หลิวหย่งหายใจหอบ“พี่ มีคนตบผม ที่มหาวิทยาลัยเจียงโจว”“ตบนาย?”หลิวหย่งหยุดการกระทำลง และขมวดคิ้วขึ้นมา: “ฉันบอกให้นายตั้งใจเรียน อย่าทำแบบนั้นที่ในมหาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอ?“ไม่ใช่นะ คนคนนี้กำเริบเสิบสานมาก ไม่ไว้แม้แต่หน้าพี่”“ว่าอะไรนะ…”หลิวฮ่าวอยู่ในโทรศัพท์หยุดชะงักครู่หนึ่ง ดูท่ากลัวว่าจะทำให้พี่ชายที่อารมณ์ร้อนของตัวเองโมโหจากนั้นพูดเสียงเบามาก: “เขาบอกว่าต่อให้พี่มา เขาก็ตบไม่เว้น”“อะไรนะ?”หลิวฮ่าวโมโหอย่างมาก ไม่ไว้แม้แต่หน้าของฉันหลิวหย่ง?โมโหก็ส่วนโมโหหลิวหย่งคลุกคลีอยู่กับเซียวคุนที่เขตตงเฉิงหลายปีขนาดนี้ ไม่ใช่คนที่รู้จักแต่ใช้กำลังเท่านั้น เขาหยุดชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นก็ข่มความโมโหของตัวเองและถามขึ้น: “เขาได้พูดไหมว่าเขาเป็นใคร?”“ชื่อ อย่างน้อยนายน่าจะรู้ชื่อของเขาสินะ?”“เขาชื่อ…หลินเฟิง”“หลินเฟิง?!”หลิวหย่งได้ยินชื่อนี้ก็นิ่งอึ้งทันที“หลินเฟิงไหน?”“เขาเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าผู้ผลิตยาของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง…”คนที่ชื่อซ้ำกับหลินเฟิงเมืองเจียงโจวไม่ใช่ว่าจะไม่มีแต่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลถัง อีกทั้งยังกำเริบเสิบสานขนาดนี้ ในหัวของหลิวหย่งก็
ภายใต้การบีบบังคับของพี่ชายตัวเอง หลิวฮ่าวก้มหน้าขอโทษไปทางหลินเฟิงภาพนี้ ทำให้นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนตกตะลึงพวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันหน้ามองไปทางหลนเฟิงที่หน้าตานิ่งเฉย ในใจสงสัยว่าศาสตราจารย์บรรยายในคณะแพทย์ของพวกเขาที่เพิ่งมาใหม่มีสถานะอะไรกันแน่นะยิ่งกว่านั้น ในดวงตาของนักศึกษาสาวหลายคนเริ่มเกิดเป็นประกายออกมาเห็นหลิวหย่งก็ยังเกรงใจและเคารพต่อหลินเฟิงขนาดนี้ โจวเสี่ยวหางก็วางใจได้แล้ว แต่ก็ยิ่งสงสัยต่อพี่ชายคนนี้ของหลินเสวี่ยฮุ่ยมากยิ่งขึ้นหลินเสวี่ยฮุ่ยรู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกถึงขั้นที่ผายอกขึ้นเล็กน้อย“เสวี่ยฮุ่ย เธอบอกว่าสุดหล่อคนนั้นเป็นพี่ชายของเธอไม่ใช่เหรอ? แนะนำให้พวกเราหน่อยสิ”“จริงด้วยเสวี่ยฮุ่ย เมื่อครู่ยังไม่ได้สังเกต ตอนนี้ดูแล้ว พี่ชายเธอหล่อระเบิดมากเลยนะ”“เสวี่ยฮุ่ย รีบไปถามพี่ชายเธอว่า นัดเดทไหม?”ได้ยินคำเอาอกเอาใจและสอบถามของเหล่านักศึกษาผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ หลินเสวี่ยฮุ่ยรู้สึกโมโหเล็กน้อย และรีบพูดขึ้น: “พวกเธอเลิกล้อเล่นเถอะ พี่ชายฉันไม่ใช่คนที่จะมีความสัมพันธ์ชู้สาวซี้ซั้ว”“อุ๊ย ๆ เสวี่ยฮุ่ย เธอเป็นแบบนี้ พวกเธอคงไม่ได้ไม่มีความส
“ได้ครับ ได้ครับ งั้นผมรอคุณอยู่ตรงนี้”หลิวหย่งก็ไม่รีบร้อน จุดบุหรี่แล้วนั่งยองตรงระเบียงทางเดินเพื่อรอหลินเฟิงก็ไม่ได้ไล่เขากลับ จากนั้นเข้าไปในห้อง เริ่มการบรรยายของตัวเองตอนนี้หลินเฟิงมีอำนาจชื่อเสียงในใจของกลุ่มนักศึกษาเป็นอย่างมาก ไม่เพียงนักศึกษาผู้หญิงที่ใฝ่ฝันต่อหลินเฟิง แม้แต่นักศึกษาชายก็รู้สึกซาบซึ้งและเลื่อมใสหลินเฟิงอย่างมากมีเพียงเสียงผู้หญิงที่แสบแก้วหูพูดเหน็บแนมอยู่ที่แถวหน้า“หึ ก็แค่ถือว่าเบื้องหลังตัวเองมีอำนาจนิดหน่อยไม่ใช่เหรอ? ดูเขาอวดดีซะ ยังจะพูดถึงการดูดมถามจับชีพจร ใครจะไปรู้ว่าเขารู้เรื่องแพทย์แผนจีนหรือเปล่า”ห้องเรียนที่เงียบสงบถูกประโยคนั้นของนักศึกษาสาวคนนั้นขัดจังหวะขึ้นหลินเฟิงมองไป พบว่าคนที่พูดก็คือผู้หญิงที่ย้อมผมสีทองเมื่อครู่นี้เขาก็คือผู้หญิงที่เข้าไปประคองหลิวฮ่าวเมื่อครู่นี้ ดูท่าเป็นเพราะเรื่องของหลิวฮ่าว จึงทำให้เธอไม่พอใจต่อหลินเฟิง“หือ?”“ดูท่านักศึกษาหญิงท่านนี้มีความสงสัยต่อวิชาแพทย์ของผม?”หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห เขายืนมือไขว้หลังและยิ้มพูด:“จากมุมมองของคำว่า “ดู” ในการแพทย์แผนจีน นักศึกษาหญิงท่านนี้ คุณมีถุงใต้ตา ร่องต
“พี่…พี่หลินเฟิงยังมีธุระอื่นอีก เขายุ่งมาก”หลินเสวี่ยฮุ่ยท่าทางอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และขยับเข้าไปปกป้องตรงหน้าหลินเฟิงเหมือนกับหมาน้อยที่หวงอาหาร“เสวี่ยฮุ่ยเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”“จริงด้วย จะครอบครองศาสตราจารย์หลินไปเองคนเดียวไม่ได้ไหม?”ท่าทางแบบนี้ของหลินเสวี่ยฮุ่ยทำให้เกิดความไม่พอใจของกลุ่มนักศึกษา“เอาล่ะเอาล่ะเสวี่ยฮุ่ย”หลินเฟิงไม่เคยเรียนอย่างเป็นระบบ ดังนั้นเขาไม่ได้รู้สึกไม่ชอบต่อความคิดของนักศึกษาที่กระหายต่อความรู้หลินเฟิงลูบศีรษะของหลินเสวี่ยฮุ่ยและยิ้มพูด: “ถ้าหากพวกคุณยังอยากฟัง งั้นทุกเดือนผมจะหาเวลาว่างมาบรรยายให้พวกคุณหนึ่งคลาส”“ทุกเดือนเหรอ…”กลุ่มนักเรียนต่างผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย“พวกเธอ…พวกเธอต้องรู้จักพอ พี่หลินเฟิงยุ่งมากจริง ๆ!”หลินเสวี่ยฮุ่ยรับสายตาบอกเป็นนัยของผู้หญิงสองสามคน ใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู“เอาล่ะ เลิกเรียนได้”หลินเฟิงสีหน้าเคร่งขรึม และประกาศเลิกเรียน“ขอบคุณศาสตราจารย์หลิน”กลุ่มนักเรียนพากันโค้งคำนับหลินเฟิง อีกทั้งยังออกมาจากใจจริงนี่ทำให้หลินเฟิงนึกถึงเมื่อสามปีที่แล้วตอนที่เขาอยู่ที่สำนักเสวียนเท
เพียงแต่ว่าตระกูลเซี่ยงที่อยู่เมืองหยางเฉิง ทำไมถึงได้มีปัญหากับเซียวคุนของเมืองเจียวโจว?เห็นหลินเฟิงสีหน้างุนงง หลิวหย่งกลับถอนหายใจพูดว่า: “คุณหลินคงจะไม่ทราบว่า ตระกูลเซี่ยงมีความร่วมมือกับพวกเรา”“พวกเรารับผิดชอบลงทุนที่ดิน และจัดการเส้นสายด้านต่าง ๆ ของเมืองเจียงโจว พวกเขารับผิดชอบลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตยา”“พูดว่าจะช่วงชิงตลาดยาของเมืองเจียงโจวเลยก็ได้”“ถ้าหากผมจำไม่ผิด เซียวคุนโดนพิษก่อนที่จะเริ่มเรื่องของยาบำรุงสตรี”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“ใช่ครับ ตอนนั้นตระกูลเซี่ยงไม่พอใจกับราคาที่พวกเราเสนอ พวกเราจึงแตกหักกัน”หลิวหย่งพูดอย่างจริงจัง:“ผมสงสัยว่าเป็นในตอนนั้นที่พี่ใหญ่ของผมถูกวางยาพิษ”“ผ่านไปช่วงหนึ่ง พวกเขาก็มาเจรจากับพวกเราอีก ครั้งนี้ใจกว้างกว่าเดิมมาก ต่อให้เป็นเพราะความไม่พอใจก่อนหน้าพี่ใหญ่เซียวคุนจึงเสนอราคาเป็นสองเท่า แต่ตระกูลเซี่ยงกลับรับปาก”“แต่ผลลัพธ์คุณก็เห็นแล้ว ยาบำรุงตระกูลเซี่ยงพ่ายแพ้ให้กับตระกูลถัง ดังนั้นพวกตระกูลเซี่ยงไม่คิดที่จะจ่ายเงินงวดสุดท้ายให้พวกเรา”หลิวหย่งจ้องมองหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น:“ผมได้ยินมาว่าคุณหลินกับตระกูลเซี่ยงมีความแค้นกัน แล
ในขณะที่ทุกคน รวมทั้งหลิวหย่งกำลังมึนงง หลินเฟิงก็เปลี่ยนหัวข้อพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า:“ไม่ใช่แค่เหลือลมหายใจสุดท้าย ต่อให้พวกคุณจะไม่เหลือลมหายใจแล้ว ผมก็สามารถช่วยให้กลับมาได้”“เชี่ย!”“สุดยอด!”“ใจเด็ดมาก!”ในตอนที่ทุกคนต่างคิดว่าหลินเฟิงจะมีการถ่อมตัวเอาไว้ กลับคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะพูดด้วยความมั่นใจในตัวเอง และพูดอย่างเต็มที่แบบนี้แม้แต่หลิวหย่งก็คาดไม่ถึงท่าทางที่มั่นใจตัวเองของหลินเฟิง ทำให้ส่งเสริมขวัญกำลังใจของพวกเขาอย่างมากในที่นี้ก็ไม่มีใครที่จะเกรงกลัวว่าตระกูลเซี่ยงจะวางยาพิษพวกเขาอีกทันใดนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็เริ่มส่งเสียงร้องตะโกน จะแสดงอำนาจให้ตระกูลเซี่ยงได้เห็น“ถ้าไม่ซ่อนกลอุบายไว้ งั้นฉันก็ไม่กลัวหรอก!”“สหายทุกคน ไป ไปตระกูลเซี่ยงกัน!”“ไป!”คนกลุ่มหนึ่งขึ้นรถไปพร้อมกับส่งเสียงร้องตะโกน ขบวนรถยาวเหยียดสร้างภูมิทัศน์พิเศษสายหนึ่ง ดึงดูดผู้คนที่เดินไปมานับไม่ถ้วนให้หยุดมอง อันที่จริงความกังวลของหลิวหย่งนั้นถูกต้องในเวลานี้ที่โรงงานของที่หยุดทำการของตระกูลเซี่ยง ไป๋จินเต๋อโทรหาเซี่ยงตงเซิงที่ตัวอยู่ที่เมืองหยางเฉิงด้วยสีหน้าที่ลำพองใจ“น่าจ
“คิดไม่ถึงว่าตระกูลเซี่ยงยังจะวางกับดักไว้ให้ฉันจริง ๆ หากวันนี้คุณหลินไม่มาที่นี่ด้วย พวกเราเหล่าสหายอาจจะตกหลุมพรางตระกูลเซี่ยงไปแล้ว!”“ขอถามคุณหลิน เส้นไหมพวกนี้....”“เส้นไหมพวกนี้เป็นเพียงแค่ชั้นนอกสุด ปนเปื้อนพิษของหญ้าแมงมุมฟ้าเท่านั้น ทำให้คนที่ไปสัมผัสหมดสติโดยไม่รู้ตัว แต่มันก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอก”หลังจากที่หลินเฟิงเข้าไปใกล้เพื่อสังเกตอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที“มันก็เป็นแค่อุบายเด็ก ๆ เพียงแค่ใช้อาวุธฟาดออกไปข้างหน้า อย่าให้พิษบนเส้นไหมโดนผิวหนัง มันก็ไม่มีผลอะไรแล้ว”“ทุกคนได้ยินกันหมดแล้วนะ อย่าให้พิษเส้นไหมนั้นโดนผิวหนังของตัวเองเด็ดขาด!”หลิวหย่งหันหลังไปตะโกนใส่พวกลูกน้อง จากนั้นก็เขาก็เปิดทาง ยกมีดปังตอขึ้นแล้วโบกไปที่ด้านหน้า ทำให้เส้นไหมที่เดิมทีขึงตึงนั้นขาดออกจากกัน“หืม?”ภายในโรงงานในขณะนี้ ไป๋จินเต๋อที่เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ของเซี่ยงตงเซิงขมวดคิ้วขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าตาข่ายป้องกันที่เขาขึงไว้นั้นถูกคนแตะต้อง ก่อนจะหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าเซียวคุนกับคนอื่น ๆจะมาหาถึงที่แล้วจริง ๆ และคิดจะเอาที่ดินเช่าโรงงานคืนด้วยแต่ใ
“ถอย!”หลิวหย่งรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะอวดดี ในเมื่อคุณหลินพูดแล้ว งั้นก็ควรจะเชื่อใจคุณหลิน ในเมื่อที่ดินอยู่ตรงนี้ ต่อให้หลินเฟิงอยากได้ก็เอาไปไม่ได้ดังนั้นเขาจึงถูกลูกน้องหามขึ้นมา แล้วพาหนีออกไปที่ด้านนอกของโรงงานในเวลานี้ พวกเขาเพิ่งจะมองเห็นหมอกควันสีน้ำเงินจาง ๆที่อยู่บนท้องฟ้า ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า“คุณหลินคนนั้นเป็นเทพจริง ๆด้วย ถึงได้มองเห็นทุกอย่าง”ลูกน้องคนหนึ่งเอาแขนที่ปิดปากปิดดจมูกออก แล้วพูดออกมาด้วยความตกตะลึง“ใช่แล้ว แถมยังมีความสามารถที่น่ากลัวอีกด้วย เมื่อครู่นายเห็นที่เขาเอาชนะพี่หย่งด้วยสองมือไหม เด็ดขาดว่องไว ไม่มีอืดอาดยืดยาดสักนิด”“เอาล่ะ หุบปากให้หมด!”เมื่อหลิวหย่งได้ยินว่าตัวเองเพิ่งจะถูกหลินเฟิงเอาชนะได้ ในใจก็เกิดความกลัวพร้อมกับสีหน้าที่แดงเล็กน้อยเขาเป็นลูกน้องที่เชี่ยวชาญในการรบมากที่สุดของเซียวคุนหลังจากที่เดินทางไปทั่วทุกที่เป็นเวลาหลายปี ก็ได้รับการกล่าวขาน แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะโดนหลินเฟิงเอาชนะด้วยสองมือได้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจเขาก็รู้สึกอับอายด้วยความโกรธและชื่นชมด้วยความยินด