หลินเฟิงยื่นบุหรี่ให้เขาอาจเป็นเพราะในฐานะผู้ชายด้วยกัน หลินเฟิงสามารถเข้าใจความรู้สึกของเขาได้หลินฝานจุดบุหรี่แล้วสูบเข้าไปคำใหญ่“ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่คู่ควรกับที่คุณจะทุ่มเทกำลัง มีโอกาสผมค่อยแนะนำให้คุณรู้จักสักสองสามคน” หลินเฟิงเกาศีรษะแล้วพูดขึ้นหลินฝานหันหน้ามาช้า ๆ แล้วถามขึ้น: “ข้อความนั้นคุณเป็นคนส่งมา?”หลินเฟิงพยักหน้าด้วยความเก้กัง: “ขอโทษด้วย ผม...ไม่คิดว่าคุณจะลงมือสู้กับพวกเขา”“เพราะเมื่อก่อนผมปอดแหกเกินไปใช่ไหม?”“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”“ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ผมกับหวงเสี่ยวม่านเดินทางมาถึงขั้นนี้ในวันนี้ได้ โทษผมทั้งหมดหลินฝานยิ้มอย่างขมขื่น และถามขึ้นอีก: “ผมขอถามคุณสักคำถามได้ไหม?”“ถามเถอะ ถ้าผมรู้ผมก็จะบอกคุณแน่นอน” หลินเฟิงพูดขึ้น“ทำไมคุณถึงใส่ใจครอบครัวของผมถึงขนาดนี้? ไม่ว่าเป็นผมหรือว่าน้องสาวของผม? คุณชอบน้องสาวของผมเหรอ?”หลินเฟิงครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น: “ไม่ใช่สักหน่อย...ผมพูดความจริง คุณจะสามารถรับได้เหรอ?”“จะรับไม่ได้ได้อย่างไร? แม้แต่แฟนที่รักกันมาหลายปีขนาดนี้มีชู้ผมก็ยังสามารถยอมรับได้ จะมีเรื่องอะไรที่ผมรับไม่ได้อีก?
ปืนประดิษฐ์สองกระบอกนี้เขาทำขึ้นมาเองหลังจากที่ปลดประจำการเพียงแต่หลายปีมานี้ไม่เคยใช้มาก่อนตอนนี้หลินฝานกลับซ่อนพวกมันเอาไว้บนตัวเขาเดินออกจากห้อง จ้าวเฉียวอวิ๋นก็เริ่มทำอาหารแล้วเมื่อเห็นลูกชายของเธอ จ้าวเฉียวอวิ๋นก็รีบพูดขึ้น: “อีกเดี๋ยวจะทานข้าวแล้ว ลูกไปตั้งโต๊ะให้ดี”หลินฝานเดินไปข้าง ๆ แม่ของเขาแล้วพูดขึ้นว่า: “แม่ วันนี้ผมไม่ทานข้าวที่บ้านแล้วนะ ผมจะออกไปข้างนอกหน่อย”จ้าวเฉียวอวิ๋นชะงักงันและพูดขึ้นด้วยความสงสัย: “ฟ้าจะมืดแล้ว ลูกจะไปไหนเหรอ?”หลินฝานพูดอธิบาย: “บริษัทมีธุระนิดหน่อย”“อ่อใช่ ต่อไปถ้าครอบครัวของพวกเราเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม่ก็โทรศัพท์หาหลินเฟิงนะ”ในฐานะผู้หญิงเซนส์ของเธอบอกกับเธอ เหมือนกับจะมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นเธอรีบจับลูกชายของเธอเอาไว้แล้วถามขึ้น: “เสี่ยวฝาน ลูกมีเรื่องอะไรปิดบังแม่ใช่ไหม?”“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ลูกจะต้องบอกแม่ทันทีรู้ไหม”หลินฝานยิ้มบาง: “แม่ อย่าคิดมากเลย ผมไม่เป็นไรจริง ๆ ผมไปก่อนนะครับ”พูดจบ เขาก็บอกลาแม่ของเธอแล้วเดินออกไปจ้าวเฉียวอวิ๋นมักรู้สึกว่าคำพูดของเขามีความหมายลึกซึ้งอะไรบางอย่างเมื่อคิดไปคิดมา เธอก็โท
เซี่ยสือซินได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะเสียงดัง“คืนนี้ตั้งใจแต่งตัวหน่อย ฉันจะพาเธอไปเจอบุคคลใหญ่โตคนหนึ่ง”“ใช่คุณชายเหยนคนนั้นไหม?” หวงเสี่ยวม่านกลอกตาไปมาแล้วถามขึ้นได้ยินว่าเบื้องหลังของคนผู้นี้ก็คือสำนักอวี้เจี้ยนเมืองเจียงโจว มีอำนาจยิ่งกว่าเซี่ยสือซินซะอีก ถ้าหากสามารถใช้โอกาสนี้เกาะคุณผู้ชายท่านนี้ได้อีกครึ่งชีวิตของเธอก็จะอยู่ดีกินดีไปได้ตลอดหวงเสี่ยวม่านไม่เคยคิดว่าจะอยู่ข้างกายของเซี่ยสือซินตลอดเพียงแค่อยากจะยืมเซี่ยสือซินที่เป็นกระดานกระโดดขึ้นไปข้างบนเซียสือซินก็จะไม่รู้ความคิดของเธอได้อย่างไร?หวงเสี่ยวม่านคนนี้มีความทะเยอทะยานมากมาย หน้าตาไม่เลว ลีลาก็ถือว่าค่อนข้างดีถ้าหากเธอสามารถจับคุณชายเหยนได้ ความสัมพันธ์ของเขากับคุณชายเหยนก็จะต้องพัฒนาไปอีกขั้นเซี่ยสือซินพยักหน้า: “ถูกต้อง ลุงของเขาก็คือท่านผู้นำสำนักอวี้เจี้ยนของเมืองเจียงโจว เธอต้องปรนนิบัติเป็นอย่างดีล่ะ”หวงเสี่ยวม่านยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “พี่เซี่ยพี่พูดอะไรกัน ลีลาของฉันพี่ยังไม่รู้จักอีกเหรอ?”เซี่ยสือซินยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงหวงเสี่ยวม่านเข้ามาในอ้อมกอด: “งั้นฉันต้องลองอีกครั้งถึงจะรับรู้ได้”
“อ๊าก…” เสียงร้องอนาถดังลั่นทั่วทั้งห้องทำงานหวงเสี่ยวม่านที่อยู่ด้านข้างสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษและตกใจจนแทบตายไปเธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลินฝานที่ในอดีตใจเสาะเป็นที่สุดจะกล้ายิงจริง ๆคนทั้งคนถอยหลังไปหลายก้าว และล้มนั่งลงบนพื้นเซี่ยสือซินกุมแขนข้างซ้ายของเขาและดิ้นพล่านอยู่บนพื้น“ไอ้สกุลหลิน…แกแม่ง…กล้ายิงด้วยเหรอ?”เซี่ยสือซินอดกลั้นความเจ็บปวดรุนแรงและพูดอ้ำอึ้ง: “แกตายแน่ ฉันจะต้องฆ่าแกแน่นอน”มองดูเลือดสดเต็มพื้น ดวงตาทั้งสองข้างของหลินฝานก็แดงขึ้นเรื่อย ๆข้างหูก็มีเสียงข่มขู่ของเซี่ยสือซินดังขึ้นเขาค่อย ๆ ตกอยู่ในสภาวะบ้าบิ่นแต่เขากลับไม่อยากให้เซี่ยสือซินตายไปรวดเร็วแบบนี้เขายกมือขึ้นและยิงออกไปอีก เขายิงไปที่ต้นขาอ่อนของเซี่ยสือซินกองเลือดสาดกระเซ็น“อ๊าก…”เซี่ยสือซินส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาจนแทบจะขาดใจกระสุนสองนัดนี้ทำให้เขาพิการไปโดยสิ้นเชิงเซี่ยสือซินมองดูสายตาบ้าบิ่นของหลินฝาน นี่ถึงได้รู้จักร้องขอความเมตตา“หลินฝาน…หยุดนะ หยุดนะ นายปล่อยฉันไปเถอะ…”“ปล่อยแกไป?”หลินฝานหัวเราะเสียงดังอย่างคลุ้มคลั่ง: “ฮ่าฮ่าฮ่า…เมื่อครู่กใช้ให้ฉันยิงไม่ใช่เหรอ?”
“พี่เซี่ยถูกคนยิงจนบาดเจ็บ คุณรีบไปช่วยเขาเถอะค่ะ”หวงเสี่ยวม่านเดาว่าตอนนี้เซี่ยสือซินคงจะตายไปแล้วเหยนซู่เข้าใจได้ในทันที ที่แท้คนสวยคนนี้ก็คือแฟนใหม่ของเซี่ยสือซินเองเหรอในตอนที่ไม่มีคนอื่นเขาต้องแสดงท่าทีออกมาอยู่แล้วกำลังจะเรียกลูกน้องของเขามาก็เห็นคนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดคนหนึ่งเดินลงมาจากชั้นบน ในมือยังมีปืนประดิษฐ์อยู่หนึ่งกระบอก“ว้าย…”พนักงานในห้องโถงใหญ่ที่ชั้นหนึ่งตกใจจนอุทานเสียงหลงขึ้นมา และหนีตายกันอลหม่านในเมื่อในมือของอีกฝ่ายถือปืนอยู่ ไ่ม่ได้ถือมีดหั่นผักเหยนซู่ก็ชะงักงันในตอนนี้หวงเสี่ยวม่านตะโกนขึ้นมา: “เขานั่นแหละค่ะ เป็นเขาที่ฆ่าพี่เซี่ย”เหยนซู่รู้สึกตกตะลึง เดาว่าเซี่ยสือซินคงจะตายสนิทแล้วแต่เงินของเซี่ยสือซินเขายังไม่ได้เอามาเลยนะ!“ไอ้หนุ่ม แกเป็นใครกัน?” เหยนซู่ขวางอยู่ตรงหน้าหวงเสี่ยวม่านทันทีหลินฝานเหลือบตามองเหยนซู่ เขาไม่รู้จักคนผู้นี้ด้วยซ้ำแต่ท่าทางในมือก็ไม่ได้หยุดลง จากนั้นก็เล็งปืนไปที่เหยนซู่ทันที“คนที่ฉันต้องการฆ่าก็คือผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังนาย”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาย ไสหัวไปซะ”หลินฝานตะโกนอย่างเผด็จการลู
หวงเสี่ยวม่านเห็นในมือของเขาไม่มีอาวุธแล้วก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที“คุณชายเหยน ไม่ต้องพูดมากกับเขา เมื่อครู่เขายิงพี่เซี่ยบาดเจ็บ จะต้องให้เขาชดใช้นะคะ”เธอถึงขั้นที่อยากให้เหยนซู่รีบฆ่าหลินฝานซะ เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตในตอนนี้หลินฝานดึงมีดพกที่อยู่ตรงไหล่ออกมาสีหน้ายังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม ความเจ็บปวดตรงไหล่เทียบกับความเจ็บปวดในหัวใจไม่ได้ด้วยซ้ำเหยนซู่เห็นเขายังกล้าต่อต้อน จึงเหยียบแขนของเขาเอาไว้ กำปั้นก็กระแทกไปที่ใบหน้าของเขาราวกับหยดน้ำฝน“แม่งเอ๊ย ยังจะกล้าเสแสร้งต่อหน้าฉันอีกไหม?”บาดแผลบนศีรษะของหลินฝานฉีกออกทันที และมีเลือดสดไหลออกมาเขาอยากจะต่อต้าน แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหยนซู่ด้วยซ้ำต่อให้อีกฝ่ายเป็นลูกผู้ดีที่เอาแต่เสวยสุข แต่ก็ยังเป็นคนของสำนักอวี้เจี้ยนฝึกวิชาการต่อสู้ตั้งแต่เด็กเพื่อสร้างพื้นฐานเอาไว้เพื่อที่จะแก้แค้นเมื่อครู่นี้ เหยนซู่จึงเตะหลินฝานจนกระเด็นออกไปเสียงดัง “โครม” แผ่นหลังของหลินฝานกระแทกกับขั้นบันไดอย่างแรงจึงทำให้เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืนขึ้นมาหวงเสี่ยวม่านเห็นแบบนี้ก็เดินเข้ามาแล้วเดินเข้ามา เธอจ้องมองแฟนหนุ่มในอดีต
ในดวงตาของหลินฝานเต็มไปด้วยความเกลียดชังจากนั้นก็ยิงปืนส่งเธอไปตายหวงเสี่ยวม่านถลึงตาโตและหงายหลังล้มไปโดยแทบไม่อยากจะเชื่อก่อนที่จะตายดวงตาคู่หนึ่งก็ไม่ได้ปิดตาลงอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่า ตัวเองจะมาตายในเงื้อมมือของคนที่ประจบสอพลอเธอ“โครม”ในตอนนี้ ผู้ชายที่สวมชุดสูทกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาคนเหล่านี้ก็คือลูกน้องของเหยนซู่ได้ยินว่าคุณชายบาดเจ็บ พวกเขาเข้ามาปกป้องเอาไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าคนของตัวเองมาแล้ว เหยนซู่ไม่สนความเจ็บปวดบนร่างกายและชี้ไปทางหลินฝานแล้วตะโกนขึ้น: “จัดการมันซะ ฉันต้องการจับเป็น”หลินฝานเห็นสถานการณ์ไม่ดี เขาถอยขึ้นไปที่ชั้นบนทันทีพวกบอดี้การ์ดได้รับคำสั่งจากเหยนซู่ก็กรูกันไปทางหลินฝานทันทีหลินฝานถอยไปด้วยสู้กลับไปด้วย ถึงแม้ร่างกายบาดเจ็บหนัก แต่ฝีมือการยิงก็ยังคงเก่งกาจเรียกได้ว่ายิงแม่นทุกนัดเขายิงออกไปหนึ่งนัดก็มีคนล้มลงทันทีเพียงแต่บอดี้การ์ดกลุ่มนี้เป็นมืออาชีพอย่างมาก เห็นในมือของหลินฝานมีปืน พวกเขาก็แยกออกจากกันทันทีและอยากจะล้อมเขาเอาไว้หลินฝานเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขา ก็รู้ว่าในปืนของเขามีกระสุนไม่เยอะแล้วทำได้แค่ถอ
“สหายน้อย ตรงนี้ไม่มีธุระของนาย นายปล่อยคนก่อนเถอะ” หัวหน้าบอดี้การ์ดมองดูเหยนซู่ที่ใกล้จะไม่รอดแล้ว จึงรีบพูดขึ้นหลินเฟิงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า: “ฉันจับเขาเอาไว้ แล้วจะปล่อยไอ้หมอนี่ไปได้อย่างไร?”“ถ้าจะปล่อย ก็ควรเป็นพวกนายที่ปล่อยคน”หัวหน้าบอดี้การ์ดเหลือบมองหลินฝานที่อยู่ข้างหลัง วุ่นวายอยู่นานสองคนนี้เป็นพวกเดียวกันเหรอเขาจ้องมองหลินเฟิงในทันที รู้สึกว่าไอ้หมอนี่บนตัวน่าจะไม่มีปืนซ่อนอยู่ถึงไ้ด้วางใจขึ้นมาก: “ไอ้หนุ่ม ฉันหวังว่านายจะคิดให้รอบคอบ ตอนนี้นายกำลังสู้อยู่กับตระกูลเหยน”“เกรงว่านายคงยังไม่รู้ถึงความเป็นมาอะไรของตระกูลเหยนสินะ?”หลินเฟิงโบกมือด้วยความหงุดหงิด: “นายไม่จำเป็นต้องแนะนำให้กับฉัน ฉันรู้ดีเป็นอย่างมาก”“ก็แค่สำนักอวี้เจี้ยนของเมืองเจียงโจวไม่ใช่เหรอ? มีอะไรดีนัก? ผู้นำของพวกนายเห็นฉันก็ยังต้องเกรงใจฉันเลย”หัวหน้าบอดี้การ์ดมุมปากกระตุกเล็กน้อย: “ไอ้หนุ่ม…”ท่านผู้นำเจอเขาแล้วยังต้องเกรงใจอีก เขาเห็นตัวเองเป็นบุคคลสำคัญหรือไง?หลินเฟิงเขย่าเหยนซู่ที่อยู่ในมือแล้วพูดขึ้น: “ฉันว่าพวกนายรีบปล่อยคนเถอะ ไม่อย่างนั้นไอ้หมอนี่คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว”
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน