชีพจร ใครจะไปรู้ว่าเขารู้เรื่องแพทย์แผนจีนหรือเปล่า”ห้องเรียนที่เงียบสงบถูกประโยคนั้นของนักศึกษาสาวคนนั้นขัดจังหวะขึ้นหลินเฟิงมองไป พบว่าคนที่พูดก็คือผู้หญิงที่ย้อมผมสีทองเมื่อครู่นี้เขาก็คือผู้หญิงที่เข้าไปประคองหลิวฮ่าวเมื่อครู่นี้ ดูท่าเป็นเพราะเรื่องของหลิวฮ่าว จึงทำให้เธอไม่พอใจต่อหลินเฟิง“หือ?”“ดูท่านักศึกษาหญิงท่านนี้มีความสงสัยต่อวิชาแพทย์ของผม?”หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห เขายืนมือไขว้หลังและยิ้มพูด:“จากมุมมองของคำว่า “ดู” ในการแพทย์แผนจีน นักศึกษาหญิงท่านนี้ คุณมีถุงใต้ตา ร่องต
“พี่…พี่หลินเฟิงยังมีธุระอื่นอีก เขายุ่งมาก”หลินเสวี่ยฮุ่ยท่าทางอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และขยับเข้าไปปกป้องตรงหน้าหลินเฟิงเหมือนกับหมาน้อยที่หวงอาหาร“เสวี่ยฮุ่ยเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”“จริงด้วย จะครอบครองศาสตราจารย์หลินไปเองคนเดียวไม่ได้ไหม?”ท่าทางแบบนี้ของหลินเสวี่ยฮุ่ยทำให้เกิดความไม่พอใจของกลุ่มนักศึกษา“เอาล่ะเอาล่ะเสวี่ยฮุ่ย”หลินเฟิงไม่เคยเรียนอย่างเป็นระบบ ดังนั้นเขาไม่ได้รู้สึกไม่ชอบต่อความคิดของนักศึกษาที่กระหายต่อความรู้หลินเฟิงลูบศีรษะของหลินเสวี่ยฮุ่ยและยิ้มพูด: “ถ้าหากพวกคุณยังอยากฟัง งั้นทุกเดือนผมจะหาเวลาว่างมาบรรยายให้พวกคุณหนึ่งคลาส”“ทุกเดือนเหรอ…”กลุ่มนักเรียนต่างผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย“พวกเธอ…พวกเธอต้องรู้จักพอ พี่หลินเฟิงยุ่งมากจริง ๆ!”หลินเสวี่ยฮุ่ยรับสายตาบอกเป็นนัยของผู้หญิงสองสามคน ใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู“เอาล่ะ เลิกเรียนได้”หลินเฟิงสีหน้าเคร่งขรึม และประกาศเลิกเรียน“ขอบคุณศาสตราจารย์หลิน”กลุ่มนักเรียนพากันโค้งคำนับหลินเฟิง อีกทั้งยังออกมาจากใจจริงนี่ทำให้หลินเฟิงนึกถึงเมื่อสามปีที่แล้วตอนที่เขาอยู่ที่สำนักเสวียนเท
เพียงแต่ว่าตระกูลเซี่ยงที่อยู่เมืองหยางเฉิง ทำไมถึงได้มีปัญหากับเซียวคุนของเมืองเจียวโจว?เห็นหลินเฟิงสีหน้างุนงง หลิวหย่งกลับถอนหายใจพูดว่า: “คุณหลินคงจะไม่ทราบว่า ตระกูลเซี่ยงมีความร่วมมือกับพวกเรา”“พวกเรารับผิดชอบลงทุนที่ดิน และจัดการเส้นสายด้านต่าง ๆ ของเมืองเจียงโจว พวกเขารับผิดชอบลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตยา”“พูดว่าจะช่วงชิงตลาดยาของเมืองเจียงโจวเลยก็ได้”“ถ้าหากผมจำไม่ผิด เซียวคุนโดนพิษก่อนที่จะเริ่มเรื่องของยาบำรุงสตรี”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“ใช่ครับ ตอนนั้นตระกูลเซี่ยงไม่พอใจกับราคาที่พวกเราเสนอ พวกเราจึงแตกหักกัน”หลิวหย่งพูดอย่างจริงจัง:“ผมสงสัยว่าเป็นในตอนนั้นที่พี่ใหญ่ของผมถูกวางยาพิษ”“ผ่านไปช่วงหนึ่ง พวกเขาก็มาเจรจากับพวกเราอีก ครั้งนี้ใจกว้างกว่าเดิมมาก ต่อให้เป็นเพราะความไม่พอใจก่อนหน้าพี่ใหญ่เซียวคุนจึงเสนอราคาเป็นสองเท่า แต่ตระกูลเซี่ยงกลับรับปาก”“แต่ผลลัพธ์คุณก็เห็นแล้ว ยาบำรุงตระกูลเซี่ยงพ่ายแพ้ให้กับตระกูลถัง ดังนั้นพวกตระกูลเซี่ยงไม่คิดที่จะจ่ายเงินงวดสุดท้ายให้พวกเรา”หลิวหย่งจ้องมองหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น:“ผมได้ยินมาว่าคุณหลินกับตระกูลเซี่ยงมีความแค้นกัน แล
ในขณะที่ทุกคน รวมทั้งหลิวหย่งกำลังมึนงง หลินเฟิงก็เปลี่ยนหัวข้อพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า:“ไม่ใช่แค่เหลือลมหายใจสุดท้าย ต่อให้พวกคุณจะไม่เหลือลมหายใจแล้ว ผมก็สามารถช่วยให้กลับมาได้”“เชี่ย!”“สุดยอด!”“ใจเด็ดมาก!”ในตอนที่ทุกคนต่างคิดว่าหลินเฟิงจะมีการถ่อมตัวเอาไว้ กลับคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะพูดด้วยความมั่นใจในตัวเอง และพูดอย่างเต็มที่แบบนี้แม้แต่หลิวหย่งก็คาดไม่ถึงท่าทางที่มั่นใจตัวเองของหลินเฟิง ทำให้ส่งเสริมขวัญกำลังใจของพวกเขาอย่างมากในที่นี้ก็ไม่มีใครที่จะเกรงกลัวว่าตระกูลเซี่ยงจะวางยาพิษพวกเขาอีกทันใดนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็เริ่มส่งเสียงร้องตะโกน จะแสดงอำนาจให้ตระกูลเซี่ยงได้เห็น“ถ้าไม่ซ่อนกลอุบายไว้ งั้นฉันก็ไม่กลัวหรอก!”“สหายทุกคน ไป ไปตระกูลเซี่ยงกัน!”“ไป!”คนกลุ่มหนึ่งขึ้นรถไปพร้อมกับส่งเสียงร้องตะโกน ขบวนรถยาวเหยียดสร้างภูมิทัศน์พิเศษสายหนึ่ง ดึงดูดผู้คนที่เดินไปมานับไม่ถ้วนให้หยุดมอง อันที่จริงความกังวลของหลิวหย่งนั้นถูกต้องในเวลานี้ที่โรงงานของที่หยุดทำการของตระกูลเซี่ยง ไป๋จินเต๋อโทรหาเซี่ยงตงเซิงที่ตัวอยู่ที่เมืองหยางเฉิงด้วยสีหน้าที่ลำพองใจ“น่าจ
“คิดไม่ถึงว่าตระกูลเซี่ยงยังจะวางกับดักไว้ให้ฉันจริง ๆ หากวันนี้คุณหลินไม่มาที่นี่ด้วย พวกเราเหล่าสหายอาจจะตกหลุมพรางตระกูลเซี่ยงไปแล้ว!”“ขอถามคุณหลิน เส้นไหมพวกนี้....”“เส้นไหมพวกนี้เป็นเพียงแค่ชั้นนอกสุด ปนเปื้อนพิษของหญ้าแมงมุมฟ้าเท่านั้น ทำให้คนที่ไปสัมผัสหมดสติโดยไม่รู้ตัว แต่มันก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอก”หลังจากที่หลินเฟิงเข้าไปใกล้เพื่อสังเกตอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที“มันก็เป็นแค่อุบายเด็ก ๆ เพียงแค่ใช้อาวุธฟาดออกไปข้างหน้า อย่าให้พิษบนเส้นไหมโดนผิวหนัง มันก็ไม่มีผลอะไรแล้ว”“ทุกคนได้ยินกันหมดแล้วนะ อย่าให้พิษเส้นไหมนั้นโดนผิวหนังของตัวเองเด็ดขาด!”หลิวหย่งหันหลังไปตะโกนใส่พวกลูกน้อง จากนั้นก็เขาก็เปิดทาง ยกมีดปังตอขึ้นแล้วโบกไปที่ด้านหน้า ทำให้เส้นไหมที่เดิมทีขึงตึงนั้นขาดออกจากกัน“หืม?”ภายในโรงงานในขณะนี้ ไป๋จินเต๋อที่เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ของเซี่ยงตงเซิงขมวดคิ้วขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าตาข่ายป้องกันที่เขาขึงไว้นั้นถูกคนแตะต้อง ก่อนจะหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าเซียวคุนกับคนอื่น ๆจะมาหาถึงที่แล้วจริง ๆ และคิดจะเอาที่ดินเช่าโรงงานคืนด้วยแต่ใ
“ถอย!”หลิวหย่งรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะอวดดี ในเมื่อคุณหลินพูดแล้ว งั้นก็ควรจะเชื่อใจคุณหลิน ในเมื่อที่ดินอยู่ตรงนี้ ต่อให้หลินเฟิงอยากได้ก็เอาไปไม่ได้ดังนั้นเขาจึงถูกลูกน้องหามขึ้นมา แล้วพาหนีออกไปที่ด้านนอกของโรงงานในเวลานี้ พวกเขาเพิ่งจะมองเห็นหมอกควันสีน้ำเงินจาง ๆที่อยู่บนท้องฟ้า ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า“คุณหลินคนนั้นเป็นเทพจริง ๆด้วย ถึงได้มองเห็นทุกอย่าง”ลูกน้องคนหนึ่งเอาแขนที่ปิดปากปิดดจมูกออก แล้วพูดออกมาด้วยความตกตะลึง“ใช่แล้ว แถมยังมีความสามารถที่น่ากลัวอีกด้วย เมื่อครู่นายเห็นที่เขาเอาชนะพี่หย่งด้วยสองมือไหม เด็ดขาดว่องไว ไม่มีอืดอาดยืดยาดสักนิด”“เอาล่ะ หุบปากให้หมด!”เมื่อหลิวหย่งได้ยินว่าตัวเองเพิ่งจะถูกหลินเฟิงเอาชนะได้ ในใจก็เกิดความกลัวพร้อมกับสีหน้าที่แดงเล็กน้อยเขาเป็นลูกน้องที่เชี่ยวชาญในการรบมากที่สุดของเซียวคุนหลังจากที่เดินทางไปทั่วทุกที่เป็นเวลาหลายปี ก็ได้รับการกล่าวขาน แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะโดนหลินเฟิงเอาชนะด้วยสองมือได้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจเขาก็รู้สึกอับอายด้วยความโกรธและชื่นชมด้วยความยินด
หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างข่มขู่“ไม่...ไม่ใช่....”เหงื่อเย็นที่ไหลออกมาจากหน้าผากของไป๋จินเต๋อไม่หยุด เขาล้มเลิกความคิดที่จะเป็นศัตรูกับหลินเฟิงไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว และในตอนนี้ความคิดแรกที่มองเห็นหลินเฟิงก็คือการวิ่งหนีหนีให้ไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!“ น่ารังเกียจจริง ๆ ไอ้สารเลวตัวน้อยจากตระกูลกู้คนนั้นไม่ใช่บอกว่าจะไปหาคนของตระกูลหลงให้มาฆ่าหลินเฟิงหรอกเหรอ? ทำไมเวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกระโดดโลดเต้นได้อีกล่ะ?!”ไป๋จินเต๋อสาปแช่งอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ใบหน้าก็พยายามอย่างหนักที่จะฉีกรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้ออกมา“ที่แท้ก็เป็นสหายน้อยหลินเฟิง ไม่ได้เจอกันนานเลย”“คุณไม่ได้เจอกับใครมานาน บัญชีของตระกูลเซี่ยง ผมยังไม่ได้คิดกับพวกคุณเลย!”หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า ด้วยเจตนาฆ่า“ไม่ ไม่ ไม่....”ไป๋จินเต๋อรีบโบกมือก่อนที่กลอกตาแล้วพูดว่า“สหายน้อยหลินเฟิง ตระกูลเซี่ยงของฉันก็กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ที่เซี่ยงหลงตาย ผู้นำตระกูลเซี่ยงตงเซิงก็กลับตัวกลับใจ ในตอนนี้เขาไม่เพียงแต่จะกินเจและสวดมนต์ทุกวัน แต่ย
เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงเดินไปทางอวี๋จื่อเสวียน ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณืเหมือนจะคาดเดาได้ถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้แล้วอย่างมากก็แค่หลินเฟิงแก้แค้นให้หานเข่อเอ๋อร์ และกระทืบอวี๋จื่อเสวียนอย่างแรงยกหนึ่งหรืออาจจะฆ่าเธอโดยตรงคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่กล้าหายใจแรงโดยเฉพาะพวกรปภ. พากันหลีกทางให้หลินเฟิง“คุณ...”อวี๋จื่อเสวียนก็เห็นหลินเฟิงแล้วเช่นกัน สีหน้าของเธอตะลึงกันหลังจากตกตะลึง ใบหน้าก็เผยความเข้าใจ จากนั้นก็กลายเป็นความโมโห“ทุกอย่างนี้คุณเป็นคนวางแผนใช่ไหม?!”เผชิญหน้ากับการตะโกนถามอย่างครุมเครือของอวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงฝีเท้าหยุดชะงัก และไม่ได้ทันได้ตั้งตัวเขาเพียงแค่ไม่อยากให้อวี๋จื่อเสวียนได้รับบาดเจ็บทำไมถึงกลายเป็นว่า “เขาเป็นคนวางแผน?”“อวี๋จื่อเสวียน เธอพูดกับคุณหลินแบบนี้ได้ยังไง?!”ผู้กำกับเห็นภาพนี้ ก็เอาอกเอาใจ จึงตำหนิต่ออวี๋จื่อเสวียนโดยตรงและพูดว่า: “รีบกราบขอโทษคุณหลินซะ!”ขณะพูด เขาก็ส่งสายตาให้อวี๋จื่อเสวียนไม่หยุดอันที่จริงผู้กำกับไม่อยากเห็นอวี๋จื่อเสวียนต้นอ่อนที่ดีแบบนี้ ตายอยู่ตรงนี้ในวันนี้ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่“ทำไมฉันต้
ถ่ายละครก็ส่วนถ่ายละคร จำเป็นต้องตบจริงด้วยเหรอ?!อวี๋จื่อเสวียนตัวสั่นเทา และโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ยังแสดงต่อไป สุดท้ายก็ถ่ายฉากของตัวเองเสร็จสมบูรณ์รอตอนที่ผู้กำกับตะโกนหยุด อวี๋จื่อเสวียนอดใจไม่ไหวแล้ว เธอมองไปทางหานเข่อเอ๋อร์ด้วยความเดือดดาลและพูดว่า:“หานเข่อเอ๋อร์ เธอจะทำอะไร?!”“ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ? ถ่ายละครไง ก็ต้องมีความตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่หน่อย อวี๋จื่อเสวียน เธอตั้งใจได้ไม่พอนะ!”มองดูสายตาทารุณของหานเข่อเอ๋อร์ อวี๋จื่อเสวียนก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งใจเธอก็ไม่ปล่อยตามเลย พลิกมือตบหน้าหลินเข่อเอ๋อร์ครั้งหนึ่งฝ่ามือที่ดังก้องถูกฟาดลงไป ทั้งกองถ่ายวุ่นวายกันไปหมด“อวี๋จื่อเสวียน เธอทำอะไรน่ะ?!”“เธอบ้าไปแล้วเหรอ?! เธอแก้แค้นส่วนตัวได้ยังไง?!”เมื่อเผชิญหน้ากับการตะโกนถามของเจ้าหน้าที่รอบด้านและผู้กำกับ อวี๋จื่อเสวียนชี้หน้าหายเข่อเอ๋อร์แล้วพูดด้วยความโมโหว่า:“หรือว่าเมื่อครู่พวกคุณหูหนวดงั้นเหรอ?”“ที่เธอตบฉันเมื่อครู่นี้ พวกคุณไม่ได้ยินหรือไง?!”“คนที่แก้แค้นส่วนตัวไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเธอต่างหาก!”“พอแล้ว!”ผู้กำกับตบโต๊ะ และพูดด้วยความโมโหว่า:
“หึ มีอะไรให้น่าอิจฉางั้นเหรอ?”อวี๋จื่อเสวียนทำสีหน้าเหยียดหยามผ่านไปไม่นาน เลขาหญิงที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้กลับเข้ามาอีกครั้ง สีหน้าที่มองไปทางอวี๋จื่อเสวียนแฝงไปด้วยรอยยิ้มขอโทษ“คุณอวี๋จื่อเสวียน พวกเราได้พูดคุยกับทางคุณอินนั่วเจียแล้ว คุณยังมีเวลาเตรียมตัวอีกสิบนาที พวกเราถ่ายฉากต่อไปเสร็จอย่างรวดเร็ว ทางด้านคุณก็ปิดกล้องได้แล้ว”“ฉากต่อไป?”อวี๋จื่อเสวียนได้ยินแบบนี้ก็ลังเลเล็กน้อย จากนั้นขมวดคิ้วถามว่า:“ก่อนหน้านี้คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอคะว่ายังมีอีกห้าฉาก? พวกคุณ...”“หึหึ อวี๋จื่อเสวียน เธอโง่เหรอ?”หานเข่อเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ มองอวี๋จื่อเสวียนด้วยความลำพองใจ และเชิดคางพูดว่า:“การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเป็นเวลาที่แน่นอน ฉากของเธอเสร็จสิ้นแล้ว พูดอีกอย่างก็คือ ผู้กำกับตัดสินใจตัดบทของเธอมาให้ฉัน อธิบายแบบนี้เธอเข้าใจแล้วสินะ?”“......”อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเข้าใจได้ทันที ในนี้จะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอนทำให้ผู้กำกับตัดฉากที่สำคัญอย่างมากทิ้งไป เอาไปมอบให้กับหานเข่อเอ๋อร์แสดง ส่วนเธอถูกผลักไปอยู่รอบนอกอวี๋จื่อเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆเธอรู้ว่าต
“อวี๋จื่อเสวียน สีหน้าของเธอเป็นธรรมชาติหน่อยไม่ได้เหรอ?”ในตอนนี้ ภายในห้องแต่งตัวของกองถ่ายผู้หญิงที่แต่งตัวฉูดฉาดคนหนึ่ง กำลังจ้องมองเด็กผู้หญิงที่สวมชุดนักเรียนด้วยใบหน้าเหยียดหยามและใช้ท่าทางของผู้อาวุโส ตำหนิไม่หยุด“หานเข่อเอ๋อร์ เธอพูดจบแล้วยัง?”อวี๋จื่อเสวียนถูกตำหนิจนโมโห จากนั้นก็หันหน้าไปด่าทอผู้หญิงที่แต่งตัวฉูดฉาดว่า:“ถ้าหากเธอคิดว่าฉันแสดงได้ไม่ดี แย่งบทของเธอ เธอก็ไปยื่นข้อเสนอกับผู้กำกับ มัวแต่พยายามแสร้งทำเป็นผู้อาวุโสกับฉันอยู่ตรงนี้ทำไมกัน?”“เธอคิดว่าฉันอวี๋จื่อเสวียนเป็นดินเหนียวที่ปล่อยให้คนอื่นบีบนวดจริงๆ งั้นเหรอ?”หลังจากผ่านเรื่องราวทั้งหมดเมื่อวานนี้ อารมณ์ของอวี่จื่อเสวียนในตอนนี้ไม่ดีเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงโต้เถียงกลับ ไม่ตามใจผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป“ท่าทางอะไรของเธอ?!”ผู้หญิงที่ชื่อหานเข่อเอ๋อร์นิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าเธอคิดไม่ถึงว่าอวื๋จื่อเสวียนจะถกเถียงอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้เธอพูดด่าทอเสียงสูงว่า: “ฉันตำหนิเธออยู่ตรงนี้ ก็เพราะอยากจะชี้ความผิดพลาดของเธอออกมา ให้เธอเข้าถึงบทได้เร็วหน่อย หวังดีต่อเธอทั้งนั้น”“เธอเนี่ยไม่เข้าใจกฎเกณฑ์
“ไส...ไสหัวไป?”ซือหม่าเหวินเกือบจะระเบิดโมโหแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้าทำได้แค่ประสานมือไปทางหลินเฟิง เหลือบมองสวี่หรงเหิง และหนีไปโดยไม่หันหน้ากลับมามองอีกถูกต้อง หนีไปแล้วซือหม่าเหวินในตอนนี้ เห็นหลินเฟิงก็เหมือนกับหนูเห็นแมว ไม่มีความคิดที่จะต่อต้านอะไรอีกแล้วโดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่ปู่ของเขาบังคับตระกูลซือหม่าไม่ให้เกิดการปะทะกับหลินเฟิงถึงแม้เขาจะคับแค้นใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้แค่แอบด่าในใจและเมื่อมองซือหม่าเหวินหนีไปด้วยความแค้นใจ คนของทั้งกองถ่ายไม่กล้าหายใจแรง ทุกคนต่างสั่นเทากันหมดแม่เจ้า พ่อหนุ่มคนนี้มีเบื้องหลังอะไรกันแน่นะ?ถึงได้ทำให้คคุณชายซือหม่าเหวินที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองจิงไสหัวไปได้?!อีกทั้งคุณชายซือหม่าก็ไม่กล้าโมโห ถึงขั้นที่ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขา “ไสหัวไป” ด้วยท่าทางหงอยเหงาแบบนี้?!ผู้กำกับกับนักเขียนบทต่างสูดหายใจเข้าลึกๆผู้กำกับคิดได้ว่าเมื่อครู่เขาสั่งรปภ. ให้ช่วยสวี่หรงเหิงจัดการหลินเฟิง ตอนนี้เสียใจจนอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ สองครั้ง“คุณผู้ชาย ผม...เมื่อครู่ผม...”ผู้กำกับคุกเข่าให้หลินเฟิง ไม่กล้าหายใจแรง“ไม่ต้อง”
“หือ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?!”ซือหม่าเหวินนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง และโมโหทันทีพูดจาได้โอ้อวดอย่างมากคนที่ให้พ่อของเขาไปขอโทษถึงที่ได้ ทั้งเมืองจิงมีเพียงไม่กี่คนจริงๆในตอนที่เขากำลังจะระเบิดอารมณ์ กลับรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย“หึหึ”หลังจากเสียงหัวเราะที่เหมือนกับฝันร้ายนี้ดังขึ้น ซือหม่าเหวินตัวสั่นเทาไปหมดเป็นอย่างที่คิดไว้ หลังจากเขามองไปตามทางที่สวี่หรงเหิงชี้ไป ก็คือผู้ชายที่หัวเราะเยาะคนนั้นหลินเฟิง!พัดที่อยู่ในมือซือหม่าเหวินก็หยุดลง หนังหน้าเริ่มกระตุกอย่างรุนแรงความหวาดกลัวที่หลินเฟิงทิ้งไว้ให้เขา ทำให้เขามีปฏิกิริยาจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ในตอนนี้เพียงแค่ได้ยินเสียงของหลินเฟิง เขาก็ตกใจจนแทบคุกเข่าลงบนพื้นซือหมาเหวินกว่าจะยืนมั่นคงได้ สวี่หรงเหิงที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มคุยโม้พูดพร่ำไม่หยุด และร้องเอะอะใส่หลินเฟิง:“ไอ้หนุ่ม นายไม่ใช่ว่าไม่กลัวตระกูลซือหม่าไม่ใช่เหรอ?”“ตอนนี้คุณชายซือหม่าเหวินมาแล้ว ฉันดูสิว่าแกจะกล้าคุยโวอีกไหม!”“คุณชายซือหม่าเหวิน คุณอย่าปล่อยไอ้หมอนี่ไปเด็ดขาดนะครับ เขาไม่เห็นตระกูลซือหม่าอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ คุณจะต้อง...”“หุบปาก”“เอ๊ะ?”ส
ในตอนนี้ พนักงานของกองถ่ายที่มีความรู้กว้างขวางอุทานออกมา“อะไรนะ?!”ผู้กำกับและนักเขียนบทต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก“หึ”หลินเฟิงมองดูคุณชายสวี่ที่ถอยหลังไม่หยุด และในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาก็เดินเข้าไปโดยตรง จับคอเสื้อของเขาเอาไว้แล้วพูดว่า:“นายเป็นคนของตระกูลซือหม่า?”“ใช่...ใช่!”นึกถึงตระกูลซือหม่า ใบหน้าของคุณชายสวี่ที่กระวนกระวายก็เผยความหวังขึ้นมาทันทีใช่สินะ เขาเป็นคนของตระกูลซือหม่า!”ต่อให้คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นนักบู๊ เขาอยู่ต่อหน้าตระกูลซือหม่าก็ไม่สามารถกำเริบเสิบสานได้!คิดได้ถึงตรงนี้ คุณชายสวี่หัวเราะเยาะและพูดว่า:“ในเมื่อนายรู้ว่าฉันเป็นคนของตระกูลซือหม่า ตอนนี้ก็คุกเข่ากราบฉันซะดีๆ ไม่แน่ฉันอาจจะปล่อยนายไปได้...”“เพี๊ยะ!”ถูกตบหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้แสงสีทองปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกวิงเวียนและเจ็บปวดทำให้คุณชายสวี่งุนงงตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงแค่ความคิดเดียวก็คือ:ในเมื่อเขารู้ว่าฉันเป็นคนของตระกูลซือหม่า งั้นทำไมยังกล้าลงมือกับฉันอีก?!ไม่นานนักหลินเฟิงตอบความสงสัยของเขา“หึ แม้แต่ซือหม่าเผิงหัวของตระกูลซือหม่าก็ต้องมาขอโทษฉันด้วยตัวเอง น
“อะไรนะ? เพื่อนของอิ่นนั่วเจียเหรอ?!”ผู้กำกับงุนงงไปหมดนี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!ด้านหนึ่งคือคุณชายสวี่กับตระกูลซือหม่าย อีกด้านหนึ่งคืออิ่นนั่วเจียเขาถูกเบี้ยนอยู่ตรงกลาง ควรจะทำอย่างไร?ในขณะที่ผู้กำกับกำลังลำบากใจอยู่ และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี คุณชายสวี่ก็ถูกคนประคองลุกขึ้นหลังจากที่ดวงตาเกิดความพร่ามัวอยูครู่หนึ่ง เขาถึงได้ตั้งสติได้ และมองคนที่อยู่รอบๆ ได้อย่างชัดเจนเขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แสบร้อนบนใบหน้าทันทีทำให้เขาแทบจะกรีดร้องออกมาแต่ไม่นานเขาก็ตั้งสติได้ และรีบให้ลูกน้องไปเอากระจกมารอให้รับกระจกที่ลูกน้องยื่นมา เห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของตัวเองคุณชายสวี่ก็ตกอยู่ในท่าทางเดือดดาล“แกแม่งกล้าแตะต้องฉัน?! แกน่ะ แกกล้าแตะต้องฉัน?!”คุณชายสวี่โมโหจนเป็นบ้าไปแล้วรอฝ่ามือช้ำเขียวบนใบหน้าตบลงที่ตัวเขาที่ไหนกัน นี่มันตบลงบนใจเขาชัดๆตั้งแต่เกิด ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้เรื่องแบบนี้ เขาเพิ่งเคยเจอครั้งแรกถูกตบอย่างแรงขนาดนี้ เป็นครั้งแรกแต่ทว่าตัวการสำคัญยังคงลอยนวลอยู่ข้างนอก และยืนอยู่ที่เดิมพูดอย่างเรียบเฉยว่า:“ทำไมฉันจะไม่กล้าแตะต้องนาย? ทำไม?
ผู้กำกับกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ส่วนผู้เขียนบทหัวล้านที่อยู่ข้างๆ ก็ยืนออกมา ยิ้มขอโทษและพูดว่า:“คุณชายสวี่ ฉากนี้ได้รับการปฏิเสธจากคุณอิ่นนั่วเจีย เธอคือหนึ่งในผู้ร่วมงานกับเราในครั้งนี้ พวกเราไม่สามารถบังคับเขาได้หรอกครับ”“จริงด้วยคุณชายสวี่ คุณใจเย็นๆ เตรียมการถ่ายทำในวันนี้เถอะครับ”ผู้กำกับก็เข้ามาเกลี้ยกล่อม“ไสหัวไป!”ใครจะรู้ว่าคุณชายสวี่คนนี้ไม่ยินยอมด้วยซ้ำ ซัดบทละครที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามยื่นมาให้ไปที่ใบหน้าของผู้กำกับโดยตตรง“แม่ง ถ้าไม่ใช่ว่ามีอิ่นนั่วเจียร่วมแสดง ฉันจะรับบทนี้เหรอ? ผลปรากฏว่าวุ่นวายอยู่นาน พวกแกบอกว่าฉันกับอิ่นนั่วเจียไม่มีฉากเลิฟซีนแม้แต่นิด”“งั้นฉันมาทำอะไรวะ?!”ได้ยินคำพูดนี้ หลินเฟิงหางตากระตุกความคิดเห็นที่มีต่อคุณชายสวี่คนนี้ดำดิ่งลงไปถึงจุดต่ำสุดทันที“แกแม่งมองอะไรวะ?”ในตอนนี้คุณชายสวี่กำลังกลัดกลุ้มไม่มีคนให้ระบายอารมณ์สัญชาตญาณของเขาสัมผัสได้ว่าหลินเฟิงจ้องมองมาทางเขาอยู่ จึงชี้หน้าหลินเฟิงแล้วด่าทอเจ้าหน้าที่ภาคสนามกับพนักงานคนอื่นๆ ที่อยู่ในกองถ่ายตอนนี้ต่างยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง ก้มหน้าไม่กล้าหาเรื่องใส่ตัว มีเพียงหลินเฟิงคนเ