“ไม่จำเป็นครับ ครั้งนี้เป็นงานวันเกิดของคุณปู่ของผม จะรบกวนให้คุณหลิวช่วยเหลือได้อย่างไร” หลินเฟิงยิ้มแล้วพูดปฏิเสธอย่างสุภาพ“คุณปู่?” หลิวไฮ่เทาได้ยินแบบนี้ก็ตกตะลึงอย่างมากทำไมเขาถึงไม่รู้ว่าหลินเฟิงมีคุณปู่ด้วย?หลินเฟิงพูดอธิบาย: “คุณปู่ของอดีตภรรยาของผม ท่านมีบุญคุณต่อผมอย่างมาก ถึงแม้ผมจะหย่าร้างกับอดีตภรรยาแล้ว แต่ว่างานวันเกิด ผมก็ยังต้องไป”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”หลิวไฮ่เทาประสานมือแล้วพูดขึ้น: “คุณหลินเฟิงเป็นคนที่รู้จักบุญคุณคนจริง ๆ นะครับ”“พูดตามตรงนะครับคุณหลิน สถานที่นี้ถึงแม้จะเป็นแหล่งขายวัตถุโบราณ แต่ก็ไม่ได้มีของแท้อะไร ในบ้านของผมมีของสะสมอยู่มากมาย”“อีกอย่างปกติแล้วพ่อของผมก็มีความชอบในการเก็บสะสมวัตถุโบราณอยู่แล้ว ของที่บ้านของผมเป็นของจริงแน่นอน คุณเลือกของสักสองชิ้นไปได้ตามใจชอบเลยครับ”หลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าหลิวไฮ่เทาจะใจกว้างขนาดนี้แต่มีคนแนะนำให้ ก็ดีกว่าตัวเองสุ่มสี่สุ่มห้าหาอยู่ตรงนี้“นี่...เกรงใจมาก ๆ เลยครับ”หลิวไฮ่เทายิ้มแล้วพูด: “คุณหลิน ดูคุณพูดซะ คุณเป็นถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพ่อของผมนะครับ วัตถุโบราณสองชิ้นแลกกับชีวิตคุณพ่อของผ
หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น: “งานฉลองวันเกิดของคุณปู่ยังเหลืออีกหลายวัน รายละเอียดสถานที่ยังไม่ได้กำหนดครับ”หลิวกั๋วฮุยพูดขึ้นทันที: “หือ? งั้นไม่สู้ไปจัดที่โรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจวดีไหมครับ? สถานที่นี้มาตรฐานสูงพอสมควร คุณปู่จะต้องชอบแน่นอนครับ”โรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจวรับผิดชอบต้อนรับและบริการลูกค้านอกโดยเฉพาะ บางครั้งก็รับงานเลี้ยงขนาดใหญ่อยู่บ้างเพียงแต่ต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าสองเดือนมีเส้นสายของหลิวกั๋วฮุย การนัดหมายก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วแต่หลินเฟิงก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น: “ไม่ต้องหรอกครับ งานเลี้ยงในครั้งนี้ผมไม่ใช่ผู้รับผิดชอบ คนของตระกูลหลี่เป็นคนจัดแจงทั้งหมด”“เอาไว้ครั้งหน้าที่มีโอกาสนะครับ...”“อ๋อ...งั้นก็ได้ครับ”ทั้งสามคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง เขาถึงได้กลับไปเมื่อส่งหลินเฟิงกลับไป หลิวกั๋วฮุยก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีโทรไปหาถังหว่าน: “คุณถัง เรื่องงานฉลองวันเกิดของคุณปู่ของหลินเฟิงคุณทราบไหมครับ?”“เอ่อ? ไม่ทราบนะคะ หลินเฟิงมีคุณปู่ที่ไหนกันคะ?” ถังหว่านที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์พูดด้วยความสงสัย“อ๋อ ไม่ใช่คุณปู่ของหลินเฟิงครั
เลขาผู้ว่าได้พบกับหลี่ฮุ่ยหรานก็ยิ้มบาง ๆ: “คุณหลี่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันครับ ผมเหลียงอัน เคยได้ยินมานานแล้วว่าคุณหลี่ฉลาดและสวยงามอย่างมาก วันนี้ได้พบก็โดดเด่นจริง ๆ ด้วยครับ”หลี่ฮุ่ยหรานชะงักงัน และยิ้มด้วยความเก้กังตอนนี้ตัวเองมีชื่อเสียงขนาดนี้แล้วเหรอ? เลขาผู้ว่าก็ยังเคยได้ยินชื่อของเธอด้วย?“เอาเถอะค่ะ เลขาเหลียงพวกเราอย่ามัวแต่ยืนเฉยอยู่ที่หน้าประตูเลยค่ะ มีอะไรพวกเราเข้าไปคุยกันในบ้านเถอะค่ะ” จางซินพูดขึ้นทันทีหลี่ฮุ่ยหรานก็ตั้งสติขึ้นมา และรีบพยักหน้าพูดขึ้น: “ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ เลขาเหลียงพวกเราเข้าไปคุยกันในบ้านเถอะค่ะ”เหลียงอันกลับส่ายหน้าพูดขึ้น: “ไม่ต้องครับ ที่ผมมาในครั้งนี้เพื่อจะมาทำธุระแทนท่านผู้ว่า”หลี่ฮุ่ยหรานถามด้วยความระมัดระวัง: “ไม่ทราบว่าท่านผู้ว่ามีรับสั่งอะไรคะ?”เหลียงอันยิ้มพูด: “คุณหลี่ไม่ต้องวิตกกังวลครับ เป็นเรื่องมงคล ท่านผู้ว่าได้ยินว่าเป็นวันเกิดของคุณปู่ตระกูลหลี่ จึงได้จัดแจงห้องส่วนตัวเทียนหลงที่ชั้นบนสุดของโรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจวให้พวกคุณได้ใช้”“ค่าใช้จ่ายทุกอย่างมีท่านผู้ว่าเป็นคนชำระ”“ห๊ะ?”ข่าวนี้ทำให้คนตระกูลหลี่ตกตะลึงเป็นอย่างม
“ยังนิ่งอึ้งอะไรกันอยู่? ไปส่งบัตรเชิญเถอะ บอกกับทุกคนว่า สถานที่จัดงานฉลองวันเกิดของคุณปู่อยู่ที่โรงแรมอิ๋งปิน”หลี่ฮุ่ยหรานกวาดสายตามองทุกคนรอบ ๆ แล้วพูดด้วยความฮึกเหิม......ไม่กี่วันต่อมา งานฉลองวันเกิดของคุณปู่ตระกูลหลี่จัดขึ้นตามที่กำหนดไว้ที่จัดคือโรงแรมอิ๋งปินเมืองเจียงโจว ที่ได้มีการบอกกล่วงหน้าจากหลิวกั๋วฮุย โรงแรมอิ๋งปินคึกคักเป็นอย่างมากการตกแต่งไม่ขอว่าดีที่สุดแต่ขอว่าต้องแพงที่สุด หลัก ๆ ก็คือหรูหราหลี่ฮุ่ยหรานสวมชุดราตรีแหวกขาสีดำขาสวยเรียวยาวทั้งสองข้างวับ ๆ แวม ๆ เธอยืนต้อนรับแขกเหรื่อที่เดินทางมาร่วมฉลองงานวันเกิดที่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยงเมื่อก่อนพวกตระกูลเล็ก ๆ ที่ไม่สนใจใยดีต่อตระกูลหลี่ ครั้งนี้ก็ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเมื่อสามารถจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมอิ๋งปินได้นั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา แน่ๆเถ้าแก่วัยกลางคนที่หัวล้านตรงกระหม่อม ถือของขวัญเอาไว้และเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว: “คุณหลี่ คุณแอบซ่อนไว้ได้มิดชิดมากจริง ๆ นะครับ”“นึกไม่ถึงว่าจะจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมอิ๋งปิน ทำไมถึงไม่แจ้งผมให้เร็วกว่านี้หน่อยครับ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “เถ้าแก่อู๋เกรงใ
“คุณมาได้ ฉันก็รู้สึกดีใจมาก”หลี่ฮุ่ยหรานอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แล้วพูดขึ้นมา: “แน่นอน คุณปู่ก็ยิ่งดีใจ”เธอยังอยากจะอธิบายเรื่องเข้าใจผิดเมื่อครั้งที่แล้วกับหลินเฟิงสักหน่อย แต่กลับไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรหลินเฟิงกลับไม่ได้มองเธอสักนิด เขาหันหลังเดินไปทางห้องโถงใหญ่“อุ๊ย คุณเอาของขวัญอะไรมาน่ะ?” หลี่ว์เจิ้งหยางที่ยืนอยู่ตรงประตูยิ้มแล้วถามขึ้นหลินเฟิงเหลือบตามองเขา: “ผมเอาของขวัญอะไรมา หรือว่าต้องรายงานกับคุณด้วยเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้น: “หึหึ วันนี้เป็นวันเกิดแปดสิบปีของคุณปู่ ผมกลัวว่าของขวัญของคุณจะเอาออกมาโชว์ไม่ได้น่ะสิ ผมให้คุณยืมเงินหน่อยไหม?”หลินเฟิงกวาดตามองกล่องของขวัญที่อยู่ในมือของเขา ดูความเล็กใหญ่แล้ว เหมือนว่ายังเป็นแจกันดอกไม้เขาจึงยิ้มออกมาทันที: “ทำไม? ยังมอบแจกันดอกไม้อีกเหรอ? ระหว่างทางระวังหน่อยล่ะ อย่าทำให้แตกอีก”“แม่ง...”หลี่ว์เจิ้งหยางได้ยินคำพูดนี้ ก็กอดของขวัญที่อยู่ในมือเอาไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณหลินเฟิงหัวเราะเยาะแล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงขณะเดียวกัน หลี่ไห่ซานกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหลัก เขาหรี่ตาลง หลับตาพักเหนื่อยงานที่จ้อกแจ้
“คุณชายหลี่ว์ คุณมาได้สักทีนะคะ รีบนั่งรีบนั่ง” จางกุ้ยหลานรีบดึงหลี่ว์เจิ้งหยางมานั่งที่ด้านข้างตัวเองจางซินกับหลี่จื้อเชาที่อยู่ด้านข้างทั้งรินน้ำ ทั้งยื่นบุหรี่ให้นี่เป็นความพิเศษที่หลินเฟิงไม่เคยได้รับมาก่อนจากนั้นจางกุ้ยหลานก็มองไปทางหลี่ไห่ซานแล้วพูดขึ้น: “คุณปู่ ครั้งนี้สามารถจัดงานฉลองวันเกิดที่โรงแรมอิ๋งปินได้ เป็นความดีความชอบของคุณชายหลี่ว์เลยนะ”“คุณจะต้องทำความสนิทสนมกับคุณชายหลี่ว์ให้มากขึ้นนะ”คุณปู่ตระกูลหลี่พูดด้วยความหงุดหงิด: “สนิทสนมกับผีน่ะสิ ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะจัดงานในสถานที่แบบนี้ ถ้าให้ฉันพูดนะไม่จัดงานยังจะดีกว่า”“เอ๊ะ ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้นะ? ถ้าหากคุณไม่จัดงานคนอื่นจะไม่พูดเหรอว่าพวกเราผู้น้อยอกตัญญู” จางกุ้ยหลานพูดสั่งสอนหลินเฟิงขมวดคิ้วทันที กฎเกณฑ์ของโรงแรมอิ๋งปินเขาก็พอรู้อยู่บ้าง เขาไม่เชื่อหรอกว่าหลี่ว์เจิ้งหยางจะมีความสามารถนี้“โรงแรมอิ๋งปินนี้เขาเป็นคนจองเหรอ?” หลินเฟิงถามด้วยความสงสัย“พูดจาไร้สาระ ถ้าไม่ใช่พี่หลี่ว์ของฉัน แล้วจะเป็นนายหรือไง?” หลี่จื้อเชาถามกลับจางซินก็พูดตามขึ้นมา: “เลขาท่านผู้ว่ามาบอกที่ตระกูลหลี่ด้วยตัวเองเล
“ห้าล้านบาทยังไม่แพงอีกเหรอ?” หลี่จื้อเชาอุทานออกมา: “ไม่เสียแรงที่เป็นคุณชายหลี่ว์ เงินห้าล้านก็ยังนับว่าเป็นเงินเล็กน้อย”“โอ๊ย ทำให้คุณชายหลี่ว์ลำบากเลยค่ะ”จางกุ้ยหลานใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นก็หันหน้ามองไปทางคุณปู่แล้วพูดขึ้นมา: “คุณปู่ คุณดูสิ นี่เป็นของขวัญที่คุณชายหลี่ว์มอบให้คุณนะคะ”หลี่ไห่ซานล้วงแว่นตาขยายออกมาจากในกระเป๋าทันที เมื่อจ้องมองลวดลายที่อยู่บนแจกันดอกไม้ เขาก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยอย่างมาก: “นี่เป็นเครื่องลายครามของสมัยไหน?”หลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มเล็กน้อย: “ก็แค่เครื่องปั้นดินเผาของราชวงศ์ชิงครับ คุณปู่ชอบไหมครับ?”หลี่ไห่ซานพยักหน้า: “ไม่เลว ไม่เลว...”ถึงแม้เขาจะไม่ชอบหลี่ว์เจิ้งหยาง แต่สำหรับวัตถุโบราณระดับนี้เขารู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมากหลินเฟิงขมวดคิ้วในทันที: “นี่คือเครื่องปั้นดินเผาสมัยราชวงศ์ชิง?”“ผมดูแล้วไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่นะ?”หลี่ว์เจิ้งหยางตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงด้วยความกระวนกระวาย: “ไอ้หนุ่มหมายความว่าอย่างไร?”เครื่องลายครามก่อนหน้านี้ถูกเขาทำแตกจนแหลกละเอียด ครั้งนี้เขาก็ซื้อของลอกเลียนแบบมาจริง ๆ นั่นแหละแต่ร้านขายบอกเอาไว้แล
“ฉันดูหน่อยสิ?” ทุกคนเห็นคุณปู่ชื่นชอบขนาดนี้ ก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าหลินเฟิงมอบของอะไรให้กันแน่ต่างพากันยื่นหน้าออกไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นภาพเขียนพู่กันจีน ในใจก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังอย่างมากจางกุ้ยหลานกลอกตาไปมา: “คุณปู่ ของสิ่งนี้ก็นับว่าเป็นของดีได้ด้วยเหรอ?”“จริงด้วย ก็แค่ภาพเขียนพู่กันจีนกระจอก ๆ มูลค่ายังไม่เท่าแจกันเครื่องลายครามที่คุณชายหลี่ว์มอบให้เลย” หลี่จื้อเชาเบะปากพูดคุณปู่ตระกูลหลี่ขมวดคิ้วแน่น: “ภาพเขียนพู่กันจีนกระจอก ๆ? นี่เป็นลายมือการเขียนของหวังซีจื่อ แกไม่เคยเรียนหนังสือเหรอ? ถึงไม่รู้ว่าหวังซีจื่อคือใคร?”จางซินโบกมือ: “เขาบอกว่าใช่ก็ใช่เหรอ? หนูยังพูดว่าเป็นของจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เลย”“หึหึ...”หลี่เจิ้งหยางยิ้มบางในทันที: “คุณปู่ พูดตามตรงนะครับ ภาพเขียนพู่กันจีนอันที่จริงทำของปลอมได้ง่ายที่สุดแล้วครับ”“เพราะว่าตัวอักษรเป็นสิ่งที่ลอกเลียนแบบได้ง่ายมาก และสิ่งของที่มีอายุเกิดหนึ่งพันปี กระดาษแผ่นนี้จะเก็บรักษาเอาไว้ได้ดีขนาดนี้ได้อย่างไรครับ?”“จากที่ผมดู ภาพเขียนพู่กันจีนภาพนี้ เป็นของลอกเลียนแบบ”จางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าติดต่อกัน: “ถูกต้อง