หลี่เหวินเชาตกใจจนล้มลงบนพื้น ถึงแม้เขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊ที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แต่อาคารของเจี้ยนหงกรุ๊ปนั่นเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนเก่งกาจ เป็นสำนักงานใหญ่ของแก๊งหมาป่าสีเลือดก่อนที่จะแบ่งแยกออกไปต่อให้พวกเขาจะไม่สามารถหาคนที่แข็งแกร่งกว่าพี่น้องตระกูลหานมาได้ แต่ในนั้นก็มีนักบู๊จำนวนไม่น้อยบวกกับอันธพาลและลูกสมุนรับจ้าง มีจำนวนเป็นร้อยเป็นพันคนนับจำนวนคน ก็สามารถทับถมเขากับหลินเฟิงจนตายได้หลี่เหวินเชากลืนน้ำลาย ไม่กล้าปฏิเสธหลินเฟิง ทำได้เพียงนั่งทรุดอยู่บนพื้นและส่ายหน้าอย่างรุนแรง แสดงออกว่าเขาไม่กล้า“หึ ในเมื่อเป็นแบบนี้ นายก็ไสหัวไปเถอะ”“เอาที่ดินไปไม่ได้ คิดว่าไม่ต้องให้ฉันลงมือ ชีวิตกระจอกๆ แบบนี้ก็คงมีคนจัดการอยู่แล้ว”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ หันหน้าจะเดินจากไปเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง หลี่เหวินเชานิ่งอึ้งทันทีจู่ๆ เขาก็คิดถึงใบหน้าที่เหี้ยมโหดของโจวเจี้ยนโหลว จึงตัวสั่นเทาทันทีหลินเฟิงพูดถูกถ้าหากเอาที่ดินกลับไปไม่ได้ เช่นนั้นจุดจบของเขาแค่เดาก็รู้ได้ ต้องตายเพียงทางเดียวเท่านั้นไม่ได้คิดอะไรมาก หลี่เหวินเชารีบคลานไปตรงหน้าหลินเฟิง ขวางทาง
เขาจำได้ว่าจิ่วเทาเคยแนะนำตัวกับเขา คนของแก๊งทลายโลหิตน้อยที่สุด แต่แข็งแกร่งมากที่สุดมีนักบู๊จำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะยังมีพี่น้องตระกูลหานแต่พี่น้องตระกูลหานถูกเขากำจัดไปแล้ว“ทำไมเหรอ? หัวหน้าหลิน คุณมีเรื่องกับแก๊งทลายโลหิตงั้นเหรอครับ?”ได้ยินคำถามลองเชิงของจิ่วเทาในโทรศัพท์ หลินเฟิงพูดอย่างมั่นใจว่า:“ถูกต้อง ฉันกำลังเตรียมตัวจะไปเจี้ยนหงกรุ๊ป ไปพบรองประธานของเจี้ยนหงกรุ๊ป นายบอกว่าที่นี่เป็นถิ่นของแก๊งทลายโลหิต งั้นนายก็พาคนมาที่นี่หน่อย”“ได้เลยครับ!”แทบจะไม่ลังเลเลยจิ่วเทาตอบรับได้เด็ดขาดอย่างมาก และก็ตะโกนเสียงดังในโทรศัพท์:“พรรคพวก มีงานมาแล้ว หัวหน้าหลินจะไปทำลายที่ซ่อนของแก๊งทลายโลหิต คนที่ขยับเขยื้อนได้ ตามฉันไป!”“ไม่ต้องระดมกำลัง”หลินเฟิงได้ยินการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของจิ่วเทา จึงรีบเอ่ยปากพูดว่า:“มาแค่ไม่กี่คนก็พอแล้ว”“อ๊ะ? ไปแค่ไม่กี่คน?”จิ่วเทาสงสัยเป็นอย่างมาก “หัวหน้าหลิน พวกเราพาคนไปไม่กี่คน นี่จะไม่เป็นการส่งของว่างให้พวกเขางั้นเหรอ?”“วางใจเถอะ ต่อกลอนกับแก๊งทลาโลหิต ฉันคนเดียวก็พอแล้ว สำหรับพวกนาย เป้าหมายก็คือมารับมือต่อถิ่นฐานของแก๊งทลายโลหิ
“อ่อ?”เมื่อได้ยินแบบนี้ บอดี้การ์ดก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะสลับหันไปมองเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วทั้งคู่ต่างก็ประหลาดใจกันเล็กน้อย“คิดไม่ถึงเลยว่าหมาอย่างนายจะเก่งขนาดนี้!”พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวชื่นชมว่า :“ดีมาก ดีมาก รองประธานโจวยังบอกพวกเราเป็นพิเศษว่า ถ้าถึงเวลาแล้ว ก็ไปเอาหัวหมาของนายได้เลย”“หาก คิดแบบนี้พวกเราก็ประหยัดแรงไปได้มากเลยทีเดียว”“หึหึ ยินดีครับ ยินดี”หลี่เหวินเชาพยักหน้าอย่างประจบสอพลอ“ได้ นายเข้าไปเถอะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดทางให้ พร้อมกับชี้ไปที่ลิฟต์ที่ตกแต่งด้วยสีทองอร่าม ซึ่งอยู่ตรงห้องโถง“ขอบคุณมากพี่ชาย หึหึ...ขอบใจนะ ขอบใจ”หลี่เหวินเชาอ่อนน้อมอย่างมาก พร้อมกับก้มหัวและพยักหน้าขอบคุณไม่หยุด แต่ทว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับไม่ซาบซึ้ง ทั้งยังเยาะเย้ยว่า :“ใครเป็นพี่ชายกับแกว่ะ? แกก็เป็นแค่หมาพนันที่ถูกประธานโจวเลี้ยงเท่านั้น ยังจะเรียกพวกเราว่าพี่น้องอีก แกคู่ควรงั้นเหรอ?”“หึหึ....ไม่ ไม่คู่ควร ต้องขอโทษด้วย ขอโทษด้วยนะ...”หลี่เหวินเชายังคงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างไรก็ตาม เมื่อหลินเฟิงต้องการที
“อย่างน้อยเมื่อฉันตาย ก็ตายเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง”“ไม่ใช่ถูกทำเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง”“......”เมื่อเห็นแบบนี้ หลินเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านระเบียงทางเดิน แล้วผลักประตูห้องทำงานขนาดใหญ่ของโจวเจี้ยนโหลวให้เปิดออก ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่โตยี่สิบกว่าคนอยู่ภายในสำนักงานในจำนวนนั้นมียอดฝีมืออยู่มากมายพวกเขาทั้งหมดต่างก็ยืนเรียงกันอยู่ทั้งสองข้างโต๊ะของผู้ชายคนหนึ่ง ราวกับจงใจรอใครสักคนมา“หึหึ ยินดีต้อนรับ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ได้ยินมาว่าคุณมีธุระกับผมงั้นเหรอ? ชายคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับโจวเซวียโหลวอยู่เล็กน้อย แต่ดูเด็กกว่าไม่กี่ปีอย่างเห็นได้ชัด กำลังนั่งอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะเขามีกล้องยาสูบไม้อยู่ในปากพร้อมกับจ้องมองไปที่หลี่เหวินเชาและหลินเฟิงด้วยรอยยิ้มเยาะ“คุณก็คือโจวเจี้ยนโหลวงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวต่อการเผชิญหน้ากับเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กดดันอยู่รอบ ๆเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินไปช้า ๆที่ด้านหน้าโต๊ะของโจวเจี้ยนโหลวแทน“ใช่แล้ว ผมเอง”โจวเจี้ยนโหลวพยักหน้า“ที่ผมมาหาคุณวันน
“ไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับตระกูลถัง”หลินเฟิงส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า :“รับของขวัญจากผู้อื่นแล้วไม่ตอบแทนกลับมันไม่แมนเลย... พี่ใหญ่ของคุณโจวเซวียโหลวได้ร่วมมือกับหลี่เหวินเชามาทำร้ายผม แถมยังเกือบทำให้ผู้หญิงของผมต้องเสื่อมเสียอีก วันนี้ผมก็จะมาชำระบัญชีกับแก๊งทลายโลหิตของพวกคุณ!”“ได้เลย หนุ่มน้อย”โจวเจี้ยนโหลวถูกหลินเฟิงทำให้โกรธจนหัวเราะออกมา“หลินเฟิง ผมรู้ว่าคุณเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างมาก ถึงแม้จะแข็งแกร่งกว่าพี่น้องตระกูลหานแห่งแก๊งหมาป่าสีเลือด”“แต่ว่า ในวันนี้ไม่ใช่แค่เพียงพวกเราแก๊งทลายโลหิตเท่านั้น แต่ยังมีเพื่อนของแก๊งหมาป่าอีกด้วย!”ขณะที่กำลังพูดอยู่ โจวเจี้ยนโหลวก็ชี้ไปทางประตูลับที่อยู่ไกลออกไปประตูลับค่อย ๆเปิดออกคิดไม่ถึงว่าทางด้านนั้นจะมีสำนักงานอีกแห่งอยู่ด้วย อีกทั้งยังมีชายร่างใหญ่ที่สวมแว่นกันแดดที่กำลังค่อย ๆเดินออกมาที่ด้านหลังของเขายังมียอดฝีมือที่มีรอยสักต่าง ๆบนร่างกาย แต่ละคนก็มีออร่าที่ไม่ธรรมดา ถึงขนาดสองคนในนั้นก็ยังเป็นแดนแปรภาพ ส่วนที่เหลือก็ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียน“หึ ไอ้แมงดาก็กล้ามายั่วโมโหงั้นเหรอ?”ชายร่างใหญ่ที่สวมแว่นกันแด
ตอนที่เขาได้ยินว่าโจวเสวียโหลวยังมีน้องชายอีก ก็ได้คิดเอาไว้แล้วว่าลงมือก่อนได้เปรียบส่วนการต่อสู้ภายในของพวกเขา มันไม่เกี่ยวข้องกับหลินเฟิง“กระบี่สายฟ้า!”นักบู๊คนที่บนใบหน้ามีรอยสักไม่รู้ว่าล้วงมีดสปาต้าออกมาจากที่ไหน ฟันไปที่ใบหน้าของหลินเฟิงโดยตรงหลินเฟิงก็ไม่ได้ตื่นตระหนกภายใต้สายตาตกตะลึงของหลี่เหวินเชา หลินเฟิงยื่นมือออกไปรับใบมีดที่คมกริบ ที่เต็มไปด้วยชี่แท้“จบเห่แล้ว ถูกฟันลงไปแบบนี้ แขนจะไม่กลายเป็นสองท่อนพอดีเหรอ?!”หลี่เหวินเชาหัวใจเย็นเยือกเหมือนน้ำแข็ง ความคิดของคนทั่วไป ร่างกายของมนุษย์ไม่อาจเทียบได้กับอาวุธเหล็กกล้าถูกฟันลงไปแบบนี้ มือของหลินเฟิงก็อย่าได้คิดจะเก็บไว้เลยแต่ในตอนที่หลี่เหวินเชาตกตะลึง เขากลับเห็นภาพที่น่าหวาดผวาหลินเฟิงยื่นมือออกไป เขาเพียงใช้ง่มมือของเขารับมีดอันทรงพลังเอาไว้นักบู๊ที่มีรอยสักบนใบหน้า กลับจับมีดเอาไว้ด้วยสองมือ ออกแรงจนหน้าแดงก่ำ ก็ตัดมือของหลินเฟิงไม่ขาด“อะไรกัน?!”ไม่รอให้หลี่เหวินเชาตั้งสติได้จากท่าทางที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้างหลินเฟิงพลิกมือกะทันหัน และหักมีดสปาต้าเหล็กที่เป็นประกายสว่างเป็นสองท่อนด้วยมือเปล่า!เ
“หือ?”หลินเฟิงได้ยินเสียงสัญญาณเตือน สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะโจวเจี้ยนโหลวหยิบเสื้อกั๊กที่โป่งพองออกมาจากใต้โต๊ะทำงานแล้วสวมมันอย่างรวดเร็วหัวหน้าแก๊งหมาป่าเห็นแบบนี้ ก็ร้อนใจทันที“โจวเจี้ยนโหลว คุณจะทำอะไร?!”“ทำอะไร?”โจวเจี้ยนโหลวถอยไปทีละก้าว พิงหน้าต่าง ฉีกยิ้มพูดว่า:“เสี่ยวเตา นายคงไม่คิดจริงๆ ใช่ไหมว่าฉันจะร่วมมือกับนาย?”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเจี้ยนโหลว เสี่ยวเตา หัวหน้าแก๊งหมาป่าตกตะลึงแต่ไม่นานนัก เขาก็เข้าใจแล้วว่ามันหมายถึงอะไรที่แท้โจวเจี้ยนโหลวก็เอาเขาเข้าไปอยู่ในแผนการด้วย!ถ้าหากเป็นไปตามเรื่องราว หลังจากสองคนร่วมมือกัน จัดการปัญหาของแก๊งเขี้ยวเขียวก่อน จากนั้นก็คือหลี่ซื่อกรุ๊ปสุดท้าย ก็เป็นเขาเสี่ยวเตา!“แก๊งหมาป่าสีเลือดที่รวมตัวกัน ไม่จำเป็นต้องมีหัวหน้าแก๊งสองคน นายเข้าใจความหมายของฉันไหม?”พูดประโยคที่เย็นชาแบบนี้จบโจวเจี้ยนโหลวมองไปที่หลินเฟิง หัวเราะเสียงดังพูดว่า: “นี่เป็นกับดักที่ฉันวางเอาไว้ล่วงหน้าให้เขา ในเมื่อพวกนายอยู่ตรงนี้กันหมด งั้นก็ทำลายล้างให้หมดไปเลย!”พูดจบ โจวเจี้ยนโหลวพุ่
“แต่ตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้วไหม?!”“พวกเราสองคนต้องตายอยู่ที่นี่!”“ไม่จำเป็นเสมอไป”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาตั้งที่ร่างกายของเขาบรรลุขอบเขตเทพ อย่าว่าแต่ระเบิดเลย แม้แต่เครื่องยิงจรวดธรรมดาก็ไม่น่าจะสร้างความเสียหายให้กับเขาได้มากนักดังนั้นเขาจึงไม่ตื่นตระหนกส่วนตอนนี้ เขาแค่อยากจะลองดู หลี่เหวินเชามีความมุ่งมั่นที่จะทำตามคำพูดของเขาหรือไม่?หัวเราะเสร็จ หลินเฟิงยกคอเสื้อของหลี่เหวินเชาด้วยมือข้างหนึ่ง ดึงเขาไปที่ตรงหน้าต่างที่มีลมพัดรุนแรง“หลี่เหวินเชา บอกฉันมา นายกลัวไหม?”“พูดจาไร้สะระ ต้องกลัวอยู่แล้วสิ!”หลี่เหวินเชากรีดร้องเสียงดังเพราะหลินเฟิงต้องการที่จะผลักเขาลงไป“เช่นนั้นนายต้องการแก้แค้นไหม? อยากให้ผู้ชายที่ทำให้นายกลายเป็นหมาได้ชดใช้ค่าเสียหายไหม?”หลินเฟิงถามอยู่ข้างๆ เขา“เหลวไหล ขนาดฝันผมยังอยาก!”หลี่เหวินเชาตะโกนขณะกำหมัดแน่น: “เป็นพวกเขาสองพี่น้องที่วางแผนหลอกผม ถึงทำให้ผมมีสภาพแบบนี้!”“ถ้าหากสามารถฆ่าพวกเขาได้ ผมตายก็คุ้มค่าแล้ว!”“ได้! ต้องการแค่ประโยคนี้ของสาย!”หลินเฟิงห้วเราะเสียงดัง จากนั้นถีบหลี่เหวินเชาออกจากตีกสี่สิบกว่าชั้น“อ้ากกกก
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี