“เป็นพ่อสื่อ?”จางเต๋อหลินตกตะลึงหลานสาวของตัวเองก็อายุไม่น้อยแล้วจริงๆ แต่เธอกลับไม่คิดอยากจะแต่งงานเลยสักนิดตัวเองรีบร้อนไปด้วยก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีห้ามใจตัวเองไม่ได้จึงต้องถามออกมาด้วยความอยากรู้: “ไม่ทราบว่าคุณเลี่ยวต้องการแนะนำคุณชายของตระกูลไหนให้ผมครับ?”เลี่ยวกั๋วต้งตอบ: “จริงๆ ฝ่ายชายก็ไม่ถือว่าเป็นลูกชายจากตระกูลร่ำรวยอะไรหรอกครับ แต่ผมกล้ายืนยันว่าความสำเร็จในอนาคตของเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนครับ”จะว่าไป หลี่ซื่อกรุ๊ปยังไม่ถึงขั้นสำหรับกลุ่มระดับบนของเจียงโจวแต่ตอนนี้พวกเขาได้ร่วมมือกับถังหว่าน ความสำเร็จในอนาคตนั้นไร้ขีดจำกัด“นี่...”จางเต๋อหลินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย พูดแบบนี้แสดงว่าอีกฝ่ายก็เป็นแค่คนธรรมดาไร้กำลังอำนาจแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เป็นคนหัวสูงเลือกปฏิบัติ แต่อย่างน้อยครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็จะต้องมีสังคมและฐานะที่เท่าเทียมกันสิหลานสาวสุดรักของตัวเองจะไปแต่งงานกับคนแบบนี้ไม่ได้!เลี่ยวกั๋วต้งรีบอธิบาย: “หมอเทวดาจางครับ คุณอย่าดูว่าเด็กคนนี้จะไม่มีภูมิหลังอะไรครับ อายุก็เพิ่งจะยี่สิบต้นๆ แต่เขาได้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของถังหว่านแล้วนะครับ”“ความส
“หลินเฟิง?” จางเจียหนิงประหลาดใจเล็กน้อยเธอเคยเจอหลินเฟิงแล้ว ทักษะทางการแพทย์สูงมากจริงๆแต่ทำไมเขาถึงอยากจะนัดดูตัวกับตัวเองล่ะ เขาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีช่องทางติดต่อของตัวเองนะ อยากสารภาพก็บอกตัวเองโดยตรงก็ได้นะ“เขาพูดเองเหรอคะ?”จางเต๋อหลินส่ายหัว: “เลี่ยวกั๋วต้งเป็นคนบอกปู่ ปู่ว่าหลินเฟิงน่าจะเป็นคนให้เขาช่วยมาเป็นพ่อสื่อให้”“หลินเฟิงคนนี้ก็ถือว่าค่อนข้างทางการดีนะ รู้จักหาพ่อสื่อด้วย”ในหัวของจางเจียหนิงผุดภาพของหลินเฟิงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงจะมีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศ และหน้าตาก็ดี หุ่นก็ดีด้วยตรงกับสเปคในอุดมคดีของตัวเองเป๊ะเลยถ้าได้คบกับเขาก็ไม่เลวเหมือนกันนะก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดถึงปัญหานี้เลย วันนี้หลินเฟิงฝากให้คนมาเป็นพ่อสื่อให้ ดูเหมือนว่าเขาแอบหลงรักตัวเองตั้งนานแล้วและก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลงรักมาตั้งแต่เมื่อไหร่พอคิดแบบนี้มุมปากของจางเจียหนิงก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมาด้วยความดีใจดูเหมือนว่าตัวเองแค่ต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้ดี ไม่ช้าก็เร็วก็จะมีผู้ชายที่เก่งและดีมองเห็นตัวตนของตัวเอง“เสี่ยวหนิง เลี่ยวกั๋วต้งเป็นพ่อสื่อด้วยตัวเอง ต้อง
จางกุ้ยหลานรีบพยักหน้าต่อเนื่องไม่หยุด: “ก็ใช่ค่ะ ก็ใช่”“จริงสิ กุ้ยหลาน ช่วงนี้ผมจัดตั้งบริษัทเสริมความงามขึ้น ที่ปรึกษาทางเทคนิคก็คือเพื่อนของผมที่เรียนจบจากประเทศเมริก”เลี่ยวกั๋วต้งเวลานี้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง: “เครื่องมือทั้งหมดก็นำเข้ามาจากประเทศเมริก หากเข้าตลาดแล้วจะต้องดังระเบิดทั่วเจียงโจวแน่นอน”“แต่เพื่อนผมถือหุ้นไว้สูงมาก ผมกลัวว่าอนาคตจะคุมบริษัทไม่ได้”“ผมหวังว่าคุณจะช่วยผมได้”จางกุ้ยหลานนคิดไม่ถึงว่าเลี่ยวกั๋วต้องจะต้องการความช่วยเหลือจากตัวเอง เธอพูดออกไปอย่างไม่ลังเลยเลยว่า: “กั๋วต้ง คุณก็พูดเกรงใจมากเลยนะ มีอะไรต้องการให้ฉันช่วย คุณก็บอกฉันมาได้เลย”“ฉันต้องคิดหาทางช่วยคุณให้ได้เลย”เลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างโศกเศร้า: “ผมอยากยืมเงินคุณสักหน่อย ช่วยผมเพิ่มทุนหุ้นของผมหน่อย และให้คุณก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นด้วย”“ถ้าเป็นแบบนี้ นโยบายเล็กใหญ่ในอนาคตของบริษัท เราสองคนก็สามารถปรึกษาหารือกันได้”จางกุ้ยหลานตกใจมาก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเลี่ยวกั๋วต้งยังให้หุ้นของตัวเองไม่ได้มองตัวเองเป็นคนนอกเลยลองคิดดูอีกทีเขาเป็นคนช่วยรักษาหน้าให้กับลูกสาวตัวเองก่อน ทั้งยังช่วยลูกชายข
พอเห็นหลินเฟิง จางเจียหนิงก้มหน้าด้วยความเขินอายในทันทีจางเต๋อหลินยิ้มร่าด้วยความสดใส: “คุณหลิน มาเร็วจริงๆ นะครับ ในเมื่อมาถึงแล้วงั้นก็เข้าไปด้วยกันเถอะครับ!”“เอิ่ม...พอได้ครับ ผมก็เพิ่งจะเลิกงาน”จางเต๋อหลินพยักหน้า: “คุณหลินงานยุ่งมากสินะครับ ช่วงนี้ยังเลื่อนขั้นไปเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของคุณถังอีกด้วย อนาคตก้าวไกลเลยนะครับ”หลินเฟิงโบกไม้โบกมือ: “ที่ไหนกันครับ หมอเทวดาจางชมกันเกินไปแล้วครับ”แต่ตัวเองไม่ใช่ที่ปรึกษาส่วนตัว แต่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวต่างหากคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะแพร่ออกไปเร็วขนาดนี้ จนไปเข้าหูของจางเต๋อหลินแล้ว“คุณหลินครับ ในเมื่อมาแล้ว เราก็รีบเข้าไปกันเถอะครับ”“ไป...ไปไหนครับ?”“ทานข้าวไงครับ!” จางเต๋อหลินหัวเราะเหอะๆหลินเฟิงทำหน้างุนงง และยังคิดว่าจางเต๋อหลินเชิญตัวเองทานข้าวแล้วทำไมไม่โทรหาตัวเองก่อนทว่าในเมื่อเขาเชื้อเชิญแล้วเขาจะปฏิเสธก็ไม่ดีพอดีตัวเองก็ยังไม่ได้กินข้าว“ได้สิครับ! ผมขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนครับ เดี๋ยวไปนะครับ”จางเต๋อหลินพูดขึ้น: “โอเคครับ งั้นเราไปรอคุณหลินที่ห้องรับรองก่อนนะครับ”เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าหลินเฟิงสวมแค
เลี่ยวกั๋วตงพูดอธิบาย: “ใช่ครับ เหวินเชาได้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของคุณถังแล้วครับ และจะเข้าทำงานในวันพรุ่งนี้แล้ว”จางเต๋อหลินได้ยินดังนั้น ก็ตบไปที่หน้าผากในทันทีหน้ามืดตามัวไปหมด เกือบจะเป็นลมไปทั้งตรงนั้นตัวเองเลอะเลือนจริงๆ ตอนนั้นก็น่าจะถามชื่ออีกฝ่าย!พลาดแล้วๆ...หลี่เหวินเชายกแก้วเหล้าหัวเราะฮิๆ และพูดขึ้น: “หมอเทวดาจางครับ ต่อไปเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ ท่านสบายใจได้ครับ ผมรับรองว่าจะดีกับเจียหนิง”“ผมจะรักเธอตลอดไป ตลอดไปครับ....”เขาพูดยังไม่จบ จางเจียหนิงนับแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วสาดใส่หน้าของเขาตะคอกด้วยความโกรธ: “เงียบปากไปนะ”หลี่เหวินเชาถูกสาดจนทำหน้างงไปหมด เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกไปด้วยไวน์แดงในทันที“แก...”ในใจอยากจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมา แต่เห็นจางเต๋อหลินที่อยู่ข้างๆ จึงทำได้เพียงกลั้นอารมณ์นี้เอาไว้“นี่...เจียหนิง ทำไมหนูทำแบบนี้ล่ะ?”จางกุ้ยหรานเห็นลูกชายของตัวเองโดนปฏิบัติแบบไม่เป็นธรรมจึงลุกขึ้นยืนสั่งสอนออกไปเธอหันไปมองจางเต๋อหลิน: “หมอเทวดาจางคะ ครอบครัวของเราแม้จะไม่มีชื่อเสียงอะไร แต่ท่านจะตามใจหลานสาวของท่านแบบนี้ไม่ได้นะคะ”“แม่คะ...”
“คุณหลินครับ วันนี้ผมเจอคุณหนูฮุ้ยหรานด้วยครับ”จางเต๋อหลินหัวเราะเหอะๆ : “ผมประหลาดมาตลอดเลยนะครับว่าคนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้อย่างคุณหลิน คุณหนูฮุ้ยหรานถึงได้หย่ากับคุณล่ะ?”หลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามเรื่องนี้จางเจียหนิงที่อยู่ข้างๆ ก็เงี่ยหูตั้งใจฟังเหมือนกันหลังหลินเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้น: “เป้าหมายของตระกูลหลี่คือการเป็นตระกูลระดับแนวหน้าของเจียงโจว ผมในตอนนี้ให้ความช่วยเหลืออะไรตระกูลหลี่ไม่ได้เลย จะหย่ากับผมก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ”เรื่องเหล่านี้ไม่มีค่าอะไรให้ต้องปิดบังเอาไว้จางกุ้ยหลานได้เอาตัวเขาไปดูถูกไปทั่วแล้ว คนที่อยากรู้แค่ไปถามก็รู้แล้ว“นี่...”จางเต๋อหลินยังคงคิดว่าการหย่าร้างระหว่างหลินเฟิงและหลี่ฮุ้ยหรานต้องมีเรื่องอะไรในใจที่พูดยากคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะตระกูลหลี่ดูถูกหลินเฟิง“ตระกูลหลี่นี่ช่างมีตาหามีแววไม่จริงๆ เลย...” จางเต๋อหลินถอนหายใจแล้วพูดจางเจียหนิงที่อยู่ข้างก็ยิ่งพยักหน้าไม่หยุด“จริงสิ คุณหลินครับ ในเมื่อคุณหย่าร้างกับคุณหนูหลี่แล้ว งั้นก็น่าจะคิดถึงความสุขในอนาคตไว้ด้วยนะครับ”จางเต๋อหลินลูบเคราเบาๆ และพูดขึ้น: “ผมน่ะ รู้จักผู้หญิง
ทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้เลยว่าทำไมเมื่อวานจางเต๋อหลินถึงโกรธมากขนาดนั้นคาดว่าเลี่ยวกั๋วต้งคงจะไม่ได้บอกว่าคนที่นัดบอดให้เป็นใคร “ถ้าถังหว่านรู้ว่าคนที่เลี่ยวกั๋วตงจะแนะนำให้เป็นนาย เธอคงจะเตะนายตายแน่”หลี่เหวินเชาชี้หน้าของหลินเฟิงและตะโกนด่าอย่างหยาบคาย “หุบปากของนายไปซะ” “ถังหว่านได้ตอบรับฉันเข้าทำงานแล้ว ฉันว่านายคงจะอิจฉาฉันล่ะสิ”หลินเฟิงส่ายหัวอย่างเอือมระอา “ถังหว่านยอมรับนายเข้าทำงาน นั่นก็เพราะว่านายเป็นลูกเขยของหมอเทวดาจาง แต่ตอนนี้นายยังเป็นอยู่ไหม?”เขาต้องชื่นชมเลยว่า เลี่ยวกั๋วต้งฉลาดมากในการปกปิดความจริงคนทั่วไปอาจจะถูกเขาหลอกเข้าได้จริง ๆ แต่ว่าน่าเสียดาย ที่จางเต๋อหลินมีจุดตัดกับหลี่ไห่ซาน ดังนั้นเขาย่อมรู้จักหลานชายของเขาเป็นอย่างดี “นาย......ฉันไม่ใช่แล้วมันจะทำไม? ฉันก็มีความสามารถไม่ใช่รึไง?” หลี่เหวินเชาตะคอกออกมาด้วยความโกรธหลินเฟิงเห็นว่าเขาหัวรั้นมากจึงขี้เกียจที่จะโน้มน้าวใจของเขาอีกต่อไปหันหลังกลับแล้วเดินไปทางบริษัทหลี่เหวินเชาไม่ลดละ รีบเดินตามเขาไปทันทีเมื่อมาถึงหน้าลิฟต์ หลี่เหวินเชาก็รีบก้าวแทรก เข้าไปในลิฟต์ก่อนทันทีขวางกัน
ทั้งสามคนเคยพบกันมาก่อนหน้านี้แล้วครั้งแรกที่โรงแรมเทียนอวี่ ที่หลี่เหวินเชาคิดว่าถังหว่านเป็นคู่นอนที่หลินเฟิงชวนมาด้วย คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวกลับตาลปัตร หลินเฟิงกลับเป็นผู้ชายของถังหว่านแทน แต่ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วในอดีตตอนนี้หลี่เหวินเชาต้องการจะหางานทำ ต่อให้เขาจะต้องเป็นผู้ชายของถังหว่าน เขาเองก็เต็มใจและยินดีเช่นกัน เมื่อถังหว่านเห็นว่าคนที่มาเป็นอดีตน้องภรรยาของหลินเฟิง เธอก็ความดันสูงขึ้นมาทันที เธอเข้าใจในทันทีว่าทำไมหลินเฟิงถึงบอกเธอว่าอย่าตั้งความหวังไว้สูง “คุณ......คุณคือคนที่เลี่ยวกั๋วต้งแนะนำมาอย่างงั้นเหรอ?”ภายในใจของเธอยังแอบจินตนาการไว้อยู่เล็ก ๆ โดยหวังว่าหลี่เหวินเชาจะไม่ใช่คนคนนั้นหลี่เหวินเชาพยักหน้าซ้ำ ๆ และได้ทำลายความฝันอันสวยหรูของถังหว่านไปอย่างไม่มีชิ้นดี “แฟนของคุณคือจางเจียหนิงใช่ไหม?”หลี่เหวินเชาส่ายหัว “ตอนนี้ยังไม่ใช่......” “ตอนนี้ยังไม่ใช่คุณหมายความว่ายังไง?” ถังหว่านขมวดคิ้ว “เมื่อวานผมไปนัดบอดกับจางเจียหนิงแล้ว แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดกันจริงจัง”หลี่เหวินเชากล่าวเสริม “แต่คุณถังได้โปรดเชื่อผมเถอะ ผมยังมีค
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา
“เถ้าแก่เริ่น ผมว่าผมเป็นคนใจดีมากและไม่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คุณเชื่อผมไหม?”หลินเฟิงไม่ตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่งของเริ่นโหย่วไฉ แต่กลับถามคำถามด้วยรอยยิ้มแทนคำถามนี้ของหลินเฟิง ทำให้ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้“แม่งเอ๊ย”“ทำร้ายคนของฉันไปหลายคนในพริบตาเดียว ยังพูดว่าเราถูกล้อมรอบโดยแกเพียงผู้เดียว ตอนนี้แกยังบอกฉันอีกว่าแกเป็นคนใจดี ไม่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงอีกเหรอ?”เริ่นโหย่วไฉเกือบจะกลอกตาไปด้านหลังศีรษะแต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?เขาเหลือบมองหลินเฟิง และเห็นได้ชัดจากท่าทางเยาะเย้ยว่าหลินเฟิงกำลังล้อเลียนเขาเป็นที่ชัดเจนว่าคำถามของหลินเฟิงในเวลานี้เป็นการเสียดสีต่อเริ่นโหย่วไฉเริ่นโหย่วไฉก็มีตอบสนองกลับมาได้ และรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาทันใดเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนในเมืองเจิ้งเต๋อมาครึ่งชีวิตแล้ว ระมัดระวังและหวาดกลัวอยู่เสมอ พยายามตัดสินใจเลือกทุกอย่างให้ปลอดภัยที่สุดแต่วันนี้การกระโดดซ้ำๆ ของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจนักบู๊เลยเขาไม่สามารถเข้าใจความสามารถของหลินเฟิงได้เลยยิ่งกว่าพระเอกบู๊
“ผิดแล้ว เถ้าแก่เริ่น จากที่ผมดู เป็นพวกคุณที่ถูกผมล้อมเอาไว้เพียงคนเดียว"อีกทั้ง......"รอยยิ้มของหลินเฟิงลึกมากขั้น“แถมยังส่งคนที่อยู่เบื้องหลังที่จัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปของผมมาตรงหน้าผมอีกด้วย ประหยัดเวลาที่ผมไม่ต้องตามหาพวกเขาทีละคน มันสะดวกจริงๆ”“อ๊ะ? นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? นายคนเดียวล้อมพวกเราไว้..”ก่อนที่ เริ่นโหย่วไฉจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากความมั่นใจในชัยชนะกลายเป็นความตกตะลึงจากนั้นความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นหลินเฟิงกระโดดออกจากห้องทำงานและกลายเป็นเงาที่พร่ามัวทันทีเขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มลูกสมุนจำนวนหลายร้อยคน ลำพังคนเดียวอย่างเปิดเผย“อ๊ากกกก!”"เอื้อกกก!"“อ้าก แขนฉัน แขนฉัน!”ท่ามกลางเสียงโอดครวญของพวกอันธพาลที่นี่ หลินเฟิงก็เหมือนกับสิงโตที่พุ่งเข้าใส่ฝูงแกะ และไม่มีใครหยุดเขาได้ด้วยซ้ำก่อนที่พวกอันธพาลเหล่านี้จะตอบโต้ หลินเฟิงก็ได้เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาตัดแขนหรือต้นขาของพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการโจมตีหลายๆ คนมองเห็นเงาดำแวบผ่านไปและรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อมองลงไป
“สหาย!”หลังจากที่เริ่นโหย่วไฉตะโกนใส่หลินเฟิง เขาก็มองไปที่กลุ่มสกายของเขาและออกคำสั่งเสียงดัง:"พวกนายแค่ลากผู้ชายคนนั้นออกไป!"“คุณชายจวงฉุนจะกลับมาแล้ว รอให้เขามาถึง เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลง ก็สามารถฆ่าไอ้หมอนี่ได้โดยตรง!”"เรารอดูการแสดงก็พอ!""ดี!"ไม่พูดไม่ได้ว่า เริ่นโหย่วไฉหัวหน้าเล็กคนนี้มีเกียรติมากพอสมควรต่อหน้าพวกอันธพาลพวกนี้หลังจากเขาออกคำสั่ง ลูกสมุนพวกนี้ก็ล้อมรอบห้องทำงานที่หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียอยู่เอาไว้ท่าทางแบบนี้ ไม่ได้จะสู้ตายกับหลินเฟิงแค่อยากล้อมหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียไว้ที่นี่เท่านั้น"ต่ำทราม!"อิ่นนั่วเจียก็มองความคิดของเริ่นโหย่วไฉออก ยกคิ้วขึ้นทันที จากนั้นชี้ไปที่เริ่นโหย่วไฉและพูดด่าทอ“ต่ำทราม? หึ อิ่นนั่วเจีย อย่าคิดว่าเธอเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แล้วไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ!”“เธอในตอนนี้ไม่มีคนหนุนหลัง กลับยังอยากพึ่งพาตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมา เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”“น่ารังเกียจจริงๆ”อิ่นนั่วเจียกำหมัดแน่นจริงๆแล้วเริ่นโหย่วไฉก็พูดถูกครั้งนี้อิ่นนั่วเจียอยากสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการบันเทิงของประเทศมังกร ด้วยความพ
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ปล่อยไปอีกแล้ว คว้าคอเสื้อของเขาแล้วกดไว้กับผนังอย่างแรง“อ๊า!”เริ่นโหย่วไฉท้ายทอยกระแทกกับกับกำแพงอย่างแรงเจ็บจนเขาร้องโอดครวญออกมา“เถ้าแก่เริ่น ดูเหมือนคุณจะยังไม่สามารถเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนนักนะ!”หลินเฟิงเข้าไปหาเริ่นโหย่วไฉแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:"ตอนนี้ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้ายแล้ว"หลินเฟิงเอื้อมมือไปหยิบเช็คจำนวนยี่สิบห้าล้านจากในกระเป๋า ต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ“คุณอยากเป็นสุนัขของตระกูลหลง ถูกผมบีบคอตายตอนนี้ หรือคุณอยากจะบอกทุกสิ่งที่คุณรู้ให้ผมฟัง”เมื่อเห็นหลินเฟิงฉีกเช็คแล้วโยนลงพื้น ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็บิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ“ฉัน...ฉัน...”เริ่นโหย่วไฉพูดคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาตกอยู่ในความสับสนอย่างสิ้นเชิง“ตัดสินใจไม่ได้เหรอ? งั้นผมช่วยคุณเอง”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ประสานนิ้วเข้าด้วยกันเพื่อรวบรวมกระแสพลังชี่แท้ แทงมันไปที่จุดตันเถียนของเขาทันใดนั้นพลังชี่แท้เป็นเกลียวถูกหลินเฟิงปล่อยเข้าสู่ร่างกายของเริ่นโหย่วไฉในขณะที่พลังชี่แท้ยังคงหมุนวนและขยายตัวต่อไปพลังชี่แท้นี้ยังคงกระแทกอยู่ในร่างของเริ่นโหย่วไฉไม่หยุด ทำให้เขาต้องกรี
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”เริ่นโหย่วไฉหน้าตาโศกเศร้าเขาเป็นเพียงเจ้าของโรงงานเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ต้องการสร้างรายได้ แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่แค่ชื่อโรงงานเสื้อผ้าของเขาก็สามารถฟังออกโรงงานเสื้อผ้าหลงชิ่งจะเป็นโรงงานใหญ่โตอะไรได้ล่ะ?เงินที่เขาได้รับมาแค่พอเลี้ยงชีพพรรคพวกเมื่อครู่ได้เท่านั้นมีจวงฉุนจากตระกูลหลงมาก่อน บังคับให้ลูกน้องของเขาทำเครื่องแบบมากกว่าสิบชุดภายในเวลาไม่กี่วันใช้เพื่อปกปิดความเคลื่อนไหวของพวกเขาเขาจำนนต่อผลประโยชน์และการบังคับ ตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับจวงฉุนและคนอื่นๆ อย่างเชื่อฟัง แต่คิดไม่ถึงว่าวันถัดมา เขาจะกลับมาอวดดีกับเขาอีกเขาและพรรคพวกได้ทำลายอุปกรณ์มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านของหลี่ซื่อกรุ๊ป!แม่เจ้า นั่นมันหนึ่งหมื่นล้านเลยนะ!เมื่อได้ยินข่าวนี้เริ่นโหย่วไฉก็ตกใจจนสติแทบกระเจิง หากหลี่ซื่อกรุ๊ปตรวจสอบมาจนถึงเขาจวงฉุนของตระกูลหลงอาจจะสามารถหลบหนีไปได้ส่วนทางด้านเขาก็ซวย!ไม่ต้องพูดถึงการที่อิ่นนั่วเจียมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองแถมยังเอากดกระดุมของเขามาด้วย ซึ่งทำให้เขาตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นภายใต้การแสดง เงินทอง และออเดอร์ของอิ่นนั่วเจีย ในที่ส
“เขาขู่กรรโชคผมบ่อยมากในช่วงนี้”"ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีภูมิหลังอย่างตระกูลหลง ผมคงสั่งให้ลูกน้องของผมฆ่าเขาไปแล้ว!"เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็กลายเป็นความจนปัญญา"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง"หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกถึงบางอย่างได้ จึงมองไปที่เริ่นโหย่วไฉแล้วพูดว่า:“อ่อใช่ครับ เรื่องกระดุมที่คุณเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ผลิตที่นี่จริงๆ ใช่มั้ยครับ”“ถูก...ถูกต้องแล้ว”เริ่นโหย่วไฉตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ออกมา หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียก็ไม่ได้แสดงท่าทางกระวนกระวายหรือตึงเครียดอะไรออกมาตรงกันข้าม คนหนึ่งกลับสงบและมีสติมากกว่าอีกคน“พวกคุณอย่ากังวลเรื่องกระดุมเลย นี่มันก็สายมากแล้ว ผมคิดว่าจวงฉุนกับลูกน้องของเขาใกล้จะกลับมาแล้ว”"ถ้าคุณไม่ไปตอนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว"เริ่นโหย่วไฉ่พูดเร่งด้วยความร้อนรนในเมื่อเขาต้องการให้อิ่นนั่วเจียหนีไปและมอบเงินเช็คคงเหลือจำนวนยี่สิบห้าล้านบาทให้เขา!หากอิ่นนั่วเจียถูกจวงฉุนจับได้ เขาจะไปเอาเงินจากใคร?ตอนนี้กลับเป็นเริ่นโหย่วไฉที่งวิตกกังวลมากที่ส
หลังจากตัดสินใจที่จะเปิดเผยแผนการของจวงฉุน ความภาคภูมิใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉ“คุณอิ่นนั่วเจีย คุณยังจำผู้ชายที่ชื่อจวงฉุนเมื่อครู่นี้ได้ไหมครับ?”“จวงฉุน?”อิ่นนั่วเจียพยักหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอนแค่เธอจ้องมองเขาก็รู้ว่าเขามีเจตนาไม่ดีต่อเธอถึงขั้นที่ภายหลังยังสารภาพโดยตรง ไม่ได้เสแสร้งแล้วเขากล่าวว่าอยากตรวจร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของธรรมชาติหรือของเทียมแค่คิดก็ทำให้คนรู้สึกอยากอ้วกทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายแบบนี้นะ“มีอะไรเหรอคะเถ้าแก่เริ่น เขาจะทำร้ายฉันเหรอ?”อิ่นนั่วเจียข่มความคลื่นไส้ในใจและยื่นหน้าเข้าไปถาม"ถูกต้องครับ"เริ่นโหย่วไฉถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวว่า:"ผมจะบอกความจริงกับคุณแล้วกัน!"“จวงฉุนคนนี้เป็นสมาชิกของตระกูลหลง แต่เขาเป็นแค่ลูกสมุนเท่านั้น เป็นแค่ตัวประกอง”“ครั้งนี้เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลงมาด้วยหลายคน ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออย่างลับๆ ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่”หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียต่างจ้องมองเขา เริ่นโหย่วไฉพิจารณาคำพูดของเขาเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า:“กระดุมที่คุณเอาออก
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียก็ตกตะลึงเล็กน้อยเธอในฐานะซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แม้จะพิถีพิถันมากในการเลือกและออกแบบชุดของเธอ แต่โรงงานเล็กๆ แบบนี้กลับกล้าที่จะเรียกร้องเงินจำนวนมหาศาล ถึงยี่สิบห้าล้านบาทเรื่องนี้มันเกินเหตุไปหน่อยแล้วเงินยี่สิบห้าล้านบาทสำหรับอิ่นนั่วเจียไม่ใช่จำนวนเงินที่มากนัก แต่เอาเงินให้คนแบบนี้ ในใจของอิ่นนั่วเจียรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่นักเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียตกตะลึง เริ่นโหย่วไฉก็ไม่ได้อุบอิบแต่พูดอย่างจริงจังว่า:“เชื่อผมเถอะครับ คุณอิ่นนั่วเจีย เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว มีแต่คุณยอมทำข้อตกลงกับผมเท่านั้น คุณจึงจะหนีจากอันตรายได้”"ฉัน......"ขณะที่อิ่นนั่วเจียกำลังแสดงท่าทีลังเลว่าจะจ่ายเงินยี่สิบห้าล้าน หลินเฟิงก็ก้าวไปข้างหน้า“ผมตกลงแทนของคุณอิ่นนั่วเจีย”หลินเฟิงหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา เขียนตัวเลขยี่สิบห้าล้านด้วยปากกาในห้องทำงานของเขาต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ จากนั้นส่งให้เริ่นโหย่วไฉอย่างเบามือ“ดี...ดีๆๆ”เริ่นโหย่วไฉหยิบเช็คขึ้นมาแล้วตรวจดู เขาพบว่ามันไม่ได้เป็นของปลอม ใบหน้าของเขามีความสุขทันใด และสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยคว