“อ่อ?”เมื่อได้ยินแบบนี้ บอดี้การ์ดก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะสลับหันไปมองเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วทั้งคู่ต่างก็ประหลาดใจกันเล็กน้อย“คิดไม่ถึงเลยว่าหมาอย่างนายจะเก่งขนาดนี้!”พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวชื่นชมว่า :“ดีมาก ดีมาก รองประธานโจวยังบอกพวกเราเป็นพิเศษว่า ถ้าถึงเวลาแล้ว ก็ไปเอาหัวหมาของนายได้เลย”“หาก คิดแบบนี้พวกเราก็ประหยัดแรงไปได้มากเลยทีเดียว”“หึหึ ยินดีครับ ยินดี”หลี่เหวินเชาพยักหน้าอย่างประจบสอพลอ“ได้ นายเข้าไปเถอะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดทางให้ พร้อมกับชี้ไปที่ลิฟต์ที่ตกแต่งด้วยสีทองอร่าม ซึ่งอยู่ตรงห้องโถง“ขอบคุณมากพี่ชาย หึหึ...ขอบใจนะ ขอบใจ”หลี่เหวินเชาอ่อนน้อมอย่างมาก พร้อมกับก้มหัวและพยักหน้าขอบคุณไม่หยุด แต่ทว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับไม่ซาบซึ้ง ทั้งยังเยาะเย้ยว่า :“ใครเป็นพี่ชายกับแกว่ะ? แกก็เป็นแค่หมาพนันที่ถูกประธานโจวเลี้ยงเท่านั้น ยังจะเรียกพวกเราว่าพี่น้องอีก แกคู่ควรงั้นเหรอ?”“หึหึ....ไม่ ไม่คู่ควร ต้องขอโทษด้วย ขอโทษด้วยนะ...”หลี่เหวินเชายังคงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างไรก็ตาม เมื่อหลินเฟิงต้องการที
“อย่างน้อยเมื่อฉันตาย ก็ตายเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง”“ไม่ใช่ถูกทำเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง”“......”เมื่อเห็นแบบนี้ หลินเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านระเบียงทางเดิน แล้วผลักประตูห้องทำงานขนาดใหญ่ของโจวเจี้ยนโหลวให้เปิดออก ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่โตยี่สิบกว่าคนอยู่ภายในสำนักงานในจำนวนนั้นมียอดฝีมืออยู่มากมายพวกเขาทั้งหมดต่างก็ยืนเรียงกันอยู่ทั้งสองข้างโต๊ะของผู้ชายคนหนึ่ง ราวกับจงใจรอใครสักคนมา“หึหึ ยินดีต้อนรับ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ได้ยินมาว่าคุณมีธุระกับผมงั้นเหรอ? ชายคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับโจวเซวียโหลวอยู่เล็กน้อย แต่ดูเด็กกว่าไม่กี่ปีอย่างเห็นได้ชัด กำลังนั่งอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะเขามีกล้องยาสูบไม้อยู่ในปากพร้อมกับจ้องมองไปที่หลี่เหวินเชาและหลินเฟิงด้วยรอยยิ้มเยาะ“คุณก็คือโจวเจี้ยนโหลวงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวต่อการเผชิญหน้ากับเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กดดันอยู่รอบ ๆเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินไปช้า ๆที่ด้านหน้าโต๊ะของโจวเจี้ยนโหลวแทน“ใช่แล้ว ผมเอง”โจวเจี้ยนโหลวพยักหน้า“ที่ผมมาหาคุณวันน
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
“ดูพอหรือยัง”ฉินอิ๋งที่อยู่ข้างๆเห็นเขาจ้องมองถังหว่านอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่พูดแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าวิธีการรักษาด้วยถอดเสื้อผ้านี่เขาคนนี้ตั้งใจอยากจะเอาเปรียบถังหว่านหรือเปล่าหลินเฟิงยิ้มเบาๆ สีหน้าไม่มีความอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อยและชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณถังสวยมากๆครับ ผมอดไม่ได้ที่จะดูไปหลายครั้ง” “ฮา ฮา”ถังหว่านยิ้ม “หมอเทวดาหลินก็พูดตรงไปตรงมามากนะ”เธอไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยอมรับอย่างใจกว้างขนาดนี้ไม่เหมือนพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นสุภาพบุรุษ กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ “ตราบใดที่หมอเทวดาหลินสามารถรักษาโรคฉันหาย อยากดูอย่างไรก็ได้”ถังหว่านสายตาอ่อนโยนมีเสน่ห์ มุมปากมีรอยยิ้มที่น่าสนใจ “ไม่จำเป็นหรอก ของที่สวยงามดูเพียงครั้งเดียวก็ประทับใจมากเพียงพอแล้ว”หลินเฟิงส่ายหัวเอาเข็มเงินเข็มออกมาปลายนิ้วผ่านหน้าอกถังหว่าน สัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนเข็มหนึ่งฝังในจุดเฟิงฝู่ถังหว่านหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้หลินเฟิงเอาเข็มเงินหนึ่งออก กดนิ้วมือลงไปเรื่อยๆผ่านท้องน้อยของเธอ ฝังเข็มอีกหนึ
หลินเฟิงเพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ของตระกูลถัง โรลส์-รอยซ์คันหนึ่งขับมาจากข้างหลังและจอดอยู่ข้างๆเขาประตูรถเปิดออก ถังหว่านเดินลงมา “บ้านคุณหลินอยู่ที่ไหนคะ ให้ฉันไปส่งไหม”หลินเฟิงคิดสักพักแล้วถอนหายใจ “ตอนนี้ไม่มีที่อยู่ คิดว่าจะพักที่โรงแรม”ตัวเขาเองอยู่ที่เจียงโจวไม่ได้ซื้อบ้านไว้เลย เมื่อหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วเขาก็จะไม่กลับไปตระกูลหลี่อีก “อึม...”ถังหว่านอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเยอะ “นี่พอดีเลย ตระกูลถังเรามีโรงแรมห้าสิบกว่าแห่งในเจียงโจว” “ให้ฉันจัดการให้คุณหลินเถอะ เมื่อเสวียนหลิงโสมถึงแล้ว ก็พอดีส่งไปให้คุณเลย” “ก็ได้”หลินเฟิงคิดไปคิดมาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเขานั่งที่เบาะข้างหลังกับถังหว่าน ฉินอิ๋งเป็นคนขับรถเมื่อถึงประตูเขตวิลล่า ฉินอิ๋งก็จอดรถ “เกิดอะไรขึ้น”ถังหว่านถาม “ข้างหน้ามีรถคันหนึ่ง ไม่รู้ทำไมช้า”ฉินอิ๋งบ่นหลินเฟิงมองไปข้างนอกผ่านหน้าต่างรถ เห็นมีชายสวมชุดสูทคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องรักษาความปลอดภัย “แจ้งคุณปู่ถัง ว่าหวางเส้าหลง นายน้อยของตระกูลหวางในเจียงโจวขอมาเยี่ยม”พูดจบก็เอาเงินสดก้อนหนึ่งยื่นให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพนักงานรักษาความปล
“อย่างน้อยเมื่อฉันตาย ก็ตายเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง”“ไม่ใช่ถูกทำเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง”“......”เมื่อเห็นแบบนี้ หลินเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านระเบียงทางเดิน แล้วผลักประตูห้องทำงานขนาดใหญ่ของโจวเจี้ยนโหลวให้เปิดออก ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่โตยี่สิบกว่าคนอยู่ภายในสำนักงานในจำนวนนั้นมียอดฝีมืออยู่มากมายพวกเขาทั้งหมดต่างก็ยืนเรียงกันอยู่ทั้งสองข้างโต๊ะของผู้ชายคนหนึ่ง ราวกับจงใจรอใครสักคนมา“หึหึ ยินดีต้อนรับ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ได้ยินมาว่าคุณมีธุระกับผมงั้นเหรอ? ชายคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับโจวเซวียโหลวอยู่เล็กน้อย แต่ดูเด็กกว่าไม่กี่ปีอย่างเห็นได้ชัด กำลังนั่งอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะเขามีกล้องยาสูบไม้อยู่ในปากพร้อมกับจ้องมองไปที่หลี่เหวินเชาและหลินเฟิงด้วยรอยยิ้มเยาะ“คุณก็คือโจวเจี้ยนโหลวงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวต่อการเผชิญหน้ากับเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กดดันอยู่รอบ ๆเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินไปช้า ๆที่ด้านหน้าโต๊ะของโจวเจี้ยนโหลวแทน“ใช่แล้ว ผมเอง”โจวเจี้ยนโหลวพยักหน้า“ที่ผมมาหาคุณวันน
“อ่อ?”เมื่อได้ยินแบบนี้ บอดี้การ์ดก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะสลับหันไปมองเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วทั้งคู่ต่างก็ประหลาดใจกันเล็กน้อย“คิดไม่ถึงเลยว่าหมาอย่างนายจะเก่งขนาดนี้!”พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวชื่นชมว่า :“ดีมาก ดีมาก รองประธานโจวยังบอกพวกเราเป็นพิเศษว่า ถ้าถึงเวลาแล้ว ก็ไปเอาหัวหมาของนายได้เลย”“หาก คิดแบบนี้พวกเราก็ประหยัดแรงไปได้มากเลยทีเดียว”“หึหึ ยินดีครับ ยินดี”หลี่เหวินเชาพยักหน้าอย่างประจบสอพลอ“ได้ นายเข้าไปเถอะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดทางให้ พร้อมกับชี้ไปที่ลิฟต์ที่ตกแต่งด้วยสีทองอร่าม ซึ่งอยู่ตรงห้องโถง“ขอบคุณมากพี่ชาย หึหึ...ขอบใจนะ ขอบใจ”หลี่เหวินเชาอ่อนน้อมอย่างมาก พร้อมกับก้มหัวและพยักหน้าขอบคุณไม่หยุด แต่ทว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับไม่ซาบซึ้ง ทั้งยังเยาะเย้ยว่า :“ใครเป็นพี่ชายกับแกว่ะ? แกก็เป็นแค่หมาพนันที่ถูกประธานโจวเลี้ยงเท่านั้น ยังจะเรียกพวกเราว่าพี่น้องอีก แกคู่ควรงั้นเหรอ?”“หึหึ....ไม่ ไม่คู่ควร ต้องขอโทษด้วย ขอโทษด้วยนะ...”หลี่เหวินเชายังคงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างไรก็ตาม เมื่อหลินเฟิงต้องการที
เขาจำได้ว่าจิ่วเทาเคยแนะนำตัวกับเขา คนของแก๊งทลายโลหิตน้อยที่สุด แต่แข็งแกร่งมากที่สุดมีนักบู๊จำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะยังมีพี่น้องตระกูลหานแต่พี่น้องตระกูลหานถูกเขากำจัดไปแล้ว“ทำไมเหรอ? หัวหน้าหลิน คุณมีเรื่องกับแก๊งทลายโลหิตงั้นเหรอครับ?”ได้ยินคำถามลองเชิงของจิ่วเทาในโทรศัพท์ หลินเฟิงพูดอย่างมั่นใจว่า:“ถูกต้อง ฉันกำลังเตรียมตัวจะไปเจี้ยนหงกรุ๊ป ไปพบรองประธานของเจี้ยนหงกรุ๊ป นายบอกว่าที่นี่เป็นถิ่นของแก๊งทลายโลหิต งั้นนายก็พาคนมาที่นี่หน่อย”“ได้เลยครับ!”แทบจะไม่ลังเลเลยจิ่วเทาตอบรับได้เด็ดขาดอย่างมาก และก็ตะโกนเสียงดังในโทรศัพท์:“พรรคพวก มีงานมาแล้ว หัวหน้าหลินจะไปทำลายที่ซ่อนของแก๊งทลายโลหิต คนที่ขยับเขยื้อนได้ ตามฉันไป!”“ไม่ต้องระดมกำลัง”หลินเฟิงได้ยินการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของจิ่วเทา จึงรีบเอ่ยปากพูดว่า:“มาแค่ไม่กี่คนก็พอแล้ว”“อ๊ะ? ไปแค่ไม่กี่คน?”จิ่วเทาสงสัยเป็นอย่างมาก “หัวหน้าหลิน พวกเราพาคนไปไม่กี่คน นี่จะไม่เป็นการส่งของว่างให้พวกเขางั้นเหรอ?”“วางใจเถอะ ต่อกลอนกับแก๊งทลาโลหิต ฉันคนเดียวก็พอแล้ว สำหรับพวกนาย เป้าหมายก็คือมารับมือต่อถิ่นฐานของแก๊งทลายโลหิ
หลี่เหวินเชาตกใจจนล้มลงบนพื้น ถึงแม้เขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊ที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แต่อาคารของเจี้ยนหงกรุ๊ปนั่นเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนเก่งกาจ เป็นสำนักงานใหญ่ของแก๊งหมาป่าสีเลือดก่อนที่จะแบ่งแยกออกไปต่อให้พวกเขาจะไม่สามารถหาคนที่แข็งแกร่งกว่าพี่น้องตระกูลหานมาได้ แต่ในนั้นก็มีนักบู๊จำนวนไม่น้อยบวกกับอันธพาลและลูกสมุนรับจ้าง มีจำนวนเป็นร้อยเป็นพันคนนับจำนวนคน ก็สามารถทับถมเขากับหลินเฟิงจนตายได้หลี่เหวินเชากลืนน้ำลาย ไม่กล้าปฏิเสธหลินเฟิง ทำได้เพียงนั่งทรุดอยู่บนพื้นและส่ายหน้าอย่างรุนแรง แสดงออกว่าเขาไม่กล้า“หึ ในเมื่อเป็นแบบนี้ นายก็ไสหัวไปเถอะ”“เอาที่ดินไปไม่ได้ คิดว่าไม่ต้องให้ฉันลงมือ ชีวิตกระจอกๆ แบบนี้ก็คงมีคนจัดการอยู่แล้ว”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ หันหน้าจะเดินจากไปเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง หลี่เหวินเชานิ่งอึ้งทันทีจู่ๆ เขาก็คิดถึงใบหน้าที่เหี้ยมโหดของโจวเจี้ยนโหลว จึงตัวสั่นเทาทันทีหลินเฟิงพูดถูกถ้าหากเอาที่ดินกลับไปไม่ได้ เช่นนั้นจุดจบของเขาแค่เดาก็รู้ได้ ต้องตายเพียงทางเดียวเท่านั้นไม่ได้คิดอะไรมาก หลี่เหวินเชารีบคลานไปตรงหน้าหลินเฟิง ขวางทาง
หวังว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนนิสัยของเธอได้ไม่ต้องเป็นแม่พระอะไร อย่างน้อยอย่าก่อปัญหาให้หลี่ฮุ่ยหราน ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีก็พอแล้ว“ผมจะทำนะครับ”หลินเฟิงพยักหน้าอย่างจนใจ“หึ”จางซินมีท่าทีหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นตามจางกุ้ยหลานที่เดินจากไปส่วนหลี่เหวินเชาอยากจะถือโอกาสนี้จากไป แต่กลับถูกหลินเฟิงดึงคอเสื้อเอาไว้“ฉันให้นายกลับไปแล้วเหรอ?”ได้ยินคำพูดเย็นชาของหลินเฟิง แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยแรงสังหารสีหน้าของหลี่เหวินเชาหลากหลายอารมณ์ เขากระวนกระวายก่อน จากนั้นหวาดกลัว สุดท้ายก็ฝืนยิ้มออกมา“พี่…”ยังไม่ทันพูดคำว่า “เขย” ออกมา หลินเฟิงกลับตบไปที่ใบหน้าของเขา ทำให้เขาหน้ามืดตาลาย กลิ้งล้มบนพื้นหลายตลบก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนพื้นไม่กี่วินาที ใบหน้าของหลี่เหวินเชาก็เกิดรอยช้ำขึ้นมา“พี่…พี่สะใภ้…ไม่ อย่า…”เมื่อตั้งสติได้ หลี่เหวินเชานั่งตาลายอยู่บนพื้น เห็นหลินเฟิงเดินมาทางเขาอีก เขาก็สีหน้ากระวนกระวาย หันหน้ากลับไปอยากจะคลานหนี แต่ก็ยังถูกหลินเฟิงจับเอาไว้ได้“หลี่เหวินเชา ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวของนายมาโดยตลอด ฉันยังคิดว่านายรู้จักฉลาดแล้ว ได้งานที่ดีกว่าที่ต่างถิ
“จางซิน เธอทำเป็นเสแสร้งอะไร? ความคิดนี้เธอเป็นคนแรกที่เสนอออกมาไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยากกอบโกยผลประโยชน์ และแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานด้วย เธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ตอนนี้เธออยากเอากลับไป? สายไปแล้ว!”หลี่เหวินเชาเห็นว่าจางซินกำลังจะหนีไป จึงคว้าเธอไว้ด้วยความโมโห และพูดว่า:“ทุกคน ดูเธอไว้ ความคิดนี้เธอเป็นคนเสนอออกมา เธอเป็นคนต้นคิด พวกเราถูกบีบบังคับ!”เมื่อเห็นว่าความโมโหของทุกคนเคลื่อนย้ายมาที่ตัวเธอ จางซินก็โมโห และพลิกมือตบหน้าหลี่เหวินเชา“แกมันสัตว์เดียรัจฉาน หลอกเงินของคุณป้าไปจนหมดก็หลบหนีไป ถ้าไม่ใช่เพราะนายเห็นว่าที่ดินผืนนี้มูลค่าเพิ่มขึ้น ถูกรองประธานเจี้ยนหงกรุ๊ปบีบคั้น นายจะกลับมาทำไม?”“ฉันบอกนายให้นะ ที่ดินผืนนี้พวกเราไม่เอา ก็ไม่เสียหายอะไรทั้งนั้น”“ส่วนนายถ้าเอาที่ดินผืนนี้ไปไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่วันนายก็จะถูกพวกเขาฆ่าตาย!”“แกกล้าตบฉันเหรอ?!”หลี่เหวินเชากระโจนเข้าไปทันที เขาไม่สนใจเรื่องการถ่อมตัวกับผู้หญิงอะไรหรอก จึงตบตีกับจางซินต่อหน้าทุกคนทันทีส่วนจางซินก็ยื่นเล็บของตัวเองออกไป ข่วนหน้าของหลี่เหวินเชาจนเต็มไปด้วยรอยเลือด“พอแล้ว!”เมื่อเห็นคนใ
“อีกทั้งตอนนี้ฉันตัดขาดความสัมพันธ์กับหลี่ฮุ่ยหรานนังสารเลวนั่น ต่อไปฉันจะไม่ขอร้องเธออีก และก็ไม่ขอร้องพวกแกอีก!”“หญิงร้ายชายชั่ว พวกแกสมควรแล้วที่ถูกหลอก!”“ไสหัวไปซะ!”......บรรยากาศเงียบสงบจากนั้นหลินเฟิงนำโทรศัพท์ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าช้าๆพนักงานทุกคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่ในเหตุการณ์ สีหน้าเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก ถึงขั้นที่รู้สึกอับอาย และรู้สึกผิดเพราะแค่บันทึกเสียงเมื่อครู่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าจางกุ้ยหลานหลอกลวงพวกเขาเพราะจางกุ้ยหลานและคนอื่นๆ พูดว่าที่ดินผืนนั้น ถูกหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานแย่งชิงไปแต่ในบันทึกเสียงโทรศัพท์ พวกเขาขายที่ดินผืนนั้นให้หลินเฟิง ทั้งยังเห็นหลินเฟิงเป็นคนโง่อีกด้วย พูดฉีกหน้า และดูถูกต่างๆ นานาแต่หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห กลับยังพูดปากเปียกปากแฉะภายหลัง ก็เป็นคำด่าทอของจางกุ้ยหลานถึงขึ้นยังเรียกลูกสาวและลูกเขยว่าหญิงร้ายชายชั่วอีกด้วยหลักฐานแน่นหนาบันทึกเสียง มีประโยชน์มากกว่าพูดจนปากเปื่อย“ตุ่บ”พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่โยนป้ายทำงานทิ้งเป็นคนแรกเมื่อครู่นี้คุกเข่าให้หลี่ฮุ่ยหรานทันที ริมฝีปากของเขาสั่นเทร ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ม
ถ้าหากเอาที่ดินผืนนี้กลับมาไม่ได้ ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรานถูกล้ม ถึงขั้นที่กลายเป็นขอทาน เขาหลี่เหวินเชาก็ไม่สามารถรอดชีวิตไปได้ดังนั้นตอนนี้คนที่ร้อนใจที่สุดก็คือเขา“หลินเฟิงเขา…”หลี่ฮุ่ยหรานยังคิดคำพูดหลีกเลี่ยงไม่ออกก็ได้ยินเสียงตวาดดังขึ้นมาจากจุดไกลๆ“พอแล้ว!”ชายหนุ่มที่ร่างกายสูงโปร่งเดินเข้ามาช้าๆ เขาขยับชิดข้างกายของหลี่ฮุ่ยหราน โอบหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว และมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยสายตาโกรธเคือง พูดเย็นชาว่า:“พวกคนโง่ ถูกคนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”“พวกคุณรู้ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวไหม?”“ฟังแค่คำพูดของฝ่ายเดียว ก็ใจดำและใส่ร้ายเจ้านนายของตัวเองแบบนี้ ฉันดูแล้ว พวกคุณทั้งหมดเป็นแค่พวกไร้ประโยชน์!”“พวกไร้ประโยชน์แบบนี้ ถ้าหากอยากจะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป หลี่ซื่อกรุ๊ปของเราก็ไม่เก็บพวกคุณไว้!”“ไสหัวไปให้หมด!”คนที่พูด ก็คือหลินเฟิงนั่นเองคำพูดอันทรงพลังของหลินเฟิงในเวลานี้ ทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเงียบลงทันทีแต่ก็มีบางส่วนในนั้นที่ไม่ปฏิบัติตาม“หึ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปของเรา ดูท่าคุณก็เป็นเหมือนกับที่คนอื่นพูด ทั
“ฉันคิดว่าเธอเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เลื่อมใสเธอเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้!”“จริงด้วย คิดไม่ถึงว่าจะใช้ให้คนนอกมาตีแม่ของตัวเองเองอีกด้วย โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน!”“ยังสู้กัวโหย่วคังก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!”พนักงานอีกหลายคนที่มีอารมณ์รุนแรงกว่าก็ยืนออกมาเช่นกันพวกเขาดึงป้ายทำงานออก โยนลงกับพื้น“หึ ให้เธอเป็นเจ้านายของเรา ถูกพูดออกไป คนอื่นคงคิดว่าเราเป็นเหมือนเธอ เป็นคนเนรคุณคนแบบนี้!“ฉันไม่ทำแล้ว!”“ใช่ ฉันก็ไม่ทำแล้ว!”“ติดตามคนชั่วร้ายเช่นนี้ จะมีอนาคตอะไร?!”หลังจากที่คนแรกหันหลังเดินจากไป พนักงานคนอื่นๆ ก็พากันกระตือรือร้น ดึงป้ายพนักงานที่อยู่ตรงหน้าอกออก ประกาศตัดความสัมผันธ์กับหลี่ซื่อกรุ๊ป“ประธานหลี่ ประธานทางด้านนั้นก็มีการประชุมฉุกเฉิน:ในตอนนี้ เลขาของหลี่ฮุ่ยหรานก็วิ่งเข้ามา มองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความเป็นห่วงและการประชุมฉุกเฉินในตอนนี้ ความหมายก็ชัดเจนเป็นอย่างมากนั่นคือจะขับไล่หลี่ฮุ่ยหรานออกจากตำแหน่ง“ไม่ใช่ พวกคุณฟังฉันนะ ความจริงไม่ใช่แบบนี้…”การโต้เถียงที่ไร้เรี่ยวแรงของหลี่ฮุ่ยหรานทว่าเธอมีแ