“เพล้ง” เครื่องลายครามสีฟ้าขาวที่อยู่ในมือแตกละเอียดในทันที“แม่งเอ๊ย”หลี่ว์เจิ้งหยางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นก็หันหน้ามองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ห่างจากเขาสองเมตรเต็ม ๆ“ไอ้สกุลหลิน แกกล้าขัดขาฉันเหรอ?”หลินเฟิงได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะเยาะทันที: “คุณเนี่ยนะน่าขำซะจริง ๆ ตัวเอง ตัวเองเดินล้มเอง ยังมีหน้ามาโทษผมอีก?”“แกพูดจาไร้สาระ ฉันเดินอยู่ดี ๆ จู่ ๆ จะล้มลงได้อย่างไร?”หลี่ว์เจิ้งหยางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและถลึงตาใส่หลินเฟิง: “ต้องเป็นแกที่เล่นไม่ซื่อลับหลังแน่นอน”“วันนี้แกต้องชดใช้เครื่องลายครามของฉัน”หลินเฟิงพูดด้วยใบหน้าเย็นชา: “นายเอาหน้ามาจากไหนที่จะเอาเงินจากฉัน? ไสหัวไป”หลี่ว์เจิ้งหยางเห็นหลินเฟิงจะเดินไป เขาก็เข้าไปห้ามเอาไว้ทันที จากนั้นก็เอะอะโวยวาย: “วันนี้แกต้องชดใช้เงินให้ฉัน ไม่ชดใช้เงินก็อย่าคิดที่จะจากไป”“ใครก็ได้ ทุกคนมาดูสิ ไอ้หมอนี่ทำแจกันดอกไม้ของผมแตก แต่กลับไม่อยากชดใช้เงิน นี่ยังมีกฎหมายอยู่ไหม”คนที่อยู่รอบ ๆ ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของหลี่ว์เจิ้งหยาง ก็ล้อมรอบเข้ามาดูความครึกครื้นหลินเฟิงหัวเราะเยาะ และจ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยาง อยากจะให้เขาชดใช้เงินนั
หลินเฟิงพยักหน้า: “รู้แล้ว เอาหลักฐานของนายออกมา ฉันดูสิว่าแผนกไหนกันถึงได้กล้าเก็บเงิน”“หลักฐาน?”หานเต๋อหย่งขมวดคิ้ว เขามีหลักฐานที่ไหนกันและก็ไม่มีแผนกอะไร เพียงแค่รวบรวมลูกน้องกลุ่มหนึ่งแล้วเก็บเงินค่าคุ้มครองก็เท่านั้น“แกแม่งไม่จบไม่สิ้นสินะ ถ้ายังไม่จ่ายเงินอีก ฉันจะไม่เกรงใจแล้ว”หลินเฟิงยักไหล่แล้วพูดขึ้น: “ในเมื่อนายเอาหลักฐานออกมาไม่ได้ งั้นฉันก็ไม่สามารถจ่ายเงินให้นายได้”“เชี่ย ไว้หน้าแล้วยังไม่รู้จักเจียมตัว กระทืบมันซะ” หานเต๋อหย่งก็ขี้เกียจจะพูดมากกับเขาอีกเมื่อออกคำสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งไปทางหลินเฟิงคนที่อยู่รอบ ๆ ก็แยกย้ายออกทันทีเจ้าของแผงลอยเหล่านั้นรีบเก็บแผงของตัวเองถอยไปด้านหลังเพราะกลัวจะถูกลูกหลงหลี่ว์เจิ้งหยางอมยิ้มที่มุมปาก ทางที่ดีคือให้คนกลุ่มนี้กระทืบหลินเฟิงจนพิการ ถึงเวลาไอ้หมอนี่ก็ไปงานวันเกิดคุณปู่ตระกูลหลี่ไม่ได้แล้วหลินเฟิงสายตาเหยียดหยาม และมองดูลูกน้องที่พุ่งเข้ามาเขายกมือขึ้นและตบไปที่คางของอีกฝ่ายการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้คนคนนั้นกระเด็นออกไปสิบกว่าเมตรสามคนที่เหลือเห็นแบบนี้ก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสี และมองตากัน จ
หลินเฟิงจ้องมองไป คนที่มาถึงก็คือหลิวไฮ่เทาเขาพูดอย่างเย็นชา: “ไม่มีอะไร ก็แค่มีไอ้พวกไม่ดูตาไม้ตาเรือใส่ความผมว่าทำแจกันของเขาแตก แล้วก็หาคนกลุ่มหนึ่งมาสั่งสอนผม”“อะไรนะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ?”หลิวไฮ่เทาเดือดดาลอย่างมากคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าใส่ความผู้มีพระคุณที่ช่วยรักษาพ่อของเขา แบบนี้จะยอมได้อย่างไร?“พวกนายเป็นใครกัน? ถึงได้กล้าลงมือทำร้ายคน?” หลิวไฮ่เทามองไปทางหานเต๋อหย่งและคนอื่น ๆ จากนั้นก็ตวาดด้วยน้ำเสียงโมโห“เกี่ยวอะไรกับแกด้วย? รีบไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งสอนแกด้วย”หานเต๋อหย่งตวาดด้วยน้ำเสียงโมโห เขาไม่ได้เห็นหลิวไฮ่เทาอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ“นาย...”หลิวไฮ่เทาโมโหเป็นอย่างมาก อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงลูกชายของท่านผู้ว่าหลิวนะคิดไม่ถึงว่าจะถูกพวกเสเพลกระจอก ๆ ด่าเข้าให้“คุณฟาง”เขาหันหน้ามองไปทางผู้ชายที่อยู่ข้างหลังคนผู้นี้ก็คือฟางเหวินบอดี้การ์ดของหลิวไฮ่เทา เขาเข้าใจได้ในทันทีจากนั้นก็วิ่งตรงไปทางหานเต๋อหย่งอย่างรวดเร็วลูกน้องที่อยู่รอบ ๆ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะขัดขวางเอาไว้แต่ในตอนที่เพิ่งจะสัมผัสถึงตัวของฟางเหวินพวกเขาก็ถูกชกจนกระเด็นออกไป
หลี่ว์เจิ้งหยางถูกตบจนมึนงงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าในใจจะไม่พอใจอย่างมาก แต่เมื่อมองดูฟางเหวินที่อยู่ด้านข้าง เขาก็ทำได้แค่อดกลั้นความโมโหเอาไว้หานเต๋อหย่งได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ: “อะไรนะ? ไอ้สกุลหลี่ว์ แกแม่งกล้าหลอกฉันเหรอวะ? คุณชายท่านนี้ อันที่จริงผมก็ถูกหลอกเหมือนกันนะครับ”“หุบปาก” หลิวไฮ่เทาถลึงตาใส่เขาหานเต๋อหย่งตกใจจนไม่กล้าพูดอีกหลี่ว์เจิ้งหยางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พูดขึ้นมา: “เรื่องนี้โทษผมเองครับ โทษผม ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน งั้นเรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะครับ”“ช่างมัน?”หลิวไฮ่เทาพูดเสียงเย็นชา: “นายใส่ความเพื่อนของฉันแล้วคิดจะปล่อยผ่านไปแบบนี้เหรอ? ขอโทษเพื่อนของฉันซะ”“อะไรนะครับ?”หลี่ว์เจิ้งหยางชะงักงัน อย่างไรซะเขาก็เป็นถึงคุณชายของตระกูลหลี่ว์แถมยังเป็นประธานบริษัท จะให้ขอโทษผู้ชายหน้าตัวเมียอย่างมัน นี่มันเหมาะสมที่ไหนกันล่ะ“ให้ผมขอโทษเขา?”“หรือนายมีข้อโต้แย้งเหรอ?” หลิวไฮ่เทาตวาดด้วยความโมโหในตอนนี้ฟางเหวินก็เดินไปด้านข้างของเขาหลี่ว์เจิ้งหยางกัดฟัน วันนี้ถ้าไม่ขอโทษก็คงจะเลี่ยงการถูกกระทืบอย่างหนักไม่ได้“ไม่ ไม่มีข้อโต้แย้งครับ”เขาทำได้แค่ฝื
“ไม่จำเป็นครับ ครั้งนี้เป็นงานวันเกิดของคุณปู่ของผม จะรบกวนให้คุณหลิวช่วยเหลือได้อย่างไร” หลินเฟิงยิ้มแล้วพูดปฏิเสธอย่างสุภาพ“คุณปู่?” หลิวไฮ่เทาได้ยินแบบนี้ก็ตกตะลึงอย่างมากทำไมเขาถึงไม่รู้ว่าหลินเฟิงมีคุณปู่ด้วย?หลินเฟิงพูดอธิบาย: “คุณปู่ของอดีตภรรยาของผม ท่านมีบุญคุณต่อผมอย่างมาก ถึงแม้ผมจะหย่าร้างกับอดีตภรรยาแล้ว แต่ว่างานวันเกิด ผมก็ยังต้องไป”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”หลิวไฮ่เทาประสานมือแล้วพูดขึ้น: “คุณหลินเฟิงเป็นคนที่รู้จักบุญคุณคนจริง ๆ นะครับ”“พูดตามตรงนะครับคุณหลิน สถานที่นี้ถึงแม้จะเป็นแหล่งขายวัตถุโบราณ แต่ก็ไม่ได้มีของแท้อะไร ในบ้านของผมมีของสะสมอยู่มากมาย”“อีกอย่างปกติแล้วพ่อของผมก็มีความชอบในการเก็บสะสมวัตถุโบราณอยู่แล้ว ของที่บ้านของผมเป็นของจริงแน่นอน คุณเลือกของสักสองชิ้นไปได้ตามใจชอบเลยครับ”หลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าหลิวไฮ่เทาจะใจกว้างขนาดนี้แต่มีคนแนะนำให้ ก็ดีกว่าตัวเองสุ่มสี่สุ่มห้าหาอยู่ตรงนี้“นี่...เกรงใจมาก ๆ เลยครับ”หลิวไฮ่เทายิ้มแล้วพูด: “คุณหลิน ดูคุณพูดซะ คุณเป็นถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพ่อของผมนะครับ วัตถุโบราณสองชิ้นแลกกับชีวิตคุณพ่อของผ
หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น: “งานฉลองวันเกิดของคุณปู่ยังเหลืออีกหลายวัน รายละเอียดสถานที่ยังไม่ได้กำหนดครับ”หลิวกั๋วฮุยพูดขึ้นทันที: “หือ? งั้นไม่สู้ไปจัดที่โรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจวดีไหมครับ? สถานที่นี้มาตรฐานสูงพอสมควร คุณปู่จะต้องชอบแน่นอนครับ”โรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจวรับผิดชอบต้อนรับและบริการลูกค้านอกโดยเฉพาะ บางครั้งก็รับงานเลี้ยงขนาดใหญ่อยู่บ้างเพียงแต่ต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าสองเดือนมีเส้นสายของหลิวกั๋วฮุย การนัดหมายก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วแต่หลินเฟิงก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น: “ไม่ต้องหรอกครับ งานเลี้ยงในครั้งนี้ผมไม่ใช่ผู้รับผิดชอบ คนของตระกูลหลี่เป็นคนจัดแจงทั้งหมด”“เอาไว้ครั้งหน้าที่มีโอกาสนะครับ...”“อ๋อ...งั้นก็ได้ครับ”ทั้งสามคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง เขาถึงได้กลับไปเมื่อส่งหลินเฟิงกลับไป หลิวกั๋วฮุยก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีโทรไปหาถังหว่าน: “คุณถัง เรื่องงานฉลองวันเกิดของคุณปู่ของหลินเฟิงคุณทราบไหมครับ?”“เอ่อ? ไม่ทราบนะคะ หลินเฟิงมีคุณปู่ที่ไหนกันคะ?” ถังหว่านที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์พูดด้วยความสงสัย“อ๋อ ไม่ใช่คุณปู่ของหลินเฟิงครั
เลขาผู้ว่าได้พบกับหลี่ฮุ่ยหรานก็ยิ้มบาง ๆ: “คุณหลี่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันครับ ผมเหลียงอัน เคยได้ยินมานานแล้วว่าคุณหลี่ฉลาดและสวยงามอย่างมาก วันนี้ได้พบก็โดดเด่นจริง ๆ ด้วยครับ”หลี่ฮุ่ยหรานชะงักงัน และยิ้มด้วยความเก้กังตอนนี้ตัวเองมีชื่อเสียงขนาดนี้แล้วเหรอ? เลขาผู้ว่าก็ยังเคยได้ยินชื่อของเธอด้วย?“เอาเถอะค่ะ เลขาเหลียงพวกเราอย่ามัวแต่ยืนเฉยอยู่ที่หน้าประตูเลยค่ะ มีอะไรพวกเราเข้าไปคุยกันในบ้านเถอะค่ะ” จางซินพูดขึ้นทันทีหลี่ฮุ่ยหรานก็ตั้งสติขึ้นมา และรีบพยักหน้าพูดขึ้น: “ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ เลขาเหลียงพวกเราเข้าไปคุยกันในบ้านเถอะค่ะ”เหลียงอันกลับส่ายหน้าพูดขึ้น: “ไม่ต้องครับ ที่ผมมาในครั้งนี้เพื่อจะมาทำธุระแทนท่านผู้ว่า”หลี่ฮุ่ยหรานถามด้วยความระมัดระวัง: “ไม่ทราบว่าท่านผู้ว่ามีรับสั่งอะไรคะ?”เหลียงอันยิ้มพูด: “คุณหลี่ไม่ต้องวิตกกังวลครับ เป็นเรื่องมงคล ท่านผู้ว่าได้ยินว่าเป็นวันเกิดของคุณปู่ตระกูลหลี่ จึงได้จัดแจงห้องส่วนตัวเทียนหลงที่ชั้นบนสุดของโรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจวให้พวกคุณได้ใช้”“ค่าใช้จ่ายทุกอย่างมีท่านผู้ว่าเป็นคนชำระ”“ห๊ะ?”ข่าวนี้ทำให้คนตระกูลหลี่ตกตะลึงเป็นอย่างม
“ยังนิ่งอึ้งอะไรกันอยู่? ไปส่งบัตรเชิญเถอะ บอกกับทุกคนว่า สถานที่จัดงานฉลองวันเกิดของคุณปู่อยู่ที่โรงแรมอิ๋งปิน”หลี่ฮุ่ยหรานกวาดสายตามองทุกคนรอบ ๆ แล้วพูดด้วยความฮึกเหิม......ไม่กี่วันต่อมา งานฉลองวันเกิดของคุณปู่ตระกูลหลี่จัดขึ้นตามที่กำหนดไว้ที่จัดคือโรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจว ที่ได้มีการบอกกล่วงหน้าจากหลิวกั๋วฮุย โรงแรมอิ๋งปินคึกคักเป็นอย่างมากการตกแต่งไม่ขอว่าดีที่สุดแต่ขอว่าต้องแพงที่สุด หลัก ๆ ก็คือหรูหราหลี่ฮุ่ยหรานสวมชุดราตรีแหวกขาสีดำขาสวยเรียวยาวทั้งสองข้างวับ ๆ แวม ๆ เธอยืนต้อนรับแขกเหรื่อที่เดินทางมาร่วมฉลองงานวันเกิดที่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยงเมื่อก่อนพวกตระกูลเล็ก ๆ ที่ไม่สนใจใยดีต่อตระกูลหลี่ ครั้งนี้ก็ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเมื่อสามารถจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมอิ๋งปินได้นั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา แน่ๆเถ้าแก่วัยกลางคนที่หัวล้านตรงกระหม่อม ถือของขวัญเอาไว้และเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว: “คุณหลี่ คุณแอบซ่อนไว้ได้มิดชิดมากจริง ๆ นะครับ”“นึกไม่ถึงว่าจะจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมอิ๋งปิน ทำไมถึงไม่แจ้งผมให้เร็วกว่านี้หน่อยครับ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “เถ้าแก่อู๋เกรงใ