ปืนประดิษฐ์สองกระบอกนี้เขาทำขึ้นมาเองหลังจากที่ปลดประจำการเพียงแต่หลายปีมานี้ไม่เคยใช้มาก่อนตอนนี้หลินฝานกลับซ่อนพวกมันเอาไว้บนตัวเขาเดินออกจากห้อง จ้าวเฉียวอวิ๋นก็เริ่มทำอาหารแล้วเมื่อเห็นลูกชายของเธอ จ้าวเฉียวอวิ๋นก็รีบพูดขึ้น: “อีกเดี๋ยวจะทานข้าวแล้ว ลูกไปตั้งโต๊ะให้ดี”หลินฝานเดินไปข้าง ๆ แม่ของเขาแล้วพูดขึ้นว่า: “แม่ วันนี้ผมไม่ทานข้าวที่บ้านแล้วนะ ผมจะออกไปข้างนอกหน่อย”จ้าวเฉียวอวิ๋นชะงักงันและพูดขึ้นด้วยความสงสัย: “ฟ้าจะมืดแล้ว ลูกจะไปไหนเหรอ?”หลินฝานพูดอธิบาย: “บริษัทมีธุระนิดหน่อย”“อ่อใช่ ต่อไปถ้าครอบครัวของพวกเราเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม่ก็โทรศัพท์หาหลินเฟิงนะ”ในฐานะผู้หญิงเซนส์ของเธอบอกกับเธอ เหมือนกับจะมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นเธอรีบจับลูกชายของเธอเอาไว้แล้วถามขึ้น: “เสี่ยวฝาน ลูกมีเรื่องอะไรปิดบังแม่ใช่ไหม?”“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ลูกจะต้องบอกแม่ทันทีรู้ไหม”หลินฝานยิ้มบาง: “แม่ อย่าคิดมากเลย ผมไม่เป็นไรจริง ๆ ผมไปก่อนนะครับ”พูดจบ เขาก็บอกลาแม่ของเธอแล้วเดินออกไปจ้าวเฉียวอวิ๋นมักรู้สึกว่าคำพูดของเขามีความหมายลึกซึ้งอะไรบางอย่างเมื่อคิดไปคิดมา เธอก็โท
เซี่ยสือซินได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะเสียงดัง“คืนนี้ตั้งใจแต่งตัวหน่อย ฉันจะพาเธอไปเจอบุคคลใหญ่โตคนหนึ่ง”“ใช่คุณชายเหยนคนนั้นไหม?” หวงเสี่ยวม่านกลอกตาไปมาแล้วถามขึ้นได้ยินว่าเบื้องหลังของคนผู้นี้ก็คือสำนักอวี้เจี้ยนเมืองเจียงโจว มีอำนาจยิ่งกว่าเซี่ยสือซินซะอีก ถ้าหากสามารถใช้โอกาสนี้เกาะคุณผู้ชายท่านนี้ได้อีกครึ่งชีวิตของเธอก็จะอยู่ดีกินดีไปได้ตลอดหวงเสี่ยวม่านไม่เคยคิดว่าจะอยู่ข้างกายของเซี่ยสือซินตลอดเพียงแค่อยากจะยืมเซี่ยสือซินที่เป็นกระดานกระโดดขึ้นไปข้างบนเซียสือซินก็จะไม่รู้ความคิดของเธอได้อย่างไร?หวงเสี่ยวม่านคนนี้มีความทะเยอทะยานมากมาย หน้าตาไม่เลว ลีลาก็ถือว่าค่อนข้างดีถ้าหากเธอสามารถจับคุณชายเหยนได้ ความสัมพันธ์ของเขากับคุณชายเหยนก็จะต้องพัฒนาไปอีกขั้นเซี่ยสือซินพยักหน้า: “ถูกต้อง ลุงของเขาก็คือท่านผู้นำสำนักอวี้เจี้ยนของเมืองเจียงโจว เธอต้องปรนนิบัติเป็นอย่างดีล่ะ”หวงเสี่ยวม่านยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “พี่เซี่ยพี่พูดอะไรกัน ลีลาของฉันพี่ยังไม่รู้จักอีกเหรอ?”เซี่ยสือซินยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงหวงเสี่ยวม่านเข้ามาในอ้อมกอด: “งั้นฉันต้องลองอีกครั้งถึงจะรับรู้ได้”
“อ๊าก…” เสียงร้องอนาถดังลั่นทั่วทั้งห้องทำงานหวงเสี่ยวม่านที่อยู่ด้านข้างสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษและตกใจจนแทบตายไปเธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลินฝานที่ในอดีตใจเสาะเป็นที่สุดจะกล้ายิงจริง ๆคนทั้งคนถอยหลังไปหลายก้าว และล้มนั่งลงบนพื้นเซี่ยสือซินกุมแขนข้างซ้ายของเขาและดิ้นพล่านอยู่บนพื้น“ไอ้สกุลหลิน…แกแม่ง…กล้ายิงด้วยเหรอ?”เซี่ยสือซินอดกลั้นความเจ็บปวดรุนแรงและพูดอ้ำอึ้ง: “แกตายแน่ ฉันจะต้องฆ่าแกแน่นอน”มองดูเลือดสดเต็มพื้น ดวงตาทั้งสองข้างของหลินฝานก็แดงขึ้นเรื่อย ๆข้างหูก็มีเสียงข่มขู่ของเซี่ยสือซินดังขึ้นเขาค่อย ๆ ตกอยู่ในสภาวะบ้าบิ่นแต่เขากลับไม่อยากให้เซี่ยสือซินตายไปรวดเร็วแบบนี้เขายกมือขึ้นและยิงออกไปอีก เขายิงไปที่ต้นขาอ่อนของเซี่ยสือซินกองเลือดสาดกระเซ็น“อ๊าก…”เซี่ยสือซินส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาจนแทบจะขาดใจกระสุนสองนัดนี้ทำให้เขาพิการไปโดยสิ้นเชิงเซี่ยสือซินมองดูสายตาบ้าบิ่นของหลินฝาน นี่ถึงได้รู้จักร้องขอความเมตตา“หลินฝาน…หยุดนะ หยุดนะ นายปล่อยฉันไปเถอะ…”“ปล่อยแกไป?”หลินฝานหัวเราะเสียงดังอย่างคลุ้มคลั่ง: “ฮ่าฮ่าฮ่า…เมื่อครู่กใช้ให้ฉันยิงไม่ใช่เหรอ?”
“พี่เซี่ยถูกคนยิงจนบาดเจ็บ คุณรีบไปช่วยเขาเถอะค่ะ”หวงเสี่ยวม่านเดาว่าตอนนี้เซี่ยสือซินคงจะตายไปแล้วเหยนซู่เข้าใจได้ในทันที ที่แท้คนสวยคนนี้ก็คือแฟนใหม่ของเซี่ยสือซินเองเหรอในตอนที่ไม่มีคนอื่นเขาต้องแสดงท่าทีออกมาอยู่แล้วกำลังจะเรียกลูกน้องของเขามาก็เห็นคนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดคนหนึ่งเดินลงมาจากชั้นบน ในมือยังมีปืนประดิษฐ์อยู่หนึ่งกระบอก“ว้าย…”พนักงานในห้องโถงใหญ่ที่ชั้นหนึ่งตกใจจนอุทานเสียงหลงขึ้นมา และหนีตายกันอลหม่านในเมื่อในมือของอีกฝ่ายถือปืนอยู่ ไ่ม่ได้ถือมีดหั่นผักเหยนซู่ก็ชะงักงันในตอนนี้หวงเสี่ยวม่านตะโกนขึ้นมา: “เขานั่นแหละค่ะ เป็นเขาที่ฆ่าพี่เซี่ย”เหยนซู่รู้สึกตกตะลึง เดาว่าเซี่ยสือซินคงจะตายสนิทแล้วแต่เงินของเซี่ยสือซินเขายังไม่ได้เอามาเลยนะ!“ไอ้หนุ่ม แกเป็นใครกัน?” เหยนซู่ขวางอยู่ตรงหน้าหวงเสี่ยวม่านทันทีหลินฝานเหลือบตามองเหยนซู่ เขาไม่รู้จักคนผู้นี้ด้วยซ้ำแต่ท่าทางในมือก็ไม่ได้หยุดลง จากนั้นก็เล็งปืนไปที่เหยนซู่ทันที“คนที่ฉันต้องการฆ่าก็คือผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังนาย”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาย ไสหัวไปซะ”หลินฝานตะโกนอย่างเผด็จการลู
หวงเสี่ยวม่านเห็นในมือของเขาไม่มีอาวุธแล้วก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที“คุณชายเหยน ไม่ต้องพูดมากกับเขา เมื่อครู่เขายิงพี่เซี่ยบาดเจ็บ จะต้องให้เขาชดใช้นะคะ”เธอถึงขั้นที่อยากให้เหยนซู่รีบฆ่าหลินฝานซะ เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตในตอนนี้หลินฝานดึงมีดพกที่อยู่ตรงไหล่ออกมาสีหน้ายังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม ความเจ็บปวดตรงไหล่เทียบกับความเจ็บปวดในหัวใจไม่ได้ด้วยซ้ำเหยนซู่เห็นเขายังกล้าต่อต้อน จึงเหยียบแขนของเขาเอาไว้ กำปั้นก็กระแทกไปที่ใบหน้าของเขาราวกับหยดน้ำฝน“แม่งเอ๊ย ยังจะกล้าเสแสร้งต่อหน้าฉันอีกไหม?”บาดแผลบนศีรษะของหลินฝานฉีกออกทันที และมีเลือดสดไหลออกมาเขาอยากจะต่อต้าน แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหยนซู่ด้วยซ้ำต่อให้อีกฝ่ายเป็นลูกผู้ดีที่เอาแต่เสวยสุข แต่ก็ยังเป็นคนของสำนักอวี้เจี้ยนฝึกวิชาการต่อสู้ตั้งแต่เด็กเพื่อสร้างพื้นฐานเอาไว้เพื่อที่จะแก้แค้นเมื่อครู่นี้ เหยนซู่จึงเตะหลินฝานจนกระเด็นออกไปเสียงดัง “โครม” แผ่นหลังของหลินฝานกระแทกกับขั้นบันไดอย่างแรงจึงทำให้เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืนขึ้นมาหวงเสี่ยวม่านเห็นแบบนี้ก็เดินเข้ามาแล้วเดินเข้ามา เธอจ้องมองแฟนหนุ่มในอดีต
ในดวงตาของหลินฝานเต็มไปด้วยความเกลียดชังจากนั้นก็ยิงปืนส่งเธอไปตายหวงเสี่ยวม่านถลึงตาโตและหงายหลังล้มไปโดยแทบไม่อยากจะเชื่อก่อนที่จะตายดวงตาคู่หนึ่งก็ไม่ได้ปิดตาลงอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่า ตัวเองจะมาตายในเงื้อมมือของคนที่ประจบสอพลอเธอ“โครม”ในตอนนี้ ผู้ชายที่สวมชุดสูทกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาคนเหล่านี้ก็คือลูกน้องของเหยนซู่ได้ยินว่าคุณชายบาดเจ็บ พวกเขาเข้ามาปกป้องเอาไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าคนของตัวเองมาแล้ว เหยนซู่ไม่สนความเจ็บปวดบนร่างกายและชี้ไปทางหลินฝานแล้วตะโกนขึ้น: “จัดการมันซะ ฉันต้องการจับเป็น”หลินฝานเห็นสถานการณ์ไม่ดี เขาถอยขึ้นไปที่ชั้นบนทันทีพวกบอดี้การ์ดได้รับคำสั่งจากเหยนซู่ก็กรูกันไปทางหลินฝานทันทีหลินฝานถอยไปด้วยสู้กลับไปด้วย ถึงแม้ร่างกายบาดเจ็บหนัก แต่ฝีมือการยิงก็ยังคงเก่งกาจเรียกได้ว่ายิงแม่นทุกนัดเขายิงออกไปหนึ่งนัดก็มีคนล้มลงทันทีเพียงแต่บอดี้การ์ดกลุ่มนี้เป็นมืออาชีพอย่างมาก เห็นในมือของหลินฝานมีปืน พวกเขาก็แยกออกจากกันทันทีและอยากจะล้อมเขาเอาไว้หลินฝานเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขา ก็รู้ว่าในปืนของเขามีกระสุนไม่เยอะแล้วทำได้แค่ถอ
“สหายน้อย ตรงนี้ไม่มีธุระของนาย นายปล่อยคนก่อนเถอะ” หัวหน้าบอดี้การ์ดมองดูเหยนซู่ที่ใกล้จะไม่รอดแล้ว จึงรีบพูดขึ้นหลินเฟิงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า: “ฉันจับเขาเอาไว้ แล้วจะปล่อยไอ้หมอนี่ไปได้อย่างไร?”“ถ้าจะปล่อย ก็ควรเป็นพวกนายที่ปล่อยคน”หัวหน้าบอดี้การ์ดเหลือบมองหลินฝานที่อยู่ข้างหลัง วุ่นวายอยู่นานสองคนนี้เป็นพวกเดียวกันเหรอเขาจ้องมองหลินเฟิงในทันที รู้สึกว่าไอ้หมอนี่บนตัวน่าจะไม่มีปืนซ่อนอยู่ถึงไ้ด้วางใจขึ้นมาก: “ไอ้หนุ่ม ฉันหวังว่านายจะคิดให้รอบคอบ ตอนนี้นายกำลังสู้อยู่กับตระกูลเหยน”“เกรงว่านายคงยังไม่รู้ถึงความเป็นมาอะไรของตระกูลเหยนสินะ?”หลินเฟิงโบกมือด้วยความหงุดหงิด: “นายไม่จำเป็นต้องแนะนำให้กับฉัน ฉันรู้ดีเป็นอย่างมาก”“ก็แค่สำนักอวี้เจี้ยนของเมืองเจียงโจวไม่ใช่เหรอ? มีอะไรดีนัก? ผู้นำของพวกนายเห็นฉันก็ยังต้องเกรงใจฉันเลย”หัวหน้าบอดี้การ์ดมุมปากกระตุกเล็กน้อย: “ไอ้หนุ่ม…”ท่านผู้นำเจอเขาแล้วยังต้องเกรงใจอีก เขาเห็นตัวเองเป็นบุคคลสำคัญหรือไง?หลินเฟิงเขย่าเหยนซู่ที่อยู่ในมือแล้วพูดขึ้น: “ฉันว่าพวกนายรีบปล่อยคนเถอะ ไม่อย่างนั้นไอ้หมอนี่คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว”
มองดูเหยนซู่ที่อยู่บนพื้น ถ้าหากไม่ได้ทำร้ายเหยนซู่ เขาก็สามารถใช้เส้นสาย และพยายามรักษาหลินฝานเอาไว้แต่ตอนนี้เหยนซู่ถูกยิงจนเป็นหมัน เกรงว่าสำนักอวี้เจี้ยนไม่มีทางที่จะยอมปล่อยไปแน่“ทำไม? คุณทำไม่ได้เหรอ?” หลินฝานมองดูเขาแล้วถามขึ้นหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉย: “ผมรับปากคุณ”ในตอนนี้ โทรศัพท์ของจ้าวเทียนหวาโทรเข้ามา“ฮัลโหล คุณชายหลิน? ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ?”หลินเฟิงพูด: “ผมอยู่ที่อาคารสือซินอสังหาริมทรัพย์ ทำไมเหรอ?”จ้าวเทียนหวารีบพูดขึ้น: “คุณชายหลิน ผู้จัดการสำนักอวี้เจี้ยนประกาศคำสั่งของสำนัก ให้ลูกศิษย์ทุกคนรีบเร่งไปที่สือซินอสังหาริมทรัพย์ คุณรู้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลินเฟิงเกาศีรษะแล้วพูดขึ้น: “หลินฝานยิงเหยนซู่จนเป็นหมันด้วยกระสุนนัดเดียว ตอนนี้เหยนซู่ยังอยู่ในมือของผม”จ้าวหัวเทียนได้ยินแบบนี้ก็สูดหายใจเข้าแรง ๆ ทันที แม้แต่พูดจาก็เปลี่ยนไปติด ๆ ขัด ๆ ทันที: “งั้น...ตอนนี้คุณวางแผนจะทำอย่างไรครับ?”“ต้องการจะเปิดศึกกับสำนักอวี้เจี้ยนอย่างถึงที่สุดเลยไหมครับ?”“ถ้าหากสำนักอวี้เจี้ยนอยากจะเปิดศึก งั้นก็เปิดศึก”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว อย่างไรก็บาดหมางกั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข
หลังจากเงียบสงัดอยู่ครู่หนึ่งสิ่งที่ตามมา ก็คือเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมา“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือรถอะไร? นี่คือรถ“ราคาตัวท็อป 187.9 ล้านบาท คุณมั่นใจว่าจะนำเงินจำนวนเท่านี้ออกมาได้?”“คุณตั้งใจมาก่อความวุ่นวายสินะ?”หลังจากหลิวหย่าหัวเราะเสร็จ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเย็นชา“พวกนาย กระทืบขอทานสองคนที่คุยโวอย่างหน้าไม่อายออกไปซะ!”“ครับ!”รปภ. สองคนรู้ว่า ควรจะเล่นสนุกเพียงพอแล้วตอนนี้ข้างในยังรับรองลูกค้าคนสำคัญอยู่ ถ้าหากรบกวนลูกค้า ก็จะไม่ดีเท่าไหร่นักดังนั้นพวกเขาก็กดสวิตช์บนกระบองไฟฟ้า เสียงดังเพียะ พูดข่มขู่หลินเฟิงว่า:“ได้ยินแล้วยัง รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจะลงมือแล้ว”“อาจารย์หลิน หิวจังเลย”ฟ่านหลิงเยว่จ้องมองขนมห่อเล็กห่อใหญ่บนโต๊ะ และกลืนน้ำลายไม่หยุดเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วตอนนี้แทบจะหิวตายแล้วเห็นคนเหล่านี้ไม่ฟังอะไรสักอย่าง สีหน้าของหลินเฟิงก็เย็นชาทันทีตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้ามา ก็เห็นป้ายร้านแล้วโชว์รูมแห่งนี้เป็นธุรกิจของเฝิงกวงฉี่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหราภายใต้กลุ่มบริษัท เฝิงกวงกรุ๊ป นั่นคือเหตุผลที่เขาเดินเข้ามาโดยไม่ลังเลเ
รปภ. สองคนที่กำลังเล่นไพ่และหัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่ รีบสวมหมวกของตัวเอง และวิ่งเหยาะเข้ามา“แหะแหะ พี่หลิวหย่า ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วย”รปภ.ทั้งสองคนยิ้มอย่างเคอะเขินให้กับหญิงสาวจากนั้นตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับหลินเฟิงและฟ่านเยว่หลิง ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโสและรังเกียจว่า:“พวกบ้านนอกมาจากที่ไหนกัน? รีบออกไปเลย ตรงที่พวกเราเพิ่งถูพื้น พวกนายอย่ามาเหยียบให้สกปรก!”“ไปไปไป!”เผชิญหน้ากับการขับไล่ของรปภ. ฟ่านหลิงเยว่กลับเห็นขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอกลืนน้ำลาย มองไปทางหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสารและพูดว่า:“อาจารย์หลิน หนูหิว…”ได้ยินคำพูดนี้ บอดี้การ์ดสองคนเกือบหลุดขำขอทานสองคนนี้มาจากที่ไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาขอทานจนถึงโชว์รูมรถหรูของพวกเขาไม่ดูรถคันนี้ที่แสดงอยู่ในห้องโถงบ้างเลยว่า เป็นสถานที่ที่พวกเขาคู่ควรจะมาขอทานไหม?“พวกเราเป็นลูกค้า มาซื้อรถ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราไป?”หลินเฟิงรู้ว่าทั้งสองเดินอยู่บนถนนภูเขามาทั้งวันแบบนี้ ภาพพจน์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ให้เข้ามาหรอกมั้ง?ดังนั้นเขาจึงถามด้วยหน้าตาเย็นชา“ซื้อรถ?”รปภ. สองคนมองตากัน แล
“ที่เมืองเจิ้งเต๋อใครบ้างไม่รู้ว่าคุณชายตู้เป็นใหญ่ในเขตซีเฉิง ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าคุณอย่างนั้นเหรอครับ?”ผู้จัดการพูดไปด้วย และส่งสายตาให้กับหวังลี่ลี่อย่างบ้าคลั่ง“แกหลบไปเลย!”คุณชายตู้ถีบผู้จัดการออกอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยื่นมือออกไปตบหน้าหวังลี่ลี่อย่างแรงหวังลี่ลี่ร้องอุทานออกมา มือกุมหน้าและล้มทรุดลงบนพื้น“แม่งเอ๊ย”คุณชายตู้ถุยน้ำลายลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเดือดดาล เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะใช้จ่ายเงิน!”“รถยนต์ราคาห้าสิบกว่าล้านก็ซื้อแล้ว ค่าคอมมิชชั่นที่มาถึงมือเธอไม่พูดว่าห้าล้านบาท แต่ห้าแสนบาทก็คงถึงอยู่ใช่ไหม?”คุณชายตู้เข้าไปดึงผมของหวังลี่ลี่เอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก และร้องไห้ขอความเมตตา“เงินห้าแสนบาท ยังไม่สามารถซื้อพรหมจรรย์ของเธอได้งั้นเหรอ?“เดิมคิดว่าหญิงร่านแบบแกทำเป็นเล่นตัวกับฉัน คิดไม่ถึงว่าแกกลับเสแสร้งขึ้นมา แกเสแสร้งอะไรกัน?”“ตอนนี้ฉันสามารถให้ลูกน้องตรวจสอบครอบครัวของแก ลากพ่อที่อยู่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อออกมาได้ แกเชื่อไหม?”ได้ยินคำพูดนี้ หวังลี่ลี่ตกใจจนหน้าซีด“ไม่...ไม่นะ อย่างนะคะคุณชา
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็
มันชัดเจนอยู่แล้วแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งมากแค่ไหน ชายชราหน้ากากเหล็กก็ไม่เปลี่ยนหนทางของตัวเองถ้าจะพูดตรง ๆหลินเฟิงก็รู้สึกสับสนอย่างมากชายชราคนนี้มีพลังมากมายมหาศาล และจากสิ่งที่ฟ่านหลิงเยว่อธิบายไปเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักทักษะการทำนายดวงชะตาบางประเภทด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมากหลินเฟิงไม่อยากจะไปล่วงเกินคนประเภทนี้มากที่สุดแม้ว่าหลินเฟิงจะสามารถต่อสู้กับเขาได้ แต่หากเขาไปโจมตีคนรอบตัวของคุณ คุณจะทำอย่างไร?หรือว่าต้องฟังการจัดเตรียมของเขาแล้วอยู่กับฟ่านหลิงเยว่จริง ๆ....หลินเฟิงหันหน้าไปมองฟ่านหลิงเยว่ แล้วหางตาก็กระตุกถึงแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งอย่างรุนแรง แต่กลับมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอยู่บนใบหน้าของเธอ“เอ่อ...อาจารย์หลิน คุณดูสิ เรื่องมันก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็......”ฟ่านหลิงเยว่มองมาทางหลินเฟิง ราวกับกำลังหยั่งเชิงท่าทางของหลินเฟิงเธอถึงขั้นใจร้อนขึ้นมาเล็กน้อย“หยุด!”หลินเฟิงยื่นมือไปห้ามพร้อมกับพูดว่า :“วางใจเถอะ ฉันจะหาวิธีที่ทำให้คุณปู่ของเธอเลิกความคิดนี้ให้ได้ภายในหนึ่งปี”“ชู่ว”เมื่อได้ยินความคิดเห็นที่ต
“ทำนายผิดงั้นเหรอ? เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”“ผู้อาวุโส ไม่ใช่ว่าผมยกชีพจรมังกรไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนงั้นเหรอ? คุณลักพาตัวคนของผมแล้วยังหลอกล่อผมให้เข้ามาที่นี่อีก หรือว่ามันก็เพื่อเรื่องนี้งั้นเหรอ?”ความหงุดหงิดปรากฏบนใบหน้าของหลินเฟิง“คนของนายงั้นเหรอ?”ชายชราในหน้ากากเหล็กหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า :“ทั้งสองคนนี้เป็นคนสำนักโม่ซวีของฉัน ไปเป็นคนของนายตั้งแต่เมื่อไร?“ผู้อาวุโสสูงสุด คุณอย่าพูดไร้สาระ!”ฟ่านหลิวเยว่ที่ถูกมัดอยู่ข้าง ๆก็ตะโกนขึ้นมาว่า :“ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกไปแล้วเหรอว่าได้หักหลังสำนักโม่ซวีนะ? และตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่คนของสำนักโม่ซวีของพวกคุณแล้วด้วย!” “เหอะ สำนักโม่ซวีเป็นสถานที่เธออยากเข้าก็เข้า อยากจะออกก็ออกได้งั้นเหรอ?”“จะออก จะออก แบร่!”ฟ่านหลิงเยว่แลบลิ้นล้อเลียนใส่ชายชราหน้ากากเหล็ก“......”ชายชราหน้ากากเหล็กหายใจแรงเล็กน้อย แล้วหลินเฟิงก็ยังมองเห็นหางตาของเขากระตุกขึ้นอย่างชัดเจน“โอ๊ย ผู้อาวุโสสูงสุด คุณไม่ต้องไปโต้เถียงกับสาวน้อยคนนี้หรอก”ฟ่านอู๋จี๋ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงและพูดขึ้นว่า :“น้องชาย...คนนั้น ไ
“พี่ใหญ่ มีคนมาแล้ว!”อันธพาลที่สวมเสื้อกั๊กมองเห็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำขับที่เข้ามาหาก็รีบหันกลับมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปในวัดบนเขาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไปรายงานพี่ใหญ่ของตัวเอง“เชี่ยเอ้ย! ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ต่อรอง คนนี้มันรวยจริง ๆเลย!”อันธพาลนั้น มีรวม ๆทั้งหมดสิบกว่าคนอีกทั้งในกลุ่มอันธพาลก็ถือว่าไม่ได้มีหน้ามีตามากที่สุดในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ อันธพาลคนนี้จึงมีสีผมหลากหลายมากกว่าลูกน้องของตัวเองที่มีเพียงไม่กี่สี ดูเหมือนว่าอายุก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ และน่าจะมีอายุประมาณเพียงยี่สิบปีกันทั้งหมดหลินเฟิงลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ หัวหน้าแก๊งอันธพาลก็เลยยกไม้เบสบอลโลหะที่อยู่ในมือขึ้นมา แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงด้วยความอวดดี ก่อนจะพูดขึ้นว่า :“แกยืนอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเข้ามา!”“ได้ ได้ ได้”หลินเฟิงยกมือยอมแพ้ พร้อมทั้งลอบมองไปโดยรอบ เพื่อหาชายชราที่สวมหน้ากากเหล็ก“เงินล่ะ?”หัวหน้าแก๊งอันธพาลมองไปทางหลินเฟิงแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้น“พี่ใหญ่ บนรถไม่มีอะไรเลย!”อันธพาลรีบพุ่งเข้าไปดูรถที่หลินเฟิงขับมา ก่อนจะพบว่าไม่มีกระเป๋าเอกสารหรือสิ่งที่คล้ายกันอยู่บนรถเลยแม้แต่น้อย“เชี่ย
จ้าวหลิงเยว่ท่าทางทะเล้นเหมือนอย่างเคย“หึ เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เจอเรื่องอะไรที่จัดการเองไม่ได้?”หลินเฟิงยังรู้สึกชอบเด็กสาวที่สดใสคนนี้อย่างมาก“อ๊ะ…ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์หลิน”จ้าวหลิงเยว่หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดอย่างมีลับลมคมใน: “คือว่า อาจารย์หลิน ปู่ของฉันตาแก่หนังเหนียวคนนั้นถูกคนจับตัวไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”เรียกปู่ของตัวเองว่าตาแก่หนังเหนียว หลินเฟิงฟังแล้วหน้าบึ้งตึง“ฉันได้สืบจากหลายๆ ฝ่ายในที่สุดก็หาจุดที่ปู่ของฉันถูกจับไว้ได้แล้ว”“จากนั้น หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฉันก็สร้างแผนอัจฉริยะขึ้นมา สุดท้าย ฉันก็สามารถบุกเข้าไปในค่ายฐานที่คุณปุ่ถูกคุมขังได้!”ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กคนนี้ หลินเฟิงรีบถามขึ้นว่า:“เป็นยังไง? ช่วยปู่ของเธอออกมาได้ไหม?”“ไม่ได้”จ้าวหลิงเยว่กระแอมด้วยความเขินอาย และพูดอย่างมีเหตุมีผล:“ผลปรากฏว่าฉันก็ถูกพวกเขาจับได้”“เธอ…”หลินเฟิงถูกประโยคนี้ของจ้าวหลิงเยว่ทำให้โมโหจนหัวเราะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ถูกผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แย่งไป ผู้ชายคนนี้พูดจาโผงผาง เห็นได้ชัดว่าเป็นกิริยาของพวกอันธพาล“ฮัลโหล นายก็คืออาจารย์ของเด็ก