“ได้ครับ ได้ครับ งั้นผมรอคุณอยู่ตรงนี้”หลิวหย่งก็ไม่รีบร้อน จุดบุหรี่แล้วนั่งยองตรงระเบียงทางเดินเพื่อรอหลินเฟิงก็ไม่ได้ไล่เขากลับ จากนั้นเข้าไปในห้อง เริ่มการบรรยายของตัวเองตอนนี้หลินเฟิงมีอำนาจชื่อเสียงในใจของกลุ่มนักศึกษาเป็นอย่างมาก ไม่เพียงนักศึกษาผู้หญิงที่ใฝ่ฝันต่อหลินเฟิง แม้แต่นักศึกษาชายก็รู้สึกซาบซึ้งและเลื่อมใสหลินเฟิงอย่างมากมีเพียงเสียงผู้หญิงที่แสบแก้วหูพูดเหน็บแนมอยู่ที่แถวหน้า“หึ ก็แค่ถือว่าเบื้องหลังตัวเองมีอำนาจนิดหน่อยไม่ใช่เหรอ? ดูเขาอวดดีซะ ยังจะพูดถึงการดูดมถามจับชีพจร ใครจะไปรู้ว่าเขารู้เรื่องแพทย์แผนจีนหรือเปล่า”ห้องเรียนที่เงียบสงบถูกประโยคนั้นของนักศึกษาสาวคนนั้นขัดจังหวะขึ้นหลินเฟิงมองไป พบว่าคนที่พูดก็คือผู้หญิงที่ย้อมผมสีทองเมื่อครู่นี้เขาก็คือผู้หญิงที่เข้าไปประคองหลิวฮ่าวเมื่อครู่นี้ ดูท่าเป็นเพราะเรื่องของหลิวฮ่าว จึงทำให้เธอไม่พอใจต่อหลินเฟิง“หือ?”“ดูท่านักศึกษาหญิงท่านนี้มีความสงสัยต่อวิชาแพทย์ของผม?”หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห เขายืนมือไขว้หลังและยิ้มพูด:“จากมุมมองของคำว่า “ดู” ในการแพทย์แผนจีน นักศึกษาหญิงท่านนี้ คุณมีถุงใต้ตา ร่องต
“พี่…พี่หลินเฟิงยังมีธุระอื่นอีก เขายุ่งมาก”หลินเสวี่ยฮุ่ยท่าทางอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และขยับเข้าไปปกป้องตรงหน้าหลินเฟิงเหมือนกับหมาน้อยที่หวงอาหาร“เสวี่ยฮุ่ยเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”“จริงด้วย จะครอบครองศาสตราจารย์หลินไปเองคนเดียวไม่ได้ไหม?”ท่าทางแบบนี้ของหลินเสวี่ยฮุ่ยทำให้เกิดความไม่พอใจของกลุ่มนักศึกษา“เอาล่ะเอาล่ะเสวี่ยฮุ่ย”หลินเฟิงไม่เคยเรียนอย่างเป็นระบบ ดังนั้นเขาไม่ได้รู้สึกไม่ชอบต่อความคิดของนักศึกษาที่กระหายต่อความรู้หลินเฟิงลูบศีรษะของหลินเสวี่ยฮุ่ยและยิ้มพูด: “ถ้าหากพวกคุณยังอยากฟัง งั้นทุกเดือนผมจะหาเวลาว่างมาบรรยายให้พวกคุณหนึ่งคลาส”“ทุกเดือนเหรอ…”กลุ่มนักเรียนต่างผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย“พวกเธอ…พวกเธอต้องรู้จักพอ พี่หลินเฟิงยุ่งมากจริง ๆ!”หลินเสวี่ยฮุ่ยรับสายตาบอกเป็นนัยของผู้หญิงสองสามคน ใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู“เอาล่ะ เลิกเรียนได้”หลินเฟิงสีหน้าเคร่งขรึม และประกาศเลิกเรียน“ขอบคุณศาสตราจารย์หลิน”กลุ่มนักเรียนพากันโค้งคำนับหลินเฟิง อีกทั้งยังออกมาจากใจจริงนี่ทำให้หลินเฟิงนึกถึงเมื่อสามปีที่แล้วตอนที่เขาอยู่ที่สำนักเสวียนเท
เพียงแต่ว่าตระกูลเซี่ยงที่อยู่เมืองหยางเฉิง ทำไมถึงได้มีปัญหากับเซียวคุนของเมืองเจียวโจว?เห็นหลินเฟิงสีหน้างุนงง หลิวหย่งกลับถอนหายใจพูดว่า: “คุณหลินคงจะไม่ทราบว่า ตระกูลเซี่ยงมีความร่วมมือกับพวกเรา”“พวกเรารับผิดชอบลงทุนที่ดิน และจัดการเส้นสายด้านต่าง ๆ ของเมืองเจียงโจว พวกเขารับผิดชอบลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตยา”“พูดว่าจะช่วงชิงตลาดยาของเมืองเจียงโจวเลยก็ได้”“ถ้าหากผมจำไม่ผิด เซียวคุนโดนพิษก่อนที่จะเริ่มเรื่องของยาบำรุงสตรี”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“ใช่ครับ ตอนนั้นตระกูลเซี่ยงไม่พอใจกับราคาที่พวกเราเสนอ พวกเราจึงแตกหักกัน”หลิวหย่งพูดอย่างจริงจัง:“ผมสงสัยว่าเป็นในตอนนั้นที่พี่ใหญ่ของผมถูกวางยาพิษ”“ผ่านไปช่วงหนึ่ง พวกเขาก็มาเจรจากับพวกเราอีก ครั้งนี้ใจกว้างกว่าเดิมมาก ต่อให้เป็นเพราะความไม่พอใจก่อนหน้าพี่ใหญ่เซียวคุนจึงเสนอราคาเป็นสองเท่า แต่ตระกูลเซี่ยงกลับรับปาก”“แต่ผลลัพธ์คุณก็เห็นแล้ว ยาบำรุงตระกูลเซี่ยงพ่ายแพ้ให้กับตระกูลถัง ดังนั้นพวกตระกูลเซี่ยงไม่คิดที่จะจ่ายเงินงวดสุดท้ายให้พวกเรา”หลิวหย่งจ้องมองหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น:“ผมได้ยินมาว่าคุณหลินกับตระกูลเซี่ยงมีความแค้นกัน แล
ในขณะที่ทุกคน รวมทั้งหลิวหย่งกำลังมึนงง หลินเฟิงก็เปลี่ยนหัวข้อพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า:“ไม่ใช่แค่เหลือลมหายใจสุดท้าย ต่อให้พวกคุณจะไม่เหลือลมหายใจแล้ว ผมก็สามารถช่วยให้กลับมาได้”“เชี่ย!”“สุดยอด!”“ใจเด็ดมาก!”ในตอนที่ทุกคนต่างคิดว่าหลินเฟิงจะมีการถ่อมตัวเอาไว้ กลับคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะพูดด้วยความมั่นใจในตัวเอง และพูดอย่างเต็มที่แบบนี้แม้แต่หลิวหย่งก็คาดไม่ถึงท่าทางที่มั่นใจตัวเองของหลินเฟิง ทำให้ส่งเสริมขวัญกำลังใจของพวกเขาอย่างมากในที่นี้ก็ไม่มีใครที่จะเกรงกลัวว่าตระกูลเซี่ยงจะวางยาพิษพวกเขาอีกทันใดนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็เริ่มส่งเสียงร้องตะโกน จะแสดงอำนาจให้ตระกูลเซี่ยงได้เห็น“ถ้าไม่ซ่อนกลอุบายไว้ งั้นฉันก็ไม่กลัวหรอก!”“สหายทุกคน ไป ไปตระกูลเซี่ยงกัน!”“ไป!”คนกลุ่มหนึ่งขึ้นรถไปพร้อมกับส่งเสียงร้องตะโกน ขบวนรถยาวเหยียดสร้างภูมิทัศน์พิเศษสายหนึ่ง ดึงดูดผู้คนที่เดินไปมานับไม่ถ้วนให้หยุดมอง อันที่จริงความกังวลของหลิวหย่งนั้นถูกต้องในเวลานี้ที่โรงงานของที่หยุดทำการของตระกูลเซี่ยง ไป๋จินเต๋อโทรหาเซี่ยงตงเซิงที่ตัวอยู่ที่เมืองหยางเฉิงด้วยสีหน้าที่ลำพองใจ“น่าจ
“คิดไม่ถึงว่าตระกูลเซี่ยงยังจะวางกับดักไว้ให้ฉันจริง ๆ หากวันนี้คุณหลินไม่มาที่นี่ด้วย พวกเราเหล่าสหายอาจจะตกหลุมพรางตระกูลเซี่ยงไปแล้ว!”“ขอถามคุณหลิน เส้นไหมพวกนี้....”“เส้นไหมพวกนี้เป็นเพียงแค่ชั้นนอกสุด ปนเปื้อนพิษของหญ้าแมงมุมฟ้าเท่านั้น ทำให้คนที่ไปสัมผัสหมดสติโดยไม่รู้ตัว แต่มันก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอก”หลังจากที่หลินเฟิงเข้าไปใกล้เพื่อสังเกตอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที“มันก็เป็นแค่อุบายเด็ก ๆ เพียงแค่ใช้อาวุธฟาดออกไปข้างหน้า อย่าให้พิษบนเส้นไหมโดนผิวหนัง มันก็ไม่มีผลอะไรแล้ว”“ทุกคนได้ยินกันหมดแล้วนะ อย่าให้พิษเส้นไหมนั้นโดนผิวหนังของตัวเองเด็ดขาด!”หลิวหย่งหันหลังไปตะโกนใส่พวกลูกน้อง จากนั้นก็เขาก็เปิดทาง ยกมีดปังตอขึ้นแล้วโบกไปที่ด้านหน้า ทำให้เส้นไหมที่เดิมทีขึงตึงนั้นขาดออกจากกัน“หืม?”ภายในโรงงานในขณะนี้ ไป๋จินเต๋อที่เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ของเซี่ยงตงเซิงขมวดคิ้วขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าตาข่ายป้องกันที่เขาขึงไว้นั้นถูกคนแตะต้อง ก่อนจะหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าเซียวคุนกับคนอื่น ๆจะมาหาถึงที่แล้วจริง ๆ และคิดจะเอาที่ดินเช่าโรงงานคืนด้วยแต่ใ
“ถอย!”หลิวหย่งรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะอวดดี ในเมื่อคุณหลินพูดแล้ว งั้นก็ควรจะเชื่อใจคุณหลิน ในเมื่อที่ดินอยู่ตรงนี้ ต่อให้หลินเฟิงอยากได้ก็เอาไปไม่ได้ดังนั้นเขาจึงถูกลูกน้องหามขึ้นมา แล้วพาหนีออกไปที่ด้านนอกของโรงงานในเวลานี้ พวกเขาเพิ่งจะมองเห็นหมอกควันสีน้ำเงินจาง ๆที่อยู่บนท้องฟ้า ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า“คุณหลินคนนั้นเป็นเทพจริง ๆด้วย ถึงได้มองเห็นทุกอย่าง”ลูกน้องคนหนึ่งเอาแขนที่ปิดปากปิดดจมูกออก แล้วพูดออกมาด้วยความตกตะลึง“ใช่แล้ว แถมยังมีความสามารถที่น่ากลัวอีกด้วย เมื่อครู่นายเห็นที่เขาเอาชนะพี่หย่งด้วยสองมือไหม เด็ดขาดว่องไว ไม่มีอืดอาดยืดยาดสักนิด”“เอาล่ะ หุบปากให้หมด!”เมื่อหลิวหย่งได้ยินว่าตัวเองเพิ่งจะถูกหลินเฟิงเอาชนะได้ ในใจก็เกิดความกลัวพร้อมกับสีหน้าที่แดงเล็กน้อยเขาเป็นลูกน้องที่เชี่ยวชาญในการรบมากที่สุดของเซียวคุนหลังจากที่เดินทางไปทั่วทุกที่เป็นเวลาหลายปี ก็ได้รับการกล่าวขาน แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะโดนหลินเฟิงเอาชนะด้วยสองมือได้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจเขาก็รู้สึกอับอายด้วยความโกรธและชื่นชมด้วยความยินด
หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างข่มขู่“ไม่...ไม่ใช่....”เหงื่อเย็นที่ไหลออกมาจากหน้าผากของไป๋จินเต๋อไม่หยุด เขาล้มเลิกความคิดที่จะเป็นศัตรูกับหลินเฟิงไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว และในตอนนี้ความคิดแรกที่มองเห็นหลินเฟิงก็คือการวิ่งหนีหนีให้ไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!“ น่ารังเกียจจริง ๆ ไอ้สารเลวตัวน้อยจากตระกูลกู้คนนั้นไม่ใช่บอกว่าจะไปหาคนของตระกูลหลงให้มาฆ่าหลินเฟิงหรอกเหรอ? ทำไมเวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกระโดดโลดเต้นได้อีกล่ะ?!”ไป๋จินเต๋อสาปแช่งอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ใบหน้าก็พยายามอย่างหนักที่จะฉีกรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้ออกมา“ที่แท้ก็เป็นสหายน้อยหลินเฟิง ไม่ได้เจอกันนานเลย”“คุณไม่ได้เจอกับใครมานาน บัญชีของตระกูลเซี่ยง ผมยังไม่ได้คิดกับพวกคุณเลย!”หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า ด้วยเจตนาฆ่า“ไม่ ไม่ ไม่....”ไป๋จินเต๋อรีบโบกมือก่อนที่กลอกตาแล้วพูดว่า“สหายน้อยหลินเฟิง ตระกูลเซี่ยงของฉันก็กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ที่เซี่ยงหลงตาย ผู้นำตระกูลเซี่ยงตงเซิงก็กลับตัวกลับใจ ในตอนนี้เขาไม่เพียงแต่จะกินเจและสวดมนต์ทุกวัน แต่ย
“หยวนชี่ทั้งห้าของสำนักเสวียนเทียน?”ไป๋จินเต๋อรับรู้ถึงจังหวะการย่างก้าวชี่แท้ของหลินเฟิง“ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะรู้จักสำนักเสวียนเทียนด้วย”หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าและกำลังจะฆ่าไป๋จินเต๋อ แต่เมื่อเห็นไป๋จินเต๋อโบกมือด้วยความหวาดกลัวแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่ ไม่ เพื่อนตัวน้อยหลิน อย่าฆ่าฉัน! ฉัน...ใช่เลย! ฉันสามารถจะบอกความลับของตระกูลเซี่ยงอย่างหนึ่งแลกกับชีวิตของฉัน!”“ความลับของตระกูลเซี่ยง?”หลินเฟิงยกฝ่ามือขึ้นมาเบา ๆด้วยความลังเลเล็กน้อย“ใช่แล้ว ใช่แล้ว”ไป๋จินเต๋อล้มลงไปกับพื้น กระแอมสองครั้งก่อนจะรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ตระกูลเซี่ยงกำลังมุ่งเป้าไปที่คุณสหายน้อยหลินเฟิง เพียงแค่คุณยกโทษให้ฉัน ฉันก็จะบอกความลับนี้กับคุณ”“พูด” หลินเฟิงมีสีหน้าที่เย็นชาเฉยเมย“สหายน้อยหลินเฟิง คุณจะรับรองชีวิตของฉันใช่ไหม?”“ไม่พูดมาตอนนี้ผมฆ่าคุณแน่ รีบพูดมา!”ลมปราณภายในมือของหลินเฟิงกลายเป็นชี่แท้ แรงกดดันมหาศาลทำให้ตาทั้งสองข้างของไป๋จินเต๋อเบิกกว้างด้วยควงามหวาดกลัว ในขณะที่กำลังขอความเมตตานั้นในใจของไป๋จินเต๋อก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน“ได้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบเจอกับดาวปีศาจคนนี้ ฉัน
ถ้าพูดตามเหตุผลแล้ว คนที่ออกหน้าไม่ควรจะเป็นเขา แต่เป็นหลินเฟิงถึงจะถูก แต่ท่าทางของหลินเฟิงทำให้เขาผิดหวังมากจริงๆจะมีผู้ชายทนเห็นคนอื่นพูดจาเหยียดหยามผู้หญิงของตัวเองโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ได้อย่างไร?พูดได้ดีขนาดนั้น บอกว่าสถานการณ์โดยรวมสำคัญกว่าแต่ความจริงก็คือไม่กล้าสินะ! ไม่กล้าที่จะสู้กับหลูข่ายหยวนไม่รู้จริงๆ ว่าคุณถังหว่านชอบผู้ชายคนนี้ตรงไหนทำให้คนผิดหวังอย่างถึงที่สุดจริงๆในตอนนี้เอง น้องชายของหลูข่ายหยวนดูเหมือนจะนึกอะไรได้ และชี้ไปที่หลินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ:“นายเองเหรอ?! คนที่ชนรถฉันเมื่อวานนี้!”“ชนรถนายเหรอ?”หลินเฟิงนิ่งอึ้งเล็กน้อยหลังจากสังเกตใบหน้าของน้องชายของหลูข่ายหยวนอย่างละเอียด เขาก็รู้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้คือหนุ่มเจ้าชู้ที่เมาแล้วขับชนท้ายเขาเมื่อวานนี้ ตอนที่เขาและอวี๋จื่อเสวียนออกจากมาจากกองถ่ายทั้งๆ ที่เขาชนท้าย แต่จากตรงนี้มันกลายเป็นว่าหลินเฟิงชนเขา มันน่าขันเกินไปจริงๆ“หือ? อวี่ต๋า เกิดอะไรขึ้น นายรู้จักคนนั้นเหรอ”หลูข่ายหยวนหันกลับมามองน้องชายของเขาด้วยความสับสน“พี่ เขานี่แหละ เมื่อวานขับรถชนรถฉัน แถมยังไม่ขอโทษฉันด้วย เขาถึงขั้น
“ไท่สื่อทง อย่าคิดว่าผมจะกลัวคุณ”หลูข่ายหยวนกล่าวอย่างเย็นชา:“ถ้าคุณทำให้ผมโมโห พวกคุณทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้ ไม่ต้องพูดถึงอาจารย์อะไรของคุณ แม้แต่บรรพบุรุษของคุณมาผมก็ไม่กลัว!”“ยังมีคุณ ผู้นำตระกูลถัง”หลูข่ายหยวนมองไปที่ถังเจี้ยนหยวนและพูดอย่างเย่อหยิ่ง:"ครั้งนี้ผมมาที่นี่ภายใต้คำสั่งของสำนักจิ่วเซียว เพื่อมาช่วยคุณฆ่าอีกาแห่งหนานไห่ แต่ถ้าคนบางคนบีบคั้นให้ผมโมโห ผมจะย้อนกลับมาช่วยอีกาแห่งหนานไห่ฆ่าพวกคุณแทน"“มันไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้”“พวกคุณลองคิดถึงผลที่จะตามมาอย่างรอบคอบ”คำพูดของหลูข่ายหยวนทำให้ถังเจี้ยนหยวนโกรธมากจนตัวสั่นไปทั้งตัวเขาถึงขั้นต้องการเรียกหน่วยลับของตระกูลถังออกมา เพื่อจับคนบ้าคลั่งเย่อหยิ่งและชอบข่มเหงผู้อื่นคนนี้ทันที“ผู้นำตระกูลถังอย่าโมโหขนาดนี้ ผมบอกแล้วว่าตราบใดที่คุณมอบคุณหนูถังให้ผม ให้ผมได้เล่นกับเธอครึ่งวัน”“ผมจะช่วยคุณจัดการกับนางอีกาแห่งหนานไห่แน่นอน พวกคุณไม่ได้ขาดทุนสักหน่อย ไม่แน่อีกสิบเดือน อาจมีลูกเพิ่มก็ได้ ฮ่าๆๆๆ...”หลูข่ายหยวนหัวเราะอย่างไร้ยางอาย“พอแล้ว!”ไท่สื่อทงตะโกนเสียงดัง ชี้ไปที่ถังหว่านแล้วพูดว่า:
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้นำตระกูลถัง”เห็นไท่สื่อทงพูดไม่ออก หลูข่ายหยวนก็มองไปทางถังเจี้ยนหยวนด้วยความลำพองใจและพูดว่า:“ถ้าหากคุณให้นังหนูถังหว่าน...อ่อไม่สิครับ คุณหนูถังหว่านแต่งงานกับผม งั้นต่อไปพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วไม่ใช่เหรอ!”“เรื่องของตระกูลถังของพวกคุณก็ต้องเป็นเรื่องของผม”“งั้นเรื่องของผม ก็เป็นเรื่องของสำนักจิ่วสำนักจิ่วเซียว! พวกคุณคิดดู บัญชีนี้พวกคุณไม่ได้ขาดทุนนะ”ได้ยินคำพูดล่อลวงต่างๆ นานาของหลูข่ายหยวน ถังเจี้ยนหยวนยังไม่ทันได้พูด ถังหว่านก็ออกหน้าก่อนคำพูดกระชับรัดกุมของเธอ พูดออกมาแค่คำเดียว“ไสหัวไป!”คำว่าไสหัวไป ทำให้บรรยากาศที่รอบๆ แข็งทื่อทันที“เอ่อ..”หลูข่ายหยวนยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆ จากนั้นจึงเอามือใหญ่ของเขาแนบข้างหูของตัวเอง แสร้งทำท่าทางเป็นฟังอย่างตั้งใจ“คุณถังหว่าน เมื่อครู่เหมือนว่าผมจะได้ยินสิ่งที่คุณพูดได้ไม่ชัดเจนนัก คุณพูดอีกครั้งสิครับ”“ฉันบอกว่าไสหัวไป!”ถังหว่านพูดซ้ำโดยไม่มีความเกรงใจสักนิด จากนั้นกอดอกด้วยท่าทางหยิ่งทะนงพูดอีกว่า:“นายคิดว่านายเป็นใครกัน สัตว์เดรัจฉานไร้การศึกษา ให้ฉันแต่งงานกับนาย นายก็คู่ควรด้วยเหรอ?!”ทันที
“เรื่องของอีกาแห่งเมืองหนานไห่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น อีกไม่กี่วันอาจารย์กับอาจารย์อาจะเดินทางมาตามนัด”“ถ้าหากสหายหลูยังคงกู่ไม่กลับดังเดิม งั้นก็อย่าโทษที่ผมไม่เกรงใจคุณ!”คำพูดของไท่สื่อทงน้ำเสียงดุดันอย่างมากตอนที่เขาเอ่ยถึงอาจารย์กับอาจารย์อาของเขาขึ้นมา สีหน้าของหลูข่ายหยวนก็แย่ลงเล็กน้อยพูดตามตรงวันนี้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมทั้งไท่สื่อทงเขาไม่ได้กลัวใครเลยสักคนแต่มีเพียงอาจารย์กับอาจารย์อาที่ไท่สื่อทงเอ่ยถึง ทำให้เขาเกิดความหวาดลกัวเล็กน้อยในเมื่อสำนักที่อยู่ในเมืองหนานไห่ ยังไงก็ต้องมียอดฝีมือสองสามคนควบคุมสถานการณ์ถ้าหากเขามีเรื่องกับไท่สื่อทงที่นี่ งั้นไม่แน่รอให้อาจารย์กับอาจารย์ของไท่สื่อทงมา ก็จะเกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นมาคิดไปคิดมา หลู่ข่ายหยวนก็เข้าใจแล้วว่า จะบาดหมางกับไท่สื่อทงไมได้ดังนั้นเขาจึงโบกมือ เปลี่ยนสีหน้าเหมือนพลิกหนังสือ เผยเขี้ยวใหญ่ออกมาและยิ้มพูดว่า:“หึหึ สหายไท่สื่อทงพูดอะไรกัน?”“ผมหลูข่ายหยวนได้รับคำสั่งจากสำนักจิ่วเซียว ให้เดินทางมาตระกูลถังเพื่อจัดการอีกาแห่งเมืองหนานไห่ ไม่ได้มาเพื่อจัดการสหาย”เมื่อพูดจบ เขาก็มองไปทางถังเจี้ยน
ไอ้นี่มันชอบทำอะไรไร้ยางอายตลอดหากวันนี้เกิดความวุ่นวายที่นี่เพราะถังหว่าน แล้วหลินเฟิงจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?เกรงว่าก่อนที่อีกาแห่งเมืองหนานไห่จะปรากฏตัวนั้น ตระกูลถังของเขาคงจะต้อนรับพายุเลือดซะก่อนสุดท้ายถ้อยคำที่แสนดีของถังเจี้ยนหยวนนั้นก็ไม่ได้รับการเคารพสักเท่าไหร่หลูข่ายหยวนทุบโต๊ะ พร้อมกับจ้องมองถังเจี้ยนหยวนอย่างดุดัน แล้วคำรามออกมาว่า :“ผู้นำตระกูลถัง ฉันมาที่นี่ด้วยความหวังดีที่จะช่วยตระกูลถังของพวกคุณจัดการกับเคราะห์ร้าย แล้วพวกคุณปฏิบัติกับแขกแบบนี้งั้นเหรอ?”“พวกคุณดูถูกสำนักจิ่วเซียวของฉัน หรือดูถูกฉันหลูข่ายหยวน?!”ขณะที่พูด เขาก็กระทืบเท้าอย่างแรงเก้าอี้ที่อยู่ห่างจากหลูข่ายหยวนสิบเมตรก็ระเบิดขึ้นทันที จนเศษชิ้นส่วนนั้นพุ่งออกมาจำนวนมาก ส่งผลให้คนอื่น ๆที่อยู่ในที่นั้นรู้สึกไม่ปลอดภัย“เชี่ย หลูข่ายหยวนนี่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ กล้ามาอวดดีในอาณาเขตของตระกูลถังได้ขนาดนี้!”“หึหึ คุณก็ไม่รู้ใช่ไหม? ไอ้นั่นคงรู้ว่าตอนนี้ในตระกูลถังไม่มีคนที่แข็งแกร่งแล้ว เลยมาเพื่อที่จะข่มขู่ผู้นำตระกูลถัง”“น่ารังเกียจจริง ๆ”เสียงกระซิบที่ดังขึ้นโดยรอบ ไม่อาจรบกวนความตั้ง
วันต่อมาถังเจี้ยนหยวนที่อารมณ์โศกเศร้าลดน้อยลง กำลังต้อนรับจอมยุทธคนอื่นๆ อยู่ภายในห้องประชุมหลินเฟิง ถังหว่าน ไท่สื่อทงและคนอื่น ๆต่างก็อยู่กันที่นั่นพ่อบ้านของตระกูลถัง ก็เข้ามารายงานอย่างรีบร้อน“ผู้นำตระกูลถัง ที่ด้านนอกประตูมีคนต้องการพบคุณ พวกเขาอ้างว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักจิ่วเซียว”“สำนักจิ่วเซียว? คิดไม่ถึงว่าจะมาเร็วขนาดนี้?!”ถังเจี้ยนหยวนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า : “สมกับที่เป็นสายสัมพันธ์ของตระกูลสาขา มีประโยชน์จริงๆ เชิญพวกเขาเข้ามาเร็ว ๆ!”“ครับ”พ่อบ้านคนนี้ตอบรับแล้วหันตัวจากไปไม่นานเสียงหัวเราะดังลั่นก็ดังมาจากข้างนอกประตู แล้วมีชายร่างใหญ่ที่มีเครายาวกว่าสองเมตรเดินเข้ามาเขาสวมแว่นตากันแดดพร้อมกับถือมีดสปาต้าขนาดใหญ่เป็นมันวาว และที่ด้านหลังก็ยังมีคนติดตามมาด้วยอยู่หลายคนชายกำยำคนนี้น่าจะหนักประมาณหนึ่งร้อยกว่ากิโล เวลาเดินพื้นดินก็สั่นสะเทือนไปหมดคนจำนวนมากเห็นชายร่างกำยำคนนี้ ต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก“นี่ไม่ใช่มีดคลั่งหลูข่ายหยวน ทำไมเขาถึงมาด้วยล่ะ?!”“เชี่ย ไอ้นี่มันเป็นโหดเหี้ยม แยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู!”“ ทำไมตระกูลถังถึง
“แล้วทำไมเธอถึงผิดสัญญาแล้วกลับมาอีกล่ะ?”ถังเจี้ยนหยวนไม่สามารถที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดได้อย่างเปิดเผยจึงได้เอ่ยถามกับหลินเฟิงเป็นการส่วนตัวด้วยความร้อนใจ“ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ”หลินเฟิงพูดความจริง ในเมื่อตอนนั้นศิษย์น้องหญิงของตัวเองได้สัญญากับตัวเองแล้ว หากพูดตามหลัก เธอก็ไม่น่าจะเปลี่ยนใจ“คุณแน่ใจงั้นเหรอ?”เมื่อเห็นแววตาที่สงสัยของถังเจี้ยนหยวน หลินเฟิงก็พยักหน้าอย่างจนปัญญาเขารู้ว่าถังเจี้ยนหยวนสงสัยอะไรอยู่นักธุรกิจมักขี้สงสัยตระกูลถังเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจในประเทศมังกรมานานที่สุด และเป็นตระกูลพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยเช่นกันแต่ในฐานะผู้นำตระกูลหลักของตระกูลนี้ แน่นอนว่าเป็นไม่ได้ที่หลินเฟิงจะโกหกเขาด้วยคำพูดเพียงสองสามคำแต่ตอนนี้หลินเฟิงก็ไม่มีวิธีดี ๆอะไรแล้วเช่นกันถังเจี้ยนหยวนไม่เชื่อตัวเองก็เป็นปกติ แม้แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมศิษย์น้องหญิงของตัวเองถึงต้องการที่จะจัดการกับตระกูลถังอีกครั้งหรือว่าจะถูกตระกูลหลงบังคับ?“เฮ้อ....”ถังเจี้ยนหยวนเห็นว่าหลินเฟิงก็ไม่มีเบาะแสตรงนี้เช่นกัน เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงและพูดขึ้นว่า :“ถ้าหากอีกาแห่งเมือ
“ใช่แล้ว แน่นอนว่าฉันรู้ถึงความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ของฉันดี ไม่ต้องพูดถึงอีกาแห่งเมืองหนานไห่หรืออีกาแห่งเมืองตงไห่เลย ทั้งหมดจะต้องพ่ายแพ้ให้กับดาบของศิษย์พี่ของฉัน”และชายอีกสองคนก็ยังคุยโวโอ้อวดด้วยใบหน้าที่ชื่นชมอีกด้วยถึงแม้หลินเฟิงจะไม่ชอบคำพูดที่ไร้สาระอะไรแบบนี้แต่เพื่อรักษาหน้าของถังเจี้ยนหยวนและถังหว่าน เขาก็ยังคงยิ้มและจับมือกับไท่สื่อทงคนนั้น“ผมคือหลินเฟิง ยังไม่มีสำนักหรือกลุ่มอะไร....ชั่วคราว”“เหอะ รอยยิ้มจอมปลอม มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร”เชียนเชียนพูดพึมพำอยู่ข้าง ๆ“คุณจะไม่จบใช่ไหม?”อวี๋จื่อเสวียนทนไม่ไหวกับผู้หญิงคนนี้ที่ใส่ร้ายหลินเฟิงตลอดเวลา จึงเบิกตากว้างใส่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโมโห“ทำไม? เธอรับไม่ได้งั้นเหรอ? จะสู้กันไหมล่ะ?”ผู้หญิงที่ชื่อเชียนเชียน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆเธอชักกระบี่ยาวที่เอวของตัวเองออกมา แล้วโบกไปมาต่อหน้าอวี๋จื่อเสวียน“เอาล่ะ”ไท่สื่อทงขมวดคิ้วและไปขวางหน้าเชียนเชียน พร้อมกับขมวดคิ้วพูดว่า :“เชียนเชียน หยุดเสียมารยาทได้แล้ว!”หลินเฟิงก็ลูบหัวของอวี๋จื่อเสวียน และยิ้มขึ้นเล็กน้อย“หึหึ ท
“เพื่อที่จะเอาเปรียบเราตอนที่เราไม่ทันได้ระวัง ร่วมมือกับอีกาแห่งเมืองหนานไห่ มากวาดล้างตระกูลถังของพวกเราให้สิ้นซาก”“น่าขำ!”เมื่อได้คำพูดนี้ หลินเฟิงก็ไม่พอใจเล็กน้อยช่างเป็นหมาป่าที่เลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ ถ้าหากหลินเฟิงตั้งใจจะให้ตระกูลถังตายจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นตระกูลถังก็คงจะจบเห่ไปนานแล้วจะรอมาถึงตอนนี้ทำไม?ดูเหมือนว่าตระกูลถังจะยังมีปัญหาภายในอยู่นับตั้งแต่ที่ถังเจี้ยนหยวนประกาศปิดธุรกิจสาขาย่อยในที่ต่าง ๆตระกูลหลักของตระกูลถังก็ยังรับเอาสมาชิกจำนวนไม่น้อยมาจากภายนอก จึงส่งผลให้อิทธิพลของตระกูลถังเจือจางลงไปมากเมื่อมีคนพูดถึงกันมากขึ้น โดยธรรมชาติแล้วก็จะมีคนที่คัดค้านมากขึ้นเช่นกัน ถึงแม้ความแข็งแกร่งของตระกูลถังจะพุ่งขึ้นสูง แต่สิ่งที่ต้องชดใช้กลับเห็นได้อย่างชัดเจน“สามี ในเมื่อคุณอยู่ที่เมืองจิง ทำไมคุณถึงไม่พักที่ตระกูลถังสักพักล่ะ? ลุงของฉันรับสมัครคนแปลก ๆทุกประเภทมาตลอดในช่วงนี้ เพื่อเอาไว้ป้องกันการโจมตีอย่างกะทันหันของอีกาแห่งเมืองหนานไห่”ถังหว่านถามลองเชิงเธอไม่แน่ใจว่าหลินเฟิงยังจะเต็มใจเข้าไปข้องเกี่ยวกับความวุ่นวายของตระกูลถังหรือเปล่า ในเมื่อตอน