วินาทีต่อมาหลินเฟิงปล่อยชี่แท้ออกมา ชี่แท้สีขาวบริสุทธิ์ไม่มีสิ่งปนเปื้อนใด ๆ แทบจะใกล้เคียงกับสีโปร่งใส อีกทั้งชี่แท้เกาะกลุ่มกันอยู่บนตัวของหลินเฟิง เหมือนกับเป็นเสื้อเกราะล่องหนเมื่อย้อนกลับมาดูชี่แท้ของเซี่ยงหลง ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบเทียบกับหลินเฟิงแล้วต่างกันเหมือนฟ้ากับดิน“นายก็อยู่ในขั้นเทพเหรอ?” เซี่ยงหลงตกตะลึงอย่างมาก ไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเองด้วยซ้ำหวงเฮ่อเห็นแบบนี้ก็ไม่อยากจะเชื่อ: “นี่...ชี่แท้ของหลินเฟิงบริสุทธิ์ถึงขั้นนี้เลยเหรอ?”“นี่เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีคนที่จะทำให้ชี่แท้บริสุทธิ์ได้ถึงขั้นนี้” ฉินเซี่ยวเทียนส่ายหน้าติดต่อกันแล้วคิดว่านี่มันเป็นไปไม่ได้คนทั่วไปทำไมได้จริง ๆ นั่นแหละ แต่หลินเฟิงเหยียบเข้าขั้นเทพสองครั้ง ชี่แท้บริสุทธิ์ทั้งสองครั้ง ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้มองดูหลินเฟิงควบคุมชี่แท้ได้อย่างดีเลิศ และชี่แท้ที่บริสุทธิ์ถึงขั้นนี้ เซี่ยงหลงเดือดเป็นฟืนเป็นไฟตั้งแต่เล็กเขาถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะ เขาไม่เชื่อและไม่สามารถยอมรับได้ว่ามีคนแข็งแกร่งกว่าเขา“แม่ง วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ได้”เซี่ยงหลงในตอนนี้ไม่มีความใจเย็นเหมือนเมื
มองดูพี่ชายที่สุดยอดของเธอ กำลังวังชาของเธอที่ถูกหลินเฟิงทำลายก็ถูกโจมตีอีกครั้ง เธอไม่อยากที่จะเชื่อกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าจริง ๆจากนั้นก็หนีออกไปอย่างบ้าคลั่งโอวหยางชิ่งมาขวางหน้าหลินเฟิงทันที และพูดตวาดออกมาอย่างดุดัน: “หยุดเดี๋ยวนี้” พอหลินเฟิงได้ยิน ก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนผู้นี้: “คุณเป็นใครกันอีก?” “ฉันคือคู่หมั้นของเซี่ยงหลง คุณจะฆ่าเขาไม่ได้” โอวหยางชิ่งกล่าวด้วยโกรธออกมา“น่าขัน”หลินเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา: “เขามัดตัวเพื่อนของผม และยังจะให้ผมคุกเข่าขอโทษ ตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม ยังที่ฆ่าเขาไม่ได้?” “คุณคิดว่ากำลังเล่นเกมอยู่งั้นเหรอ?”โอวหยางชิ่งขมวดคิ้ว: “เซี่ยงหลงเป็นศิษย์เอกของสำนักเสินฉือ ถ้าคุณกล้าที่จะฆ่าเขา สำนักเสินฉือไม่ปล่อยคุณไว้แน่นอน” “ฮ่าฮ่าฮ่า……”หลินเฟิงหัวเราะออกมาเสียงดัง: “ก็แค่สำนักเสินฉือยังกล้าที่จะทำการอวดดีต่อหน้าผม ถึงแม้ว่าผู้นำของสำนักเสินฉือมาเองผมก็จะลงมือฆ่าอยู่ดี”“คุณ……”โอวหยางชิ่งคาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงนั้นจะไม่เห็นสำนักเสินฉืออยู่ในสายตา“ไอ้สกุลหลิน วันนี้ฉันจะพูดไว้ตรงนี้ ถ้าคุณกล้าที่แตะต้องเซี่ยงหลง สำนักเสินฉือของ
“ทุกคนที่นี่ก็มีส่วนร่วม ทำไมถึงเอาคุณงามความดีไปวางไว้ที่บนหัวของเขา?” หลินเสวี่ยเยี่ยนดูถูกเหยียดหยามีกำพืดของหลินเฟิงท่านผู้นำตระกูลของครอบครัวตัวเองก็เอาแต่พูดว่าโชคดีเอาแต่พูดว่าผู้มีพระคุณอย่างมาก ไม่มีอะไรมากไปกว่าการพยายามจับคู่ให้ถังหว่านกับหลินเฟิงแล้วแต่นี้เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากเห็นมากที่สุดได้ฟังคำพูดของหลินเสวี่ยเยี่ยน ถังว่านหลี่ก็หยุดไปชั่วครู่หวงเฮ่อ ฉินเซี่ยวเทียนและหลานเฟย กลับมีสีหน้าเก้กังสำหรับเรื่องในวันนี้ พวกเขาทั้งสามคนจะมีหรือไม่มีอยู่ก็ได้ ถ้าหากว่าไม่มีหลินเฟิง พวกเขาจะสามารถกลับมาได้ไหมก็ไม่แน่ถังอวิ๋นเฟิงพยักหน้าพูด: “อาสะใภ้รองพูดไม่ผิด คุณงามความดีนี้ไม่สามารถที่จะยกมอบให้กับหลินเฟิงได้”เขาหันหน้ากลับไปหาหลานเฟยแล้วพูดขึ้น: “หลานเฟย ลูกน้องของคุณละ?”หลานเฟยเม้มริมฝีปาก แล้วพูดด้วยความเจ็บปวด: “ตะ…ตายหมดแล้ว”ถังอวิ๋นเฟิงนั้นไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรเลยกับพวกบอดี้การ์ดเหล่านั้นที่ตายไป จากนั้นพูดขึ้น: “คุณดูสิ ตระกูลถังของพวกเราได้เสียสละชีวิตไปตั้งกี่คน ถึงสามารถที่จะช่วยถังหว่านกลับมาได้”ฉินเซี่ยวเทียนและหวงเฮ่อได้ยินแบบนี้สีหน้าดูมีความอึ
ถังหว่านพยักหน้าติดต่อกันในตอนนี้หลินเสวี่ยเยี่ยนเอ่ยปากพูด: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นคุณก็พักที่นี่เถอะ เพื่อไม่ให้คนอื่นพูดว่าเราตระกูลถังไม่รู้จักรับแขก”“อิ๋งอิ๋ง วันนี้หนูก็นอนค้างที่นี่เถอะ”ฉินอิ๋งอึ้งชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าตัวเองก็ถูกเชิญเช่นกัน: “ฮะ?”“อิ๋งอิ๋ง หนูไม่ได้นอนที่บ้านเรามานานแล้ว พอดีเลยคืนนี้หนูก็นอนห้องเดียวกับหว่านเอ๋อ หนูสองคนก็คุยพูดคุยกันเต็มที่” หลินเสวี่ยเยี่ยนยิ้มแล้วพูดขึ้นถังหว่านหมดคำจะพูด เธอยอมจริง ๆ กับคุณแม่ของเธอ กลัวตัวเองกับหลินเฟิงอยู่ใกล้กันขนาดนั้นเลยเหรอ?เผชิญหน้ากับการชักเชิญด้วยความเมตตาของตระกูลถัง หลินเฟิงและฉินอิ๋งไม่กล้าที่จะปฏิเสธเท่าไหร่ฉินอิ๋งกับถังหว่านนอนห้องเดียวกันหลินเฟิงถูกสองคนจัดแจงให้อยู่ชั้นล่างของทั้งสองคน อยู่ตรงข้างห้องของถังว่านหลี่และหลินเสวี่ยเยี่ยนแต่ได้ถูกป้องกันอย่างเข้มงวดจริง ๆตกช่วงเวลากลางคืนในช่วงกลางคืนนั้นถังหว่านเริ่มที่จะคลานลงจากเตียง สวมเพียงชุดนอนผ้าลินินเพียงตัวเดียวฉินอิ๋งที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจกับเธอเช่นกัน“พี่หว่านเอ๋อ จะไปไหน?”ถังหว่านหัวเราะ: “แน่นอนว่าไปหาหลินเฟิงน่ะสิ”“ฮะ?”
ถังหว่านกลอกตาไปมา: “ชิ”“แต่งงานกับคุณชายใหญ่ตระกูลหลงก็เป็นหน้าเป็นตาให้แม่แล้วเหรอ?”หลินเสวี่ยเยี่ยนพูดด้วยความเย็นชา: “ฉันไม่อยากที่จะสนทนาเรื่องนี้กับเธอ ไสหัวกลับไปนอนซะ”“รู้แล้ว” ถังหว่างพูดกลบเกลื่อนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดจากนั้นก็หันหลังกลับขึ้นไปหลินเฟิงที่อยู่ภายในห้องหลับตาพักผ่อน นั่งขัดสมาธิอยู่ เขาได้ยินเสียงที่มาจากนอกห้องอย่างชัดเจนถังหว่านนี้คนนี้น่าตลกจริง ๆ......ในขณะเดียวกัน คฤหาสน์ของตระกูลเซี่ยงเซี่ยงตงเซิงคิดว่าวันนี้ตัวเองก็สามารถที่จะเอาตำรับยาปรับประสานพลังมาได้แล้วในเมื่อลูกชายของเขาออกโรง จะไม่ใช่เรื่องง่ายดายหรอกเหรอขณะที่เขานั่งอยู่ในห้องหนังสือเพื่อวางแผนอนาคตของตระกูล เซี่ยงจื่อหลานก็วิ่งโซซัดโซเซเข้าไป“จื่อหลาน? เรื่องเรียบร้อยแล้วเหรอ?” เซี่ยงตงเซิงเห็นลูกสาวของตัวเองกลับมาแล้ว จึงรีบถามขึ้นทเซี่ยงจื่อหลานกล่าวด้วยสีหน้าหวาดกลัว: “พ่อ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของลูกสาวฉัน หัวใจของเซี่ยงตงเซิงก็กระตุกเล็กน้อย หรือว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับลูกชายของเขา?“ลูก มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”เซี่ยงจื่อหลานตัวสั่นไปทั้งตัว
ในตอนนี้เซี่ยงตงเซิงพูดว่า: “คุณหนูโอวหยาง หลงเอ๋อก็ถือได้ว่าเป็นคู่หมั้นของคุณ หรือว่าคุณจะมองดูอยู่เฉย ๆ ไม่แก้แค้นให้เขา”“ฉันพูดเมื่อไหร่ว่าจะไม่ให้คุณแก้แค้น แค้นของเซี่ยงหลงแน่นอนว่าจะฉันจะต้องแก้แค้น รอฉันรายงานคุณพ่อก่อน แล้วค่อยวางแผน”โอวหยางชิ่งพูดด้วยความเย็นชา: “ไม่ว่าจะยังไงเซี่ยงหลงก็เป็นสมาชิกของสำนักเสินฉือ ฉันจะไม่มีทางนั่งดูเฉย ๆ ไม่สนใจไม่ได้อยู่แล้ว”เซี่ยงตงเซิงได้ยินคำนี้ ถึงจะรู้สึกโล่งใจ หากมีความช่วยเหลือจากสำนักเสินฉือ โอกาสในการล้างแค้นให้ลูกชายก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน“ดี ตระกูลเซี่ยงทั้งหมดจะคอยฟังคำสั่งจากคุณหนูโอวหยาง เพียงสามารถที่จะล้างแค้นให้กับลูกชายของผมได้ จะให้ผมทำอะไรก็ยอมทุกอย่าง”......เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเฟิงก็บอกลาแต่เช้า ในเมื่อในตอนที่รับประทานอาหารเช้าก็ต้องดูสีหน้าของหลินเสวี่ยเยี่ยน เขาไม่สนใจที่จะอยู่ต่อจริง ๆถังว่านหลี่ถึงกับส่งหลินเฟิงเป็นการส่วนตัวถังหว่านยังนอนไม่ตื่นหลังจากกลิ้งไปกลิ้งมาค่อนคืนเมื่อวานนี้“สหายน้อยหลิน คุณอย่าใส่ใจกับภรรยาของผมเด็ดขาดนะ เธอเป็นคนหัวสูงนิดหน่อย แต่สหายน้อยหลิน คุณเป็นผู้มีพระคุณของผมถั
ในตอนนี้หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า เหลือบมองไปที่ผู้หญิงขายผักที่ศีรษะมีเลือดไหลโจวอวี้เฟิ่งหยุดชะงักแล้วด่าทอเสียงดังว่า: “นายกำลังจะทำอะไร?”หลินเฟิงจ้องมองเธออย่างเย็นชาและกล่าวว่า: “ผมเป็นหมอ”จากนั้นก็หันหน้ากลับไปหาผู้หญิงขายผักคนนั้น: “คุณนั่งลงอย่าขยับ ผมจะทำการหยุดเลือดให้กับคุณก่อน”โจวอวี้เฟิ่งเห็นแบบนี้ก็คว้าแขนของหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น: “ในเมื่อคุณเป็นหมอ งั้นก็รีบมาดูอาการลูกสาวของฉัน”หลินเฟิงเหลือบมองไปเยว่หรูที่อยู่ตรงตำแหน่งข้างคนขับรถหลี่ ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบแม่ลูกสองคนที่หยิ่งผยอง แต่เขาก็ยังใจเย็นและพูดว่า: “ลูกสาวคุณแค่แขนหลุด ไม่ได้เป็นอะไรมาก”คิดไม่ถึงว่าคำพูดนี้ของหลินเฟิงจะทำให้สองแม่ลูกหยุดและโมโหขึ้นมาทันที“อะไรที่เรียกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ลูกสาวของฉันแขนหลุดน่ะ ยังไม่สาหัสอีกเหรอ?” โจวอวี้เฟิ่งตะคอกออกมาหลี่เยว่หรูที่ฝั่งตำแหน่งข้างคนขับก็ร้องไห้ไม่หยุด: “จริงด้วย แขนฉันหลุดแล้ว ปวดจะตายอยู่แล้ว คุณรีบที่จะรักษาให้ฉันสิ”หลินเฟิงความขมวดคิ้วพูด: “งั้นก็คุณคิดว่าอาการของลูกสาวของคุณ กับอาการของคุณผู้หญิงคนนี้ใครที่ดูสาหัสกว่า?”“เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงขายผัก
ขยับเพียงเล็กน้อย หลี่เยว่หรูก็ทำหน้าบูดบึ้งด้วยความเจ็บปวดจากนั้นส่งเสียงออกมาอย่างทรมาน: “อ๊ะ……มือของฉัน มือของฉันอ๊ะ……”โจวอวี้เฟิ่งเห็นว่าลูกสาวของเธอนั้นร้องอย่างทรมาน ก็รีบมาดูทันที ก็รีบที่จะผลักจางเจียหนิงออกไปจางเจียหนิงล้มลงกับพื้นโจวอวี้เฟิ่งมองลูกสาวของตัวเองด้วยสีหน้ากังวล: “เยว่หรู ลูกไม่เป็นอะไรนะ?”“แม่ เจ็บจะตายอยู่แล้ว” หลี่เยว่หรูร้องไห้และตะโกนด้วยน้ำตาคลอเบ้าโจวอวี้เฟิ่งเห็นสภาพลูกสาวของตัวเองที่ดูน่าสงสาร ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที จากนั้นก็ด่าทอจางเจียหนิงชุดใหญ่: “พวกแกนี่กินอะไรเป็นอาหารกัน?”“เธอเป็นหมอไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาทำให้ลูกสาวฉันเจ็บ?”จางเจียหนิงทําหน้าน้อยใจพูดว่า: “ฉันเพียงแค่จะต่อกระดูก การเจ็บปวดนั้นป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”หลี่เยว่หรูร้องไห้ไม่หยุด: “แม่ หนูไม่ให้เธอรักษาแล้ว เจ็บจะตายอยู่แล้ว เจ็บจะตายอยู่แล้ว……”โจวอวี้เฟิ่งจ้องมองจางเจียหนิงด้วยความโมโหและพูดด่าทอ: “แกจะยืนโง่อยู่ทำไม? รีบมาขอโทษลูกของฉันสิ”“ฉัน……ฉันทำไมต้องขอโทษด้วย?”จางเจียหนิงตาแดงก่ำเล็กน้อย อีกนิดเดียวก็จะร้องไห้ออกมาโจวอวี้เฟิ่งตะโกนด่า: “แกนังสารเล
ถ้าให้ฟ่านอู๋จี๋คนแก่คนนั้นเลี้ยงดูเธอด้วยการทำนาย ก็คงจะเป็นไปไม่ได้“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”จ้าวเฉียวอวิ๋นเห็นเด็กสาวกินเยอะขนาดนี้ เธอกลับเป็นคนที่ดีใจที่สุด รีบลุกขึ้นไปทำกับข้าวใหม่อาอวี๋ก็ไปช่วยทุกคนต่างก็ตักข้าวของตัวเองให้ฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็กินอย่างไม่ลังเล กินอย่างรวดเร็ว กินอย่างมีความสุขไม่รู้ว่าร่างกายเล็กๆของเธอสามารถบรรจุอาหารได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร กระเพาะอาหารของเธอดูเหมือนหลุมดำ กินข้าวทั้งถังลงไป กลับไม่มีอาการอะไรเลย“เธอคือประมุขคนต่อไปของสำนักโม่ซวี...เวทมนตร์ที่ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา...”หลินเฟิงขมวดคิ้วคิดบางทีเขาอาจจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฟ่านหลิงเยว่ถึงกินเก่งขนาดนี้.........สองวันผ่านไปโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อในห้องผู้ป่วยหนัก ชายชราผมหงอกกำลังมองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล“พ่อ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องเงินเลยค่ะ”ลูกสาวคนนั้นก็คือหวังลี่ลี่เธอพยายามปลอบใจพ่อ จับมือพ่อ ยิ้มทั้งน้ำตาพูดว่า“หนูได้พบกับผู้มีพระคุณค่ะ”“เขาช่วยให้หนูได้เป็นผู้จัดการโชว์รูมรถยนต์ ตอนนี้หนูมีรายได้มากพอที่จะรักษาพ่อได้แล้วค่ะ ต่อไปนี้พ่ออย่ากังวลเรื่
“ได้ครับ”หลินเฟิงพยักหน้าประมาณห้านาทีต่อมา หวังลี่ลี่ก็วิ่งมาด้วยท่าทางนอบน้อมพร้อมกุญแจรถ“คุณหลินคะ ตอนนี้คุณสามารถขับรถคันนี้ไปได้เลยค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราจะไปจัดการที่บ้านคุณค่ะ”ท่าทางของหวังลี่ลี่นอบน้อมอย่างมากเธอเพียงแค่โทรศัพท์ไปหาผู้อำนวยการของเผิงกวงกรุ๊ปในเมืองเจิ้งเต๋อ ผู้อำนวยการก็รีบร้อนไปขออนุญาตจากเผิงกวงฉี่ราวกับไฟไหม้ก้นคำตอบที่ผู้อำนวยการได้รับจากเผิงกวงฉี่มีเพียงประโยคเดียว“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ให้ตอบสนองอย่างเต็มที่”ผู้อำนวยการที่ได้รับคำสั่งจากเผิงกวงฉี่จึงไม่กล้าประมาท รีบเร่งทำให้ขั้นตอนต่างๆ ง่ายที่สุดโดยให้หวังลี่ลี่ส่งกุญแจรถให้หลินเฟิงโดยตรงความเร็วและท่าทีเช่นนี้ทำให้หวังลี่ลี่รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ขอบคุณครับ”หลินเฟิงเปิดประตูรถ ขึ้นรถ แล้วสตาร์ทรถบูกัตติ เวียร์รอนคันเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาคันนี้เมื่อเครื่องยนต์ 16 สูบถูกสตาร์ท บรรยากาศในล็อบบี้ทั้งหมดก็ถูกกดทับลงทันทีรถยนต์ต่างๆ ที่ถูกจัดแสดงและจำหน่ายในบริเวณที่รอเมื่อเทียบกับบูกัตติ เวียร์รอนสีดำแดงคันนี้แล้ว ก็ดูด้อยกว่าไปในทันทีราวกับมังกรสีดำแดงตัวใหญ่
ถึงขั้นที่สามารถตัดสินใจอนาคตของบุคคลผู้นี้ในเผิงกวงกรุ๊ปได้ อำนาจของเขายิ่งใหญ่อย่างมาก“ที่...ที่แท้...ที่แท้คือ...คุณหลิน”หลินเฟิงคือเจ้าของบัตรทองใบนี้เท่านั้นทั้งเผิงกวงกรุ๊ป บัตรทองนี้เพิ่งปรากฏเป็นครั้งแรก ตอนที่เผิงกวงฉี่ได้มอบให้แก่ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้เรื่องนี้ภายในเผิงกวงกรุ๊ปต่างก็รับรู้กันดีแต่ผู้จัดการเสิ่นยังไม่ทันได้สืบหาข้อมูลของหลินเฟิง จึงไม่รู้จักหลินเฟิงด้วยซ้ำแต่เมื่อได้เห็นบัตรใบนี้ในวันนี้ เขาก็ได้รู้ว่า แท้จริงแล้วชายตรงหน้าที่เขาเคยมองว่าเป็น “เป็นคนที่ตามจีบหวังลี่ลี่แบบไร้ศักดิ์ศรี” นั้นกลับเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผิงกวงฉี่ไว้หลินเฟิง ผู้ถือบัตรทองเพียงหนึ่งเดียวของเผิงกวงกรุ๊ป !ผู้จัดการเสิ่นตกใจจนขาอ่อน ล้มลงกับพื้นทันทีแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะนิ่งเฉยจึงพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ใช้ความพยายามอย่างมากมาย จึงดึงบัตรทองออกจากผนังได้ และส่งคืนให้หลินเฟิงด้วยมือที่สั่นเทา“คุณหลินครับ ผม...ผมหลงเชื่อคำนินทา จึงดูถูกคน ผมมัน...ผมสมควรตาย”ผู้จัดการเสิ่นคุกเข่าลงที่หน้าหลินเฟิง ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวส่วนหลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก
“ที่แท้....ที่แท้ก็เป็นคุณนั่นเอง!”“ฉัน...ฉันจำได้แล้ว ฉัน...ฉันดูถูกคนอื่น โปรดยกโทษให้ฉัน โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”ในขณะนี้เอง ที่สุดท้าแล้วยคุณชายตู้ก็เข้าใจถึงตัวตนของหลินเฟิงเขาควรที่จะไปล่วงเกินคนที่สามารถประลองกับคุณชายเฝิงอวี้อู่ได้งั้นเหรอ?ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าลงเสียงดัง ตุบ ต่อหน้าคนทั้งหมด และก้มหน้าให้หลินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับขอร้องและร้องไห้เสียงดังลั่นเขากลัวจริงๆนะ!เมื่อเทียบกับผู้จัดการเสิ่น ชายลึกลับผู้นี้ที่ว่ากันว่าสามารถฆ่านักบู๊ของตระกูลเฝิงได้มากกว่าสามสิบคนคนในลมหายใจเดียว!และเมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี ครอบครัวเฝิงก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับเขาได้เช่นกันน่ากลัวยิ่งกว่าตระกูลเฟิงอีกคุณชายตู้นึกถึงหลายๆ อย่างได้ในทันที ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเบื้องหลังของหลินเฟิงนั้นไม่ธรรมดาก่อนจะตกใจอย่างมาก แล้วรีบคุกเข่าลงขอความเมตตาเมื่อเห็นคุณชายตู้คุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา ผู้จัดการเสิ่นที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย"แกมัน......"ผู้จัดการเสิ่นมองดูร่างของลูกน้องที่นอนอยู่บนพื
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข