เทียนซิงโยกตัวหลบก็เลยเหลือแค่ฉินอิ๋งคนเดียวทว่าการโจมตีของตี้ส้าไม่ได้ลดความเร็วลงเลยฉินอิ๋งต้องการทำให้เทียนซิงต้องยอมหลบไปเพื่อให้ตัวเองหลุดจากการถูกจับได้ในจังหวะที่เธอคิดจะโยกตัวหลบนั้น กลับพบว่าตัวเองขยับตัวไม่ได้ไม่ว่ามีเส้นไหมสี่เส้นอยู่บนแขนและขาตั้งแต่เมื่อไหร่ พลังซ่อนเร้นจับเธอจนขยับไปไหนไม่ได้เห็นว่ากำปั้นของอีกฝ่ายจะกระแทกเข้าใบหน้าของฉินอิ๋ง“จบเห่แล้ว”ฉินอิ๋งพูดขึ้นอยู่ในใจ หลับตาลงด้วยจิตใต้สำนึกในช่วงเวลาสำคัญ หลินเฟิงหยิบเข็มเงินออกมาหนึ่งเล่ม และดีดออกไปเข็มเงินพุ่งเข้าใส่ข้อศอกของฉินอิ๋งร่างกายของฉินอิ๋งสาวกำปั้นในทันที“ปัง”เสียงดังลั่นฉินอิ๋งถอยหลังไปหลายก้าวจนชนและเข้าไปในอ้อมกอดของหลินเฟิงทั้งตัว“อย่าขยับ”เสียงของหลินเฟิงดังขึ้นข้างหู และมือข้างหนึ่งโอบไหล่ของเธอไว้เส้นไหมทั้งสี่เส้นที่อยู่บนตัวของฉินอิ๋งเชื่อมโยงไปยังฝ่ามือของไป๋จินเต๋อท่ามกลางแสงแดด ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็ไม่มีทางจะมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อครู่ที่ฉินอิ๋งตึงจนขยับตัวไปไหนไม่ได้ เพราะเธอถูกไป๋จินเต๋อควบคุมไว้ใช้พลังซ่อนเร้นควบคุมเส้นไหมล่ามแขนและขาทั้งสองข้างของเธอ
เซี่ยงตงเซิงหัวเราะและพูดขึ้น: “ฮ่าๆๆ วัยรุ่นเขาประลองยุทธเพื่อเป็นเพื่อนกัน ถือเป็นเรื่องปกติ”ถังหว่านไม่เชื่อว่าเป็นการประลองยุทธทั้งนั้น หลินเฟิงและฉินอิ๋งปลอดภัยดี เธอจะไปโวยวายไปก็จะดูไม่ดีก่อนที่จะหันไปพูดขึ้น: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราก็ขอตัวกลับก่อนนะ ขอบคุณที่คุณเซี่ยงต้อนรับ”เซี่ยงตงเซิงพยักหน้า: “คุณถังต้องคิดพิจารณาข้อเสนอของผมให้ดีนะครับ ผมรอคุณถังอยู่ทุกเมื่อ”“ฉันจะคิดให้ดีแน่นอน” ถังหว่านพูดจบก็ทำหน้าเย็นชาพาหลินเฟิงและฉินอิ๋งจากไปเซี่ยงตงเซิงมองแผ่นหลังของทั้งสามคนที่กำลังเดินจากไป สายตาหรี่ลง“ผู้เฒ่าไป๋ ความสามารถที่แท้จริงของทั้งสองคนนั้นเป็นไงบ้าง?”ไป๋จินเต๋อกำลังที่จะพูด“พู” กระอักเลือดออกมาเซี่ยงตงเซิงและคนอื่นๆ พากันตกตะลึง“ท่านอาจารย์....”“ผู้เฒ่าไป๋...เป็นอะไรไป?” เซี่ยงตงเซิงก้าวไปหาแล้วถามขึ้นอย่างร้อนรนไป๋จินเต๋อกัดฟันพูดขึ้น: “ความสามารถของเจ้าหนุ่มเมื่อกี้นั่นมันธรรมดา”“เมื่อกี้ผมใช้ลมปราณภายในสู้กันกับเขา เจ้าหนุ่มนั่นถอยหลังไปแค่เจ็ดก้าวก็โจมตีผมจนกระอักเลือด”เซี่ยงตงเซิงตะลึงจนอ้าปากค้าง: “อะไรนะ? ความสามารถที่แท้จริงของไอ้เ
ประโยคนี้ของหลินเฟิงพูดออกมาอย่างน่าเกรงขามมากถังหว่านได้ยินดังนั้นก็โล่งอกในทันที: “ได้ยินคุณพูดแบบนี้ ฉันก็ไม่กลัวแล้ว”“อีกเดี๋ยวฉันยังต้องไปบริษัทสักหน่อย พวกคุณสองคนก็ไปกับฉันด้วยนะ ถือว่าดูแลความปลอดภัยให้กับฉันแล้วกัน”ช่วงนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเอาไว้หน่อยก็ดีหลินเฟิงก็ไม่ได้ขัดอะไรยังไงซะตัวเองกลับโรงแรมไปก็ไม่มีอะไรให้ทำกลับมาถึงบริษัทเชิงถังฉินอิ๋งไม่เพียงจะเป็นบอดี้การ์ดของถังหว่านแล้วยังเป็นผู้ช่วยประจำตัวของเธออีกด้วย ช่วงเวลาปกติยังสามารถช่วยเธอจัดการเอกสารบ้างแน่นอนว่าเธอก็ติดตามถังหว่านไปที่ห้องทำงานด้วยเช่นกันส่วนหลินเฟิงไม่เข้าใจการบริหารบริษัทเลย การจะเข้าไปในห้องทำงานก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรจึงไปที่ห้องพักผ่อนแขกวีไอพีคนเดียวสถานที่แห่งนี้เงียบสงบมาก เขาหาที่สบายๆ เพื่อหลับตาพักสมองและฝึกรวมลมปราณภายในไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ประตูห้องพักผ่อนแขกวีไอพีถูกคนผลักเปิดออกหลินเฟิงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และคนที่มานั้นก็คือเลี่ยวกั๋วต้งเพียงแต่ว่าครั้งนี้เขามาเพียงลำพังห้องพักผ่อนแขกวีไอพีทั้งใหญ่มีเพียงหลินเฟิงอยู่คนเดียว เลี่ยวกั๋วต้งมองไปก็เห็น
เลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างภาคภูมิใจ: “คุณถัง จริงแล้วผมมาในครั้งนี้ก็เพื่อตั้งใจจะมาแนะนำคนที่มีความสามารถคนหนึ่งให้กับคุณครับ”ถังหว่านสงสัยจนอึ้งพูดไม่ออก: “คนที่มีความสามารถ?”เลี่ยวกั๋วต้งตบหน้าอกแล้วพูดขึ้น: “คนนี้เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังเลยนะครับ ความสามารถส่วนตัวสูงมาก”ถังหว่านยิ้ม: “ผู้บริหาระดับสูงของบริษัทเชิงถังก็จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังทั้งนั้นนะ ประเด็นนี้อธิบายอะไรไม่ได้หรอกนะคะ”เลี่ยวกั๋วตงพูดต่อไปว่า: “แต่คนนี้เป็นหลานเขยของจางเต๋อหลินเชียวนะครับ ชื่อเสียงของจางเต๋อหลินคุณถังคงจะเคยได้ยินมาก่อนสินะครับ?”“ซืด...”ถังหว่ายหายใจเข้าด้วยความตกตะลึง แน่นอนว่าเธอรู้จักจางเต๋อหลินแม้แต่จางเจียหนิง เธอก็รู้จักไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะแฟนด้วยทว่าคนที่สามารถเป็นถึงหลานเขยของจางเต๋อหลินได้ ระดับวิชาแพทย์ของคนนี้น่าจะไม่เลวเลยตัวเองกำลังจะก่อตั้งบริษัทการแพทย์และเภสัชอยู่พอดี และเป็นตอนที่อยากได้คนที่มีความสามารถทางด้านการแพทย์แบบนี้มาก“ถ้าสิ่งที่คุณพูดมาเป็นความจริง เขามาทำงานได้ตลอดเวลาเลยนะ”เลี่ยวกั๋วต้งถามกลับ: “งั้นไม่รู้ว่าคุณถังจะยอมให้เขาทำงาน
“เป็นพ่อสื่อ?”จางเต๋อหลินตกตะลึงหลานสาวของตัวเองก็อายุไม่น้อยแล้วจริงๆ แต่เธอกลับไม่คิดอยากจะแต่งงานเลยสักนิดตัวเองรีบร้อนไปด้วยก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีห้ามใจตัวเองไม่ได้จึงต้องถามออกมาด้วยความอยากรู้: “ไม่ทราบว่าคุณเลี่ยวต้องการแนะนำคุณชายของตระกูลไหนให้ผมครับ?”เลี่ยวกั๋วต้งตอบ: “จริงๆ ฝ่ายชายก็ไม่ถือว่าเป็นลูกชายจากตระกูลร่ำรวยอะไรหรอกครับ แต่ผมกล้ายืนยันว่าความสำเร็จในอนาคตของเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนครับ”จะว่าไป หลี่ซื่อกรุ๊ปยังไม่ถึงขั้นสำหรับกลุ่มระดับบนของเจียงโจวแต่ตอนนี้พวกเขาได้ร่วมมือกับถังหว่าน ความสำเร็จในอนาคตนั้นไร้ขีดจำกัด“นี่...”จางเต๋อหลินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย พูดแบบนี้แสดงว่าอีกฝ่ายก็เป็นแค่คนธรรมดาไร้กำลังอำนาจแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เป็นคนหัวสูงเลือกปฏิบัติ แต่อย่างน้อยครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็จะต้องมีสังคมและฐานะที่เท่าเทียมกันสิหลานสาวสุดรักของตัวเองจะไปแต่งงานกับคนแบบนี้ไม่ได้!เลี่ยวกั๋วต้งรีบอธิบาย: “หมอเทวดาจางครับ คุณอย่าดูว่าเด็กคนนี้จะไม่มีภูมิหลังอะไรครับ อายุก็เพิ่งจะยี่สิบต้นๆ แต่เขาได้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของถังหว่านแล้วนะครับ”“ความส
“หลินเฟิง?” จางเจียหนิงประหลาดใจเล็กน้อยเธอเคยเจอหลินเฟิงแล้ว ทักษะทางการแพทย์สูงมากจริงๆแต่ทำไมเขาถึงอยากจะนัดดูตัวกับตัวเองล่ะ เขาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีช่องทางติดต่อของตัวเองนะ อยากสารภาพก็บอกตัวเองโดยตรงก็ได้นะ“เขาพูดเองเหรอคะ?”จางเต๋อหลินส่ายหัว: “เลี่ยวกั๋วต้งเป็นคนบอกปู่ ปู่ว่าหลินเฟิงน่าจะเป็นคนให้เขาช่วยมาเป็นพ่อสื่อให้”“หลินเฟิงคนนี้ก็ถือว่าค่อนข้างทางการดีนะ รู้จักหาพ่อสื่อด้วย”ในหัวของจางเจียหนิงผุดภาพของหลินเฟิงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงจะมีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศ และหน้าตาก็ดี หุ่นก็ดีด้วยตรงกับสเปคในอุดมคดีของตัวเองเป๊ะเลยถ้าได้คบกับเขาก็ไม่เลวเหมือนกันนะก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดถึงปัญหานี้เลย วันนี้หลินเฟิงฝากให้คนมาเป็นพ่อสื่อให้ ดูเหมือนว่าเขาแอบหลงรักตัวเองตั้งนานแล้วและก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลงรักมาตั้งแต่เมื่อไหร่พอคิดแบบนี้มุมปากของจางเจียหนิงก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมาด้วยความดีใจดูเหมือนว่าตัวเองแค่ต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้ดี ไม่ช้าก็เร็วก็จะมีผู้ชายที่เก่งและดีมองเห็นตัวตนของตัวเอง“เสี่ยวหนิง เลี่ยวกั๋วต้งเป็นพ่อสื่อด้วยตัวเอง ต้อง
จางกุ้ยหลานรีบพยักหน้าต่อเนื่องไม่หยุด: “ก็ใช่ค่ะ ก็ใช่”“จริงสิ กุ้ยหลาน ช่วงนี้ผมจัดตั้งบริษัทเสริมความงามขึ้น ที่ปรึกษาทางเทคนิคก็คือเพื่อนของผมที่เรียนจบจากประเทศเมริก”เลี่ยวกั๋วต้งเวลานี้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง: “เครื่องมือทั้งหมดก็นำเข้ามาจากประเทศเมริก หากเข้าตลาดแล้วจะต้องดังระเบิดทั่วเจียงโจวแน่นอน”“แต่เพื่อนผมถือหุ้นไว้สูงมาก ผมกลัวว่าอนาคตจะคุมบริษัทไม่ได้”“ผมหวังว่าคุณจะช่วยผมได้”จางกุ้ยหลานนคิดไม่ถึงว่าเลี่ยวกั๋วต้องจะต้องการความช่วยเหลือจากตัวเอง เธอพูดออกไปอย่างไม่ลังเลยเลยว่า: “กั๋วต้ง คุณก็พูดเกรงใจมากเลยนะ มีอะไรต้องการให้ฉันช่วย คุณก็บอกฉันมาได้เลย”“ฉันต้องคิดหาทางช่วยคุณให้ได้เลย”เลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างโศกเศร้า: “ผมอยากยืมเงินคุณสักหน่อย ช่วยผมเพิ่มทุนหุ้นของผมหน่อย และให้คุณก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นด้วย”“ถ้าเป็นแบบนี้ นโยบายเล็กใหญ่ในอนาคตของบริษัท เราสองคนก็สามารถปรึกษาหารือกันได้”จางกุ้ยหลานตกใจมาก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเลี่ยวกั๋วต้งยังให้หุ้นของตัวเองไม่ได้มองตัวเองเป็นคนนอกเลยลองคิดดูอีกทีเขาเป็นคนช่วยรักษาหน้าให้กับลูกสาวตัวเองก่อน ทั้งยังช่วยลูกชายข
พอเห็นหลินเฟิง จางเจียหนิงก้มหน้าด้วยความเขินอายในทันทีจางเต๋อหลินยิ้มร่าด้วยความสดใส: “คุณหลิน มาเร็วจริงๆ นะครับ ในเมื่อมาถึงแล้วงั้นก็เข้าไปด้วยกันเถอะครับ!”“เอิ่ม...พอได้ครับ ผมก็เพิ่งจะเลิกงาน”จางเต๋อหลินพยักหน้า: “คุณหลินงานยุ่งมากสินะครับ ช่วงนี้ยังเลื่อนขั้นไปเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของคุณถังอีกด้วย อนาคตก้าวไกลเลยนะครับ”หลินเฟิงโบกไม้โบกมือ: “ที่ไหนกันครับ หมอเทวดาจางชมกันเกินไปแล้วครับ”แต่ตัวเองไม่ใช่ที่ปรึกษาส่วนตัว แต่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวต่างหากคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะแพร่ออกไปเร็วขนาดนี้ จนไปเข้าหูของจางเต๋อหลินแล้ว“คุณหลินครับ ในเมื่อมาแล้ว เราก็รีบเข้าไปกันเถอะครับ”“ไป...ไปไหนครับ?”“ทานข้าวไงครับ!” จางเต๋อหลินหัวเราะเหอะๆหลินเฟิงทำหน้างุนงง และยังคิดว่าจางเต๋อหลินเชิญตัวเองทานข้าวแล้วทำไมไม่โทรหาตัวเองก่อนทว่าในเมื่อเขาเชื้อเชิญแล้วเขาจะปฏิเสธก็ไม่ดีพอดีตัวเองก็ยังไม่ได้กินข้าว“ได้สิครับ! ผมขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนครับ เดี๋ยวไปนะครับ”จางเต๋อหลินพูดขึ้น: “โอเคครับ งั้นเราไปรอคุณหลินที่ห้องรับรองก่อนนะครับ”เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าหลินเฟิงสวมแค
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี