“ไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับตระกูลถัง”หลินเฟิงส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า :“รับของขวัญจากผู้อื่นแล้วไม่ตอบแทนกลับมันไม่แมนเลย... พี่ใหญ่ของคุณโจวเซวียโหลวได้ร่วมมือกับหลี่เหวินเชามาทำร้ายผม แถมยังเกือบทำให้ผู้หญิงของผมต้องเสื่อมเสียอีก วันนี้ผมก็จะมาชำระบัญชีกับแก๊งทลายโลหิตของพวกคุณ!”“ได้เลย หนุ่มน้อย”โจวเจี้ยนโหลวถูกหลินเฟิงทำให้โกรธจนหัวเราะออกมา“หลินเฟิง ผมรู้ว่าคุณเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างมาก ถึงแม้จะแข็งแกร่งกว่าพี่น้องตระกูลหานแห่งแก๊งหมาป่าสีเลือด”“แต่ว่า ในวันนี้ไม่ใช่แค่เพียงพวกเราแก๊งทลายโลหิตเท่านั้น แต่ยังมีเพื่อนของแก๊งหมาป่าอีกด้วย!”ขณะที่กำลังพูดอยู่ โจวเจี้ยนโหลวก็ชี้ไปทางประตูลับที่อยู่ไกลออกไปประตูลับค่อย ๆเปิดออกคิดไม่ถึงว่าทางด้านนั้นจะมีสำนักงานอีกแห่งอยู่ด้วย อีกทั้งยังมีชายร่างใหญ่ที่สวมแว่นกันแดดที่กำลังค่อย ๆเดินออกมาที่ด้านหลังของเขายังมียอดฝีมือที่มีรอยสักต่าง ๆบนร่างกาย แต่ละคนก็มีออร่าที่ไม่ธรรมดา ถึงขนาดสองคนในนั้นก็ยังเป็นแดนแปรภาพ ส่วนที่เหลือก็ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียน“หึ ไอ้แมงดาก็กล้ามายั่วโมโหงั้นเหรอ?”ชายร่างใหญ่ที่สวมแว่นกันแด
ตอนที่เขาได้ยินว่าโจวเสวียโหลวยังมีน้องชายอีก ก็ได้คิดเอาไว้แล้วว่าลงมือก่อนได้เปรียบส่วนการต่อสู้ภายในของพวกเขา มันไม่เกี่ยวข้องกับหลินเฟิง“กระบี่สายฟ้า!”นักบู๊คนที่บนใบหน้ามีรอยสักไม่รู้ว่าล้วงมีดสปาต้าออกมาจากที่ไหน ฟันไปที่ใบหน้าของหลินเฟิงโดยตรงหลินเฟิงก็ไม่ได้ตื่นตระหนกภายใต้สายตาตกตะลึงของหลี่เหวินเชา หลินเฟิงยื่นมือออกไปรับใบมีดที่คมกริบ ที่เต็มไปด้วยชี่แท้“จบเห่แล้ว ถูกฟันลงไปแบบนี้ แขนจะไม่กลายเป็นสองท่อนพอดีเหรอ?!”หลี่เหวินเชาหัวใจเย็นเยือกเหมือนน้ำแข็ง ความคิดของคนทั่วไป ร่างกายของมนุษย์ไม่อาจเทียบได้กับอาวุธเหล็กกล้าถูกฟันลงไปแบบนี้ มือของหลินเฟิงก็อย่าได้คิดจะเก็บไว้เลยแต่ในตอนที่หลี่เหวินเชาตกตะลึง เขากลับเห็นภาพที่น่าหวาดผวาหลินเฟิงยื่นมือออกไป เขาเพียงใช้ง่มมือของเขารับมีดอันทรงพลังเอาไว้นักบู๊ที่มีรอยสักบนใบหน้า กลับจับมีดเอาไว้ด้วยสองมือ ออกแรงจนหน้าแดงก่ำ ก็ตัดมือของหลินเฟิงไม่ขาด“อะไรกัน?!”ไม่รอให้หลี่เหวินเชาตั้งสติได้จากท่าทางที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้างหลินเฟิงพลิกมือกะทันหัน และหักมีดสปาต้าเหล็กที่เป็นประกายสว่างเป็นสองท่อนด้วยมือเปล่า!เ
“หือ?”หลินเฟิงได้ยินเสียงสัญญาณเตือน สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะโจวเจี้ยนโหลวหยิบเสื้อกั๊กที่โป่งพองออกมาจากใต้โต๊ะทำงานแล้วสวมมันอย่างรวดเร็วหัวหน้าแก๊งหมาป่าเห็นแบบนี้ ก็ร้อนใจทันที“โจวเจี้ยนโหลว คุณจะทำอะไร?!”“ทำอะไร?”โจวเจี้ยนโหลวถอยไปทีละก้าว พิงหน้าต่าง ฉีกยิ้มพูดว่า:“เสี่ยวเตา นายคงไม่คิดจริงๆ ใช่ไหมว่าฉันจะร่วมมือกับนาย?”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเจี้ยนโหลว เสี่ยวเตา หัวหน้าแก๊งหมาป่าตกตะลึงแต่ไม่นานนัก เขาก็เข้าใจแล้วว่ามันหมายถึงอะไรที่แท้โจวเจี้ยนโหลวก็เอาเขาเข้าไปอยู่ในแผนการด้วย!ถ้าหากเป็นไปตามเรื่องราว หลังจากสองคนร่วมมือกัน จัดการปัญหาของแก๊งเขี้ยวเขียวก่อน จากนั้นก็คือหลี่ซื่อกรุ๊ปสุดท้าย ก็เป็นเขาเสี่ยวเตา!“แก๊งหมาป่าสีเลือดที่รวมตัวกัน ไม่จำเป็นต้องมีหัวหน้าแก๊งสองคน นายเข้าใจความหมายของฉันไหม?”พูดประโยคที่เย็นชาแบบนี้จบโจวเจี้ยนโหลวมองไปที่หลินเฟิง หัวเราะเสียงดังพูดว่า: “นี่เป็นกับดักที่ฉันวางเอาไว้ล่วงหน้าให้เขา ในเมื่อพวกนายอยู่ตรงนี้กันหมด งั้นก็ทำลายล้างให้หมดไปเลย!”พูดจบ โจวเจี้ยนโหลวพุ่
“แต่ตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้วไหม?!”“พวกเราสองคนต้องตายอยู่ที่นี่!”“ไม่จำเป็นเสมอไป”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาตั้งที่ร่างกายของเขาบรรลุขอบเขตเทพ อย่าว่าแต่ระเบิดเลย แม้แต่เครื่องยิงจรวดธรรมดาก็ไม่น่าจะสร้างความเสียหายให้กับเขาได้มากนักดังนั้นเขาจึงไม่ตื่นตระหนกส่วนตอนนี้ เขาแค่อยากจะลองดู หลี่เหวินเชามีความมุ่งมั่นที่จะทำตามคำพูดของเขาหรือไม่?หัวเราะเสร็จ หลินเฟิงยกคอเสื้อของหลี่เหวินเชาด้วยมือข้างหนึ่ง ดึงเขาไปที่ตรงหน้าต่างที่มีลมพัดรุนแรง“หลี่เหวินเชา บอกฉันมา นายกลัวไหม?”“พูดจาไร้สะระ ต้องกลัวอยู่แล้วสิ!”หลี่เหวินเชากรีดร้องเสียงดังเพราะหลินเฟิงต้องการที่จะผลักเขาลงไป“เช่นนั้นนายต้องการแก้แค้นไหม? อยากให้ผู้ชายที่ทำให้นายกลายเป็นหมาได้ชดใช้ค่าเสียหายไหม?”หลินเฟิงถามอยู่ข้างๆ เขา“เหลวไหล ขนาดฝันผมยังอยาก!”หลี่เหวินเชาตะโกนขณะกำหมัดแน่น: “เป็นพวกเขาสองพี่น้องที่วางแผนหลอกผม ถึงทำให้ผมมีสภาพแบบนี้!”“ถ้าหากสามารถฆ่าพวกเขาได้ ผมตายก็คุ้มค่าแล้ว!”“ได้! ต้องการแค่ประโยคนี้ของสาย!”หลินเฟิงห้วเราะเสียงดัง จากนั้นถีบหลี่เหวินเชาออกจากตีกสี่สิบกว่าชั้น“อ้ากกกก
จิ่วเทาพาลูกน้องจับคนทุ่มล้มทีละคนแต่น่าแปลกตรงที่ คนเหล่านี้ไม่แสดงท่าทีเป็นศัตรูต่อพวกเขา กลับเพียงแค่ต้องการหลบหนีเท่านั้นเหมือนมีวิญญาณชั่วร้ายไล่ตามพวกเขามาจากด้านหลัง“หยุดลงมือ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”จิ่วเทาสั่งให้ลูกน้องหยุดลงมือเขามองดูฝูงชนที่กรูกันออกมาอยู่รอบตัวเขาด้วยความงุนงง หลายคนมาจากแก๊งทลายโลหิตและเจี้ยนหงกรุ๊ปตามหลักแล้ว พวกเขาเห็นคนของตนเองปรากฏตัว ไม่ควรจะรวมกำลังคนมาจัดการกับเขางั้นเหรอ?แต่กลับเหมือนเห็นผี คิดแต่จะวิ่งหนีไป“พี่ใหญ่ เป็นเพราะออร่าความแข็งแกร่งบนตัวพี่มีมากเกินไปหรือเปล่า ทำให้พวกเขาตกใจจนวิ่งหนีไป?”ลูกน้องคนหนึ่งออกมาพูดประจบประแจง“พูดจาเหลวไหล!”จิ่วเทาพูดด้วยความโมโห:“พวกเขาวิ่งออกจากอาคาร ถ้าหากกลัว ก็น่าจะแยกย้ายกันหนีไป แต่การหลบหนีของพวกเขาดูเหมือนมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า ต่างวิ่งไปที่ทางนั้น!”จิ่วเทาเหลือบมองไปยังลานกว้างที่ไกลออกไป“งั้นพี่ใหญ่ เราควรทำอย่างไร? บุกเข้าไป?”ลูกน้องที่อยู่รอบๆ ต่างก็มองไปที่จิ่วเทา“ไม่สนแล้ว!”หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง จิ่งเทาก็ตะโกนเสียงทุ้มต่ำ “ตอนนี้หัวหลินอยู่ในตึกนี้ ยังไงก็ต
“สุดยอด!”“เชี่ย เจ๋งว่ะ!”คนของเจี้ยนหงเห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อนี้ คนจำนวนมากปรบมือด้วยความตื่นเต้นเหล่าลูกน้องของจิ่วเทาก็มีสีหน้าเลื่อมใส และปรบมืออย่างหนักในตอนที่จิ่วเทาถลึงตาใส่ ถึงได้ดึงมือกลับด้วยความเก้กัง“ตบมือกับผีอะไร รีบไปต้อนรับคุณหลิน!”จิ่วเทาตะโกนเสียงดัง พาลูกน้องมุ่งหน้าไปทางร่างทั้งสองคนที่ถูกร่มชูชีพบังไว้อยู่“หลินเฟิง?!”กว่าจะคลานออกมาจากใต้ร่มชูชีพได้ โจวเจี้ยนโหลว็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเพราะเขากางร่มชูชีพกระโดดลงจากตึก กลับเห็นภาพที่หลินเฟิงสไลด์ลงจากตึกนั่นเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้จริงๆ งั้นเหรอ?เขาตกอยู่ในความสงสัยอย่างมาก ในความรู้ความเข้าใจของเขา ต่อให้เป็นสองพี่น้องตระกูลหานที่กำลังแข็งแกร่งที่สุดก็ไม่มีทางทำเรื่องที่เกินความจริงได้ขนาดนี้เขาเป็นนักบู๊จริงๆ งั้นเหรอ ไม่ใช่ภูติผีปีศาจอะไรหรอกเหรอ?ในใจโจวเจี้ยนโหลวกลับเกิดความคิดที่แปลกประหลาดแบบนี้“เพียงแค่…เพียงแค่ไปถึงตรงนั้น…”โจวเจี้ยนโหลววิ่งโซเซไปข้างหน้าเป็นเพราะเขามองเห็นพนักงานของเจี้ยนหงกรุ๊ป และยังมีลูกน้องของแก๊งทลายโลหิต ที่วิ่งออกมาจากในตึกจำนวนร้อยกว่าคนเต็มๆเพียงแค
ได้ยินโจวเจี้ยนโหลวยังคงแสดงอำนาจบาตรใหญ่ใส่เขาสีหน้าของหลี่เหวินเชาก็ดุดันยิ่งกว่าเดิม เขายกก้อนอิฐขึ้น ฟาดไปตรงศีรษะของโจวเจี้ยนโหลวอย่างแรง“ฉันไม่ใช่หมา! และก็ไม่ใช่ขยะ! แม่งเอ๊ย!”หลี่เหวินเชาคำรามออกมา: “ฉันกลายสภาพไปเป็นแบบนี้ เป็นเพราะพวกแก ฉันฆ่าโจวเสวียโหลวแล้ว แกก็ต้องตาย!”“เชี่ย หลี่เหวินเชา แกอยากตายเหรอวะ…”โจวเจี้ยนโหลวหน้าตาบึ้งตึง รู้สึกถึงของเหลวอุ่น ๆ ไหลลงมาจากหน้าผาก เขายกมือขึ้นจับ สีหน้าก็โมโหทันทีในเวลาปกติทาสหมาที่ไม่อยู่ในสายตาของเขากลับกล้าทำร้ายเขา?อีกทั้งฟังจากคำพูดของหลี่เหวินเชาพี่ชายของเขาไม่ได้ถูกหลินเฟิงฆ่า แต่ถูกเขาฆ่า?!“หลี่เหวินเชา วันนี้แกกล้าแตะต้องฉันดูอีก ฉันจะให้แกเหมือนตายทั้งเป็น…”“ผลัวะ!”หลี่เหวินเชาไม่ได้พูดอะไรมากนัก ฟาดอิฐลงไปอีกครั้ง นี่เห็นได้ชัดว่าใช้แรงทั้งหมดก้อนอิฐนี้ถูกฟาดลงไปโจวเจี้ยนโหลวอยู่ในสภาพที่งุนงงถูกฟาดจนงงไปหมด“อ้าก…อ้ากกกกกก!”โจวเจี้ยนโหลวใช้เวลาสิบวินาทีเต็มถึงกลับมามีสติอีกครั้ง เขาจับหน้าผากของตัวเองที่มีเลือดไหลออกมา และส่งเสียงกรีดร้องที่แทบจะขาดใจออกมา“ฉันไม่พอใจพวกแกมานานแล้ว!”“
แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญมากที่สุด หลินเฟิงไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานมีครอบครัวที่แตกแยกคิดถึงตรงนี้ หลินเฟิงมองดูจิ่วเทาแล้วพูดว่า:“ผู้บริหารและนักบู๊แก๊งทลายโลหิตล้วนถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว นักบู๊ของแก๊งหมาป่าก็จบเห่แล้ว เรื่องต่อไป คงไม่ต้องให้ฉันสอนแล้วสินะ?”ได้ยินคำพูดนี้ของหลินเฟิง ปากของจิ่วเทากว้างพอใจที่จะใส่ไข่ไก่เข้าไปได้“อะไรนะ? นักบู๊ของแก๊งหมาป่าก็..หัวหน้าหลิน คุณพูด…คุณพูดจริงเหรอครับ?”“ฉันไม่มีทางหลอกนายอยู่แล้ว พวกเขาทั้งหมดถูกฉันจัดการแล้ว”หลินเฟิงส่ายหน้า พูดอย่างเรียบเฉยว่า:“สั่งคนให้พาหลี่เหวินเชาไปส่งที่โรงพยาบาล ต่อไปก็เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใต้บัญชาการของนาย ส่วนเรื่องที่เหลือ ก็รบกวนนายจัดการด้วย”หลินเฟิงหยุดชะงัก และพูดต่อว่า:“ต่อไปเมืองเจิ้งเต๋อห้ามมีกองกำลังใต้ดินใดๆ อีก”พูดประโยคนี้จบ หลินเฟิงก็หันหลังเดินจากไป“ครับ!”จิ่วเทาพยักหน้า จากนั้นสีหน้าเคร่งขรึม“เฮยจื่อ พาน้องชายของประธานหลี่ไปส่งที่โรงพยาบาล คนอื่นๆ ตามฉันมา เข้ายึดครองเศษซากของแก๊งทลายโลหิต“是!”“ครับ!”พวกลูกน้องของจิ่วเทารู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ที่ได้ยินคิดไม่ถึงว่าหัวห
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี