แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญมากที่สุด หลินเฟิงไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานมีครอบครัวที่แตกแยกคิดถึงตรงนี้ หลินเฟิงมองดูจิ่วเทาแล้วพูดว่า:“ผู้บริหารและนักบู๊แก๊งทลายโลหิตล้วนถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว นักบู๊ของแก๊งหมาป่าก็จบเห่แล้ว เรื่องต่อไป คงไม่ต้องให้ฉันสอนแล้วสินะ?”ได้ยินคำพูดนี้ของหลินเฟิง ปากของจิ่วเทากว้างพอใจที่จะใส่ไข่ไก่เข้าไปได้“อะไรนะ? นักบู๊ของแก๊งหมาป่าก็..หัวหน้าหลิน คุณพูด…คุณพูดจริงเหรอครับ?”“ฉันไม่มีทางหลอกนายอยู่แล้ว พวกเขาทั้งหมดถูกฉันจัดการแล้ว”หลินเฟิงส่ายหน้า พูดอย่างเรียบเฉยว่า:“สั่งคนให้พาหลี่เหวินเชาไปส่งที่โรงพยาบาล ต่อไปก็เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใต้บัญชาการของนาย ส่วนเรื่องที่เหลือ ก็รบกวนนายจัดการด้วย”หลินเฟิงหยุดชะงัก และพูดต่อว่า:“ต่อไปเมืองเจิ้งเต๋อห้ามมีกองกำลังใต้ดินใดๆ อีก”พูดประโยคนี้จบ หลินเฟิงก็หันหลังเดินจากไป“ครับ!”จิ่วเทาพยักหน้า จากนั้นสีหน้าเคร่งขรึม“เฮยจื่อ พาน้องชายของประธานหลี่ไปส่งที่โรงพยาบาล คนอื่นๆ ตามฉันมา เข้ายึดครองเศษซากของแก๊งทลายโลหิต“是!”“ครับ!”พวกลูกน้องของจิ่วเทารู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ที่ได้ยินคิดไม่ถึงว่าหัวห
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
“ดูพอหรือยัง”ฉินอิ๋งที่อยู่ข้างๆเห็นเขาจ้องมองถังหว่านอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่พูดแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าวิธีการรักษาด้วยถอดเสื้อผ้านี่เขาคนนี้ตั้งใจอยากจะเอาเปรียบถังหว่านหรือเปล่าหลินเฟิงยิ้มเบาๆ สีหน้าไม่มีความอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อยและชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณถังสวยมากๆครับ ผมอดไม่ได้ที่จะดูไปหลายครั้ง” “ฮา ฮา”ถังหว่านยิ้ม “หมอเทวดาหลินก็พูดตรงไปตรงมามากนะ”เธอไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยอมรับอย่างใจกว้างขนาดนี้ไม่เหมือนพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นสุภาพบุรุษ กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ “ตราบใดที่หมอเทวดาหลินสามารถรักษาโรคฉันหาย อยากดูอย่างไรก็ได้”ถังหว่านสายตาอ่อนโยนมีเสน่ห์ มุมปากมีรอยยิ้มที่น่าสนใจ “ไม่จำเป็นหรอก ของที่สวยงามดูเพียงครั้งเดียวก็ประทับใจมากเพียงพอแล้ว”หลินเฟิงส่ายหัวเอาเข็มเงินเข็มออกมาปลายนิ้วผ่านหน้าอกถังหว่าน สัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนเข็มหนึ่งฝังในจุดเฟิงฝู่ถังหว่านหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้หลินเฟิงเอาเข็มเงินหนึ่งออก กดนิ้วมือลงไปเรื่อยๆผ่านท้องน้อยของเธอ ฝังเข็มอีกหนึ
หลินเฟิงเพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ของตระกูลถัง โรลส์-รอยซ์คันหนึ่งขับมาจากข้างหลังและจอดอยู่ข้างๆเขาประตูรถเปิดออก ถังหว่านเดินลงมา “บ้านคุณหลินอยู่ที่ไหนคะ ให้ฉันไปส่งไหม”หลินเฟิงคิดสักพักแล้วถอนหายใจ “ตอนนี้ไม่มีที่อยู่ คิดว่าจะพักที่โรงแรม”ตัวเขาเองอยู่ที่เจียงโจวไม่ได้ซื้อบ้านไว้เลย เมื่อหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วเขาก็จะไม่กลับไปตระกูลหลี่อีก “อึม...”ถังหว่านอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเยอะ “นี่พอดีเลย ตระกูลถังเรามีโรงแรมห้าสิบกว่าแห่งในเจียงโจว” “ให้ฉันจัดการให้คุณหลินเถอะ เมื่อเสวียนหลิงโสมถึงแล้ว ก็พอดีส่งไปให้คุณเลย” “ก็ได้”หลินเฟิงคิดไปคิดมาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเขานั่งที่เบาะข้างหลังกับถังหว่าน ฉินอิ๋งเป็นคนขับรถเมื่อถึงประตูเขตวิลล่า ฉินอิ๋งก็จอดรถ “เกิดอะไรขึ้น”ถังหว่านถาม “ข้างหน้ามีรถคันหนึ่ง ไม่รู้ทำไมช้า”ฉินอิ๋งบ่นหลินเฟิงมองไปข้างนอกผ่านหน้าต่างรถ เห็นมีชายสวมชุดสูทคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องรักษาความปลอดภัย “แจ้งคุณปู่ถัง ว่าหวางเส้าหลง นายน้อยของตระกูลหวางในเจียงโจวขอมาเยี่ยม”พูดจบก็เอาเงินสดก้อนหนึ่งยื่นให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพนักงานรักษาความปล
หลี่เหวินเชาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย พูดเสียงดังว่า “คนกากๆอย่างคุณกล้ามาชี้นิ้วสั่งผมเหรอ” “วันนี้กูต้องให้บทเรียนมึงแทนพี่สาวกู”หลินเฟิงเตะท้องของเขาด้วยขาเดียวหลี่เหวินเชาบินออกไปเหมือนโดนระเบิด “อา”แฟนสาวตัวเล็กของหลี่เหวินเชากลัวจนหน้าซีดวิ่งโซซัดโซเซไปยังข้างๆของหลี่เหวินเชา ถามด้วยความกลัว ที่รัก คุณเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าถังหว่านมีรอยยิ้มที่เย็นชาเด็กชายคนนี้กล้าต่อสู้กับหลินเฟิงด้วย ช่างกล้าหาญเกินแต่สิ่งที่เธออยากรู้อยากเห็นมากคือ หลี่ฮุ่ยหรานที่หลินเฟิงพูดถึงเป็นใคร “ไอเหี้ย”หลี่เหวินเชาใบหน้าบิดเบี้ยว ที่ท้องมีความเจ็บปวดที่รุนแรง รู้สึกลําไส้เกือบจะถูกเตะจนด้วยดวงตาที่มืดมนจ้องไปที่หลินเฟิง “คุณ...คุณกล้าเตะผมเหรอ”หลินเฟิงใจเย็นลง “แต่ก่อนคือเห็นแก่พี่สาวคุณ ผมจึงไม่ได้จริงจังกับคุณ” “ตอนนี้ผมไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลหลี่อีกต่อไปแล้ว หากคุณยังกล้าหยาบคายต่อหน้าผมแบบนี้อีก ผมจะเอาคุณตาย”มองดูสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของหลินเฟิงหลี่เหวินเชาสั่น คําสบถที่อยากจะพูดถูกกลืนลงไปหันหน้ามองไปที่ถังหว่านและตะโกน “นี่คุณมาทำอะไร กูมาใช้บริการที่นี่
แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญมากที่สุด หลินเฟิงไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานมีครอบครัวที่แตกแยกคิดถึงตรงนี้ หลินเฟิงมองดูจิ่วเทาแล้วพูดว่า:“ผู้บริหารและนักบู๊แก๊งทลายโลหิตล้วนถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว นักบู๊ของแก๊งหมาป่าก็จบเห่แล้ว เรื่องต่อไป คงไม่ต้องให้ฉันสอนแล้วสินะ?”ได้ยินคำพูดนี้ของหลินเฟิง ปากของจิ่วเทากว้างพอใจที่จะใส่ไข่ไก่เข้าไปได้“อะไรนะ? นักบู๊ของแก๊งหมาป่าก็..หัวหน้าหลิน คุณพูด…คุณพูดจริงเหรอครับ?”“ฉันไม่มีทางหลอกนายอยู่แล้ว พวกเขาทั้งหมดถูกฉันจัดการแล้ว”หลินเฟิงส่ายหน้า พูดอย่างเรียบเฉยว่า:“สั่งคนให้พาหลี่เหวินเชาไปส่งที่โรงพยาบาล ต่อไปก็เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใต้บัญชาการของนาย ส่วนเรื่องที่เหลือ ก็รบกวนนายจัดการด้วย”หลินเฟิงหยุดชะงัก และพูดต่อว่า:“ต่อไปเมืองเจิ้งเต๋อห้ามมีกองกำลังใต้ดินใดๆ อีก”พูดประโยคนี้จบ หลินเฟิงก็หันหลังเดินจากไป“ครับ!”จิ่วเทาพยักหน้า จากนั้นสีหน้าเคร่งขรึม“เฮยจื่อ พาน้องชายของประธานหลี่ไปส่งที่โรงพยาบาล คนอื่นๆ ตามฉันมา เข้ายึดครองเศษซากของแก๊งทลายโลหิต“是!”“ครับ!”พวกลูกน้องของจิ่วเทารู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ที่ได้ยินคิดไม่ถึงว่าหัวห
ได้ยินโจวเจี้ยนโหลวยังคงแสดงอำนาจบาตรใหญ่ใส่เขาสีหน้าของหลี่เหวินเชาก็ดุดันยิ่งกว่าเดิม เขายกก้อนอิฐขึ้น ฟาดไปตรงศีรษะของโจวเจี้ยนโหลวอย่างแรง“ฉันไม่ใช่หมา! และก็ไม่ใช่ขยะ! แม่งเอ๊ย!”หลี่เหวินเชาคำรามออกมา: “ฉันกลายสภาพไปเป็นแบบนี้ เป็นเพราะพวกแก ฉันฆ่าโจวเสวียโหลวแล้ว แกก็ต้องตาย!”“เชี่ย หลี่เหวินเชา แกอยากตายเหรอวะ…”โจวเจี้ยนโหลวหน้าตาบึ้งตึง รู้สึกถึงของเหลวอุ่น ๆ ไหลลงมาจากหน้าผาก เขายกมือขึ้นจับ สีหน้าก็โมโหทันทีในเวลาปกติทาสหมาที่ไม่อยู่ในสายตาของเขากลับกล้าทำร้ายเขา?อีกทั้งฟังจากคำพูดของหลี่เหวินเชาพี่ชายของเขาไม่ได้ถูกหลินเฟิงฆ่า แต่ถูกเขาฆ่า?!“หลี่เหวินเชา วันนี้แกกล้าแตะต้องฉันดูอีก ฉันจะให้แกเหมือนตายทั้งเป็น…”“ผลัวะ!”หลี่เหวินเชาไม่ได้พูดอะไรมากนัก ฟาดอิฐลงไปอีกครั้ง นี่เห็นได้ชัดว่าใช้แรงทั้งหมดก้อนอิฐนี้ถูกฟาดลงไปโจวเจี้ยนโหลวอยู่ในสภาพที่งุนงงถูกฟาดจนงงไปหมด“อ้าก…อ้ากกกกกก!”โจวเจี้ยนโหลวใช้เวลาสิบวินาทีเต็มถึงกลับมามีสติอีกครั้ง เขาจับหน้าผากของตัวเองที่มีเลือดไหลออกมา และส่งเสียงกรีดร้องที่แทบจะขาดใจออกมา“ฉันไม่พอใจพวกแกมานานแล้ว!”“
“สุดยอด!”“เชี่ย เจ๋งว่ะ!”คนของเจี้ยนหงเห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อนี้ คนจำนวนมากปรบมือด้วยความตื่นเต้นเหล่าลูกน้องของจิ่วเทาก็มีสีหน้าเลื่อมใส และปรบมืออย่างหนักในตอนที่จิ่วเทาถลึงตาใส่ ถึงได้ดึงมือกลับด้วยความเก้กัง“ตบมือกับผีอะไร รีบไปต้อนรับคุณหลิน!”จิ่วเทาตะโกนเสียงดัง พาลูกน้องมุ่งหน้าไปทางร่างทั้งสองคนที่ถูกร่มชูชีพบังไว้อยู่“หลินเฟิง?!”กว่าจะคลานออกมาจากใต้ร่มชูชีพได้ โจวเจี้ยนโหลว็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเพราะเขากางร่มชูชีพกระโดดลงจากตึก กลับเห็นภาพที่หลินเฟิงสไลด์ลงจากตึกนั่นเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้จริงๆ งั้นเหรอ?เขาตกอยู่ในความสงสัยอย่างมาก ในความรู้ความเข้าใจของเขา ต่อให้เป็นสองพี่น้องตระกูลหานที่กำลังแข็งแกร่งที่สุดก็ไม่มีทางทำเรื่องที่เกินความจริงได้ขนาดนี้เขาเป็นนักบู๊จริงๆ งั้นเหรอ ไม่ใช่ภูติผีปีศาจอะไรหรอกเหรอ?ในใจโจวเจี้ยนโหลวกลับเกิดความคิดที่แปลกประหลาดแบบนี้“เพียงแค่…เพียงแค่ไปถึงตรงนั้น…”โจวเจี้ยนโหลววิ่งโซเซไปข้างหน้าเป็นเพราะเขามองเห็นพนักงานของเจี้ยนหงกรุ๊ป และยังมีลูกน้องของแก๊งทลายโลหิต ที่วิ่งออกมาจากในตึกจำนวนร้อยกว่าคนเต็มๆเพียงแค
จิ่วเทาพาลูกน้องจับคนทุ่มล้มทีละคนแต่น่าแปลกตรงที่ คนเหล่านี้ไม่แสดงท่าทีเป็นศัตรูต่อพวกเขา กลับเพียงแค่ต้องการหลบหนีเท่านั้นเหมือนมีวิญญาณชั่วร้ายไล่ตามพวกเขามาจากด้านหลัง“หยุดลงมือ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”จิ่วเทาสั่งให้ลูกน้องหยุดลงมือเขามองดูฝูงชนที่กรูกันออกมาอยู่รอบตัวเขาด้วยความงุนงง หลายคนมาจากแก๊งทลายโลหิตและเจี้ยนหงกรุ๊ปตามหลักแล้ว พวกเขาเห็นคนของตนเองปรากฏตัว ไม่ควรจะรวมกำลังคนมาจัดการกับเขางั้นเหรอ?แต่กลับเหมือนเห็นผี คิดแต่จะวิ่งหนีไป“พี่ใหญ่ เป็นเพราะออร่าความแข็งแกร่งบนตัวพี่มีมากเกินไปหรือเปล่า ทำให้พวกเขาตกใจจนวิ่งหนีไป?”ลูกน้องคนหนึ่งออกมาพูดประจบประแจง“พูดจาเหลวไหล!”จิ่วเทาพูดด้วยความโมโห:“พวกเขาวิ่งออกจากอาคาร ถ้าหากกลัว ก็น่าจะแยกย้ายกันหนีไป แต่การหลบหนีของพวกเขาดูเหมือนมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า ต่างวิ่งไปที่ทางนั้น!”จิ่วเทาเหลือบมองไปยังลานกว้างที่ไกลออกไป“งั้นพี่ใหญ่ เราควรทำอย่างไร? บุกเข้าไป?”ลูกน้องที่อยู่รอบๆ ต่างก็มองไปที่จิ่วเทา“ไม่สนแล้ว!”หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง จิ่งเทาก็ตะโกนเสียงทุ้มต่ำ “ตอนนี้หัวหลินอยู่ในตึกนี้ ยังไงก็ต
“แต่ตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้วไหม?!”“พวกเราสองคนต้องตายอยู่ที่นี่!”“ไม่จำเป็นเสมอไป”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาตั้งที่ร่างกายของเขาบรรลุขอบเขตเทพ อย่าว่าแต่ระเบิดเลย แม้แต่เครื่องยิงจรวดธรรมดาก็ไม่น่าจะสร้างความเสียหายให้กับเขาได้มากนักดังนั้นเขาจึงไม่ตื่นตระหนกส่วนตอนนี้ เขาแค่อยากจะลองดู หลี่เหวินเชามีความมุ่งมั่นที่จะทำตามคำพูดของเขาหรือไม่?หัวเราะเสร็จ หลินเฟิงยกคอเสื้อของหลี่เหวินเชาด้วยมือข้างหนึ่ง ดึงเขาไปที่ตรงหน้าต่างที่มีลมพัดรุนแรง“หลี่เหวินเชา บอกฉันมา นายกลัวไหม?”“พูดจาไร้สะระ ต้องกลัวอยู่แล้วสิ!”หลี่เหวินเชากรีดร้องเสียงดังเพราะหลินเฟิงต้องการที่จะผลักเขาลงไป“เช่นนั้นนายต้องการแก้แค้นไหม? อยากให้ผู้ชายที่ทำให้นายกลายเป็นหมาได้ชดใช้ค่าเสียหายไหม?”หลินเฟิงถามอยู่ข้างๆ เขา“เหลวไหล ขนาดฝันผมยังอยาก!”หลี่เหวินเชาตะโกนขณะกำหมัดแน่น: “เป็นพวกเขาสองพี่น้องที่วางแผนหลอกผม ถึงทำให้ผมมีสภาพแบบนี้!”“ถ้าหากสามารถฆ่าพวกเขาได้ ผมตายก็คุ้มค่าแล้ว!”“ได้! ต้องการแค่ประโยคนี้ของสาย!”หลินเฟิงห้วเราะเสียงดัง จากนั้นถีบหลี่เหวินเชาออกจากตีกสี่สิบกว่าชั้น“อ้ากกกก
“หือ?”หลินเฟิงได้ยินเสียงสัญญาณเตือน สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะโจวเจี้ยนโหลวหยิบเสื้อกั๊กที่โป่งพองออกมาจากใต้โต๊ะทำงานแล้วสวมมันอย่างรวดเร็วหัวหน้าแก๊งหมาป่าเห็นแบบนี้ ก็ร้อนใจทันที“โจวเจี้ยนโหลว คุณจะทำอะไร?!”“ทำอะไร?”โจวเจี้ยนโหลวถอยไปทีละก้าว พิงหน้าต่าง ฉีกยิ้มพูดว่า:“เสี่ยวเตา นายคงไม่คิดจริงๆ ใช่ไหมว่าฉันจะร่วมมือกับนาย?”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเจี้ยนโหลว เสี่ยวเตา หัวหน้าแก๊งหมาป่าตกตะลึงแต่ไม่นานนัก เขาก็เข้าใจแล้วว่ามันหมายถึงอะไรที่แท้โจวเจี้ยนโหลวก็เอาเขาเข้าไปอยู่ในแผนการด้วย!ถ้าหากเป็นไปตามเรื่องราว หลังจากสองคนร่วมมือกัน จัดการปัญหาของแก๊งเขี้ยวเขียวก่อน จากนั้นก็คือหลี่ซื่อกรุ๊ปสุดท้าย ก็เป็นเขาเสี่ยวเตา!“แก๊งหมาป่าสีเลือดที่รวมตัวกัน ไม่จำเป็นต้องมีหัวหน้าแก๊งสองคน นายเข้าใจความหมายของฉันไหม?”พูดประโยคที่เย็นชาแบบนี้จบโจวเจี้ยนโหลวมองไปที่หลินเฟิง หัวเราะเสียงดังพูดว่า: “นี่เป็นกับดักที่ฉันวางเอาไว้ล่วงหน้าให้เขา ในเมื่อพวกนายอยู่ตรงนี้กันหมด งั้นก็ทำลายล้างให้หมดไปเลย!”พูดจบ โจวเจี้ยนโหลวพุ่
ตอนที่เขาได้ยินว่าโจวเสวียโหลวยังมีน้องชายอีก ก็ได้คิดเอาไว้แล้วว่าลงมือก่อนได้เปรียบส่วนการต่อสู้ภายในของพวกเขา มันไม่เกี่ยวข้องกับหลินเฟิง“กระบี่สายฟ้า!”นักบู๊คนที่บนใบหน้ามีรอยสักไม่รู้ว่าล้วงมีดสปาต้าออกมาจากที่ไหน ฟันไปที่ใบหน้าของหลินเฟิงโดยตรงหลินเฟิงก็ไม่ได้ตื่นตระหนกภายใต้สายตาตกตะลึงของหลี่เหวินเชา หลินเฟิงยื่นมือออกไปรับใบมีดที่คมกริบ ที่เต็มไปด้วยชี่แท้“จบเห่แล้ว ถูกฟันลงไปแบบนี้ แขนจะไม่กลายเป็นสองท่อนพอดีเหรอ?!”หลี่เหวินเชาหัวใจเย็นเยือกเหมือนน้ำแข็ง ความคิดของคนทั่วไป ร่างกายของมนุษย์ไม่อาจเทียบได้กับอาวุธเหล็กกล้าถูกฟันลงไปแบบนี้ มือของหลินเฟิงก็อย่าได้คิดจะเก็บไว้เลยแต่ในตอนที่หลี่เหวินเชาตกตะลึง เขากลับเห็นภาพที่น่าหวาดผวาหลินเฟิงยื่นมือออกไป เขาเพียงใช้ง่มมือของเขารับมีดอันทรงพลังเอาไว้นักบู๊ที่มีรอยสักบนใบหน้า กลับจับมีดเอาไว้ด้วยสองมือ ออกแรงจนหน้าแดงก่ำ ก็ตัดมือของหลินเฟิงไม่ขาด“อะไรกัน?!”ไม่รอให้หลี่เหวินเชาตั้งสติได้จากท่าทางที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้างหลินเฟิงพลิกมือกะทันหัน และหักมีดสปาต้าเหล็กที่เป็นประกายสว่างเป็นสองท่อนด้วยมือเปล่า!เ
“ไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับตระกูลถัง”หลินเฟิงส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า :“รับของขวัญจากผู้อื่นแล้วไม่ตอบแทนกลับมันไม่แมนเลย... พี่ใหญ่ของคุณโจวเซวียโหลวได้ร่วมมือกับหลี่เหวินเชามาทำร้ายผม แถมยังเกือบทำให้ผู้หญิงของผมต้องเสื่อมเสียอีก วันนี้ผมก็จะมาชำระบัญชีกับแก๊งทลายโลหิตของพวกคุณ!”“ได้เลย หนุ่มน้อย”โจวเจี้ยนโหลวถูกหลินเฟิงทำให้โกรธจนหัวเราะออกมา“หลินเฟิง ผมรู้ว่าคุณเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างมาก ถึงแม้จะแข็งแกร่งกว่าพี่น้องตระกูลหานแห่งแก๊งหมาป่าสีเลือด”“แต่ว่า ในวันนี้ไม่ใช่แค่เพียงพวกเราแก๊งทลายโลหิตเท่านั้น แต่ยังมีเพื่อนของแก๊งหมาป่าอีกด้วย!”ขณะที่กำลังพูดอยู่ โจวเจี้ยนโหลวก็ชี้ไปทางประตูลับที่อยู่ไกลออกไปประตูลับค่อย ๆเปิดออกคิดไม่ถึงว่าทางด้านนั้นจะมีสำนักงานอีกแห่งอยู่ด้วย อีกทั้งยังมีชายร่างใหญ่ที่สวมแว่นกันแดดที่กำลังค่อย ๆเดินออกมาที่ด้านหลังของเขายังมียอดฝีมือที่มีรอยสักต่าง ๆบนร่างกาย แต่ละคนก็มีออร่าที่ไม่ธรรมดา ถึงขนาดสองคนในนั้นก็ยังเป็นแดนแปรภาพ ส่วนที่เหลือก็ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียน“หึ ไอ้แมงดาก็กล้ามายั่วโมโหงั้นเหรอ?”ชายร่างใหญ่ที่สวมแว่นกันแด
“อย่างน้อยเมื่อฉันตาย ก็ตายเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง”“ไม่ใช่ถูกทำเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง”“......”เมื่อเห็นแบบนี้ หลินเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านระเบียงทางเดิน แล้วผลักประตูห้องทำงานขนาดใหญ่ของโจวเจี้ยนโหลวให้เปิดออก ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่โตยี่สิบกว่าคนอยู่ภายในสำนักงานในจำนวนนั้นมียอดฝีมืออยู่มากมายพวกเขาทั้งหมดต่างก็ยืนเรียงกันอยู่ทั้งสองข้างโต๊ะของผู้ชายคนหนึ่ง ราวกับจงใจรอใครสักคนมา“หึหึ ยินดีต้อนรับ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ได้ยินมาว่าคุณมีธุระกับผมงั้นเหรอ? ชายคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับโจวเซวียโหลวอยู่เล็กน้อย แต่ดูเด็กกว่าไม่กี่ปีอย่างเห็นได้ชัด กำลังนั่งอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะเขามีกล้องยาสูบไม้อยู่ในปากพร้อมกับจ้องมองไปที่หลี่เหวินเชาและหลินเฟิงด้วยรอยยิ้มเยาะ“คุณก็คือโจวเจี้ยนโหลวงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวต่อการเผชิญหน้ากับเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กดดันอยู่รอบ ๆเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินไปช้า ๆที่ด้านหน้าโต๊ะของโจวเจี้ยนโหลวแทน“ใช่แล้ว ผมเอง”โจวเจี้ยนโหลวพยักหน้า“ที่ผมมาหาคุณวันน