พอเห็นหลินเฟิง จางเจียหนิงก้มหน้าด้วยความเขินอายในทันทีจางเต๋อหลินยิ้มร่าด้วยความสดใส: “คุณหลิน มาเร็วจริงๆ นะครับ ในเมื่อมาถึงแล้วงั้นก็เข้าไปด้วยกันเถอะครับ!”“เอิ่ม...พอได้ครับ ผมก็เพิ่งจะเลิกงาน”จางเต๋อหลินพยักหน้า: “คุณหลินงานยุ่งมากสินะครับ ช่วงนี้ยังเลื่อนขั้นไปเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของคุณถังอีกด้วย อนาคตก้าวไกลเลยนะครับ”หลินเฟิงโบกไม้โบกมือ: “ที่ไหนกันครับ หมอเทวดาจางชมกันเกินไปแล้วครับ”แต่ตัวเองไม่ใช่ที่ปรึกษาส่วนตัว แต่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวต่างหากคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะแพร่ออกไปเร็วขนาดนี้ จนไปเข้าหูของจางเต๋อหลินแล้ว“คุณหลินครับ ในเมื่อมาแล้ว เราก็รีบเข้าไปกันเถอะครับ”“ไป...ไปไหนครับ?”“ทานข้าวไงครับ!” จางเต๋อหลินหัวเราะเหอะๆหลินเฟิงทำหน้างุนงง และยังคิดว่าจางเต๋อหลินเชิญตัวเองทานข้าวแล้วทำไมไม่โทรหาตัวเองก่อนทว่าในเมื่อเขาเชื้อเชิญแล้วเขาจะปฏิเสธก็ไม่ดีพอดีตัวเองก็ยังไม่ได้กินข้าว“ได้สิครับ! ผมขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนครับ เดี๋ยวไปนะครับ”จางเต๋อหลินพูดขึ้น: “โอเคครับ งั้นเราไปรอคุณหลินที่ห้องรับรองก่อนนะครับ”เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าหลินเฟิงสวมแค
เลี่ยวกั๋วตงพูดอธิบาย: “ใช่ครับ เหวินเชาได้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของคุณถังแล้วครับ และจะเข้าทำงานในวันพรุ่งนี้แล้ว”จางเต๋อหลินได้ยินดังนั้น ก็ตบไปที่หน้าผากในทันทีหน้ามืดตามัวไปหมด เกือบจะเป็นลมไปทั้งตรงนั้นตัวเองเลอะเลือนจริงๆ ตอนนั้นก็น่าจะถามชื่ออีกฝ่าย!พลาดแล้วๆ...หลี่เหวินเชายกแก้วเหล้าหัวเราะฮิๆ และพูดขึ้น: “หมอเทวดาจางครับ ต่อไปเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ ท่านสบายใจได้ครับ ผมรับรองว่าจะดีกับเจียหนิง”“ผมจะรักเธอตลอดไป ตลอดไปครับ....”เขาพูดยังไม่จบ จางเจียหนิงนับแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วสาดใส่หน้าของเขาตะคอกด้วยความโกรธ: “เงียบปากไปนะ”หลี่เหวินเชาถูกสาดจนทำหน้างงไปหมด เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกไปด้วยไวน์แดงในทันที“แก...”ในใจอยากจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมา แต่เห็นจางเต๋อหลินที่อยู่ข้างๆ จึงทำได้เพียงกลั้นอารมณ์นี้เอาไว้“นี่...เจียหนิง ทำไมหนูทำแบบนี้ล่ะ?”จางกุ้ยหรานเห็นลูกชายของตัวเองโดนปฏิบัติแบบไม่เป็นธรรมจึงลุกขึ้นยืนสั่งสอนออกไปเธอหันไปมองจางเต๋อหลิน: “หมอเทวดาจางคะ ครอบครัวของเราแม้จะไม่มีชื่อเสียงอะไร แต่ท่านจะตามใจหลานสาวของท่านแบบนี้ไม่ได้นะคะ”“แม่คะ...”
“คุณหลินครับ วันนี้ผมเจอคุณหนูฮุ้ยหรานด้วยครับ”จางเต๋อหลินหัวเราะเหอะๆ : “ผมประหลาดมาตลอดเลยนะครับว่าคนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้อย่างคุณหลิน คุณหนูฮุ้ยหรานถึงได้หย่ากับคุณล่ะ?”หลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามเรื่องนี้จางเจียหนิงที่อยู่ข้างๆ ก็เงี่ยหูตั้งใจฟังเหมือนกันหลังหลินเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้น: “เป้าหมายของตระกูลหลี่คือการเป็นตระกูลระดับแนวหน้าของเจียงโจว ผมในตอนนี้ให้ความช่วยเหลืออะไรตระกูลหลี่ไม่ได้เลย จะหย่ากับผมก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ”เรื่องเหล่านี้ไม่มีค่าอะไรให้ต้องปิดบังเอาไว้จางกุ้ยหลานได้เอาตัวเขาไปดูถูกไปทั่วแล้ว คนที่อยากรู้แค่ไปถามก็รู้แล้ว“นี่...”จางเต๋อหลินยังคงคิดว่าการหย่าร้างระหว่างหลินเฟิงและหลี่ฮุ้ยหรานต้องมีเรื่องอะไรในใจที่พูดยากคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะตระกูลหลี่ดูถูกหลินเฟิง“ตระกูลหลี่นี่ช่างมีตาหามีแววไม่จริงๆ เลย...” จางเต๋อหลินถอนหายใจแล้วพูดจางเจียหนิงที่อยู่ข้างก็ยิ่งพยักหน้าไม่หยุด“จริงสิ คุณหลินครับ ในเมื่อคุณหย่าร้างกับคุณหนูหลี่แล้ว งั้นก็น่าจะคิดถึงความสุขในอนาคตไว้ด้วยนะครับ”จางเต๋อหลินลูบเคราเบาๆ และพูดขึ้น: “ผมน่ะ รู้จักผู้หญิง
ทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้เลยว่าทำไมเมื่อวานจางเต๋อหลินถึงโกรธมากขนาดนั้นคาดว่าเลี่ยวกั๋วต้งคงจะไม่ได้บอกว่าคนที่นัดบอดให้เป็นใคร “ถ้าถังหว่านรู้ว่าคนที่เลี่ยวกั๋วตงจะแนะนำให้เป็นนาย เธอคงจะเตะนายตายแน่”หลี่เหวินเชาชี้หน้าของหลินเฟิงและตะโกนด่าอย่างหยาบคาย “หุบปากของนายไปซะ” “ถังหว่านได้ตอบรับฉันเข้าทำงานแล้ว ฉันว่านายคงจะอิจฉาฉันล่ะสิ”หลินเฟิงส่ายหัวอย่างเอือมระอา “ถังหว่านยอมรับนายเข้าทำงาน นั่นก็เพราะว่านายเป็นลูกเขยของหมอเทวดาจาง แต่ตอนนี้นายยังเป็นอยู่ไหม?”เขาต้องชื่นชมเลยว่า เลี่ยวกั๋วต้งฉลาดมากในการปกปิดความจริงคนทั่วไปอาจจะถูกเขาหลอกเข้าได้จริง ๆ แต่ว่าน่าเสียดาย ที่จางเต๋อหลินมีจุดตัดกับหลี่ไห่ซาน ดังนั้นเขาย่อมรู้จักหลานชายของเขาเป็นอย่างดี “นาย......ฉันไม่ใช่แล้วมันจะทำไม? ฉันก็มีความสามารถไม่ใช่รึไง?” หลี่เหวินเชาตะคอกออกมาด้วยความโกรธหลินเฟิงเห็นว่าเขาหัวรั้นมากจึงขี้เกียจที่จะโน้มน้าวใจของเขาอีกต่อไปหันหลังกลับแล้วเดินไปทางบริษัทหลี่เหวินเชาไม่ลดละ รีบเดินตามเขาไปทันทีเมื่อมาถึงหน้าลิฟต์ หลี่เหวินเชาก็รีบก้าวแทรก เข้าไปในลิฟต์ก่อนทันทีขวางกัน
ทั้งสามคนเคยพบกันมาก่อนหน้านี้แล้วครั้งแรกที่โรงแรมเทียนอวี่ ที่หลี่เหวินเชาคิดว่าถังหว่านเป็นคู่นอนที่หลินเฟิงชวนมาด้วย คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวกลับตาลปัตร หลินเฟิงกลับเป็นผู้ชายของถังหว่านแทน แต่ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วในอดีตตอนนี้หลี่เหวินเชาต้องการจะหางานทำ ต่อให้เขาจะต้องเป็นผู้ชายของถังหว่าน เขาเองก็เต็มใจและยินดีเช่นกัน เมื่อถังหว่านเห็นว่าคนที่มาเป็นอดีตน้องภรรยาของหลินเฟิง เธอก็ความดันสูงขึ้นมาทันที เธอเข้าใจในทันทีว่าทำไมหลินเฟิงถึงบอกเธอว่าอย่าตั้งความหวังไว้สูง “คุณ......คุณคือคนที่เลี่ยวกั๋วต้งแนะนำมาอย่างงั้นเหรอ?”ภายในใจของเธอยังแอบจินตนาการไว้อยู่เล็ก ๆ โดยหวังว่าหลี่เหวินเชาจะไม่ใช่คนคนนั้นหลี่เหวินเชาพยักหน้าซ้ำ ๆ และได้ทำลายความฝันอันสวยหรูของถังหว่านไปอย่างไม่มีชิ้นดี “แฟนของคุณคือจางเจียหนิงใช่ไหม?”หลี่เหวินเชาส่ายหัว “ตอนนี้ยังไม่ใช่......” “ตอนนี้ยังไม่ใช่คุณหมายความว่ายังไง?” ถังหว่านขมวดคิ้ว “เมื่อวานผมไปนัดบอดกับจางเจียหนิงแล้ว แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดกันจริงจัง”หลี่เหวินเชากล่าวเสริม “แต่คุณถังได้โปรดเชื่อผมเถอะ ผมยังมีค
หลี่เหวินเชาพยายามดิ้นขัดขืนและตะโกนออกมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนหลับกลอกตามองบน “หลี่ซื่อกรุ๊ปอะไรนั่น ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน” “รีบออกไปจากที่นี่ซะ ถ้าคุณยังกล้าก่อเรื่องวุ่นวายอีก อย่าหาว่าพวกเราไม่ปราณี” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกระตุกไม้ปราบจลาจลออกมา ชี้ไปที่หน้าของหลี่เหวินเชาและตวาดเสียงดัง “พวกแก......พวกแกคอยดูเถอะ” หลี่เหวินเชาเช็ดเลือดกำเดาที่ไหล และจากไปด้วยความโกรธเมื่อวานในเวลานี้เขายังจินตนาการอยู่เลยว่าตัวเองจะเดินไปถึงจุดสุดยอดของชีวิต ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีพร้อมไปทั้งหน้าตาและชาติตระกูล คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่วันเดียว นัดบอดก็ล่ม งานก็ยังไม่ได้อีก ความขมขื่นนี้เขากลืนมันไม่ลงจริง ๆหลินเฟิงกลับมาที่ห้องทำงานถังหว่านที่ในตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ เอามือคลึงขมับของเธอตรงจุดไท่หยางอย่างสิ้นหวังเมื่อเห็นสภาพของเธอ หลินเฟิงจึงชวนเธอคุยว่า “คุณไม่เห็นจำเป็นต้องโกรธขนาดนั้นก็ได้นี่?”ถังหว่านมือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น “จะไม่ให้ฉันโกรธได้ยังไง? เลี่ยวกั๋วต้งไอ้สารเลวนี่กล้าเล่นตลกกับฉัน” “ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนละกัน” หลินเฟิงปลอบใ
เมื่อฉินอิ๋งได้ยินดังนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วพร้อมกับครุ่นคิด “เป้าหมายของอีกฝ่ายควรจะเป็นอาจารย์เหลียง แล้วทำไมถึงทำสิ่งที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้?”ถังหยุนเหลยหันไปมองอาจารย์เหลียงที่เหมือนจะหมดลมหายใจไปแล้วยังไงยังงั้นแล้วพูดขึ้น “อืม...ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วพวกเราควรจะรีบแยกตัวออกจากวงล้อมนี้โดยเร็วที่สุด”แน่นอนว่าฉินอิ๋งเองก็คิดที่จะทำอย่างนั้นโดยเร็วที่สุด แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือร่างของอาจารย์เหลียงถูกแทงหลายครั้ง และเพิ่งจะห้ามเลือดได้เมื่อกี้จำนวนคนฝั่งเราก็มีน้อยการที่จะพาคนที่บาดเจ็บอยู่นั้นฝ่าวงล้อมออกไปนั้นยากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย “ทำแบบนั้นไม่ไหว ร่างกายของอาจารย์เหลียงได้รับบาดเจ็บสาหัสและโอกาสที่พวกเราจะฝ่าวงล้อมออกไปได้นั้นน้อยเกินไป พวกเราควรรออยู่ที่นี่เพื่อรับความช่วยเหลือจะดีกว่า”ถังหยุนเหลยกลับไม่คิดแบบนั้น “ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ละกัน พวกคุณเอาตำรับยาของอาจารย์เหลียงส่งมาให้ผมก่อน แล้วผมจะนำพวกคุณทุกคนฝ่าวงล้อมนี้ออกไปด้วยกำลังทั้งหมดของผม” “ตำรับยานี้มีความสำคัญอย่างมาก จะให้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่นไม่ได้โดยเด็ดขาด”ฉินอิ๋งนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็รู้
เธอคิดอยู่นานมากแต่ก็นึกไม่ออกสักทีว่าในเจียงโจวใครกันที่จะมีอำนาจมากเช่นนี้ และสามารถเรียกนักฆ่าหลายร้อยคนให้มารวมกันได้ “แน่นอนว่า ลูกสาวแห่งจวนผู้ว่าราชการ ใครบ้างจะไม่รู้จัก?”ชายสวมหน้ากากพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยเล็กน้อย “น่าเสียดาย ที่ลูกสาวแห่งจวนผู้ว่าราชการผู้สูงส่ง เต็มใจที่จะเป็นแข้งเป็นขาให้กับถังหว่าน” “ทำไมคุณต้องลดตัวลงด้วยล่ะ?”ชายสวมหน้ากากเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา และพูดอย่างหลอกหล่อ “สู้คุณมาร่วมมือกับพวกเรา หลังจากที่กำจัดถังหว่านแล้ว คุณก็จะได้บริหารบริษัทเชิงถัง” “ถึงตอนนั้น อิทธิพลของคุณจะต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน และจะได้มีสิทธิ์มีเสียงในจวนผู้ว่าราชการอีกด้วย”ถังหยุนเหลยที่อยู่ด้านข้างเองก็เสริมขึ้นเพื่อโน้มน้าวว่า “คุณหนูฉิน อาจารย์จินเล็งเห็นความสามารถของคุณมากนะ หากคุณร่วมมือกับพวกเรา คุณจะสูงส่งขึ้นอย่างพุ่งทะยานแน่นอน หรือไม่อย่างนั้นก็มีแต่จะต้องตายสถานเดียวเท่านั้น” “ถุ้ย”ฉินอิ๋งจ้องไปที่ถังหยุนเหลย ด้วยสีหน้าด่าทออย่างรังเกียจ “คุณคิดว่าทุกคนจะชอบเป็นคนทรยศเหมือนกับคุณอย่างงั้นเหรอ?” “คุณมันก็เป็นเพียงแค่ลูกนอกสมรสของหัวหน้าตระกูลถัง คุณหนูถ
“อย่างน้อยเมื่อฉันตาย ก็ตายเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง”“ไม่ใช่ถูกทำเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง”“......”เมื่อเห็นแบบนี้ หลินเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านระเบียงทางเดิน แล้วผลักประตูห้องทำงานขนาดใหญ่ของโจวเจี้ยนโหลวให้เปิดออก ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่โตยี่สิบกว่าคนอยู่ภายในสำนักงานในจำนวนนั้นมียอดฝีมืออยู่มากมายพวกเขาทั้งหมดต่างก็ยืนเรียงกันอยู่ทั้งสองข้างโต๊ะของผู้ชายคนหนึ่ง ราวกับจงใจรอใครสักคนมา“หึหึ ยินดีต้อนรับ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ได้ยินมาว่าคุณมีธุระกับผมงั้นเหรอ? ชายคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับโจวเซวียโหลวอยู่เล็กน้อย แต่ดูเด็กกว่าไม่กี่ปีอย่างเห็นได้ชัด กำลังนั่งอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะเขามีกล้องยาสูบไม้อยู่ในปากพร้อมกับจ้องมองไปที่หลี่เหวินเชาและหลินเฟิงด้วยรอยยิ้มเยาะ“คุณก็คือโจวเจี้ยนโหลวงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวต่อการเผชิญหน้ากับเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กดดันอยู่รอบ ๆเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินไปช้า ๆที่ด้านหน้าโต๊ะของโจวเจี้ยนโหลวแทน“ใช่แล้ว ผมเอง”โจวเจี้ยนโหลวพยักหน้า“ที่ผมมาหาคุณวันน
“อ่อ?”เมื่อได้ยินแบบนี้ บอดี้การ์ดก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะสลับหันไปมองเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วทั้งคู่ต่างก็ประหลาดใจกันเล็กน้อย“คิดไม่ถึงเลยว่าหมาอย่างนายจะเก่งขนาดนี้!”พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวชื่นชมว่า :“ดีมาก ดีมาก รองประธานโจวยังบอกพวกเราเป็นพิเศษว่า ถ้าถึงเวลาแล้ว ก็ไปเอาหัวหมาของนายได้เลย”“หาก คิดแบบนี้พวกเราก็ประหยัดแรงไปได้มากเลยทีเดียว”“หึหึ ยินดีครับ ยินดี”หลี่เหวินเชาพยักหน้าอย่างประจบสอพลอ“ได้ นายเข้าไปเถอะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดทางให้ พร้อมกับชี้ไปที่ลิฟต์ที่ตกแต่งด้วยสีทองอร่าม ซึ่งอยู่ตรงห้องโถง“ขอบคุณมากพี่ชาย หึหึ...ขอบใจนะ ขอบใจ”หลี่เหวินเชาอ่อนน้อมอย่างมาก พร้อมกับก้มหัวและพยักหน้าขอบคุณไม่หยุด แต่ทว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับไม่ซาบซึ้ง ทั้งยังเยาะเย้ยว่า :“ใครเป็นพี่ชายกับแกว่ะ? แกก็เป็นแค่หมาพนันที่ถูกประธานโจวเลี้ยงเท่านั้น ยังจะเรียกพวกเราว่าพี่น้องอีก แกคู่ควรงั้นเหรอ?”“หึหึ....ไม่ ไม่คู่ควร ต้องขอโทษด้วย ขอโทษด้วยนะ...”หลี่เหวินเชายังคงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างไรก็ตาม เมื่อหลินเฟิงต้องการที
เขาจำได้ว่าจิ่วเทาเคยแนะนำตัวกับเขา คนของแก๊งทลายโลหิตน้อยที่สุด แต่แข็งแกร่งมากที่สุดมีนักบู๊จำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะยังมีพี่น้องตระกูลหานแต่พี่น้องตระกูลหานถูกเขากำจัดไปแล้ว“ทำไมเหรอ? หัวหน้าหลิน คุณมีเรื่องกับแก๊งทลายโลหิตงั้นเหรอครับ?”ได้ยินคำถามลองเชิงของจิ่วเทาในโทรศัพท์ หลินเฟิงพูดอย่างมั่นใจว่า:“ถูกต้อง ฉันกำลังเตรียมตัวจะไปเจี้ยนหงกรุ๊ป ไปพบรองประธานของเจี้ยนหงกรุ๊ป นายบอกว่าที่นี่เป็นถิ่นของแก๊งทลายโลหิต งั้นนายก็พาคนมาที่นี่หน่อย”“ได้เลยครับ!”แทบจะไม่ลังเลเลยจิ่วเทาตอบรับได้เด็ดขาดอย่างมาก และก็ตะโกนเสียงดังในโทรศัพท์:“พรรคพวก มีงานมาแล้ว หัวหน้าหลินจะไปทำลายที่ซ่อนของแก๊งทลายโลหิต คนที่ขยับเขยื้อนได้ ตามฉันไป!”“ไม่ต้องระดมกำลัง”หลินเฟิงได้ยินการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของจิ่วเทา จึงรีบเอ่ยปากพูดว่า:“มาแค่ไม่กี่คนก็พอแล้ว”“อ๊ะ? ไปแค่ไม่กี่คน?”จิ่วเทาสงสัยเป็นอย่างมาก “หัวหน้าหลิน พวกเราพาคนไปไม่กี่คน นี่จะไม่เป็นการส่งของว่างให้พวกเขางั้นเหรอ?”“วางใจเถอะ ต่อกลอนกับแก๊งทลาโลหิต ฉันคนเดียวก็พอแล้ว สำหรับพวกนาย เป้าหมายก็คือมารับมือต่อถิ่นฐานของแก๊งทลายโลหิ
หลี่เหวินเชาตกใจจนล้มลงบนพื้น ถึงแม้เขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊ที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แต่อาคารของเจี้ยนหงกรุ๊ปนั่นเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนเก่งกาจ เป็นสำนักงานใหญ่ของแก๊งหมาป่าสีเลือดก่อนที่จะแบ่งแยกออกไปต่อให้พวกเขาจะไม่สามารถหาคนที่แข็งแกร่งกว่าพี่น้องตระกูลหานมาได้ แต่ในนั้นก็มีนักบู๊จำนวนไม่น้อยบวกกับอันธพาลและลูกสมุนรับจ้าง มีจำนวนเป็นร้อยเป็นพันคนนับจำนวนคน ก็สามารถทับถมเขากับหลินเฟิงจนตายได้หลี่เหวินเชากลืนน้ำลาย ไม่กล้าปฏิเสธหลินเฟิง ทำได้เพียงนั่งทรุดอยู่บนพื้นและส่ายหน้าอย่างรุนแรง แสดงออกว่าเขาไม่กล้า“หึ ในเมื่อเป็นแบบนี้ นายก็ไสหัวไปเถอะ”“เอาที่ดินไปไม่ได้ คิดว่าไม่ต้องให้ฉันลงมือ ชีวิตกระจอกๆ แบบนี้ก็คงมีคนจัดการอยู่แล้ว”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ หันหน้าจะเดินจากไปเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง หลี่เหวินเชานิ่งอึ้งทันทีจู่ๆ เขาก็คิดถึงใบหน้าที่เหี้ยมโหดของโจวเจี้ยนโหลว จึงตัวสั่นเทาทันทีหลินเฟิงพูดถูกถ้าหากเอาที่ดินกลับไปไม่ได้ เช่นนั้นจุดจบของเขาแค่เดาก็รู้ได้ ต้องตายเพียงทางเดียวเท่านั้นไม่ได้คิดอะไรมาก หลี่เหวินเชารีบคลานไปตรงหน้าหลินเฟิง ขวางทาง
หวังว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนนิสัยของเธอได้ไม่ต้องเป็นแม่พระอะไร อย่างน้อยอย่าก่อปัญหาให้หลี่ฮุ่ยหราน ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีก็พอแล้ว“ผมจะทำนะครับ”หลินเฟิงพยักหน้าอย่างจนใจ“หึ”จางซินมีท่าทีหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นตามจางกุ้ยหลานที่เดินจากไปส่วนหลี่เหวินเชาอยากจะถือโอกาสนี้จากไป แต่กลับถูกหลินเฟิงดึงคอเสื้อเอาไว้“ฉันให้นายกลับไปแล้วเหรอ?”ได้ยินคำพูดเย็นชาของหลินเฟิง แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยแรงสังหารสีหน้าของหลี่เหวินเชาหลากหลายอารมณ์ เขากระวนกระวายก่อน จากนั้นหวาดกลัว สุดท้ายก็ฝืนยิ้มออกมา“พี่…”ยังไม่ทันพูดคำว่า “เขย” ออกมา หลินเฟิงกลับตบไปที่ใบหน้าของเขา ทำให้เขาหน้ามืดตาลาย กลิ้งล้มบนพื้นหลายตลบก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนพื้นไม่กี่วินาที ใบหน้าของหลี่เหวินเชาก็เกิดรอยช้ำขึ้นมา“พี่…พี่สะใภ้…ไม่ อย่า…”เมื่อตั้งสติได้ หลี่เหวินเชานั่งตาลายอยู่บนพื้น เห็นหลินเฟิงเดินมาทางเขาอีก เขาก็สีหน้ากระวนกระวาย หันหน้ากลับไปอยากจะคลานหนี แต่ก็ยังถูกหลินเฟิงจับเอาไว้ได้“หลี่เหวินเชา ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวของนายมาโดยตลอด ฉันยังคิดว่านายรู้จักฉลาดแล้ว ได้งานที่ดีกว่าที่ต่างถิ
“จางซิน เธอทำเป็นเสแสร้งอะไร? ความคิดนี้เธอเป็นคนแรกที่เสนอออกมาไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยากกอบโกยผลประโยชน์ และแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานด้วย เธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ตอนนี้เธออยากเอากลับไป? สายไปแล้ว!”หลี่เหวินเชาเห็นว่าจางซินกำลังจะหนีไป จึงคว้าเธอไว้ด้วยความโมโห และพูดว่า:“ทุกคน ดูเธอไว้ ความคิดนี้เธอเป็นคนเสนอออกมา เธอเป็นคนต้นคิด พวกเราถูกบีบบังคับ!”เมื่อเห็นว่าความโมโหของทุกคนเคลื่อนย้ายมาที่ตัวเธอ จางซินก็โมโห และพลิกมือตบหน้าหลี่เหวินเชา“แกมันสัตว์เดียรัจฉาน หลอกเงินของคุณป้าไปจนหมดก็หลบหนีไป ถ้าไม่ใช่เพราะนายเห็นว่าที่ดินผืนนี้มูลค่าเพิ่มขึ้น ถูกรองประธานเจี้ยนหงกรุ๊ปบีบคั้น นายจะกลับมาทำไม?”“ฉันบอกนายให้นะ ที่ดินผืนนี้พวกเราไม่เอา ก็ไม่เสียหายอะไรทั้งนั้น”“ส่วนนายถ้าเอาที่ดินผืนนี้ไปไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่วันนายก็จะถูกพวกเขาฆ่าตาย!”“แกกล้าตบฉันเหรอ?!”หลี่เหวินเชากระโจนเข้าไปทันที เขาไม่สนใจเรื่องการถ่อมตัวกับผู้หญิงอะไรหรอก จึงตบตีกับจางซินต่อหน้าทุกคนทันทีส่วนจางซินก็ยื่นเล็บของตัวเองออกไป ข่วนหน้าของหลี่เหวินเชาจนเต็มไปด้วยรอยเลือด“พอแล้ว!”เมื่อเห็นคนใ
“อีกทั้งตอนนี้ฉันตัดขาดความสัมพันธ์กับหลี่ฮุ่ยหรานนังสารเลวนั่น ต่อไปฉันจะไม่ขอร้องเธออีก และก็ไม่ขอร้องพวกแกอีก!”“หญิงร้ายชายชั่ว พวกแกสมควรแล้วที่ถูกหลอก!”“ไสหัวไปซะ!”......บรรยากาศเงียบสงบจากนั้นหลินเฟิงนำโทรศัพท์ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าช้าๆพนักงานทุกคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่ในเหตุการณ์ สีหน้าเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก ถึงขั้นที่รู้สึกอับอาย และรู้สึกผิดเพราะแค่บันทึกเสียงเมื่อครู่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าจางกุ้ยหลานหลอกลวงพวกเขาเพราะจางกุ้ยหลานและคนอื่นๆ พูดว่าที่ดินผืนนั้น ถูกหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานแย่งชิงไปแต่ในบันทึกเสียงโทรศัพท์ พวกเขาขายที่ดินผืนนั้นให้หลินเฟิง ทั้งยังเห็นหลินเฟิงเป็นคนโง่อีกด้วย พูดฉีกหน้า และดูถูกต่างๆ นานาแต่หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห กลับยังพูดปากเปียกปากแฉะภายหลัง ก็เป็นคำด่าทอของจางกุ้ยหลานถึงขึ้นยังเรียกลูกสาวและลูกเขยว่าหญิงร้ายชายชั่วอีกด้วยหลักฐานแน่นหนาบันทึกเสียง มีประโยชน์มากกว่าพูดจนปากเปื่อย“ตุ่บ”พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่โยนป้ายทำงานทิ้งเป็นคนแรกเมื่อครู่นี้คุกเข่าให้หลี่ฮุ่ยหรานทันที ริมฝีปากของเขาสั่นเทร ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ม
ถ้าหากเอาที่ดินผืนนี้กลับมาไม่ได้ ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรานถูกล้ม ถึงขั้นที่กลายเป็นขอทาน เขาหลี่เหวินเชาก็ไม่สามารถรอดชีวิตไปได้ดังนั้นตอนนี้คนที่ร้อนใจที่สุดก็คือเขา“หลินเฟิงเขา…”หลี่ฮุ่ยหรานยังคิดคำพูดหลีกเลี่ยงไม่ออกก็ได้ยินเสียงตวาดดังขึ้นมาจากจุดไกลๆ“พอแล้ว!”ชายหนุ่มที่ร่างกายสูงโปร่งเดินเข้ามาช้าๆ เขาขยับชิดข้างกายของหลี่ฮุ่ยหราน โอบหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว และมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยสายตาโกรธเคือง พูดเย็นชาว่า:“พวกคนโง่ ถูกคนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”“พวกคุณรู้ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวไหม?”“ฟังแค่คำพูดของฝ่ายเดียว ก็ใจดำและใส่ร้ายเจ้านนายของตัวเองแบบนี้ ฉันดูแล้ว พวกคุณทั้งหมดเป็นแค่พวกไร้ประโยชน์!”“พวกไร้ประโยชน์แบบนี้ ถ้าหากอยากจะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป หลี่ซื่อกรุ๊ปของเราก็ไม่เก็บพวกคุณไว้!”“ไสหัวไปให้หมด!”คนที่พูด ก็คือหลินเฟิงนั่นเองคำพูดอันทรงพลังของหลินเฟิงในเวลานี้ ทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเงียบลงทันทีแต่ก็มีบางส่วนในนั้นที่ไม่ปฏิบัติตาม“หึ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปของเรา ดูท่าคุณก็เป็นเหมือนกับที่คนอื่นพูด ทั
“ฉันคิดว่าเธอเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เลื่อมใสเธอเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้!”“จริงด้วย คิดไม่ถึงว่าจะใช้ให้คนนอกมาตีแม่ของตัวเองเองอีกด้วย โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน!”“ยังสู้กัวโหย่วคังก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!”พนักงานอีกหลายคนที่มีอารมณ์รุนแรงกว่าก็ยืนออกมาเช่นกันพวกเขาดึงป้ายทำงานออก โยนลงกับพื้น“หึ ให้เธอเป็นเจ้านายของเรา ถูกพูดออกไป คนอื่นคงคิดว่าเราเป็นเหมือนเธอ เป็นคนเนรคุณคนแบบนี้!“ฉันไม่ทำแล้ว!”“ใช่ ฉันก็ไม่ทำแล้ว!”“ติดตามคนชั่วร้ายเช่นนี้ จะมีอนาคตอะไร?!”หลังจากที่คนแรกหันหลังเดินจากไป พนักงานคนอื่นๆ ก็พากันกระตือรือร้น ดึงป้ายพนักงานที่อยู่ตรงหน้าอกออก ประกาศตัดความสัมผันธ์กับหลี่ซื่อกรุ๊ป“ประธานหลี่ ประธานทางด้านนั้นก็มีการประชุมฉุกเฉิน:ในตอนนี้ เลขาของหลี่ฮุ่ยหรานก็วิ่งเข้ามา มองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความเป็นห่วงและการประชุมฉุกเฉินในตอนนี้ ความหมายก็ชัดเจนเป็นอย่างมากนั่นคือจะขับไล่หลี่ฮุ่ยหรานออกจากตำแหน่ง“ไม่ใช่ พวกคุณฟังฉันนะ ความจริงไม่ใช่แบบนี้…”การโต้เถียงที่ไร้เรี่ยวแรงของหลี่ฮุ่ยหรานทว่าเธอมีแ