“อ๊าก…” เสียงร้องอนาถดังลั่นทั่วทั้งห้องทำงานหวงเสี่ยวม่านที่อยู่ด้านข้างสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษและตกใจจนแทบตายไปเธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลินฝานที่ในอดีตใจเสาะเป็นที่สุดจะกล้ายิงจริง ๆคนทั้งคนถอยหลังไปหลายก้าว และล้มนั่งลงบนพื้นเซี่ยสือซินกุมแขนข้างซ้ายของเขาและดิ้นพล่านอยู่บนพื้น“ไอ้สกุลหลิน…แกแม่ง…กล้ายิงด้วยเหรอ?”เซี่ยสือซินอดกลั้นความเจ็บปวดรุนแรงและพูดอ้ำอึ้ง: “แกตายแน่ ฉันจะต้องฆ่าแกแน่นอน”มองดูเลือดสดเต็มพื้น ดวงตาทั้งสองข้างของหลินฝานก็แดงขึ้นเรื่อย ๆข้างหูก็มีเสียงข่มขู่ของเซี่ยสือซินดังขึ้นเขาค่อย ๆ ตกอยู่ในสภาวะบ้าบิ่นแต่เขากลับไม่อยากให้เซี่ยสือซินตายไปรวดเร็วแบบนี้เขายกมือขึ้นและยิงออกไปอีก เขายิงไปที่ต้นขาอ่อนของเซี่ยสือซินกองเลือดสาดกระเซ็น“อ๊าก…”เซี่ยสือซินส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาจนแทบจะขาดใจกระสุนสองนัดนี้ทำให้เขาพิการไปโดยสิ้นเชิงเซี่ยสือซินมองดูสายตาบ้าบิ่นของหลินฝาน นี่ถึงได้รู้จักร้องขอความเมตตา“หลินฝาน…หยุดนะ หยุดนะ นายปล่อยฉันไปเถอะ…”“ปล่อยแกไป?”หลินฝานหัวเราะเสียงดังอย่างคลุ้มคลั่ง: “ฮ่าฮ่าฮ่า…เมื่อครู่กใช้ให้ฉันยิงไม่ใช่เหรอ?”
“พี่เซี่ยถูกคนยิงจนบาดเจ็บ คุณรีบไปช่วยเขาเถอะค่ะ”หวงเสี่ยวม่านเดาว่าตอนนี้เซี่ยสือซินคงจะตายไปแล้วเหยนซู่เข้าใจได้ในทันที ที่แท้คนสวยคนนี้ก็คือแฟนใหม่ของเซี่ยสือซินเองเหรอในตอนที่ไม่มีคนอื่นเขาต้องแสดงท่าทีออกมาอยู่แล้วกำลังจะเรียกลูกน้องของเขามาก็เห็นคนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดคนหนึ่งเดินลงมาจากชั้นบน ในมือยังมีปืนประดิษฐ์อยู่หนึ่งกระบอก“ว้าย…”พนักงานในห้องโถงใหญ่ที่ชั้นหนึ่งตกใจจนอุทานเสียงหลงขึ้นมา และหนีตายกันอลหม่านในเมื่อในมือของอีกฝ่ายถือปืนอยู่ ไ่ม่ได้ถือมีดหั่นผักเหยนซู่ก็ชะงักงันในตอนนี้หวงเสี่ยวม่านตะโกนขึ้นมา: “เขานั่นแหละค่ะ เป็นเขาที่ฆ่าพี่เซี่ย”เหยนซู่รู้สึกตกตะลึง เดาว่าเซี่ยสือซินคงจะตายสนิทแล้วแต่เงินของเซี่ยสือซินเขายังไม่ได้เอามาเลยนะ!“ไอ้หนุ่ม แกเป็นใครกัน?” เหยนซู่ขวางอยู่ตรงหน้าหวงเสี่ยวม่านทันทีหลินฝานเหลือบตามองเหยนซู่ เขาไม่รู้จักคนผู้นี้ด้วยซ้ำแต่ท่าทางในมือก็ไม่ได้หยุดลง จากนั้นก็เล็งปืนไปที่เหยนซู่ทันที“คนที่ฉันต้องการฆ่าก็คือผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังนาย”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาย ไสหัวไปซะ”หลินฝานตะโกนอย่างเผด็จการลู
หวงเสี่ยวม่านเห็นในมือของเขาไม่มีอาวุธแล้วก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที“คุณชายเหยน ไม่ต้องพูดมากกับเขา เมื่อครู่เขายิงพี่เซี่ยบาดเจ็บ จะต้องให้เขาชดใช้นะคะ”เธอถึงขั้นที่อยากให้เหยนซู่รีบฆ่าหลินฝานซะ เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตในตอนนี้หลินฝานดึงมีดพกที่อยู่ตรงไหล่ออกมาสีหน้ายังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม ความเจ็บปวดตรงไหล่เทียบกับความเจ็บปวดในหัวใจไม่ได้ด้วยซ้ำเหยนซู่เห็นเขายังกล้าต่อต้อน จึงเหยียบแขนของเขาเอาไว้ กำปั้นก็กระแทกไปที่ใบหน้าของเขาราวกับหยดน้ำฝน“แม่งเอ๊ย ยังจะกล้าเสแสร้งต่อหน้าฉันอีกไหม?”บาดแผลบนศีรษะของหลินฝานฉีกออกทันที และมีเลือดสดไหลออกมาเขาอยากจะต่อต้าน แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหยนซู่ด้วยซ้ำต่อให้อีกฝ่ายเป็นลูกผู้ดีที่เอาแต่เสวยสุข แต่ก็ยังเป็นคนของสำนักอวี้เจี้ยนฝึกวิชาการต่อสู้ตั้งแต่เด็กเพื่อสร้างพื้นฐานเอาไว้เพื่อที่จะแก้แค้นเมื่อครู่นี้ เหยนซู่จึงเตะหลินฝานจนกระเด็นออกไปเสียงดัง “โครม” แผ่นหลังของหลินฝานกระแทกกับขั้นบันไดอย่างแรงจึงทำให้เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืนขึ้นมาหวงเสี่ยวม่านเห็นแบบนี้ก็เดินเข้ามาแล้วเดินเข้ามา เธอจ้องมองแฟนหนุ่มในอดีต
ในดวงตาของหลินฝานเต็มไปด้วยความเกลียดชังจากนั้นก็ยิงปืนส่งเธอไปตายหวงเสี่ยวม่านถลึงตาโตและหงายหลังล้มไปโดยแทบไม่อยากจะเชื่อก่อนที่จะตายดวงตาคู่หนึ่งก็ไม่ได้ปิดตาลงอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่า ตัวเองจะมาตายในเงื้อมมือของคนที่ประจบสอพลอเธอ“โครม”ในตอนนี้ ผู้ชายที่สวมชุดสูทกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาคนเหล่านี้ก็คือลูกน้องของเหยนซู่ได้ยินว่าคุณชายบาดเจ็บ พวกเขาเข้ามาปกป้องเอาไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าคนของตัวเองมาแล้ว เหยนซู่ไม่สนความเจ็บปวดบนร่างกายและชี้ไปทางหลินฝานแล้วตะโกนขึ้น: “จัดการมันซะ ฉันต้องการจับเป็น”หลินฝานเห็นสถานการณ์ไม่ดี เขาถอยขึ้นไปที่ชั้นบนทันทีพวกบอดี้การ์ดได้รับคำสั่งจากเหยนซู่ก็กรูกันไปทางหลินฝานทันทีหลินฝานถอยไปด้วยสู้กลับไปด้วย ถึงแม้ร่างกายบาดเจ็บหนัก แต่ฝีมือการยิงก็ยังคงเก่งกาจเรียกได้ว่ายิงแม่นทุกนัดเขายิงออกไปหนึ่งนัดก็มีคนล้มลงทันทีเพียงแต่บอดี้การ์ดกลุ่มนี้เป็นมืออาชีพอย่างมาก เห็นในมือของหลินฝานมีปืน พวกเขาก็แยกออกจากกันทันทีและอยากจะล้อมเขาเอาไว้หลินฝานเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขา ก็รู้ว่าในปืนของเขามีกระสุนไม่เยอะแล้วทำได้แค่ถอ
“สหายน้อย ตรงนี้ไม่มีธุระของนาย นายปล่อยคนก่อนเถอะ” หัวหน้าบอดี้การ์ดมองดูเหยนซู่ที่ใกล้จะไม่รอดแล้ว จึงรีบพูดขึ้นหลินเฟิงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า: “ฉันจับเขาเอาไว้ แล้วจะปล่อยไอ้หมอนี่ไปได้อย่างไร?”“ถ้าจะปล่อย ก็ควรเป็นพวกนายที่ปล่อยคน”หัวหน้าบอดี้การ์ดเหลือบมองหลินฝานที่อยู่ข้างหลัง วุ่นวายอยู่นานสองคนนี้เป็นพวกเดียวกันเหรอเขาจ้องมองหลินเฟิงในทันที รู้สึกว่าไอ้หมอนี่บนตัวน่าจะไม่มีปืนซ่อนอยู่ถึงไ้ด้วางใจขึ้นมาก: “ไอ้หนุ่ม ฉันหวังว่านายจะคิดให้รอบคอบ ตอนนี้นายกำลังสู้อยู่กับตระกูลเหยน”“เกรงว่านายคงยังไม่รู้ถึงความเป็นมาอะไรของตระกูลเหยนสินะ?”หลินเฟิงโบกมือด้วยความหงุดหงิด: “นายไม่จำเป็นต้องแนะนำให้กับฉัน ฉันรู้ดีเป็นอย่างมาก”“ก็แค่สำนักอวี้เจี้ยนของเมืองเจียงโจวไม่ใช่เหรอ? มีอะไรดีนัก? ผู้นำของพวกนายเห็นฉันก็ยังต้องเกรงใจฉันเลย”หัวหน้าบอดี้การ์ดมุมปากกระตุกเล็กน้อย: “ไอ้หนุ่ม…”ท่านผู้นำเจอเขาแล้วยังต้องเกรงใจอีก เขาเห็นตัวเองเป็นบุคคลสำคัญหรือไง?หลินเฟิงเขย่าเหยนซู่ที่อยู่ในมือแล้วพูดขึ้น: “ฉันว่าพวกนายรีบปล่อยคนเถอะ ไม่อย่างนั้นไอ้หมอนี่คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว”
มองดูเหยนซู่ที่อยู่บนพื้น ถ้าหากไม่ได้ทำร้ายเหยนซู่ เขาก็สามารถใช้เส้นสาย และพยายามรักษาหลินฝานเอาไว้แต่ตอนนี้เหยนซู่ถูกยิงจนเป็นหมัน เกรงว่าสำนักอวี้เจี้ยนไม่มีทางที่จะยอมปล่อยไปแน่“ทำไม? คุณทำไม่ได้เหรอ?” หลินฝานมองดูเขาแล้วถามขึ้นหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉย: “ผมรับปากคุณ”ในตอนนี้ โทรศัพท์ของจ้าวเทียนหวาโทรเข้ามา“ฮัลโหล คุณชายหลิน? ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ?”หลินเฟิงพูด: “ผมอยู่ที่อาคารสือซินอสังหาริมทรัพย์ ทำไมเหรอ?”จ้าวเทียนหวารีบพูดขึ้น: “คุณชายหลิน ผู้จัดการสำนักอวี้เจี้ยนประกาศคำสั่งของสำนัก ให้ลูกศิษย์ทุกคนรีบเร่งไปที่สือซินอสังหาริมทรัพย์ คุณรู้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลินเฟิงเกาศีรษะแล้วพูดขึ้น: “หลินฝานยิงเหยนซู่จนเป็นหมันด้วยกระสุนนัดเดียว ตอนนี้เหยนซู่ยังอยู่ในมือของผม”จ้าวหัวเทียนได้ยินแบบนี้ก็สูดหายใจเข้าแรง ๆ ทันที แม้แต่พูดจาก็เปลี่ยนไปติด ๆ ขัด ๆ ทันที: “งั้น...ตอนนี้คุณวางแผนจะทำอย่างไรครับ?”“ต้องการจะเปิดศึกกับสำนักอวี้เจี้ยนอย่างถึงที่สุดเลยไหมครับ?”“ถ้าหากสำนักอวี้เจี้ยนอยากจะเปิดศึก งั้นก็เปิดศึก”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว อย่างไรก็บาดหมางกั
เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอแล้วพูดขึ้น: “ไอ้หนุ่ม นายฝันกลางวันอะไรน่ะ”“วันนี้หลินฝานจะต้องตาย คุณชายเหยนก็จะต้องรอด”หลินเฟิงก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้สักนิด: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็ไม่ต้อง“นายไสหัวไปได้แล้ว”โจวฉวนขมวดคิ้วและพูดเสียงเย็นชา: “ไอ้หนุ่ม ฉันไม่ได้มาเจรจากับนาย ให้หลินฝานออกมาพบฉัน”ในตอนนี้หลินฝานก็เดินโซเซออกมาจากห้องทำงาน“ผมก็คือหลินฝาน คุณจะคุยอะไรกับผม?”โจวฉวนพูดเสียงเย็นชา: “ไอ้หนุ่ม ปล่อยคุณชายเหยนซู่ไป และนายก็จัดการตัวเองซะ พวกเราสำนักอวี้เจี้ยนก็จะไม่ติดใจเอาความเรื่องนี้”“ไม่อย่างนั้น แม่ของนายกับน้องสาวคนนั้นของนายทำได้แค่ตายไปพร้อมกับนาย”หลินฝานกำมือแน่น เขารู้ว่าคนผู้นี้ไม่ได้กำลังข่มขู่เขาสำนักอวี้เจี้ยนมีความสามารถนี้โจวฉวนเห็นเขาลังเลใจ จึงล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาทันทีไม่นานนักโทรศัพท์ก็เชื่อมสาย“ไอ้หนุ่ม คุยกับแม่ของนายหน่อยสิ”โจวฉวนพูดจบ ก็โยนโทรศัพท์มือถือไปให้หลินฝานโดยตรงในใจหลินฝานตกตะลึง หรือว่าแม่ของเขาก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว?“แม่? แม่เป็นอย่างไรบ้าง?”จ้าวเฉียวอวิ๋นที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์กลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้น: “ลูกชาย ลูก
แต่ในช่วงที่มือของเขาสัมผัสโดนเหยนซู่ เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติพลังโจมตีที่รุนแรงอย่างหนึ่งกระแทกแขนของเขาจนหักไปในทันที“ปึง”“อ๊าก...”โจวฉวนรับร่างกายของเหยนซู่เอาไว้ไม่ได้และคนทั้งคนก็ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปทันทีกระดูกซี่โครงร่างกายของเหยนซู่หักจนหมด และอวัยวะภายในก็ฉีกขาด“คุณชายเหยน คุณชายเหยนคุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” โจวฉวนไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดของร่างกายเขารีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน และรีบวิ่งไปข้าง ๆ เหยนซู่ จากนั้นก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสีสีหน้าของเหยนซู่ในตอนนี้เป็นสีม่วง ดวงตาล่องลอย ไม่มีลมหายใจแล้ว“แม่งเอ๊ย กล้าฆ่าคุณชายเหยน?” โจวฉวนงุนงงไปหมดตัวเองมาเพื่อช่วยเหยนซู่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟิงจะบ้าบิ่นขนาดนี้กล้าฆ่าคุณชายเหยนต่อหน้าเขา“ฉันไม่เพียงกล้าฆ่าเขา ฉันยังกล้าฆ่านายอีกด้วย” หลินเฟิงโมโหอย่างมากคนทั้งคนกระโดดลงมาจากชั้นสองทันที จากนั้นก็ถีบไปทางโจวฉวนโจวฉวนไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เขาสกัดกั้นเอาไว้เต็มที่“ตู้ม”ฝ่าเท้านี้หลินเฟิงถีบเขาไปกระเด็นไปไกลสิบกว่าเมตรโจวฉวนตัวกระแทกเข้ากับกำแพง จนแหลกละเอียด และเกิดเป็นฝุ่นควันขึ้นมาในทันที“แค่กแ