เพียงแต่ว่าตระกูลเซี่ยงที่อยู่เมืองหยางเฉิง ทำไมถึงได้มีปัญหากับเซียวคุนของเมืองเจียวโจว?เห็นหลินเฟิงสีหน้างุนงง หลิวหย่งกลับถอนหายใจพูดว่า: “คุณหลินคงจะไม่ทราบว่า ตระกูลเซี่ยงมีความร่วมมือกับพวกเรา”“พวกเรารับผิดชอบลงทุนที่ดิน และจัดการเส้นสายด้านต่าง ๆ ของเมืองเจียงโจว พวกเขารับผิดชอบลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตยา”“พูดว่าจะช่วงชิงตลาดยาของเมืองเจียงโจวเลยก็ได้”“ถ้าหากผมจำไม่ผิด เซียวคุนโดนพิษก่อนที่จะเริ่มเรื่องของยาบำรุงสตรี”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“ใช่ครับ ตอนนั้นตระกูลเซี่ยงไม่พอใจกับราคาที่พวกเราเสนอ พวกเราจึงแตกหักกัน”หลิวหย่งพูดอย่างจริงจัง:“ผมสงสัยว่าเป็นในตอนนั้นที่พี่ใหญ่ของผมถูกวางยาพิษ”“ผ่านไปช่วงหนึ่ง พวกเขาก็มาเจรจากับพวกเราอีก ครั้งนี้ใจกว้างกว่าเดิมมาก ต่อให้เป็นเพราะความไม่พอใจก่อนหน้าพี่ใหญ่เซียวคุนจึงเสนอราคาเป็นสองเท่า แต่ตระกูลเซี่ยงกลับรับปาก”“แต่ผลลัพธ์คุณก็เห็นแล้ว ยาบำรุงตระกูลเซี่ยงพ่ายแพ้ให้กับตระกูลถัง ดังนั้นพวกตระกูลเซี่ยงไม่คิดที่จะจ่ายเงินงวดสุดท้ายให้พวกเรา”หลิวหย่งจ้องมองหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น:“ผมได้ยินมาว่าคุณหลินกับตระกูลเซี่ยงมีความแค้นกัน แล
ในขณะที่ทุกคน รวมทั้งหลิวหย่งกำลังมึนงง หลินเฟิงก็เปลี่ยนหัวข้อพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า:“ไม่ใช่แค่เหลือลมหายใจสุดท้าย ต่อให้พวกคุณจะไม่เหลือลมหายใจแล้ว ผมก็สามารถช่วยให้กลับมาได้”“เชี่ย!”“สุดยอด!”“ใจเด็ดมาก!”ในตอนที่ทุกคนต่างคิดว่าหลินเฟิงจะมีการถ่อมตัวเอาไว้ กลับคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะพูดด้วยความมั่นใจในตัวเอง และพูดอย่างเต็มที่แบบนี้แม้แต่หลิวหย่งก็คาดไม่ถึงท่าทางที่มั่นใจตัวเองของหลินเฟิง ทำให้ส่งเสริมขวัญกำลังใจของพวกเขาอย่างมากในที่นี้ก็ไม่มีใครที่จะเกรงกลัวว่าตระกูลเซี่ยงจะวางยาพิษพวกเขาอีกทันใดนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็เริ่มส่งเสียงร้องตะโกน จะแสดงอำนาจให้ตระกูลเซี่ยงได้เห็น“ถ้าไม่ซ่อนกลอุบายไว้ งั้นฉันก็ไม่กลัวหรอก!”“สหายทุกคน ไป ไปตระกูลเซี่ยงกัน!”“ไป!”คนกลุ่มหนึ่งขึ้นรถไปพร้อมกับส่งเสียงร้องตะโกน ขบวนรถยาวเหยียดสร้างภูมิทัศน์พิเศษสายหนึ่ง ดึงดูดผู้คนที่เดินไปมานับไม่ถ้วนให้หยุดมอง อันที่จริงความกังวลของหลิวหย่งนั้นถูกต้องในเวลานี้ที่โรงงานของที่หยุดทำการของตระกูลเซี่ยง ไป๋จินเต๋อโทรหาเซี่ยงตงเซิงที่ตัวอยู่ที่เมืองหยางเฉิงด้วยสีหน้าที่ลำพองใจ“น่าจ
“คิดไม่ถึงว่าตระกูลเซี่ยงยังจะวางกับดักไว้ให้ฉันจริง ๆ หากวันนี้คุณหลินไม่มาที่นี่ด้วย พวกเราเหล่าสหายอาจจะตกหลุมพรางตระกูลเซี่ยงไปแล้ว!”“ขอถามคุณหลิน เส้นไหมพวกนี้....”“เส้นไหมพวกนี้เป็นเพียงแค่ชั้นนอกสุด ปนเปื้อนพิษของหญ้าแมงมุมฟ้าเท่านั้น ทำให้คนที่ไปสัมผัสหมดสติโดยไม่รู้ตัว แต่มันก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอก”หลังจากที่หลินเฟิงเข้าไปใกล้เพื่อสังเกตอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที“มันก็เป็นแค่อุบายเด็ก ๆ เพียงแค่ใช้อาวุธฟาดออกไปข้างหน้า อย่าให้พิษบนเส้นไหมโดนผิวหนัง มันก็ไม่มีผลอะไรแล้ว”“ทุกคนได้ยินกันหมดแล้วนะ อย่าให้พิษเส้นไหมนั้นโดนผิวหนังของตัวเองเด็ดขาด!”หลิวหย่งหันหลังไปตะโกนใส่พวกลูกน้อง จากนั้นก็เขาก็เปิดทาง ยกมีดปังตอขึ้นแล้วโบกไปที่ด้านหน้า ทำให้เส้นไหมที่เดิมทีขึงตึงนั้นขาดออกจากกัน“หืม?”ภายในโรงงานในขณะนี้ ไป๋จินเต๋อที่เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ของเซี่ยงตงเซิงขมวดคิ้วขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าตาข่ายป้องกันที่เขาขึงไว้นั้นถูกคนแตะต้อง ก่อนจะหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าเซียวคุนกับคนอื่น ๆจะมาหาถึงที่แล้วจริง ๆ และคิดจะเอาที่ดินเช่าโรงงานคืนด้วยแต่ใ
“ถอย!”หลิวหย่งรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะอวดดี ในเมื่อคุณหลินพูดแล้ว งั้นก็ควรจะเชื่อใจคุณหลิน ในเมื่อที่ดินอยู่ตรงนี้ ต่อให้หลินเฟิงอยากได้ก็เอาไปไม่ได้ดังนั้นเขาจึงถูกลูกน้องหามขึ้นมา แล้วพาหนีออกไปที่ด้านนอกของโรงงานในเวลานี้ พวกเขาเพิ่งจะมองเห็นหมอกควันสีน้ำเงินจาง ๆที่อยู่บนท้องฟ้า ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า“คุณหลินคนนั้นเป็นเทพจริง ๆด้วย ถึงได้มองเห็นทุกอย่าง”ลูกน้องคนหนึ่งเอาแขนที่ปิดปากปิดดจมูกออก แล้วพูดออกมาด้วยความตกตะลึง“ใช่แล้ว แถมยังมีความสามารถที่น่ากลัวอีกด้วย เมื่อครู่นายเห็นที่เขาเอาชนะพี่หย่งด้วยสองมือไหม เด็ดขาดว่องไว ไม่มีอืดอาดยืดยาดสักนิด”“เอาล่ะ หุบปากให้หมด!”เมื่อหลิวหย่งได้ยินว่าตัวเองเพิ่งจะถูกหลินเฟิงเอาชนะได้ ในใจก็เกิดความกลัวพร้อมกับสีหน้าที่แดงเล็กน้อยเขาเป็นลูกน้องที่เชี่ยวชาญในการรบมากที่สุดของเซียวคุนหลังจากที่เดินทางไปทั่วทุกที่เป็นเวลาหลายปี ก็ได้รับการกล่าวขาน แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะโดนหลินเฟิงเอาชนะด้วยสองมือได้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจเขาก็รู้สึกอับอายด้วยความโกรธและชื่นชมด้วยความยินด
หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างข่มขู่“ไม่...ไม่ใช่....”เหงื่อเย็นที่ไหลออกมาจากหน้าผากของไป๋จินเต๋อไม่หยุด เขาล้มเลิกความคิดที่จะเป็นศัตรูกับหลินเฟิงไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว และในตอนนี้ความคิดแรกที่มองเห็นหลินเฟิงก็คือการวิ่งหนีหนีให้ไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!“ น่ารังเกียจจริง ๆ ไอ้สารเลวตัวน้อยจากตระกูลกู้คนนั้นไม่ใช่บอกว่าจะไปหาคนของตระกูลหลงให้มาฆ่าหลินเฟิงหรอกเหรอ? ทำไมเวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกระโดดโลดเต้นได้อีกล่ะ?!”ไป๋จินเต๋อสาปแช่งอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ใบหน้าก็พยายามอย่างหนักที่จะฉีกรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้ออกมา“ที่แท้ก็เป็นสหายน้อยหลินเฟิง ไม่ได้เจอกันนานเลย”“คุณไม่ได้เจอกับใครมานาน บัญชีของตระกูลเซี่ยง ผมยังไม่ได้คิดกับพวกคุณเลย!”หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า ด้วยเจตนาฆ่า“ไม่ ไม่ ไม่....”ไป๋จินเต๋อรีบโบกมือก่อนที่กลอกตาแล้วพูดว่า“สหายน้อยหลินเฟิง ตระกูลเซี่ยงของฉันก็กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ที่เซี่ยงหลงตาย ผู้นำตระกูลเซี่ยงตงเซิงก็กลับตัวกลับใจ ในตอนนี้เขาไม่เพียงแต่จะกินเจและสวดมนต์ทุกวัน แต่ย
“หยวนชี่ทั้งห้าของสำนักเสวียนเทียน?”ไป๋จินเต๋อรับรู้ถึงจังหวะการย่างก้าวชี่แท้ของหลินเฟิง“ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะรู้จักสำนักเสวียนเทียนด้วย”หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าและกำลังจะฆ่าไป๋จินเต๋อ แต่เมื่อเห็นไป๋จินเต๋อโบกมือด้วยความหวาดกลัวแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่ ไม่ เพื่อนตัวน้อยหลิน อย่าฆ่าฉัน! ฉัน...ใช่เลย! ฉันสามารถจะบอกความลับของตระกูลเซี่ยงอย่างหนึ่งแลกกับชีวิตของฉัน!”“ความลับของตระกูลเซี่ยง?”หลินเฟิงยกฝ่ามือขึ้นมาเบา ๆด้วยความลังเลเล็กน้อย“ใช่แล้ว ใช่แล้ว”ไป๋จินเต๋อล้มลงไปกับพื้น กระแอมสองครั้งก่อนจะรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ตระกูลเซี่ยงกำลังมุ่งเป้าไปที่คุณสหายน้อยหลินเฟิง เพียงแค่คุณยกโทษให้ฉัน ฉันก็จะบอกความลับนี้กับคุณ”“พูด” หลินเฟิงมีสีหน้าที่เย็นชาเฉยเมย“สหายน้อยหลินเฟิง คุณจะรับรองชีวิตของฉันใช่ไหม?”“ไม่พูดมาตอนนี้ผมฆ่าคุณแน่ รีบพูดมา!”ลมปราณภายในมือของหลินเฟิงกลายเป็นชี่แท้ แรงกดดันมหาศาลทำให้ตาทั้งสองข้างของไป๋จินเต๋อเบิกกว้างด้วยควงามหวาดกลัว ในขณะที่กำลังขอความเมตตานั้นในใจของไป๋จินเต๋อก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน“ได้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบเจอกับดาวปีศาจคนนี้ ฉัน
สีหน้าของหลินเฟิงเย็นชา จากนั้นชี่แท้ก็ออกจากร่างกาย คิดไม่ถึงว่ามันจะกลายเป็นค้อนยักษ์โปร่งใสกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าใส่ที่หน้าอกของไป๋จินเต๋อ“คุณ!”เห็นได้ชัดว่าไป๋จินเต๋อไม่อยากที่จะยุ่งกับหลินเฟิง จึงกระโดดขึ้นจากพื้นไปสองฟุตทันที แล้ววิ่งหนีไปทางประตูโรงงานอย่างบ้าคลั่งก่อนจะใช้โอกาสนี้หลบค้อนพลังชี่แท้ของหลินเฟิงฝีมือความสามารถแข็งแกร่งอย่างนี้ ที่แท้อาการเจ็บหนักและท่าทางอ่อนแอเมื่อครู่เขาเสแสร้งออกมาทั้งหมด“คิดหนีเหรอ? สายไปแล้ว!”ถึงแม้ว่าชี่แท้ของหลินเฟิงจะออกจากร่างกาย แต่มันก็ยังคงเชื่อมต่อกับหลินเฟิง และนี่ก็ความละเอียดอ่อนอันเป็นลักษณะพิเศษของหยวนชี่ทั้งห้าหลินเฟิงโบกมือ แล้วค้อนยักษ์พลังชี่แท้ก็พุ่งออกไปด้านข้างไป๋จินเต๋อและเหวี่ยงกลับมาในอากาศทันที“อะไรนะ?!”ไป๋จินเต๋อคิดว่าหลบการเคลื่อนไหวของหลินเฟิงได้แล้วก็จะปลอดภัยแต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงยังจะสามารถควบคุมค้อนยักษ์พลังชี่แท้ได้อีก เขาถูกค้อนยักษ์พลังชี่แท้ที่ย้อนกลับมาโจมตีเข้าที่กลางหน้าอก ก่อนจะลอยออกไปพร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสมเพช“อ้าก!”ที่หน้าอกของไป๋จินเต๋อยุบลง ก่อนที่เขาจะพ่นเลือดขึ้
หลิวหย่งยื่นมือออกไปสั่งการ ลูกน้องสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลังรอจนทนแทบไม่ไหวตั้งนานแล้ว พากันลุกขึ้นยืนในมือของพวกเขามีอาวุธชนิดต่าง ๆ ทุกสายตาดูมีความตื่นเต้นอย่างมาก“คุณหลินได้แก้ปัญหาความกังวลของพวกเราแล้ว พวกขยะของตระกูลเซี่ยงที่เหลือเหล่านั้น พวกเรายังจะมีอะไรให้หวาดกลัวอีก?”“สหายทั้งหลาย บุกเข้าไปให้หมด!”“ลุยกัน!”หลิวหย่งเลียลิ้นสีแดงสด และตะโกนออกมาเสียงดัง จากนั้นก็นำหน้าบุกเข้าไปไปหานักสู้ของตระกูลเซี่ยงที่วิ่งออกมาจากโรงงาน ไม่นานนัก ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าด้วยกัน การต่อสู้ที่รุนแรงก็ได้ปะทุขึ้นหลินเฟิงไม่ได้เข้าร่วมด้วยเช่นกัน ในเมื่อมันเป็นเรื่องของเซียวคุน ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องให้โอกาสคนของเซียวคุณได้แสดงฝีมือหน่อยหลินเฟิงหนีไปพร้อมกับร่างของไป๋จินเต๋อไปยังที่ห่างไกลออกไป และค้นพบยาพิษจำนวนมากที่บนตัวของไป๋จินเต๋อ และ "คัมภีร์ร้อยพิษ" เล่มหนึ่ง ยาพิษเหล่านี้ถูกหลินเฟิงเก็บเอาไว้คัมภีร์ร้อยพิษถูกหลินเฟิงเปิดออก เขาถูกยาพิษชนิดต่าง ๆ ที่บันทึกอยู่ด้านบน และวิธีการสกัดแมลงพิษต่าง ๆ ทำให้ตกตะลึงในทันทีถึงขั้นที่มียาพิษบางชนิด เขาแทบจะไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ
ไอ้นี่มันชอบทำอะไรไร้ยางอายตลอดหากวันนี้เกิดความวุ่นวายที่นี่เพราะถังหว่าน แล้วหลินเฟิงจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?เกรงว่าก่อนที่อีกาแห่งเมืองหนานไห่จะปรากฏตัวนั้น ตระกูลถังของเขาคงจะต้อนรับพายุเลือดซะก่อนสุดท้ายถ้อยคำที่แสนดีของถังเจี้ยนหยวนนั้นก็ไม่ได้รับการเคารพสักเท่าไหร่หลูข่ายหยวนทุบโต๊ะ พร้อมกับจ้องมองถังเจี้ยนหยวนอย่างดุดัน แล้วคำรามออกมาว่า :“ผู้นำตระกูลถัง ฉันมาที่นี่ด้วยความหวังดีที่จะช่วยตระกูลถังของพวกคุณจัดการกับเคราะห์ร้าย แล้วพวกคุณปฏิบัติกับแขกแบบนี้งั้นเหรอ?”“พวกคุณดูถูกสำนักจิ่วเซียวของฉัน หรือดูถูกฉันหลูข่ายหยวน?!”ขณะที่พูด เขาก็กระทืบเท้าอย่างแรงเก้าอี้ที่อยู่ห่างจากหลูข่ายหยวนสิบเมตรก็ระเบิดขึ้นทันที จนเศษชิ้นส่วนนั้นพุ่งออกมาจำนวนมาก ส่งผลให้คนอื่น ๆที่อยู่ในที่นั้นรู้สึกไม่ปลอดภัย“เชี่ย หลูข่ายหยวนนี่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ กล้ามาอวดดีในอาณาเขตของตระกูลถังได้ขนาดนี้!”“หึหึ คุณก็ไม่รู้ใช่ไหม? ไอ้นั่นคงรู้ว่าตอนนี้ในตระกูลถังไม่มีคนที่แข็งแกร่งแล้ว เลยมาเพื่อที่จะข่มขู่ผู้นำตระกูลถัง”“น่ารังเกียจจริง ๆ”เสียงกระซิบที่ดังขึ้นโดยรอบ ไม่อาจรบกวนความตั้ง
วันต่อมาถังเจี้ยนหยวนที่อารมณ์โศกเศร้าลดน้อยลง กำลังต้อนรับจอมยุทธคนอื่นๆ อยู่ภายในห้องประชุมหลินเฟิง ถังหว่าน ไท่สื่อทงและคนอื่น ๆต่างก็อยู่กันที่นั่นพ่อบ้านของตระกูลถัง ก็เข้ามารายงานอย่างรีบร้อน“ผู้นำตระกูลถัง ที่ด้านนอกประตูมีคนต้องการพบคุณ พวกเขาอ้างว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักจิ่วเซียว”“สำนักจิ่วเซียว? คิดไม่ถึงว่าจะมาเร็วขนาดนี้?!”ถังเจี้ยนหยวนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า : “สมกับที่เป็นสายสัมพันธ์ของตระกูลสาขา มีประโยชน์จริงๆ เชิญพวกเขาเข้ามาเร็ว ๆ!”“ครับ”พ่อบ้านคนนี้ตอบรับแล้วหันตัวจากไปไม่นานเสียงหัวเราะดังลั่นก็ดังมาจากข้างนอกประตู แล้วมีชายร่างใหญ่ที่มีเครายาวกว่าสองเมตรเดินเข้ามาเขาสวมแว่นตากันแดดพร้อมกับถือมีดสปาต้าขนาดใหญ่เป็นมันวาว และที่ด้านหลังก็ยังมีคนติดตามมาด้วยอยู่หลายคนชายกำยำคนนี้น่าจะหนักประมาณหนึ่งร้อยกว่ากิโล เวลาเดินพื้นดินก็สั่นสะเทือนไปหมดคนจำนวนมากเห็นชายร่างกำยำคนนี้ ต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก“นี่ไม่ใช่มีดคลั่งหลูข่ายหยวน ทำไมเขาถึงมาด้วยล่ะ?!”“เชี่ย ไอ้นี่มันเป็นโหดเหี้ยม แยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู!”“ ทำไมตระกูลถังถึง
“แล้วทำไมเธอถึงผิดสัญญาแล้วกลับมาอีกล่ะ?”ถังเจี้ยนหยวนไม่สามารถที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดได้อย่างเปิดเผยจึงได้เอ่ยถามกับหลินเฟิงเป็นการส่วนตัวด้วยความร้อนใจ“ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ”หลินเฟิงพูดความจริง ในเมื่อตอนนั้นศิษย์น้องหญิงของตัวเองได้สัญญากับตัวเองแล้ว หากพูดตามหลัก เธอก็ไม่น่าจะเปลี่ยนใจ“คุณแน่ใจงั้นเหรอ?”เมื่อเห็นแววตาที่สงสัยของถังเจี้ยนหยวน หลินเฟิงก็พยักหน้าอย่างจนปัญญาเขารู้ว่าถังเจี้ยนหยวนสงสัยอะไรอยู่นักธุรกิจมักขี้สงสัยตระกูลถังเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจในประเทศมังกรมานานที่สุด และเป็นตระกูลพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยเช่นกันแต่ในฐานะผู้นำตระกูลหลักของตระกูลนี้ แน่นอนว่าเป็นไม่ได้ที่หลินเฟิงจะโกหกเขาด้วยคำพูดเพียงสองสามคำแต่ตอนนี้หลินเฟิงก็ไม่มีวิธีดี ๆอะไรแล้วเช่นกันถังเจี้ยนหยวนไม่เชื่อตัวเองก็เป็นปกติ แม้แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมศิษย์น้องหญิงของตัวเองถึงต้องการที่จะจัดการกับตระกูลถังอีกครั้งหรือว่าจะถูกตระกูลหลงบังคับ?“เฮ้อ....”ถังเจี้ยนหยวนเห็นว่าหลินเฟิงก็ไม่มีเบาะแสตรงนี้เช่นกัน เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงและพูดขึ้นว่า :“ถ้าหากอีกาแห่งเมือ
“ใช่แล้ว แน่นอนว่าฉันรู้ถึงความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ของฉันดี ไม่ต้องพูดถึงอีกาแห่งเมืองหนานไห่หรืออีกาแห่งเมืองตงไห่เลย ทั้งหมดจะต้องพ่ายแพ้ให้กับดาบของศิษย์พี่ของฉัน”และชายอีกสองคนก็ยังคุยโวโอ้อวดด้วยใบหน้าที่ชื่นชมอีกด้วยถึงแม้หลินเฟิงจะไม่ชอบคำพูดที่ไร้สาระอะไรแบบนี้แต่เพื่อรักษาหน้าของถังเจี้ยนหยวนและถังหว่าน เขาก็ยังคงยิ้มและจับมือกับไท่สื่อทงคนนั้น“ผมคือหลินเฟิง ยังไม่มีสำนักหรือกลุ่มอะไร....ชั่วคราว”“เหอะ รอยยิ้มจอมปลอม มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร”เชียนเชียนพูดพึมพำอยู่ข้าง ๆ“คุณจะไม่จบใช่ไหม?”อวี๋จื่อเสวียนทนไม่ไหวกับผู้หญิงคนนี้ที่ใส่ร้ายหลินเฟิงตลอดเวลา จึงเบิกตากว้างใส่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโมโห“ทำไม? เธอรับไม่ได้งั้นเหรอ? จะสู้กันไหมล่ะ?”ผู้หญิงที่ชื่อเชียนเชียน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆเธอชักกระบี่ยาวที่เอวของตัวเองออกมา แล้วโบกไปมาต่อหน้าอวี๋จื่อเสวียน“เอาล่ะ”ไท่สื่อทงขมวดคิ้วและไปขวางหน้าเชียนเชียน พร้อมกับขมวดคิ้วพูดว่า :“เชียนเชียน หยุดเสียมารยาทได้แล้ว!”หลินเฟิงก็ลูบหัวของอวี๋จื่อเสวียน และยิ้มขึ้นเล็กน้อย“หึหึ ท
“เพื่อที่จะเอาเปรียบเราตอนที่เราไม่ทันได้ระวัง ร่วมมือกับอีกาแห่งเมืองหนานไห่ มากวาดล้างตระกูลถังของพวกเราให้สิ้นซาก”“น่าขำ!”เมื่อได้คำพูดนี้ หลินเฟิงก็ไม่พอใจเล็กน้อยช่างเป็นหมาป่าที่เลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ ถ้าหากหลินเฟิงตั้งใจจะให้ตระกูลถังตายจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นตระกูลถังก็คงจะจบเห่ไปนานแล้วจะรอมาถึงตอนนี้ทำไม?ดูเหมือนว่าตระกูลถังจะยังมีปัญหาภายในอยู่นับตั้งแต่ที่ถังเจี้ยนหยวนประกาศปิดธุรกิจสาขาย่อยในที่ต่าง ๆตระกูลหลักของตระกูลถังก็ยังรับเอาสมาชิกจำนวนไม่น้อยมาจากภายนอก จึงส่งผลให้อิทธิพลของตระกูลถังเจือจางลงไปมากเมื่อมีคนพูดถึงกันมากขึ้น โดยธรรมชาติแล้วก็จะมีคนที่คัดค้านมากขึ้นเช่นกัน ถึงแม้ความแข็งแกร่งของตระกูลถังจะพุ่งขึ้นสูง แต่สิ่งที่ต้องชดใช้กลับเห็นได้อย่างชัดเจน“สามี ในเมื่อคุณอยู่ที่เมืองจิง ทำไมคุณถึงไม่พักที่ตระกูลถังสักพักล่ะ? ลุงของฉันรับสมัครคนแปลก ๆทุกประเภทมาตลอดในช่วงนี้ เพื่อเอาไว้ป้องกันการโจมตีอย่างกะทันหันของอีกาแห่งเมืองหนานไห่”ถังหว่านถามลองเชิงเธอไม่แน่ใจว่าหลินเฟิงยังจะเต็มใจเข้าไปข้องเกี่ยวกับความวุ่นวายของตระกูลถังหรือเปล่า ในเมื่อตอน
เมื่อเห็นหลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวก้วนอวี่กรุ๊ปกับคุณชายหลูด้วยซ้ำ ผู้หญิงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที“ไอ้หนุ่ม อย่ามาโทษว่าฉันไม่ได้เตือนแกนะ!”“ที่เมืองจิง แม้แต่สี่ตระกูลที่ร่ำรวยก็ยังต้องไว้หน้าก้วนอวี่กรุ๊ป หากวันนี้เธอไม่คุกเข่าขอโทษ เกรงว่าจะรักษาชีวิตน้อย ๆของนายไว้ไม่ได้แล้ว!”“หึ พูดจาใหญ่โตดีนะ”หลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวคำขู่ของเธอหรอกเขาจ้องมองคุณชายหลูที่เกือบจะล้มไปกับพื้นเพราะความเมา ทั้งรู้สึกดูถูกชายหนุ่มจากตระกูลใหญ่ ที่เอาแต่เสวยสุขและไม่ยอมทำงานทำการแบบนี้“ไอ้...ไอ้หนุ่ม แกรู้ไหมว่าพี่ชายของฉันเป็นใคร?”“พี่ชายของฉันก็คือหลูข่ายหยวนดาบคลั่งแห่งสำนักจิ่วเซียว หากวันนี้แกกล้ากลับไปแบบนี้ละก็ ฉัน...ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่...”หลังจากที่ฟังคนขี้เมาคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังของตัวเอง หลินเฟิงฟังมานานพอสมควร เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วโทรหาจ้าวเทียนหวาให้เขาส่งคนเข้ามาจัดการอุบัติเหตุในครั้งนี้แล้วเขาก็เดินจากไปพร้อมกับอวี๋จื่อเสวียนก่อนที่จะแยกจากไป คุณชายหลูก็ยังตะโกนอยู่เรื่อย ๆว่า “แกไสหัวกลับมานะ ถ้าแกแน่จริงก็อย่าไปสิวะ แม่งเอ้ย....”“เอ๊ะเอ๊
“ฉันกลับหนีไปโดยไม่สนใจใคร เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ขอโทษนะคะ”ตอนที่พูดคำนี้ อวี๋จื่อเสวียนเบือนหน้ามองไปทางนอกหน้าต่างดูออกได้ว่าเธอยังเขินอายเล็กน้อย“ต่อไปฉันจะฟังพวกคุณ อยู่ที่ในบ้านอย่างว่าง่าย พอใจแล้วยัง?”เห็นเด็กคนนี้จู่ๆ รู้ความแล้วหลินเฟิงกลับไม่เคยชินเล็กน้อยแต่พูดตามตรงชีพจรมังกรของเด็กคนนี้ยังถือว่าอำพรางได้แนบชิดมาก ยอดฝีมือทั่วไปได้ไป ถ้าหากไม่มีความรู้ด้านยาเหมือนกับหลินเฟิง ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถมองออกได้หลินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า:“กลับไปครั้งนี้ ไปหาพี่ฮุ่ยหรานกับพี่ถังหว่านของเธอ ให้ทางด้านพวกเธอเตรียมเอกสาร ย้ายบริษัทบันเทิงของหลี่ซื่อกรุ๊ปไปที่เมืองเจิ้งเต๋อ”“ฉันออกเงินทุน พวกเธอจัดซื้ออุปกรณ์รับสมัครคนมีความสามารถ ไม่ทำบริษัทบันเทิงทั่วไปแล้ว แต่ลงทุนทำบริษัทภาพยนตร์และแผ่นเสียงโดยตรงเลย”มองไปยังปากเล็กๆ ของอวี๋จื่อเสวียนที่เปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ หลินเฟิงก็หัวเราะออกมาและยิ้มพูดว่า:“จ้องฉันทำไม? กำลังแค่นี้ฉันยังสามารถเอาออกมาได้ ต่อไปบริษัทแห่งนี้ก็มอบให้เธอกับอิ่นนั่วเจียจัดการดูแลแล้ว”“ได้กำไรแล้วอย่าลืมแบ่งเงินปันผลให้ฉัน”“ได้!”อวี
“ผม...ทราบแล้วครับ”ซือหม่าเหวินหางตากระตุกอย่างแรงก่อนกลับไป เขายังถลึงตาใส่หานเข่อเอ๋อร์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความตกใจจนตัวอ่อน จากนั้นส่งเสียงไม่พอใจในลำคอและจากไปและท่าทางแบบนี้ของซือหม่าเหวิน ทำให้เกิดการซุบซิบกันของเจ้าหน้าที่ในกองถ่าย“แม่เจ้า เมื่อเรียกก็มา พอกวักก็ไป คุณหลินคนนี้เห็นคุณชายของตระกูลซือหม่าเป็นอะไร?”“ฉันไม่เคยเห็นคุณชายซือหม่าเหวินจะถ่อมตัวขนาดนี้มาก่อน”“พวกเธอได้ยินแล้วยัง? เขายังสั่งสอนคุณชายซือหม่าเหวินด้วย!”“ไร้สาระ คุณดูคุณชายซือหม่าเหวินสิ แม้แต่ตอบโต้กลับก็ยังไม่กล้า!”“บ้าไปแล้ว บ้ามากๆ!”“หึ!”อวี๋จื่อเสวียนเห็นท่าทางกลับไปของซือหม่าเหวิน เธอกำมือแน่น พูดอย่างอวดดีว่า:“ไอ้หมอนั่นครั้งนี้ทำตัวว่าง่ายแล้วจริงๆ ไม่งั้นวันนี้ฉันจะต้องหาข้ออ้าง กระทืบเขาแรงๆ อีกสักยก!”คำพูดแบบนี้ของอวี๋จื่อเสวียนทำให้เจ้าหน้าของกองถ่ายตัวแข็งทื่อ“อีก?”ตามที่อวี๋จื่อเสวียนพูดเธอเคยกระทืบคุณชายซือหมาเหวินท่านนี้อย่างแรงด้วยงั้นเหรอ?นักเขียนบทที่อยู่ข้างๆ รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองจะหยุดเต้น เด็กคนนี้ในกองถ่ายของเขาเป็นใครกันแน่นะ!ไม่น่าแปลกที่เธอจ
เธอมองไปทางอวี๋จื่อเสวียนกับหลินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ ในสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและร้อนรนแตกต่างกับท่าทางกำเริบเสิบสานเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง หานเข่อเอ๋อร์ในตอนนี้สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่แท้จริงแล้วคิดไม่ถึงผู้ชายคนนี้เป็นคนที่แม้แต่คุณชายซือหม่ายังไม่กล้ามีเรื่องด้วย เบื้องหลังของเขาจะน่าหวาดกลัวขนาดไหนกัน?!ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อครู่ตอนเธอยั่วโมโหหลินเฟิงคนของกองถ่ายใช้สายตาเห็นใจมองดูเธอยังมีคนบอกว่าเธอคิดสั้นในตอนนี้หานเข่อเอ๋อร์ถึงได้เข้าใจสักทีหานเข่อเอ๋อร์ถือโทรศัพท์เอาไว้ด้วยความสั่นเทา และพูดเสียงสั่นว่า:“พี่เหวิน ขอร้องคุณล่ะ ช่วยฉันด้วย ฉัน...ฉันยังไม่อยากตาย พี่เหวิน เป็นพี่ที่โทรศัพท์หาผู้กำกับ ให้เขาเพิ่มบทให้ฉันไม่ใช่เหรอ?”“นี่แสดงว่าคุณยังให้ความสำคัญกับฉันใช่ไหมคะ?”“ผู้กำกับอะไร เพิ่มบทอะไร เรื่องบ้าบออะไร ฉันไม่รู้เรื่อง!”เสียงของซือหม่าเหวินเต็มไปด้วยความหงุดหงิด“นับตั้งแต่วันนี้ ห้ามโทรมาหาฉันอีก พวกเราพอแค่นี้ ใครก็ไม่เคยเจอใครทั้งนั้น ได้ยินแล้วยัง?!”“อ๊ะ?!”สัมผัสได้ถึงความร้อนรนและเด็ดขาดในน้ำเสียงของซือหม่าเหวิน ตอนนี้หานเข่อเอ๋อร์