“เพล้ง” เครื่องลายครามสีฟ้าขาวที่อยู่ในมือแตกละเอียดในทันที“แม่งเอ๊ย”หลี่ว์เจิ้งหยางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นก็หันหน้ามองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ห่างจากเขาสองเมตรเต็ม ๆ“ไอ้สกุลหลิน แกกล้าขัดขาฉันเหรอ?”หลินเฟิงได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะเยาะทันที: “คุณเนี่ยนะน่าขำซะจริง ๆ ตัวเอง ตัวเองเดินล้มเอง ยังมีหน้ามาโทษผมอีก?”“แกพูดจาไร้สาระ ฉันเดินอยู่ดี ๆ จู่ ๆ จะล้มลงได้อย่างไร?”หลี่ว์เจิ้งหยางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและถลึงตาใส่หลินเฟิง: “ต้องเป็นแกที่เล่นไม่ซื่อลับหลังแน่นอน”“วันนี้แกต้องชดใช้เครื่องลายครามของฉัน”หลินเฟิงพูดด้วยใบหน้าเย็นชา: “นายเอาหน้ามาจากไหนที่จะเอาเงินจากฉัน? ไสหัวไป”หลี่ว์เจิ้งหยางเห็นหลินเฟิงจะเดินไป เขาก็เข้าไปห้ามเอาไว้ทันที จากนั้นก็เอะอะโวยวาย: “วันนี้แกต้องชดใช้เงินให้ฉัน ไม่ชดใช้เงินก็อย่าคิดที่จะจากไป”“ใครก็ได้ ทุกคนมาดูสิ ไอ้หมอนี่ทำแจกันดอกไม้ของผมแตก แต่กลับไม่อยากชดใช้เงิน นี่ยังมีกฎหมายอยู่ไหม”คนที่อยู่รอบ ๆ ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของหลี่ว์เจิ้งหยาง ก็ล้อมรอบเข้ามาดูความครึกครื้นหลินเฟิงหัวเราะเยาะ และจ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยาง อยากจะให้เขาชดใช้เงินนั
หลินเฟิงพยักหน้า: “รู้แล้ว เอาหลักฐานของนายออกมา ฉันดูสิว่าแผนกไหนกันถึงได้กล้าเก็บเงิน”“หลักฐาน?”หานเต๋อหย่งขมวดคิ้ว เขามีหลักฐานที่ไหนกันและก็ไม่มีแผนกอะไร เพียงแค่รวบรวมลูกน้องกลุ่มหนึ่งแล้วเก็บเงินค่าคุ้มครองก็เท่านั้น“แกแม่งไม่จบไม่สิ้นสินะ ถ้ายังไม่จ่ายเงินอีก ฉันจะไม่เกรงใจแล้ว”หลินเฟิงยักไหล่แล้วพูดขึ้น: “ในเมื่อนายเอาหลักฐานออกมาไม่ได้ งั้นฉันก็ไม่สามารถจ่ายเงินให้นายได้”“เชี่ย ไว้หน้าแล้วยังไม่รู้จักเจียมตัว กระทืบมันซะ” หานเต๋อหย่งก็ขี้เกียจจะพูดมากกับเขาอีกเมื่อออกคำสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งไปทางหลินเฟิงคนที่อยู่รอบ ๆ ก็แยกย้ายออกทันทีเจ้าของแผงลอยเหล่านั้นรีบเก็บแผงของตัวเองถอยไปด้านหลังเพราะกลัวจะถูกลูกหลงหลี่ว์เจิ้งหยางอมยิ้มที่มุมปาก ทางที่ดีคือให้คนกลุ่มนี้กระทืบหลินเฟิงจนพิการ ถึงเวลาไอ้หมอนี่ก็ไปงานวันเกิดคุณปู่ตระกูลหลี่ไม่ได้แล้วหลินเฟิงสายตาเหยียดหยาม และมองดูลูกน้องที่พุ่งเข้ามาเขายกมือขึ้นและตบไปที่คางของอีกฝ่ายการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้คนคนนั้นกระเด็นออกไปสิบกว่าเมตรสามคนที่เหลือเห็นแบบนี้ก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสี และมองตากัน จ
หลินเฟิงจ้องมองไป คนที่มาถึงก็คือหลิวไฮ่เทาเขาพูดอย่างเย็นชา: “ไม่มีอะไร ก็แค่มีไอ้พวกไม่ดูตาไม้ตาเรือใส่ความผมว่าทำแจกันของเขาแตก แล้วก็หาคนกลุ่มหนึ่งมาสั่งสอนผม”“อะไรนะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ?”หลิวไฮ่เทาเดือดดาลอย่างมากคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าใส่ความผู้มีพระคุณที่ช่วยรักษาพ่อของเขา แบบนี้จะยอมได้อย่างไร?“พวกนายเป็นใครกัน? ถึงได้กล้าลงมือทำร้ายคน?” หลิวไฮ่เทามองไปทางหานเต๋อหย่งและคนอื่น ๆ จากนั้นก็ตวาดด้วยน้ำเสียงโมโห“เกี่ยวอะไรกับแกด้วย? รีบไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งสอนแกด้วย”หานเต๋อหย่งตวาดด้วยน้ำเสียงโมโห เขาไม่ได้เห็นหลิวไฮ่เทาอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ“นาย...”หลิวไฮ่เทาโมโหเป็นอย่างมาก อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงลูกชายของท่านผู้ว่าหลิวนะคิดไม่ถึงว่าจะถูกพวกเสเพลกระจอก ๆ ด่าเข้าให้“คุณฟาง”เขาหันหน้ามองไปทางผู้ชายที่อยู่ข้างหลังคนผู้นี้ก็คือฟางเหวินบอดี้การ์ดของหลิวไฮ่เทา เขาเข้าใจได้ในทันทีจากนั้นก็วิ่งตรงไปทางหานเต๋อหย่งอย่างรวดเร็วลูกน้องที่อยู่รอบ ๆ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะขัดขวางเอาไว้แต่ในตอนที่เพิ่งจะสัมผัสถึงตัวของฟางเหวินพวกเขาก็ถูกชกจนกระเด็นออกไป
หลี่ว์เจิ้งหยางถูกตบจนมึนงงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าในใจจะไม่พอใจอย่างมาก แต่เมื่อมองดูฟางเหวินที่อยู่ด้านข้าง เขาก็ทำได้แค่อดกลั้นความโมโหเอาไว้หานเต๋อหย่งได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ: “อะไรนะ? ไอ้สกุลหลี่ว์ แกแม่งกล้าหลอกฉันเหรอวะ? คุณชายท่านนี้ อันที่จริงผมก็ถูกหลอกเหมือนกันนะครับ”“หุบปาก” หลิวไฮ่เทาถลึงตาใส่เขาหานเต๋อหย่งตกใจจนไม่กล้าพูดอีกหลี่ว์เจิ้งหยางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พูดขึ้นมา: “เรื่องนี้โทษผมเองครับ โทษผม ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน งั้นเรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะครับ”“ช่างมัน?”หลิวไฮ่เทาพูดเสียงเย็นชา: “นายใส่ความเพื่อนของฉันแล้วคิดจะปล่อยผ่านไปแบบนี้เหรอ? ขอโทษเพื่อนของฉันซะ”“อะไรนะครับ?”หลี่ว์เจิ้งหยางชะงักงัน อย่างไรซะเขาก็เป็นถึงคุณชายของตระกูลหลี่ว์แถมยังเป็นประธานบริษัท จะให้ขอโทษผู้ชายหน้าตัวเมียอย่างมัน นี่มันเหมาะสมที่ไหนกันล่ะ“ให้ผมขอโทษเขา?”“หรือนายมีข้อโต้แย้งเหรอ?” หลิวไฮ่เทาตวาดด้วยความโมโหในตอนนี้ฟางเหวินก็เดินไปด้านข้างของเขาหลี่ว์เจิ้งหยางกัดฟัน วันนี้ถ้าไม่ขอโทษก็คงจะเลี่ยงการถูกกระทืบอย่างหนักไม่ได้“ไม่ ไม่มีข้อโต้แย้งครับ”เขาทำได้แค่ฝื
“ไม่จำเป็นครับ ครั้งนี้เป็นงานวันเกิดของคุณปู่ของผม จะรบกวนให้คุณหลิวช่วยเหลือได้อย่างไร” หลินเฟิงยิ้มแล้วพูดปฏิเสธอย่างสุภาพ“คุณปู่?” หลิวไฮ่เทาได้ยินแบบนี้ก็ตกตะลึงอย่างมากทำไมเขาถึงไม่รู้ว่าหลินเฟิงมีคุณปู่ด้วย?หลินเฟิงพูดอธิบาย: “คุณปู่ของอดีตภรรยาของผม ท่านมีบุญคุณต่อผมอย่างมาก ถึงแม้ผมจะหย่าร้างกับอดีตภรรยาแล้ว แต่ว่างานวันเกิด ผมก็ยังต้องไป”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”หลิวไฮ่เทาประสานมือแล้วพูดขึ้น: “คุณหลินเฟิงเป็นคนที่รู้จักบุญคุณคนจริง ๆ นะครับ”“พูดตามตรงนะครับคุณหลิน สถานที่นี้ถึงแม้จะเป็นแหล่งขายวัตถุโบราณ แต่ก็ไม่ได้มีของแท้อะไร ในบ้านของผมมีของสะสมอยู่มากมาย”“อีกอย่างปกติแล้วพ่อของผมก็มีความชอบในการเก็บสะสมวัตถุโบราณอยู่แล้ว ของที่บ้านของผมเป็นของจริงแน่นอน คุณเลือกของสักสองชิ้นไปได้ตามใจชอบเลยครับ”หลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าหลิวไฮ่เทาจะใจกว้างขนาดนี้แต่มีคนแนะนำให้ ก็ดีกว่าตัวเองสุ่มสี่สุ่มห้าหาอยู่ตรงนี้“นี่...เกรงใจมาก ๆ เลยครับ”หลิวไฮ่เทายิ้มแล้วพูด: “คุณหลิน ดูคุณพูดซะ คุณเป็นถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพ่อของผมนะครับ วัตถุโบราณสองชิ้นแลกกับชีวิตคุณพ่อของผ
หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น: “งานฉลองวันเกิดของคุณปู่ยังเหลืออีกหลายวัน รายละเอียดสถานที่ยังไม่ได้กำหนดครับ”หลิวกั๋วฮุยพูดขึ้นทันที: “หือ? งั้นไม่สู้ไปจัดที่โรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจวดีไหมครับ? สถานที่นี้มาตรฐานสูงพอสมควร คุณปู่จะต้องชอบแน่นอนครับ”โรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจวรับผิดชอบต้อนรับและบริการลูกค้านอกโดยเฉพาะ บางครั้งก็รับงานเลี้ยงขนาดใหญ่อยู่บ้างเพียงแต่ต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าสองเดือนมีเส้นสายของหลิวกั๋วฮุย การนัดหมายก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วแต่หลินเฟิงก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น: “ไม่ต้องหรอกครับ งานเลี้ยงในครั้งนี้ผมไม่ใช่ผู้รับผิดชอบ คนของตระกูลหลี่เป็นคนจัดแจงทั้งหมด”“เอาไว้ครั้งหน้าที่มีโอกาสนะครับ...”“อ๋อ...งั้นก็ได้ครับ”ทั้งสามคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง เขาถึงได้กลับไปเมื่อส่งหลินเฟิงกลับไป หลิวกั๋วฮุยก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีโทรไปหาถังหว่าน: “คุณถัง เรื่องงานฉลองวันเกิดของคุณปู่ของหลินเฟิงคุณทราบไหมครับ?”“เอ่อ? ไม่ทราบนะคะ หลินเฟิงมีคุณปู่ที่ไหนกันคะ?” ถังหว่านที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์พูดด้วยความสงสัย“อ๋อ ไม่ใช่คุณปู่ของหลินเฟิงครั
เลขาผู้ว่าได้พบกับหลี่ฮุ่ยหรานก็ยิ้มบาง ๆ: “คุณหลี่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันครับ ผมเหลียงอัน เคยได้ยินมานานแล้วว่าคุณหลี่ฉลาดและสวยงามอย่างมาก วันนี้ได้พบก็โดดเด่นจริง ๆ ด้วยครับ”หลี่ฮุ่ยหรานชะงักงัน และยิ้มด้วยความเก้กังตอนนี้ตัวเองมีชื่อเสียงขนาดนี้แล้วเหรอ? เลขาผู้ว่าก็ยังเคยได้ยินชื่อของเธอด้วย?“เอาเถอะค่ะ เลขาเหลียงพวกเราอย่ามัวแต่ยืนเฉยอยู่ที่หน้าประตูเลยค่ะ มีอะไรพวกเราเข้าไปคุยกันในบ้านเถอะค่ะ” จางซินพูดขึ้นทันทีหลี่ฮุ่ยหรานก็ตั้งสติขึ้นมา และรีบพยักหน้าพูดขึ้น: “ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ เลขาเหลียงพวกเราเข้าไปคุยกันในบ้านเถอะค่ะ”เหลียงอันกลับส่ายหน้าพูดขึ้น: “ไม่ต้องครับ ที่ผมมาในครั้งนี้เพื่อจะมาทำธุระแทนท่านผู้ว่า”หลี่ฮุ่ยหรานถามด้วยความระมัดระวัง: “ไม่ทราบว่าท่านผู้ว่ามีรับสั่งอะไรคะ?”เหลียงอันยิ้มพูด: “คุณหลี่ไม่ต้องวิตกกังวลครับ เป็นเรื่องมงคล ท่านผู้ว่าได้ยินว่าเป็นวันเกิดของคุณปู่ตระกูลหลี่ จึงได้จัดแจงห้องส่วนตัวเทียนหลงที่ชั้นบนสุดของโรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจวให้พวกคุณได้ใช้”“ค่าใช้จ่ายทุกอย่างมีท่านผู้ว่าเป็นคนชำระ”“ห๊ะ?”ข่าวนี้ทำให้คนตระกูลหลี่ตกตะลึงเป็นอย่างม
“ยังนิ่งอึ้งอะไรกันอยู่? ไปส่งบัตรเชิญเถอะ บอกกับทุกคนว่า สถานที่จัดงานฉลองวันเกิดของคุณปู่อยู่ที่โรงแรมอิ๋งปิน”หลี่ฮุ่ยหรานกวาดสายตามองทุกคนรอบ ๆ แล้วพูดด้วยความฮึกเหิม......ไม่กี่วันต่อมา งานฉลองวันเกิดของคุณปู่ตระกูลหลี่จัดขึ้นตามที่กำหนดไว้ที่จัดคือโรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจว ที่ได้มีการบอกกล่วงหน้าจากหลิวกั๋วฮุย โรงแรมอิ๋งปินคึกคักเป็นอย่างมากการตกแต่งไม่ขอว่าดีที่สุดแต่ขอว่าต้องแพงที่สุด หลัก ๆ ก็คือหรูหราหลี่ฮุ่ยหรานสวมชุดราตรีแหวกขาสีดำขาสวยเรียวยาวทั้งสองข้างวับ ๆ แวม ๆ เธอยืนต้อนรับแขกเหรื่อที่เดินทางมาร่วมฉลองงานวันเกิดที่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยงเมื่อก่อนพวกตระกูลเล็ก ๆ ที่ไม่สนใจใยดีต่อตระกูลหลี่ ครั้งนี้ก็ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเมื่อสามารถจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมอิ๋งปินได้นั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา แน่ๆเถ้าแก่วัยกลางคนที่หัวล้านตรงกระหม่อม ถือของขวัญเอาไว้และเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว: “คุณหลี่ คุณแอบซ่อนไว้ได้มิดชิดมากจริง ๆ นะครับ”“นึกไม่ถึงว่าจะจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมอิ๋งปิน ทำไมถึงไม่แจ้งผมให้เร็วกว่านี้หน่อยครับ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “เถ้าแก่อู๋เกรงใ
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข
หลังจากเงียบสงัดอยู่ครู่หนึ่งสิ่งที่ตามมา ก็คือเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมา“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือรถอะไร? นี่คือรถ“ราคาตัวท็อป 187.9 ล้านบาท คุณมั่นใจว่าจะนำเงินจำนวนเท่านี้ออกมาได้?”“คุณตั้งใจมาก่อความวุ่นวายสินะ?”หลังจากหลิวหย่าหัวเราะเสร็จ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเย็นชา“พวกนาย กระทืบขอทานสองคนที่คุยโวอย่างหน้าไม่อายออกไปซะ!”“ครับ!”รปภ. สองคนรู้ว่า ควรจะเล่นสนุกเพียงพอแล้วตอนนี้ข้างในยังรับรองลูกค้าคนสำคัญอยู่ ถ้าหากรบกวนลูกค้า ก็จะไม่ดีเท่าไหร่นักดังนั้นพวกเขาก็กดสวิตช์บนกระบองไฟฟ้า เสียงดังเพียะ พูดข่มขู่หลินเฟิงว่า:“ได้ยินแล้วยัง รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจะลงมือแล้ว”“อาจารย์หลิน หิวจังเลย”ฟ่านหลิงเยว่จ้องมองขนมห่อเล็กห่อใหญ่บนโต๊ะ และกลืนน้ำลายไม่หยุดเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วตอนนี้แทบจะหิวตายแล้วเห็นคนเหล่านี้ไม่ฟังอะไรสักอย่าง สีหน้าของหลินเฟิงก็เย็นชาทันทีตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้ามา ก็เห็นป้ายร้านแล้วโชว์รูมแห่งนี้เป็นธุรกิจของเฝิงกวงฉี่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหราภายใต้กลุ่มบริษัท เฝิงกวงกรุ๊ป นั่นคือเหตุผลที่เขาเดินเข้ามาโดยไม่ลังเลเ
รปภ. สองคนที่กำลังเล่นไพ่และหัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่ รีบสวมหมวกของตัวเอง และวิ่งเหยาะเข้ามา“แหะแหะ พี่หลิวหย่า ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วย”รปภ.ทั้งสองคนยิ้มอย่างเคอะเขินให้กับหญิงสาวจากนั้นตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับหลินเฟิงและฟ่านเยว่หลิง ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโสและรังเกียจว่า:“พวกบ้านนอกมาจากที่ไหนกัน? รีบออกไปเลย ตรงที่พวกเราเพิ่งถูพื้น พวกนายอย่ามาเหยียบให้สกปรก!”“ไปไปไป!”เผชิญหน้ากับการขับไล่ของรปภ. ฟ่านหลิงเยว่กลับเห็นขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอกลืนน้ำลาย มองไปทางหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสารและพูดว่า:“อาจารย์หลิน หนูหิว…”ได้ยินคำพูดนี้ บอดี้การ์ดสองคนเกือบหลุดขำขอทานสองคนนี้มาจากที่ไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาขอทานจนถึงโชว์รูมรถหรูของพวกเขาไม่ดูรถคันนี้ที่แสดงอยู่ในห้องโถงบ้างเลยว่า เป็นสถานที่ที่พวกเขาคู่ควรจะมาขอทานไหม?“พวกเราเป็นลูกค้า มาซื้อรถ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราไป?”หลินเฟิงรู้ว่าทั้งสองเดินอยู่บนถนนภูเขามาทั้งวันแบบนี้ ภาพพจน์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ให้เข้ามาหรอกมั้ง?ดังนั้นเขาจึงถามด้วยหน้าตาเย็นชา“ซื้อรถ?”รปภ. สองคนมองตากัน แล
“ที่เมืองเจิ้งเต๋อใครบ้างไม่รู้ว่าคุณชายตู้เป็นใหญ่ในเขตซีเฉิง ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าคุณอย่างนั้นเหรอครับ?”ผู้จัดการพูดไปด้วย และส่งสายตาให้กับหวังลี่ลี่อย่างบ้าคลั่ง“แกหลบไปเลย!”คุณชายตู้ถีบผู้จัดการออกอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยื่นมือออกไปตบหน้าหวังลี่ลี่อย่างแรงหวังลี่ลี่ร้องอุทานออกมา มือกุมหน้าและล้มทรุดลงบนพื้น“แม่งเอ๊ย”คุณชายตู้ถุยน้ำลายลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเดือดดาล เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะใช้จ่ายเงิน!”“รถยนต์ราคาห้าสิบกว่าล้านก็ซื้อแล้ว ค่าคอมมิชชั่นที่มาถึงมือเธอไม่พูดว่าห้าล้านบาท แต่ห้าแสนบาทก็คงถึงอยู่ใช่ไหม?”คุณชายตู้เข้าไปดึงผมของหวังลี่ลี่เอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก และร้องไห้ขอความเมตตา“เงินห้าแสนบาท ยังไม่สามารถซื้อพรหมจรรย์ของเธอได้งั้นเหรอ?“เดิมคิดว่าหญิงร่านแบบแกทำเป็นเล่นตัวกับฉัน คิดไม่ถึงว่าแกกลับเสแสร้งขึ้นมา แกเสแสร้งอะไรกัน?”“ตอนนี้ฉันสามารถให้ลูกน้องตรวจสอบครอบครัวของแก ลากพ่อที่อยู่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อออกมาได้ แกเชื่อไหม?”ได้ยินคำพูดนี้ หวังลี่ลี่ตกใจจนหน้าซีด“ไม่...ไม่นะ อย่างนะคะคุณชา
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็
มันชัดเจนอยู่แล้วแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งมากแค่ไหน ชายชราหน้ากากเหล็กก็ไม่เปลี่ยนหนทางของตัวเองถ้าจะพูดตรง ๆหลินเฟิงก็รู้สึกสับสนอย่างมากชายชราคนนี้มีพลังมากมายมหาศาล และจากสิ่งที่ฟ่านหลิงเยว่อธิบายไปเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักทักษะการทำนายดวงชะตาบางประเภทด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมากหลินเฟิงไม่อยากจะไปล่วงเกินคนประเภทนี้มากที่สุดแม้ว่าหลินเฟิงจะสามารถต่อสู้กับเขาได้ แต่หากเขาไปโจมตีคนรอบตัวของคุณ คุณจะทำอย่างไร?หรือว่าต้องฟังการจัดเตรียมของเขาแล้วอยู่กับฟ่านหลิงเยว่จริง ๆ....หลินเฟิงหันหน้าไปมองฟ่านหลิงเยว่ แล้วหางตาก็กระตุกถึงแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งอย่างรุนแรง แต่กลับมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอยู่บนใบหน้าของเธอ“เอ่อ...อาจารย์หลิน คุณดูสิ เรื่องมันก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็......”ฟ่านหลิงเยว่มองมาทางหลินเฟิง ราวกับกำลังหยั่งเชิงท่าทางของหลินเฟิงเธอถึงขั้นใจร้อนขึ้นมาเล็กน้อย“หยุด!”หลินเฟิงยื่นมือไปห้ามพร้อมกับพูดว่า :“วางใจเถอะ ฉันจะหาวิธีที่ทำให้คุณปู่ของเธอเลิกความคิดนี้ให้ได้ภายในหนึ่งปี”“ชู่ว”เมื่อได้ยินความคิดเห็นที่ต
“ทำนายผิดงั้นเหรอ? เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”“ผู้อาวุโส ไม่ใช่ว่าผมยกชีพจรมังกรไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนงั้นเหรอ? คุณลักพาตัวคนของผมแล้วยังหลอกล่อผมให้เข้ามาที่นี่อีก หรือว่ามันก็เพื่อเรื่องนี้งั้นเหรอ?”ความหงุดหงิดปรากฏบนใบหน้าของหลินเฟิง“คนของนายงั้นเหรอ?”ชายชราในหน้ากากเหล็กหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า :“ทั้งสองคนนี้เป็นคนสำนักโม่ซวีของฉัน ไปเป็นคนของนายตั้งแต่เมื่อไร?“ผู้อาวุโสสูงสุด คุณอย่าพูดไร้สาระ!”ฟ่านหลิวเยว่ที่ถูกมัดอยู่ข้าง ๆก็ตะโกนขึ้นมาว่า :“ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกไปแล้วเหรอว่าได้หักหลังสำนักโม่ซวีนะ? และตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่คนของสำนักโม่ซวีของพวกคุณแล้วด้วย!” “เหอะ สำนักโม่ซวีเป็นสถานที่เธออยากเข้าก็เข้า อยากจะออกก็ออกได้งั้นเหรอ?”“จะออก จะออก แบร่!”ฟ่านหลิงเยว่แลบลิ้นล้อเลียนใส่ชายชราหน้ากากเหล็ก“......”ชายชราหน้ากากเหล็กหายใจแรงเล็กน้อย แล้วหลินเฟิงก็ยังมองเห็นหางตาของเขากระตุกขึ้นอย่างชัดเจน“โอ๊ย ผู้อาวุโสสูงสุด คุณไม่ต้องไปโต้เถียงกับสาวน้อยคนนี้หรอก”ฟ่านอู๋จี๋ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงและพูดขึ้นว่า :“น้องชาย...คนนั้น ไ
“พี่ใหญ่ มีคนมาแล้ว!”อันธพาลที่สวมเสื้อกั๊กมองเห็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำขับที่เข้ามาหาก็รีบหันกลับมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปในวัดบนเขาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไปรายงานพี่ใหญ่ของตัวเอง“เชี่ยเอ้ย! ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ต่อรอง คนนี้มันรวยจริง ๆเลย!”อันธพาลนั้น มีรวม ๆทั้งหมดสิบกว่าคนอีกทั้งในกลุ่มอันธพาลก็ถือว่าไม่ได้มีหน้ามีตามากที่สุดในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ อันธพาลคนนี้จึงมีสีผมหลากหลายมากกว่าลูกน้องของตัวเองที่มีเพียงไม่กี่สี ดูเหมือนว่าอายุก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ และน่าจะมีอายุประมาณเพียงยี่สิบปีกันทั้งหมดหลินเฟิงลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ หัวหน้าแก๊งอันธพาลก็เลยยกไม้เบสบอลโลหะที่อยู่ในมือขึ้นมา แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงด้วยความอวดดี ก่อนจะพูดขึ้นว่า :“แกยืนอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเข้ามา!”“ได้ ได้ ได้”หลินเฟิงยกมือยอมแพ้ พร้อมทั้งลอบมองไปโดยรอบ เพื่อหาชายชราที่สวมหน้ากากเหล็ก“เงินล่ะ?”หัวหน้าแก๊งอันธพาลมองไปทางหลินเฟิงแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้น“พี่ใหญ่ บนรถไม่มีอะไรเลย!”อันธพาลรีบพุ่งเข้าไปดูรถที่หลินเฟิงขับมา ก่อนจะพบว่าไม่มีกระเป๋าเอกสารหรือสิ่งที่คล้ายกันอยู่บนรถเลยแม้แต่น้อย“เชี่ย
จ้าวหลิงเยว่ท่าทางทะเล้นเหมือนอย่างเคย“หึ เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เจอเรื่องอะไรที่จัดการเองไม่ได้?”หลินเฟิงยังรู้สึกชอบเด็กสาวที่สดใสคนนี้อย่างมาก“อ๊ะ…ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์หลิน”จ้าวหลิงเยว่หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดอย่างมีลับลมคมใน: “คือว่า อาจารย์หลิน ปู่ของฉันตาแก่หนังเหนียวคนนั้นถูกคนจับตัวไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”เรียกปู่ของตัวเองว่าตาแก่หนังเหนียว หลินเฟิงฟังแล้วหน้าบึ้งตึง“ฉันได้สืบจากหลายๆ ฝ่ายในที่สุดก็หาจุดที่ปู่ของฉันถูกจับไว้ได้แล้ว”“จากนั้น หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฉันก็สร้างแผนอัจฉริยะขึ้นมา สุดท้าย ฉันก็สามารถบุกเข้าไปในค่ายฐานที่คุณปุ่ถูกคุมขังได้!”ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กคนนี้ หลินเฟิงรีบถามขึ้นว่า:“เป็นยังไง? ช่วยปู่ของเธอออกมาได้ไหม?”“ไม่ได้”จ้าวหลิงเยว่กระแอมด้วยความเขินอาย และพูดอย่างมีเหตุมีผล:“ผลปรากฏว่าฉันก็ถูกพวกเขาจับได้”“เธอ…”หลินเฟิงถูกประโยคนี้ของจ้าวหลิงเยว่ทำให้โมโหจนหัวเราะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ถูกผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แย่งไป ผู้ชายคนนี้พูดจาโผงผาง เห็นได้ชัดว่าเป็นกิริยาของพวกอันธพาล“ฮัลโหล นายก็คืออาจารย์ของเด็ก