หลิวหย่งหายใจหอบ“พี่ มีคนตบผม ที่มหาวิทยาลัยเจียงโจว”“ตบนาย?”หลิวหย่งหยุดการกระทำลง และขมวดคิ้วขึ้นมา: “ฉันบอกให้นายตั้งใจเรียน อย่าทำแบบนั้นที่ในมหาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอ?“ไม่ใช่นะ คนคนนี้กำเริบเสิบสานมาก ไม่ไว้แม้แต่หน้าพี่”“ว่าอะไรนะ…”หลิวฮ่าวอยู่ในโทรศัพท์หยุดชะงักครู่หนึ่ง ดูท่ากลัวว่าจะทำให้พี่ชายที่อารมณ์ร้อนของตัวเองโมโหจากนั้นพูดเสียงเบามาก: “เขาบอกว่าต่อให้พี่มา เขาก็ตบไม่เว้น”“อะไรนะ?”หลิวฮ่าวโมโหอย่างมาก ไม่ไว้แม้แต่หน้าของฉันหลิวหย่ง?โมโหก็ส่วนโมโหหลิวหย่งคลุกคลีอยู่กับเซียวคุนที่เขตตงเฉิงหลายปีขนาดนี้ ไม่ใช่คนที่รู้จักแต่ใช้กำลังเท่านั้น เขาหยุดชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นก็ข่มความโมโหของตัวเองและถามขึ้น: “เขาได้พูดไหมว่าเขาเป็นใคร?”“ชื่อ อย่างน้อยนายน่าจะรู้ชื่อของเขาสินะ?”“เขาชื่อ…หลินเฟิง”“หลินเฟิง?!”หลิวหย่งได้ยินชื่อนี้ก็นิ่งอึ้งทันที“หลินเฟิงไหน?”“เขาเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าผู้ผลิตยาของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง…”คนที่ชื่อซ้ำกับหลินเฟิงเมืองเจียงโจวไม่ใช่ว่าจะไม่มีแต่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลถัง อีกทั้งยังกำเริบเสิบสานขนาดนี้ ในหัวของหลิวหย่งก็
ภายใต้การบีบบังคับของพี่ชายตัวเอง หลิวฮ่าวก้มหน้าขอโทษไปทางหลินเฟิงภาพนี้ ทำให้นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนตกตะลึงพวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันหน้ามองไปทางหลนเฟิงที่หน้าตานิ่งเฉย ในใจสงสัยว่าศาสตราจารย์บรรยายในคณะแพทย์ของพวกเขาที่เพิ่งมาใหม่มีสถานะอะไรกันแน่นะยิ่งกว่านั้น ในดวงตาของนักศึกษาสาวหลายคนเริ่มเกิดเป็นประกายออกมาเห็นหลิวหย่งก็ยังเกรงใจและเคารพต่อหลินเฟิงขนาดนี้ โจวเสี่ยวหางก็วางใจได้แล้ว แต่ก็ยิ่งสงสัยต่อพี่ชายคนนี้ของหลินเสวี่ยฮุ่ยมากยิ่งขึ้นหลินเสวี่ยฮุ่ยรู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกถึงขั้นที่ผายอกขึ้นเล็กน้อย“เสวี่ยฮุ่ย เธอบอกว่าสุดหล่อคนนั้นเป็นพี่ชายของเธอไม่ใช่เหรอ? แนะนำให้พวกเราหน่อยสิ”“จริงด้วยเสวี่ยฮุ่ย เมื่อครู่ยังไม่ได้สังเกต ตอนนี้ดูแล้ว พี่ชายเธอหล่อระเบิดมากเลยนะ”“เสวี่ยฮุ่ย รีบไปถามพี่ชายเธอว่า นัดเดทไหม?”ได้ยินคำเอาอกเอาใจและสอบถามของเหล่านักศึกษาผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ หลินเสวี่ยฮุ่ยรู้สึกโมโหเล็กน้อย และรีบพูดขึ้น: “พวกเธอเลิกล้อเล่นเถอะ พี่ชายฉันไม่ใช่คนที่จะมีความสัมพันธ์ชู้สาวซี้ซั้ว”“อุ๊ย ๆ เสวี่ยฮุ่ย เธอเป็นแบบนี้ พวกเธอคงไม่ได้ไม่มีความส
“ได้ครับ ได้ครับ งั้นผมรอคุณอยู่ตรงนี้”หลิวหย่งก็ไม่รีบร้อน จุดบุหรี่แล้วนั่งยองตรงระเบียงทางเดินเพื่อรอหลินเฟิงก็ไม่ได้ไล่เขากลับ จากนั้นเข้าไปในห้อง เริ่มการบรรยายของตัวเองตอนนี้หลินเฟิงมีอำนาจชื่อเสียงในใจของกลุ่มนักศึกษาเป็นอย่างมาก ไม่เพียงนักศึกษาผู้หญิงที่ใฝ่ฝันต่อหลินเฟิง แม้แต่นักศึกษาชายก็รู้สึกซาบซึ้งและเลื่อมใสหลินเฟิงอย่างมากมีเพียงเสียงผู้หญิงที่แสบแก้วหูพูดเหน็บแนมอยู่ที่แถวหน้า“หึ ก็แค่ถือว่าเบื้องหลังตัวเองมีอำนาจนิดหน่อยไม่ใช่เหรอ? ดูเขาอวดดีซะ ยังจะพูดถึงการดูดมถามจับชีพจร ใครจะไปรู้ว่าเขารู้เรื่องแพทย์แผนจีนหรือเปล่า”ห้องเรียนที่เงียบสงบถูกประโยคนั้นของนักศึกษาสาวคนนั้นขัดจังหวะขึ้นหลินเฟิงมองไป พบว่าคนที่พูดก็คือผู้หญิงที่ย้อมผมสีทองเมื่อครู่นี้เขาก็คือผู้หญิงที่เข้าไปประคองหลิวฮ่าวเมื่อครู่นี้ ดูท่าเป็นเพราะเรื่องของหลิวฮ่าว จึงทำให้เธอไม่พอใจต่อหลินเฟิง“หือ?”“ดูท่านักศึกษาหญิงท่านนี้มีความสงสัยต่อวิชาแพทย์ของผม?”หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห เขายืนมือไขว้หลังและยิ้มพูด:“จากมุมมองของคำว่า “ดู” ในการแพทย์แผนจีน นักศึกษาหญิงท่านนี้ คุณมีถุงใต้ตา ร่องต
“พี่…พี่หลินเฟิงยังมีธุระอื่นอีก เขายุ่งมาก”หลินเสวี่ยฮุ่ยท่าทางอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และขยับเข้าไปปกป้องตรงหน้าหลินเฟิงเหมือนกับหมาน้อยที่หวงอาหาร“เสวี่ยฮุ่ยเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”“จริงด้วย จะครอบครองศาสตราจารย์หลินไปเองคนเดียวไม่ได้ไหม?”ท่าทางแบบนี้ของหลินเสวี่ยฮุ่ยทำให้เกิดความไม่พอใจของกลุ่มนักศึกษา“เอาล่ะเอาล่ะเสวี่ยฮุ่ย”หลินเฟิงไม่เคยเรียนอย่างเป็นระบบ ดังนั้นเขาไม่ได้รู้สึกไม่ชอบต่อความคิดของนักศึกษาที่กระหายต่อความรู้หลินเฟิงลูบศีรษะของหลินเสวี่ยฮุ่ยและยิ้มพูด: “ถ้าหากพวกคุณยังอยากฟัง งั้นทุกเดือนผมจะหาเวลาว่างมาบรรยายให้พวกคุณหนึ่งคลาส”“ทุกเดือนเหรอ…”กลุ่มนักเรียนต่างผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย“พวกเธอ…พวกเธอต้องรู้จักพอ พี่หลินเฟิงยุ่งมากจริง ๆ!”หลินเสวี่ยฮุ่ยรับสายตาบอกเป็นนัยของผู้หญิงสองสามคน ใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู“เอาล่ะ เลิกเรียนได้”หลินเฟิงสีหน้าเคร่งขรึม และประกาศเลิกเรียน“ขอบคุณศาสตราจารย์หลิน”กลุ่มนักเรียนพากันโค้งคำนับหลินเฟิง อีกทั้งยังออกมาจากใจจริงนี่ทำให้หลินเฟิงนึกถึงเมื่อสามปีที่แล้วตอนที่เขาอยู่ที่สำนักเสวียนเท
เพียงแต่ว่าตระกูลเซี่ยงที่อยู่เมืองหยางเฉิง ทำไมถึงได้มีปัญหากับเซียวคุนของเมืองเจียวโจว?เห็นหลินเฟิงสีหน้างุนงง หลิวหย่งกลับถอนหายใจพูดว่า: “คุณหลินคงจะไม่ทราบว่า ตระกูลเซี่ยงมีความร่วมมือกับพวกเรา”“พวกเรารับผิดชอบลงทุนที่ดิน และจัดการเส้นสายด้านต่าง ๆ ของเมืองเจียงโจว พวกเขารับผิดชอบลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตยา”“พูดว่าจะช่วงชิงตลาดยาของเมืองเจียงโจวเลยก็ได้”“ถ้าหากผมจำไม่ผิด เซียวคุนโดนพิษก่อนที่จะเริ่มเรื่องของยาบำรุงสตรี”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“ใช่ครับ ตอนนั้นตระกูลเซี่ยงไม่พอใจกับราคาที่พวกเราเสนอ พวกเราจึงแตกหักกัน”หลิวหย่งพูดอย่างจริงจัง:“ผมสงสัยว่าเป็นในตอนนั้นที่พี่ใหญ่ของผมถูกวางยาพิษ”“ผ่านไปช่วงหนึ่ง พวกเขาก็มาเจรจากับพวกเราอีก ครั้งนี้ใจกว้างกว่าเดิมมาก ต่อให้เป็นเพราะความไม่พอใจก่อนหน้าพี่ใหญ่เซียวคุนจึงเสนอราคาเป็นสองเท่า แต่ตระกูลเซี่ยงกลับรับปาก”“แต่ผลลัพธ์คุณก็เห็นแล้ว ยาบำรุงตระกูลเซี่ยงพ่ายแพ้ให้กับตระกูลถัง ดังนั้นพวกตระกูลเซี่ยงไม่คิดที่จะจ่ายเงินงวดสุดท้ายให้พวกเรา”หลิวหย่งจ้องมองหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น:“ผมได้ยินมาว่าคุณหลินกับตระกูลเซี่ยงมีความแค้นกัน แล
ในขณะที่ทุกคน รวมทั้งหลิวหย่งกำลังมึนงง หลินเฟิงก็เปลี่ยนหัวข้อพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า:“ไม่ใช่แค่เหลือลมหายใจสุดท้าย ต่อให้พวกคุณจะไม่เหลือลมหายใจแล้ว ผมก็สามารถช่วยให้กลับมาได้”“เชี่ย!”“สุดยอด!”“ใจเด็ดมาก!”ในตอนที่ทุกคนต่างคิดว่าหลินเฟิงจะมีการถ่อมตัวเอาไว้ กลับคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะพูดด้วยความมั่นใจในตัวเอง และพูดอย่างเต็มที่แบบนี้แม้แต่หลิวหย่งก็คาดไม่ถึงท่าทางที่มั่นใจตัวเองของหลินเฟิง ทำให้ส่งเสริมขวัญกำลังใจของพวกเขาอย่างมากในที่นี้ก็ไม่มีใครที่จะเกรงกลัวว่าตระกูลเซี่ยงจะวางยาพิษพวกเขาอีกทันใดนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็เริ่มส่งเสียงร้องตะโกน จะแสดงอำนาจให้ตระกูลเซี่ยงได้เห็น“ถ้าไม่ซ่อนกลอุบายไว้ งั้นฉันก็ไม่กลัวหรอก!”“สหายทุกคน ไป ไปตระกูลเซี่ยงกัน!”“ไป!”คนกลุ่มหนึ่งขึ้นรถไปพร้อมกับส่งเสียงร้องตะโกน ขบวนรถยาวเหยียดสร้างภูมิทัศน์พิเศษสายหนึ่ง ดึงดูดผู้คนที่เดินไปมานับไม่ถ้วนให้หยุดมอง อันที่จริงความกังวลของหลิวหย่งนั้นถูกต้องในเวลานี้ที่โรงงานของที่หยุดทำการของตระกูลเซี่ยง ไป๋จินเต๋อโทรหาเซี่ยงตงเซิงที่ตัวอยู่ที่เมืองหยางเฉิงด้วยสีหน้าที่ลำพองใจ“น่าจ
“คิดไม่ถึงว่าตระกูลเซี่ยงยังจะวางกับดักไว้ให้ฉันจริง ๆ หากวันนี้คุณหลินไม่มาที่นี่ด้วย พวกเราเหล่าสหายอาจจะตกหลุมพรางตระกูลเซี่ยงไปแล้ว!”“ขอถามคุณหลิน เส้นไหมพวกนี้....”“เส้นไหมพวกนี้เป็นเพียงแค่ชั้นนอกสุด ปนเปื้อนพิษของหญ้าแมงมุมฟ้าเท่านั้น ทำให้คนที่ไปสัมผัสหมดสติโดยไม่รู้ตัว แต่มันก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอก”หลังจากที่หลินเฟิงเข้าไปใกล้เพื่อสังเกตอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที“มันก็เป็นแค่อุบายเด็ก ๆ เพียงแค่ใช้อาวุธฟาดออกไปข้างหน้า อย่าให้พิษบนเส้นไหมโดนผิวหนัง มันก็ไม่มีผลอะไรแล้ว”“ทุกคนได้ยินกันหมดแล้วนะ อย่าให้พิษเส้นไหมนั้นโดนผิวหนังของตัวเองเด็ดขาด!”หลิวหย่งหันหลังไปตะโกนใส่พวกลูกน้อง จากนั้นก็เขาก็เปิดทาง ยกมีดปังตอขึ้นแล้วโบกไปที่ด้านหน้า ทำให้เส้นไหมที่เดิมทีขึงตึงนั้นขาดออกจากกัน“หืม?”ภายในโรงงานในขณะนี้ ไป๋จินเต๋อที่เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ของเซี่ยงตงเซิงขมวดคิ้วขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าตาข่ายป้องกันที่เขาขึงไว้นั้นถูกคนแตะต้อง ก่อนจะหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าเซียวคุนกับคนอื่น ๆจะมาหาถึงที่แล้วจริง ๆ และคิดจะเอาที่ดินเช่าโรงงานคืนด้วยแต่ใ
“ถอย!”หลิวหย่งรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะอวดดี ในเมื่อคุณหลินพูดแล้ว งั้นก็ควรจะเชื่อใจคุณหลิน ในเมื่อที่ดินอยู่ตรงนี้ ต่อให้หลินเฟิงอยากได้ก็เอาไปไม่ได้ดังนั้นเขาจึงถูกลูกน้องหามขึ้นมา แล้วพาหนีออกไปที่ด้านนอกของโรงงานในเวลานี้ พวกเขาเพิ่งจะมองเห็นหมอกควันสีน้ำเงินจาง ๆที่อยู่บนท้องฟ้า ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า“คุณหลินคนนั้นเป็นเทพจริง ๆด้วย ถึงได้มองเห็นทุกอย่าง”ลูกน้องคนหนึ่งเอาแขนที่ปิดปากปิดดจมูกออก แล้วพูดออกมาด้วยความตกตะลึง“ใช่แล้ว แถมยังมีความสามารถที่น่ากลัวอีกด้วย เมื่อครู่นายเห็นที่เขาเอาชนะพี่หย่งด้วยสองมือไหม เด็ดขาดว่องไว ไม่มีอืดอาดยืดยาดสักนิด”“เอาล่ะ หุบปากให้หมด!”เมื่อหลิวหย่งได้ยินว่าตัวเองเพิ่งจะถูกหลินเฟิงเอาชนะได้ ในใจก็เกิดความกลัวพร้อมกับสีหน้าที่แดงเล็กน้อยเขาเป็นลูกน้องที่เชี่ยวชาญในการรบมากที่สุดของเซียวคุนหลังจากที่เดินทางไปทั่วทุกที่เป็นเวลาหลายปี ก็ได้รับการกล่าวขาน แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะโดนหลินเฟิงเอาชนะด้วยสองมือได้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจเขาก็รู้สึกอับอายด้วยความโกรธและชื่นชมด้วยความยินด
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน