ฉินเซี่ยวเทียนพูดด้วยความโมโหที่ไม่ได้ดั่งใจฉินอิ๋งได้ฟังก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ของพ่อเหมือนว่าจะมีเหตุผลจริง ๆ นั่นแหละบางที ตัวเองอาจจะลองดูได้จริง ๆ......ขณะเดียวกัน ถังหว่านขับรถอยู่แล้วถามขึ้น: “หลินเฟิง ดูท่าคุณปิดบังต่อฉันเอาไว้ได้ลึกมากเลยนะ”หลินเฟิงยิ้มบาง: “ผมจะปิดบังอะไรคุณได้?”“คุณยังเสแสร้งกับฉันอีก เสิ่นหานคนนั้นมีสถานะอะไร ตำแหน่งอะไร เขาทำไมถึงเคารพต่อคุณขนาดนี้?”หลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉย: “ผมก็แค่เคยช่วยชีวิตพ่อของเขาเอาไว้ ดังนั้นเขาถึงได้เกรงใจผมขนาดนี้”“ฉันไม่เชื่อ”หลินเฟิงยักไหล่: “ถ้าหากคุณไม่เชื่อ งั้นผมก็ช่วยไม่ได้”ถังหว่านโมโหจนอยากตบคน เธอจี้ถาม: “งั้นฉันถามคำถามสุดท้ายกับคุณ จากความสามารถของคุณ สามารถจัดการกับผู้มีฝีมือของตระกูลเก่าแก่เหล่านั้นของเมืองจิงตูได้หรือไม่?”“เมืองจิงตูนับประสาอะไร ช่วงที่ผมอยู่จุดสูงสุด สี่ตระกูลใหญ่ของเมืองจิงตูก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของผม” หลินเฟิงพูดด้วยความมั่นใจอย่างมาก“คุณโม้เกินไปหน่อยหรือเปล่า?”ถังหว่านมองไปทางหลินเฟิงด้วยความสงสัยตระกูลถังของพวกเธอก็เป็นสี่ตระกูลใหญ่เมืองจิงตู ผู้มีฝีมือสูงเหล่านั
ถังหว่านยิ้มพูด: “จู่ ๆ ตอนนี้ฉันเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมหลินเฟิงจะต้องช่วยคุณอย่างเต็มที่ทุกครั้ง”“คุณโง่จนน่ารักจริง ๆ”หลี่ฮุ่ยหรานชะงักงัน: “คุณหมายความว่าอย่างไร?”“ไม่ได้หมายความว่าอะไร ฉันเพียงแค่อยากจะบอกคุณว่า ตั้งแต่ต้นจนจบฉันไม่เคยเลี้ยงดูหลินเฟิงมาก่อน”ถังหว่านโบกมือด้วยความน่าเบื่อ“ไม่ได้เลี้ยง?” เห็นได้ชัดว่าหลี่ฮุ่ยหรานไม่เชื่อคำพูดของถังหว่าน“งั้นทำไมคุณถึงช่วยเหลือหลินเฟิงอยู่ตลอด?”“ฉันเพียงแค่ชื่นชมความสามารถและนิสัยของหลินเฟิงเฉย ๆ”ถังหว่านยันคางเอาไว้แล้วพูดขึ้นหลี่ฮุ่ยหรานกลับไม่เชื่อคำพูดบ้าบอกของเธอถังหว่านมองสีหน้าแบบนี้ของเธอแล้วรู้สึกขำ: “ฉันบอกกับคุณตั้งนานแล้ว ความสามารถของหลินเฟิงมีเกินกว่าที่คุณคิดไว้ แต่น่าเสียดาย ที่คุณไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน”“ถ้าหากคุณหลี่ไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันก็ขอตัวก่อนนะคะ”ถังหว่านลุกขึ้นช้า ๆ“นี่ งั้นต่อไปคุณห้ามตามตื๊อหลินเฟิงอีก” หลี่ฮุ่ยหรานรีบพูด“หึหึ คุณหลี่ คุณกับหลินเฟิงหย่าร้างกันแล้ว หลินเฟิงจะคบกับใครก็เป็นอิสระของเขา”ถังหว่านยิ้มเหยียดหยาม: “คุณควรจะไปเกลี้ยกล่อมเขา ไม่ใช่มาข่มขู่ฉัน”หลี่ฮุ่ยห
สะสมทรัพย์สินเอาไว้ได้ไม่น้อย เขาก็หวังเป็นอย่างมากว่าลูกชายจะสืบทอดมรดกของเขาตอนนี้ยาปรับประสานพลังโด่งดังอย่างมาก ได้ยินว่าคนที่วิจัยและผลิตยาปรับประสานพลังก็คืออดีตสามีของหลี่ฮุ่ยหราน เขาจึงอยากให้ลูกชายของเขาเอาตำรับยามาจากหลี่ฮุ่ยหรานแต่น่าเสียดายที่แผนการล้มเหลวแล้วหลี่ว์เจิ้งหยางพูดด้วยความเก้กัง: “พ่อ หลี่ฮุ่ยหรานไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับหลินเฟิงด้วยซ้ำ อีกอย่างหลี่ฮุ่ยหรานระมัดระวังเป็นอย่างมาก”“เธอวางแผนจะรอให้คุณปู่ตระกูลหลี่จัดงานวันเกิดเสร็จแล้วค่อยพิจารณาเรื่องการลงทุน”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “งั้นแกก็คิดหาวิธีเข้าทางคุณปู่ตระกูลหลี่ พยายามเอาตำรับยาปรับประสานพลังมาให้ได้เร็ว ๆ หน่อย”“ผมรู้แล้วครับพ่อ...”หลี่ว์เจิ้งหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูท่าเขาจะต้องไปงานวันเกิดของคุณปู่ตระกูลหลี่สักหน่อยแล้ว......ขณะเดียวกัน หลินเฟิงที่เพิ่งฝึกวิทยายุทธเสร็จก็ขับรถมายังตลาดขายวัตถุโบราณเมืองเจียงโจวงานวันเกิดของคุณปู่เขาไม่มีทางลืมอยู่แล้วปกติคุณปู่ชอบเล่นของเก่าเป็นอย่างมาก ครั้งนี้เขาไม่ได้ให้จ้าวเทียนหัวไปซื้อแต่คิดจะมาเลือกด้วยตนเอง ในเมื่อขอ
“เพล้ง” เครื่องลายครามสีฟ้าขาวที่อยู่ในมือแตกละเอียดในทันที“แม่งเอ๊ย”หลี่ว์เจิ้งหยางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นก็หันหน้ามองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ห่างจากเขาสองเมตรเต็ม ๆ“ไอ้สกุลหลิน แกกล้าขัดขาฉันเหรอ?”หลินเฟิงได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะเยาะทันที: “คุณเนี่ยนะน่าขำซะจริง ๆ ตัวเอง ตัวเองเดินล้มเอง ยังมีหน้ามาโทษผมอีก?”“แกพูดจาไร้สาระ ฉันเดินอยู่ดี ๆ จู่ ๆ จะล้มลงได้อย่างไร?”หลี่ว์เจิ้งหยางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและถลึงตาใส่หลินเฟิง: “ต้องเป็นแกที่เล่นไม่ซื่อลับหลังแน่นอน”“วันนี้แกต้องชดใช้เครื่องลายครามของฉัน”หลินเฟิงพูดด้วยใบหน้าเย็นชา: “นายเอาหน้ามาจากไหนที่จะเอาเงินจากฉัน? ไสหัวไป”หลี่ว์เจิ้งหยางเห็นหลินเฟิงจะเดินไป เขาก็เข้าไปห้ามเอาไว้ทันที จากนั้นก็เอะอะโวยวาย: “วันนี้แกต้องชดใช้เงินให้ฉัน ไม่ชดใช้เงินก็อย่าคิดที่จะจากไป”“ใครก็ได้ ทุกคนมาดูสิ ไอ้หมอนี่ทำแจกันดอกไม้ของผมแตก แต่กลับไม่อยากชดใช้เงิน นี่ยังมีกฎหมายอยู่ไหม”คนที่อยู่รอบ ๆ ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของหลี่ว์เจิ้งหยาง ก็ล้อมรอบเข้ามาดูความครึกครื้นหลินเฟิงหัวเราะเยาะ และจ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยาง อยากจะให้เขาชดใช้เงินนั
หลินเฟิงพยักหน้า: “รู้แล้ว เอาหลักฐานของนายออกมา ฉันดูสิว่าแผนกไหนกันถึงได้กล้าเก็บเงิน”“หลักฐาน?”หานเต๋อหย่งขมวดคิ้ว เขามีหลักฐานที่ไหนกันและก็ไม่มีแผนกอะไร เพียงแค่รวบรวมลูกน้องกลุ่มหนึ่งแล้วเก็บเงินค่าคุ้มครองก็เท่านั้น“แกแม่งไม่จบไม่สิ้นสินะ ถ้ายังไม่จ่ายเงินอีก ฉันจะไม่เกรงใจแล้ว”หลินเฟิงยักไหล่แล้วพูดขึ้น: “ในเมื่อนายเอาหลักฐานออกมาไม่ได้ งั้นฉันก็ไม่สามารถจ่ายเงินให้นายได้”“เชี่ย ไว้หน้าแล้วยังไม่รู้จักเจียมตัว กระทืบมันซะ” หานเต๋อหย่งก็ขี้เกียจจะพูดมากกับเขาอีกเมื่อออกคำสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งไปทางหลินเฟิงคนที่อยู่รอบ ๆ ก็แยกย้ายออกทันทีเจ้าของแผงลอยเหล่านั้นรีบเก็บแผงของตัวเองถอยไปด้านหลังเพราะกลัวจะถูกลูกหลงหลี่ว์เจิ้งหยางอมยิ้มที่มุมปาก ทางที่ดีคือให้คนกลุ่มนี้กระทืบหลินเฟิงจนพิการ ถึงเวลาไอ้หมอนี่ก็ไปงานวันเกิดคุณปู่ตระกูลหลี่ไม่ได้แล้วหลินเฟิงสายตาเหยียดหยาม และมองดูลูกน้องที่พุ่งเข้ามาเขายกมือขึ้นและตบไปที่คางของอีกฝ่ายการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้คนคนนั้นกระเด็นออกไปสิบกว่าเมตรสามคนที่เหลือเห็นแบบนี้ก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสี และมองตากัน จ
หลินเฟิงจ้องมองไป คนที่มาถึงก็คือหลิวไฮ่เทาเขาพูดอย่างเย็นชา: “ไม่มีอะไร ก็แค่มีไอ้พวกไม่ดูตาไม้ตาเรือใส่ความผมว่าทำแจกันของเขาแตก แล้วก็หาคนกลุ่มหนึ่งมาสั่งสอนผม”“อะไรนะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ?”หลิวไฮ่เทาเดือดดาลอย่างมากคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าใส่ความผู้มีพระคุณที่ช่วยรักษาพ่อของเขา แบบนี้จะยอมได้อย่างไร?“พวกนายเป็นใครกัน? ถึงได้กล้าลงมือทำร้ายคน?” หลิวไฮ่เทามองไปทางหานเต๋อหย่งและคนอื่น ๆ จากนั้นก็ตวาดด้วยน้ำเสียงโมโห“เกี่ยวอะไรกับแกด้วย? รีบไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งสอนแกด้วย”หานเต๋อหย่งตวาดด้วยน้ำเสียงโมโห เขาไม่ได้เห็นหลิวไฮ่เทาอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ“นาย...”หลิวไฮ่เทาโมโหเป็นอย่างมาก อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงลูกชายของท่านผู้ว่าหลิวนะคิดไม่ถึงว่าจะถูกพวกเสเพลกระจอก ๆ ด่าเข้าให้“คุณฟาง”เขาหันหน้ามองไปทางผู้ชายที่อยู่ข้างหลังคนผู้นี้ก็คือฟางเหวินบอดี้การ์ดของหลิวไฮ่เทา เขาเข้าใจได้ในทันทีจากนั้นก็วิ่งตรงไปทางหานเต๋อหย่งอย่างรวดเร็วลูกน้องที่อยู่รอบ ๆ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะขัดขวางเอาไว้แต่ในตอนที่เพิ่งจะสัมผัสถึงตัวของฟางเหวินพวกเขาก็ถูกชกจนกระเด็นออกไป
หลี่ว์เจิ้งหยางถูกตบจนมึนงงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าในใจจะไม่พอใจอย่างมาก แต่เมื่อมองดูฟางเหวินที่อยู่ด้านข้าง เขาก็ทำได้แค่อดกลั้นความโมโหเอาไว้หานเต๋อหย่งได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ: “อะไรนะ? ไอ้สกุลหลี่ว์ แกแม่งกล้าหลอกฉันเหรอวะ? คุณชายท่านนี้ อันที่จริงผมก็ถูกหลอกเหมือนกันนะครับ”“หุบปาก” หลิวไฮ่เทาถลึงตาใส่เขาหานเต๋อหย่งตกใจจนไม่กล้าพูดอีกหลี่ว์เจิ้งหยางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พูดขึ้นมา: “เรื่องนี้โทษผมเองครับ โทษผม ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน งั้นเรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะครับ”“ช่างมัน?”หลิวไฮ่เทาพูดเสียงเย็นชา: “นายใส่ความเพื่อนของฉันแล้วคิดจะปล่อยผ่านไปแบบนี้เหรอ? ขอโทษเพื่อนของฉันซะ”“อะไรนะครับ?”หลี่ว์เจิ้งหยางชะงักงัน อย่างไรซะเขาก็เป็นถึงคุณชายของตระกูลหลี่ว์แถมยังเป็นประธานบริษัท จะให้ขอโทษผู้ชายหน้าตัวเมียอย่างมัน นี่มันเหมาะสมที่ไหนกันล่ะ“ให้ผมขอโทษเขา?”“หรือนายมีข้อโต้แย้งเหรอ?” หลิวไฮ่เทาตวาดด้วยความโมโหในตอนนี้ฟางเหวินก็เดินไปด้านข้างของเขาหลี่ว์เจิ้งหยางกัดฟัน วันนี้ถ้าไม่ขอโทษก็คงจะเลี่ยงการถูกกระทืบอย่างหนักไม่ได้“ไม่ ไม่มีข้อโต้แย้งครับ”เขาทำได้แค่ฝื
“ไม่จำเป็นครับ ครั้งนี้เป็นงานวันเกิดของคุณปู่ของผม จะรบกวนให้คุณหลิวช่วยเหลือได้อย่างไร” หลินเฟิงยิ้มแล้วพูดปฏิเสธอย่างสุภาพ“คุณปู่?” หลิวไฮ่เทาได้ยินแบบนี้ก็ตกตะลึงอย่างมากทำไมเขาถึงไม่รู้ว่าหลินเฟิงมีคุณปู่ด้วย?หลินเฟิงพูดอธิบาย: “คุณปู่ของอดีตภรรยาของผม ท่านมีบุญคุณต่อผมอย่างมาก ถึงแม้ผมจะหย่าร้างกับอดีตภรรยาแล้ว แต่ว่างานวันเกิด ผมก็ยังต้องไป”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”หลิวไฮ่เทาประสานมือแล้วพูดขึ้น: “คุณหลินเฟิงเป็นคนที่รู้จักบุญคุณคนจริง ๆ นะครับ”“พูดตามตรงนะครับคุณหลิน สถานที่นี้ถึงแม้จะเป็นแหล่งขายวัตถุโบราณ แต่ก็ไม่ได้มีของแท้อะไร ในบ้านของผมมีของสะสมอยู่มากมาย”“อีกอย่างปกติแล้วพ่อของผมก็มีความชอบในการเก็บสะสมวัตถุโบราณอยู่แล้ว ของที่บ้านของผมเป็นของจริงแน่นอน คุณเลือกของสักสองชิ้นไปได้ตามใจชอบเลยครับ”หลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าหลิวไฮ่เทาจะใจกว้างขนาดนี้แต่มีคนแนะนำให้ ก็ดีกว่าตัวเองสุ่มสี่สุ่มห้าหาอยู่ตรงนี้“นี่...เกรงใจมาก ๆ เลยครับ”หลิวไฮ่เทายิ้มแล้วพูด: “คุณหลิน ดูคุณพูดซะ คุณเป็นถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพ่อของผมนะครับ วัตถุโบราณสองชิ้นแลกกับชีวิตคุณพ่อของผ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน