“ซี้ด...หลินเฟิงคนนี้มีความสามารถอะไรกันแน่นะ? ฉินเซี่ยวเทียนตกตะลึงตาค้าง มองไปทางหลินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ“แม่เจ้า!” ฉินอิ๋งกลืนน้ำลาย ในดวงตามีความอิจฉาแวบผ่านแม้แต่ถังหว่านก็รู้สึกตะลึงงันอย่างอดไม่ได้ หลินเฟิงคนนี้ทำลายความรู้ของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจริง ๆหลินเฟิงวางเท้าลง คนทั้งคนล่องลอยมาตรงหน้าของเหยนควานเยหนควานยังอยากจะสู้กลับหลินเฟิงตบไปที่ไหล่ของเขา“แกร่ก” กระดูกหัวไหล่ของเหยนควานแตกละเอียดทันที“อ้าก...”เหยนควานเจ็บจนหน้าตาเหยเก สีหน้าดุดันจนน่าหวาดกลัว“คุณแพ้แล้ว”หลินเฟิงมองดูเขาอย่างเรียบเฉย“คุณฆ่าตัวเองหรือว่าจะให้ผมช่วยคุณจัดการ?”เหยนควานหายใจอย่างแรง เขาไม่อยากจะเชื่อ และยิ่งไม่เข้าใจว่าตัวเองจะแพ้ให้กับวัยรุ่นอายุยี่สิบกว่า ๆ คนหนึ่งได้อย่างไรเขาฝึกวิชาต่อสู้มาสามสิบปีอย่างเสียเปล่าให้เขาฆ่าตัวเองนั้นไม่มีทาง“แกนับประสาอะไรกันถึงได้กล้าให้ฉันฆ่าตัวเอง?”“ลุยเลย ฆ่ามันให้ฉันซะ”ลูกศิษย์ของสำนักอวี้เจี้ยนกรูกันเข้ามา เขาไม่เชื่อว่าหลินเฟิงจะสามารถรอดไปได้ทุกคนกำลังจะเข้าไปฆ่าหลินเฟิงก็ได้ยินเสียงดังสะเทือนของเครื่องยนต์ดังมาจากข้างนอ
คำพูดของเขามีความหมายแฝงเป็นอย่างมากแต่ฉินเซี่ยวเทียนก็เข้าใจคนผู้นี้ รับรายงานจากผู้ไม่ประสงค์ลงนาม คนผู้นั้นน่าจะเป็นหลินเฟิงสินะเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก จากนั้นก็พยักหน้า: “กัปตันเสิ่นลำบากแล้วครับ มีอะไรต้องการให้ผมรับผิดชอบไหมครับ?”เสิ่นหานพูดออกคำสั่ง: “ควบคุมคนของสำนักอวี้เจี้ยนทั้งหมดเอาไว้ก่อน ผมรับผิดชอบตรวจสำนวนและตัดสินคดี”“รับทราบ” ฉินเซี่ยวเทียนรับคำสั่ง และช่วยคนของเสิ่นหาน ควบคุมลูกศิษย์สำนักอวี้เจี้ยนเหล่านี้ไปขึ้นรถทั้งหมด“ช้าก่อน ผมคือผู้นำสำนักอวี้เจี้ยน พวกคุณเป็นใครกัน? มีสิทธิ์อะไรจับผม?” เหยนควานถูกทหารสองคนกดลงที่พื้นสองมือถูกพลิกและมัดเอาไว้เขาโตมาขนาดนี้ไม่เคยได้รับการดูถูกขนาดนี้มาก่อนเสิ่นหานได้ยินแบบนี้ก็ขมวดคิ้ว และเดินไปตรงหน้าของเขาหมัดหนึ่งถูกปล่อยออกไปบนจุดตันเถียนของเขาเหยนควานหน้าแดงก่ำในทันที ดวงตาถลนออกมา น้ำย่อยในกระเพาะพุ่งขึ้นมาเสิ่นหานออกแรงจับเอาไว้ นิ้วมือเหมือนกับเท้าของเหยี่ยวเหยนควานร้องเสียงหลงอย่างน่าอนาถ“ตอนนี้ผมมีสิทธิ์แล้วยัง?” เสิ่นหานสีหน้าเย็นชาและถามด้วยความดุดันเหยนควานตกใจจนตัวสั่น และมีเหงื่อไหลออกมาเห
“หืม?” เสิ่นหานได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีต้องรู้ไว้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างกายหลินเฟิงคนไหนบ้างที่ไม่ใช่สาวงามหน้าตาดีเขาหันกลับไปและกวาดตามองถังหว่านกับฉินอิ๋งที่ยืนอยู่ด้านข้างหลินเฟิง หน้าตาไม่เลวเลยจริง ๆถ้าหากเป็นแบบนี้ งั้นฉินเซี่ยวเทียนคนนี้อนาคตไม่แน่อาจจะกลายเป็นพ่อตาของหลินเฟิงก็ได้คิดได้ถึงตรงนี้ท่าทางของเสิ่นหานเปลี่ยนไปในทันที“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เองเหรอ แต่ว่าคุณชายหลินเคยสั่งเอาไว้ว่า สถานะของเขาห้ามพูดซี้ซั้ว”เสิ่นหานยิ้มพูด: “แต่ว่าผมสามารถบอกใบ้ให้คุณได้”ฉินเซี่ยวเทียนพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส: “กัปตันเสิ่นพูดมาได้เลยครับ”“คุณเคยได้ยินสำนักเสวียนเทียนเมืองหนานไห่ไหม?”ฉินเซี่ยวเทียนเกาหัว เขาลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่รู้รายละเอียดชัดเจน”เขาเคยได้ยินสำนักเสวียนเทียนเมืองไห่หนานมาบ้างเหมือนว่าจะเป็นสำนักใหญ่ที่เก่าแก่เป็นอย่างมาก เดาว่าคงจะเก่งกาจกว่าสำนักอวี้เจียนอย่างมากเสิ่นหานสูดหายใจเข้าลึก ๆ: “คุณชายหลินเพียงแค่กระทืบเท้า ก็ทำให้บุคคลของสำนักเสวียนเทียนหวาดกลัวได้”“ห๊ะ?”ฉินเซี่ยวเทียนตกตะลึงอย่างมาก
ฉินเซี่ยวเทียนพูดด้วยความโมโหที่ไม่ได้ดั่งใจฉินอิ๋งได้ฟังก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ของพ่อเหมือนว่าจะมีเหตุผลจริง ๆ นั่นแหละบางที ตัวเองอาจจะลองดูได้จริง ๆ......ขณะเดียวกัน ถังหว่านขับรถอยู่แล้วถามขึ้น: “หลินเฟิง ดูท่าคุณปิดบังต่อฉันเอาไว้ได้ลึกมากเลยนะ”หลินเฟิงยิ้มบาง: “ผมจะปิดบังอะไรคุณได้?”“คุณยังเสแสร้งกับฉันอีก เสิ่นหานคนนั้นมีสถานะอะไร ตำแหน่งอะไร เขาทำไมถึงเคารพต่อคุณขนาดนี้?”หลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉย: “ผมก็แค่เคยช่วยชีวิตพ่อของเขาเอาไว้ ดังนั้นเขาถึงได้เกรงใจผมขนาดนี้”“ฉันไม่เชื่อ”หลินเฟิงยักไหล่: “ถ้าหากคุณไม่เชื่อ งั้นผมก็ช่วยไม่ได้”ถังหว่านโมโหจนอยากตบคน เธอจี้ถาม: “งั้นฉันถามคำถามสุดท้ายกับคุณ จากความสามารถของคุณ สามารถจัดการกับผู้มีฝีมือของตระกูลเก่าแก่เหล่านั้นของเมืองจิงตูได้หรือไม่?”“เมืองจิงตูนับประสาอะไร ช่วงที่ผมอยู่จุดสูงสุด สี่ตระกูลใหญ่ของเมืองจิงตูก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของผม” หลินเฟิงพูดด้วยความมั่นใจอย่างมาก“คุณโม้เกินไปหน่อยหรือเปล่า?”ถังหว่านมองไปทางหลินเฟิงด้วยความสงสัยตระกูลถังของพวกเธอก็เป็นสี่ตระกูลใหญ่เมืองจิงตู ผู้มีฝีมือสูงเหล่านั
ถังหว่านยิ้มพูด: “จู่ ๆ ตอนนี้ฉันเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมหลินเฟิงจะต้องช่วยคุณอย่างเต็มที่ทุกครั้ง”“คุณโง่จนน่ารักจริง ๆ”หลี่ฮุ่ยหรานชะงักงัน: “คุณหมายความว่าอย่างไร?”“ไม่ได้หมายความว่าอะไร ฉันเพียงแค่อยากจะบอกคุณว่า ตั้งแต่ต้นจนจบฉันไม่เคยเลี้ยงดูหลินเฟิงมาก่อน”ถังหว่านโบกมือด้วยความน่าเบื่อ“ไม่ได้เลี้ยง?” เห็นได้ชัดว่าหลี่ฮุ่ยหรานไม่เชื่อคำพูดของถังหว่าน“งั้นทำไมคุณถึงช่วยเหลือหลินเฟิงอยู่ตลอด?”“ฉันเพียงแค่ชื่นชมความสามารถและนิสัยของหลินเฟิงเฉย ๆ”ถังหว่านยันคางเอาไว้แล้วพูดขึ้นหลี่ฮุ่ยหรานกลับไม่เชื่อคำพูดบ้าบอกของเธอถังหว่านมองสีหน้าแบบนี้ของเธอแล้วรู้สึกขำ: “ฉันบอกกับคุณตั้งนานแล้ว ความสามารถของหลินเฟิงมีเกินกว่าที่คุณคิดไว้ แต่น่าเสียดาย ที่คุณไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน”“ถ้าหากคุณหลี่ไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันก็ขอตัวก่อนนะคะ”ถังหว่านลุกขึ้นช้า ๆ“นี่ งั้นต่อไปคุณห้ามตามตื๊อหลินเฟิงอีก” หลี่ฮุ่ยหรานรีบพูด“หึหึ คุณหลี่ คุณกับหลินเฟิงหย่าร้างกันแล้ว หลินเฟิงจะคบกับใครก็เป็นอิสระของเขา”ถังหว่านยิ้มเหยียดหยาม: “คุณควรจะไปเกลี้ยกล่อมเขา ไม่ใช่มาข่มขู่ฉัน”หลี่ฮุ่ยห
สะสมทรัพย์สินเอาไว้ได้ไม่น้อย เขาก็หวังเป็นอย่างมากว่าลูกชายจะสืบทอดมรดกของเขาตอนนี้ยาปรับประสานพลังโด่งดังอย่างมาก ได้ยินว่าคนที่วิจัยและผลิตยาปรับประสานพลังก็คืออดีตสามีของหลี่ฮุ่ยหราน เขาจึงอยากให้ลูกชายของเขาเอาตำรับยามาจากหลี่ฮุ่ยหรานแต่น่าเสียดายที่แผนการล้มเหลวแล้วหลี่ว์เจิ้งหยางพูดด้วยความเก้กัง: “พ่อ หลี่ฮุ่ยหรานไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับหลินเฟิงด้วยซ้ำ อีกอย่างหลี่ฮุ่ยหรานระมัดระวังเป็นอย่างมาก”“เธอวางแผนจะรอให้คุณปู่ตระกูลหลี่จัดงานวันเกิดเสร็จแล้วค่อยพิจารณาเรื่องการลงทุน”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “งั้นแกก็คิดหาวิธีเข้าทางคุณปู่ตระกูลหลี่ พยายามเอาตำรับยาปรับประสานพลังมาให้ได้เร็ว ๆ หน่อย”“ผมรู้แล้วครับพ่อ...”หลี่ว์เจิ้งหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูท่าเขาจะต้องไปงานวันเกิดของคุณปู่ตระกูลหลี่สักหน่อยแล้ว......ขณะเดียวกัน หลินเฟิงที่เพิ่งฝึกวิทยายุทธเสร็จก็ขับรถมายังตลาดขายวัตถุโบราณเมืองเจียงโจวงานวันเกิดของคุณปู่เขาไม่มีทางลืมอยู่แล้วปกติคุณปู่ชอบเล่นของเก่าเป็นอย่างมาก ครั้งนี้เขาไม่ได้ให้จ้าวเทียนหัวไปซื้อแต่คิดจะมาเลือกด้วยตนเอง ในเมื่อขอ
“เพล้ง” เครื่องลายครามสีฟ้าขาวที่อยู่ในมือแตกละเอียดในทันที“แม่งเอ๊ย”หลี่ว์เจิ้งหยางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นก็หันหน้ามองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ห่างจากเขาสองเมตรเต็ม ๆ“ไอ้สกุลหลิน แกกล้าขัดขาฉันเหรอ?”หลินเฟิงได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะเยาะทันที: “คุณเนี่ยนะน่าขำซะจริง ๆ ตัวเอง ตัวเองเดินล้มเอง ยังมีหน้ามาโทษผมอีก?”“แกพูดจาไร้สาระ ฉันเดินอยู่ดี ๆ จู่ ๆ จะล้มลงได้อย่างไร?”หลี่ว์เจิ้งหยางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและถลึงตาใส่หลินเฟิง: “ต้องเป็นแกที่เล่นไม่ซื่อลับหลังแน่นอน”“วันนี้แกต้องชดใช้เครื่องลายครามของฉัน”หลินเฟิงพูดด้วยใบหน้าเย็นชา: “นายเอาหน้ามาจากไหนที่จะเอาเงินจากฉัน? ไสหัวไป”หลี่ว์เจิ้งหยางเห็นหลินเฟิงจะเดินไป เขาก็เข้าไปห้ามเอาไว้ทันที จากนั้นก็เอะอะโวยวาย: “วันนี้แกต้องชดใช้เงินให้ฉัน ไม่ชดใช้เงินก็อย่าคิดที่จะจากไป”“ใครก็ได้ ทุกคนมาดูสิ ไอ้หมอนี่ทำแจกันดอกไม้ของผมแตก แต่กลับไม่อยากชดใช้เงิน นี่ยังมีกฎหมายอยู่ไหม”คนที่อยู่รอบ ๆ ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของหลี่ว์เจิ้งหยาง ก็ล้อมรอบเข้ามาดูความครึกครื้นหลินเฟิงหัวเราะเยาะ และจ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยาง อยากจะให้เขาชดใช้เงินนั
หลินเฟิงพยักหน้า: “รู้แล้ว เอาหลักฐานของนายออกมา ฉันดูสิว่าแผนกไหนกันถึงได้กล้าเก็บเงิน”“หลักฐาน?”หานเต๋อหย่งขมวดคิ้ว เขามีหลักฐานที่ไหนกันและก็ไม่มีแผนกอะไร เพียงแค่รวบรวมลูกน้องกลุ่มหนึ่งแล้วเก็บเงินค่าคุ้มครองก็เท่านั้น“แกแม่งไม่จบไม่สิ้นสินะ ถ้ายังไม่จ่ายเงินอีก ฉันจะไม่เกรงใจแล้ว”หลินเฟิงยักไหล่แล้วพูดขึ้น: “ในเมื่อนายเอาหลักฐานออกมาไม่ได้ งั้นฉันก็ไม่สามารถจ่ายเงินให้นายได้”“เชี่ย ไว้หน้าแล้วยังไม่รู้จักเจียมตัว กระทืบมันซะ” หานเต๋อหย่งก็ขี้เกียจจะพูดมากกับเขาอีกเมื่อออกคำสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งไปทางหลินเฟิงคนที่อยู่รอบ ๆ ก็แยกย้ายออกทันทีเจ้าของแผงลอยเหล่านั้นรีบเก็บแผงของตัวเองถอยไปด้านหลังเพราะกลัวจะถูกลูกหลงหลี่ว์เจิ้งหยางอมยิ้มที่มุมปาก ทางที่ดีคือให้คนกลุ่มนี้กระทืบหลินเฟิงจนพิการ ถึงเวลาไอ้หมอนี่ก็ไปงานวันเกิดคุณปู่ตระกูลหลี่ไม่ได้แล้วหลินเฟิงสายตาเหยียดหยาม และมองดูลูกน้องที่พุ่งเข้ามาเขายกมือขึ้นและตบไปที่คางของอีกฝ่ายการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้คนคนนั้นกระเด็นออกไปสิบกว่าเมตรสามคนที่เหลือเห็นแบบนี้ก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสี และมองตากัน จ