หลินเฟิงเดินลงมาจากรถ และมองดูกลุ่มลูกสมุนที่อยู่โดยรอบคนกลุ่มนี้ล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปเลยในเมื่อฉากที่หลินเฟิงแสดงความเก่งกาจในครั้งที่แล้วพวกเขาได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วเว่ยป้าวมองดูสายตาดุเดือดของหลินเฟิง ก็รู้สึกว่าแผ่นหลังมีความเย็นเยือกแพร่กระจายออกมา“หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ที่ไหน?” หลินเฟิงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห“หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ตรงนี้” ซ่งเฉียนเฉิงที่อยู่ชั้นสองใช้มือเพียงข้างเดียวที่มีอยู่จับคอของหลี่ฮุ่ยหรานแล้วเดินออกมาหลินเฟิงเงยหน้ามองไป คิดไม่ถึงว่าจะเห็นซ่งเฉียนเฉิงอีกแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตะโกนอย่างสุดกำลัง: “หลินเฟิง คุณรีบไป พวกเขาตั้งใจหลอกคุณมา”เธอรู้ว่าหลินเฟิงสมรรถภาพทางร่างกายไม่เลว จัดการอันธพาลไม่กี่คนง่ายดายเป็นอย่างมากแต่ที่นี่คนเยอะแยะขนาดนี้ และในมือของพวกเขาก็ยังถือดาบเอาไว้อยู่ หลินเฟิงตัวคนเดียวจะแตกต่างอะไรกับการส่งมอบชีวิต?ในสายตาของหลินเฟิง คนกลุ่มนี้ก็แค่พวกไร้ประโยชน์ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ซ่งเฉียนเฉิงแล้วพูดขึ้น: “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ ปล่อยเธอไปซะ แล้วพวกเราค่อย ๆ คุยกัน”“ฮ่าฮ่าฮ่า...”ซ่งเฉียนเฉิงหัวเราะออก
หลินเฟิงหรี่ตาลงแล้วถีบไปที่ตัวของเว่ยป้าวเสียงดัง “ตู้ม” เว่ยป้าวกระเด็นออกไปโดยตรงครึ่งหนึ่งของร่างกายก็ฝังลงไปบนผนังคนทั้งคนกระอักเลือดออกมา เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่สามารถรู้ได้พวกลูกน้องก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสี อยากจะเข้าไปแต่ก็ไม่กล้าซ่งเฉียนเฉิงเห็นแบบนี้ ก็รีบชักมีดกริชออกมาและจ่อไปที่คอของหลี่ฮุ่ยหราน: “แกแม่งยังกล้าลงมือทำร้ายคนอีก?”“รีบเอาสารจำเป็นกับเลือดมาให้ฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าเธอเดี๋ยวนี้”หลินเฟิงเคยได้รับความเหยียดหยามแบบนี้ที่ไหนกัน แต่เพื่อช่วยหลี่ฮุ่ยหรานเขาก็เลือกที่จะประนีประนอมจากนั้นก็หยิบมีดกริชที่อยู่บนพื้นขึ้นมาหลี่ฮุ่ยหรานร้องไห้แล้วตะโกนขึ้น: “หลินเฟิง ฉันขอร้องคุณล่ะ อย่าทำแบบนี้ ไม่เอาแบบนี้”“ต่อให้คุณทำตามที่พวกเขาบอก พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยพวกเราไป…”หลินเฟิงถลึงตาใส่เธอแล้วพูดขึ้น: “ใครใช้ให้คุณโง่ขนาดนี้ แถมยังถูกหลอกอีก”“ขอโทษ ขอโทษ ฉันทำผิดต่อคุณ…”หลี่ฮุ่ยหรานถูกคำพูดทิ่มแทงจนเจ็บปวด จากนั้นก็พูดขอโทษหลินเฟิงติดต่อกันหลายครั้งถ้าหากตัวเองไม่ถูกจับ หลินเฟิงก็คงไม่ถูกบีบบังคับจนเป็นแบบนี้“ตอนนี้พูดขอโทษมีประโยชน์ไหม? ครั้งห
หลี่ฮุ่ยหรานหลบอยู่ที่ด้านหลังของหลินเฟิง ในตอนนี้เธอรู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนั่นเป็นสิ่งที่แม่ของตัวเอง และหวางเส้าหลงก็ไม่สามารถให้ได้ในตอนนี้ซ่งเฉียนเฉิงกระวนกระวายและชี้หน้าหลินเฟิง: “ตอนนี้เขามีแค่แขนข้างเดียว ทุกคนลุยเข้าไปพร้อมกัน จัดการมันให้ฉันซะ”“ใครฆ่ามัน ฉันจะให้ยี่สิบห้าล้านบาท”หลินเฟิงยิ้มเยาะ: “ฉันอยู่ในสายของนาย มีค่าแค่นี้เองเหรอ?”ความเป็นจริงค่าหัวของหลินเฟิงที่ต่างประเทศ มูลค่าเจ็ดหมื่นล้านบาทเต็ม ๆตามคำที่ว่าเงินรางวัลเยอะก็จะต้องมีผู้กล้า หลินเฟิงที่มือเปล่าพวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้ตอนนี้เหลือแค่มือข้างเดียวยังจะสู้ไม่ได้อีกเหรอ“ฆ่า…”ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมาเสียงดังหลังจากเสียงคำรามดังขึ้น คนเหล่านั้นก็พุ่งเข้าไปเหมือนกับคลุ้มคลั่งหลินเฟิงขยับหัวไหล่ ก็เห็นแขนข้างที่หักของเขาต่อกลับเข้าไปหลินเฟิงที่ฟื้นฟูกำลังในการสู้รบก็เหมือนกับเสือดุที่ลงมาจากภูเขา บุกมาอย่างแรงไม่อาจต้านทานไว้ได้การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก คนธรรมดาพวกนี้มองดูยังยากที่จะจับโฟกัสได้หลินเฟิงพุ่งไปทางซ่งเฉียนเฉิงคนที่ขวางอยู่ข้างหน้าเขาทั้งหมด ถูกต่
ได้ยินคำพูดนี้ของหลินเฟิง วันนี้น้องชายของเขาจะต้องตายอย่างแน่นอนเขามองดูน้องชายของตัวเองแล้วพูดขึ้น: “นายลงมือเองเถอะ อย่าบีบบังคับให้ฉันต้องลงมือ”ซ่งเฉียนเฉิงตกตะลึงตาค้าง หัวใจของเขาก็จมไปสู่ก้นบึ้งเขารู้ว่าพี่ใหญ่ของตัวเองทอดทิ้งเขาไปแล้ว“ผม…”ซ่งเฉียนเฉิงร้องไห้อย่างไร้เสียง คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะตกมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ในที่สุดตอนนี้เขาก็รู้แล้ว ไม่ว่าที่พึ่งพาของตัวเองยิ่งใหญ่แค่ไหน หากหาเรื่องคนที่ไม่ควรหาเรื่อง จุดจบก็มีแต่จะตายวันนี้ตัวเองไม่ตาย ทั้งสำนักเทียนเตาก็จะได้รับความเดือดร้อนไปด้วย“พี่ใหญ่ ขอโทษครับ”ซ่งเฉียนเฉิงใช้แขนที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียว ตบลงไปที่หน้าอกของตัวเองหัวใจแตกสลายในทันที และปากก็กระอักเลือดจนตายไปมองดูซ่งเฉียนเฉิงตายไปแล้ว หลินเฟิงเดินออกไปจากตรอกเงียบ ๆซ่งเฉียนคุนทอดถอนใจ จากนั้นก็เรียกคนมาเก็บศพให้น้องชายของตัวเองถึงแม้ทั้งสองคนไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ แต่ต่างก็เป็นคนตระกูลซ่ง หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความเศร้าโศกเสียใจเมื่อเดินออกมาจากตรอก ซ่งเฉียนคุนอารมณ์หดหู่เล็กน้อย: “คุณหลิน เรื่องในวันนี้ต้องขอโทษจริง ๆ นะครับ”“ผมก็
หลี่ฮุ่ยหรานถามขึ้นด้วยความสงสัย: “หมอเทวดาจาง คุณกับหลินเฟิงรู้จักกันตั้งนานแล้วเหรอคะ?”“แน่นอนครับ วิชาแพทย์ของสหายน้อยหลินฝีมือเลิศล้ำที่สุด ผมก็เลื่อมใสเป็นอย่างมาก” จางเต๋อหลินพูดด้วยรอยยิ้มหลี่ฮุ่ยหรานได้ยินคำพูดนี้กลับมีสีหน้างุนงงดวงตาคู่หนึ่งมองไปทางหลินเฟิงด้วยความสงสัย…วิชาแพทย์ของเขาฝีมือเลิศล้ำที่สุด? ถึงกับทำให้จางเต๋หลินรู้สึกเลื่อมใส?เธออยู่ด้วยกันกับเขาสามปีทำไมถึงไม่รู้เรื่องนี้?“หมอเทวดาจางไม่ได้กำลังล้อเล่นใช่ไหมคะ?”จางเต๋อหลินลูบเคราเบา ๆ แล้วยิ้มพูด: “หึหึ ผมไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นหรอกครับ”“ครั้งที่แล้วคุณปู่ตระกูลหม่าป่วยหนัก ก็เป็นสหายน้อยหลินที่ช่วยออกหน้ารักษา”“อะไรนะคะ?” หลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงอย่างมากในหัวสมองนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทันทีตัวเองไปส่งยาให้คุณปู่ตระกูลหม่า เกือบจะทำให้เขาเสียชีวิต หม่าเยี่ยนยังจับเธอเอาไว้ด้วยแต่ไม่นานนักก็ปล่อยเธอกลับไปหรือว่าในนี้คนที่ช่วยเธอไว้ก็คือหลินเฟิงเหรอ?เห็นท่าทางจริงจังของจางเต๋อหลิน เหมือนกับว่าไม่ได้พูดล้อเล่นกับเธอมิน่าล่ะตอนนั้นจางเต๋อหลินถามเธอว่าทำไมถึงหย่
หลินเฟิงพูดด้วยความประหลาดใจ: “คุณไม่พักอีกสักหน่อยเหรอ?”“ไม่จำเป็นแล้ว ฉันไม่ได้บาดเจ็บอะไร” หลี่ฮุ่ยหรานส่ายหน้า และเดินออกไปจากห้องผู้ป่วยถังหว่านเหลือบตามองเธอแล้วพูดขึ้น: “ฉันไปส่งคุณหลี่หน่อย”หลินเฟิงได้ยิน ก็รีบจับข้อมือของถังหว่านเอาไว้ให้พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง อาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้ถังหว่านยิ้มอย่างอ่อนโยนให้หลินเฟิงและพูดขึ้น: “วางใจเถอะ ฉันแค่ไปส่งคุณหลี่จริง ๆ”หลี่ฮุ่ยหรานกับถังหว่านเดินขนาบกันอยู่ตรงทางเดินของสำนักไป๋เกาถังหว่านเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน: “คุณหลี่ฉันได้ยินว่าวันนี้หลินเฟิงเป็นเพราะช่วยเหลือคุณ ถึงได้ทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวายใหญ่โตแบบนี้”หลี่ฮุ่ยหรานก็พยักหน้าอย่างไม่หลีกเลี่ยง: “ใช่ค่ะ เป็นแบบนั้นนั่นแหละค่ะ“ถังหว่านพูดต่อ: “คุณหลี่ ทุกคนต่างเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันหวังว่าคุณจะสามารถเข้าใจได้ว่า เรื่องบางเรื่องควรจะรับผิดชอบเอง ไม่ใช่มัวแต่ให้คนอื่นตามเก็บกวาดให้ตลอดไป”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็ไม่พอใจเล็กน้อยในเมื่อเรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอจริง ๆ คนที่ซ่งเฉียนเฉิงต้องการจัดการก็คือหลินเฟิงหลี่ฮุ่ยหรานถือว่าเป็นผู้
ถังหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “รอไปก่อน แน่นอนว่าต้องวางตลาดพร้อมกับตระกูลเซี่ยง”“พร้อมกันกับตระกูลเซี่ยง?”หลินเฟิงแปลกใจเล็กน้อย“ถูกต้อง ฉันอยากจะให้ตระกูลเซี่ยงเสียหน้า เหยียบย่ำพวกเขาลงกับพื้น” ถังหว่านมีความมั่นใจอย่างมากพูดให้ถูกต้องยิ่งกว่าก็คือเธอมีความมั่นใจต่อยาประสานพลังอย่างเต็มที่ถังหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเตรียมตัวอย่างดี”“เรื่องอะไร?” หลินเฟิงถามขึ้นด้วยความสนใจ“เรื่องพรีเซ็นเตอร์”“คุณวางแผนจะเลือกใคร?”ในตอนนี้ถังหว่านนั่งลงข้างกายหลินเฟิงแล้วหัวเราะคิกคักขึ้นมา: “ครั้งที่แล้วคุณช่วยดาราที่ชื่ออิ่นนั่วเจียไว้ไม่ใช่เหรอ?”“ฉันวางแผนอยากจะเชิญเธอออกหน้า ในเมื่ออิ่นนั่วเจียก็ถือว่าเป็นดาราที่โด่งดังมาก”หลินเฟิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย มีกระแสการโฆษณาของดาราพรีเซ็นเตอร์ ก็จะดีมากขึ้นจริง ๆ“งั้นทำไมคุณไม่ไปติดต่อเธอ?”ถังหว่านพูดขึ้น: “ฉันคิดจะให้คุณออกหน้า อย่างไรคุณก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อเธอไม่ใช่เหรอ? เรื่องเล็กแค่นี้เธอต้องช่วยเหลือแน่นอน”“อีกอย่างฉันยุ่งมาก เรื่องเล็กแค่นี้จะให้ฉันออกหน้าเองเหรอ
เธอโค้งตัวให้กับหลินเฟิงและจางเจียหนิง: “ทั้งสองท่าน ฉันชื่อหวังลี่ลี่ เป็นพนักงานขายของที่นี่ค่ะ ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านอยากดูรถรุ่นไหนคะ?”เธอมาทำงานที่นี่หนึ่งเดือนแล้วจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เปิดบิลเลย ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป สิ้นเดือนตัวเองก็จะถูกไล่ออกแล้วคิดไม่ถึงว่าพนักงานขายดีเด่นจะเป็นฝ่ายยกลูกค้าให้เธอถึงแม้ทั้งสองคนจะดูอายุน้อยไปหน่อย แต่มีลูกค้าก็ดีกว่าไม่มีประตูโชว์รูมถูกคนผลักออก ในตอนนี้เองก็มีชายวัยกลางคนผมบางคนหนึ่งเดินเข้ามาหวงเสี่ยวมั่นเข้าไปต้อนรับทันที: “พี่หลิว พี่มาสักที ครั้งที่แล้วรถสองสามรุ่นที่ฉันแนะนำให้ พี่พิจารณาเป็นอย่างไรบ้าง?”ชายวัยกลางคนโอบเอวบางของหวงเสี่ยวมั่นเอาไว้แถมยังตบไปที่บั้นท้ายของเธอ จากนั้นก็ยิ้มพูดขึ้น: “วันนี้ฉันมาก็มาซื้อรถไม่ใช่เหรอ แต่เธอต้องแนะนำให้ฉันดี ๆ หน่อยล่ะ”“แน่นอนอยู่แล้ว อีกเดี๋ยวพี่หลิวสามารถลองขับก่อนได้ รู้สึกว่าดีแล้วค่อยซื้อ” หวงเสี่ยวมั่นปิดปากเล็ก ๆ แล้วหัวเราะทั้งสองคนพูดคุยกันสนุกสนานหลินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย วุ่นวายอยู่นานไม่ใช่ว่าเธอไม่เป็นมิตร เพียงแค่ขี้เกียจจะสนใจพวกเขาสองคนก็เท่านั้น“ตาต่ำซะจริง
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คื ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวหยินหลิง ความลับที่หลอกล่อยอดฝีมือของประเทศมังกรทุกคนหากเธอตกอยู่ในมือของสำนักร้อยพิษแล้วสุดท้าย สำนักร้อยพิษก็จะได้เปรียบไปนี่เป็นสิ่งที่หยินหลิงไม่อยากเห็นแม้ว่าเธอจะตายก็ตาม“หึหึ ท่านหัวหน้า ฉันแนะนำว่า คุณอย่าคิดอะไรเลวร้ายเลยจะดีที่สุด ตอนนี้ในร่างกายจของคุณ ฉันได้วางยาตะขาบเลือดไว้แล้ว เพียงแค่ฉันไม่พอใจ”“ท่านหัวหน้าก็ได้เสียชีวิตไปซะแล้ว”เฟิงหลีข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยื่นมือไปยกคางของหยินหลิงขึ้นพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า :“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้านั้นงดงามจริงๆ มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง”เมื่อได้ยินคำล้อเล่นพวกนี้ หยินหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่มองไปทางเฟิงหลีด้วยความดูถูก ร่างกายก็หลีกเลี่ยงฝ่ามือของเฟิงหลีไปโดยไม่รู้ตัว“หืม?”ใบหน้าของเฟิงหลีเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย เมื่อตระหนักได้ว่าหยินหลิงยังคงไม่เชื่อฟังตัวเองหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่ปกติจะเข้าถึงได้ยากนั้น ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองแล้วความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแต่เขาไม่คาดคิดว่า
“ผม...”หลินเฝิงโกรธอย่างมากจนอยากจะฆ่าเฝิงชางซะเดี๋ยวนี้แต่ไม่นานหลินเฝิงก็สงบสติอารมณ์ลงเขาดีดนิ้ว ก่อนที่พลังชี่แท้โปร่งใสจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างของเฝิงอวี้อู่หลินเฝิงก้าวออกไปและพูดอย่างเย็นชาว่า:“หากผมไม่ได้กลับมาก่อน คุณชายตระกูลเฝิงของพวกคุณก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”“หากเกิดอะไรขึ้นกับหยินหลิงที่นี่ ฉันจะให้ทุกคนในตระกูลเฝิงถูกฝังไปพร้อมกับเธอ! ได้ยินหรือเปล่า?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงชางก็ตัวสั่นอย่างมากหากเขาเคยดูถูกหลินเฝิงมาก่อน ตอนนี้เขาคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกิดจากหลินเฝิงลองคิดดูสิชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าเบื้องหลังเขาเบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่หลี่ซื่อกรุ๊ปที่เป็นกองกำลังเล็ก ๆต้องมีอำนาจบางอย่างซ่อนอยู่ในประเทศมังกรอำนาจแบบนี้ไม่ควรไปยั่วยุให้มากนักเมื่อมองไปที่ร่างหลินเฝิงที่เดินจากไป เฝิงชางก็คิดได้หลายอย่างในใจทันทีเนื่องจากเป็นผู้นำตระกูลเฝิง เขาจึงรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาเลยในขณะนี้หากตอนแรกมันเป็นเพียงชีวิตของลูกชายเขาต่อมาเขาได้ไปยั่วยุสำนักร้อยพิษและเชิ
“เข็มเจ็ดสิบสองเล่มขจัดความชั่วร้าย!”หลินเฟิงก้มหน้าตวาดเสียงทุ้มต่ำ ดึงเข็มเงินที่ฝังอยู่บนตัวของเฝิงอวี้อู่ออก และตกลงบนพื้นเสียงดังติ๊งเข็มเงินเพิ่งจะออกจากตัวของเฝิงอวี้อู่ เฝิงอวี้อู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญเสียงสูงจึงทำให้เฝิงชางที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างร้อนใจจนใบหน้ามีเหงื่อออกแต่เขาไม่เพียงไม่กล้ารบกวนหลินเฟิง ทำได้แค่มองตาปริบๆคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ก็ไม่ได้สนใจเฝิงอวี้อู่อีกแล้ว แต่หันหน้ามองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวที่หมดสติอยู่เฝิงอวี้อู่พิษเข้าไขกระดูก หลินเฟิงต้องใช้กลอุบายจัดการเล็กน้อยแต่ทว่าทางด้านหมอเทวดาเลี่ยวง่ายกว่าเยอะเลยหลินเฟิงยกมือขึ้นโดยตรง ปล่อยพลังชี่แท้บริสุทธิ์เข้าไปที่หน้าผากของเขา และนำยาเม็ดสีเหลืองใส่เข้าปากของหมอเทวดาเลี่ยว“ไปเถอะ หามหมอเทวดาเลี่ยวไปพักในที่เย็นสบาย อีกเดี๋ยวเขาก็ได้สติแล้ว”คำพูดนี้ของหลินเฟิงพูดให้เฝิงเอ้อฟังเฝิงเอ้อชี้ตัวเอง และมีสีหน้างุนงง“ไปสิ! ฟังหมอเทวดาหลิน!”เฝิงชางตวาดน้องชายคนรองของตัวเองเสียงดัง แต่ทว่าเฝิงเอ้อรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสหลินเฟิงมองออกถึงความเป็นกังวลของเขา เก
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได