“หลินเฟิง?” จางเจียหนิงประหลาดใจเล็กน้อยเธอเคยเจอหลินเฟิงแล้ว ทักษะทางการแพทย์สูงมากจริงๆแต่ทำไมเขาถึงอยากจะนัดดูตัวกับตัวเองล่ะ เขาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีช่องทางติดต่อของตัวเองนะ อยากสารภาพก็บอกตัวเองโดยตรงก็ได้นะ“เขาพูดเองเหรอคะ?”จางเต๋อหลินส่ายหัว: “เลี่ยวกั๋วต้งเป็นคนบอกปู่ ปู่ว่าหลินเฟิงน่าจะเป็นคนให้เขาช่วยมาเป็นพ่อสื่อให้”“หลินเฟิงคนนี้ก็ถือว่าค่อนข้างทางการดีนะ รู้จักหาพ่อสื่อด้วย”ในหัวของจางเจียหนิงผุดภาพของหลินเฟิงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงจะมีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศ และหน้าตาก็ดี หุ่นก็ดีด้วยตรงกับสเปคในอุดมคดีของตัวเองเป๊ะเลยถ้าได้คบกับเขาก็ไม่เลวเหมือนกันนะก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดถึงปัญหานี้เลย วันนี้หลินเฟิงฝากให้คนมาเป็นพ่อสื่อให้ ดูเหมือนว่าเขาแอบหลงรักตัวเองตั้งนานแล้วและก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลงรักมาตั้งแต่เมื่อไหร่พอคิดแบบนี้มุมปากของจางเจียหนิงก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมาด้วยความดีใจดูเหมือนว่าตัวเองแค่ต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้ดี ไม่ช้าก็เร็วก็จะมีผู้ชายที่เก่งและดีมองเห็นตัวตนของตัวเอง“เสี่ยวหนิง เลี่ยวกั๋วต้งเป็นพ่อสื่อด้วยตัวเอง ต้อง
จางกุ้ยหลานรีบพยักหน้าต่อเนื่องไม่หยุด: “ก็ใช่ค่ะ ก็ใช่”“จริงสิ กุ้ยหลาน ช่วงนี้ผมจัดตั้งบริษัทเสริมความงามขึ้น ที่ปรึกษาทางเทคนิคก็คือเพื่อนของผมที่เรียนจบจากประเทศเมริก”เลี่ยวกั๋วต้งเวลานี้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง: “เครื่องมือทั้งหมดก็นำเข้ามาจากประเทศเมริก หากเข้าตลาดแล้วจะต้องดังระเบิดทั่วเจียงโจวแน่นอน”“แต่เพื่อนผมถือหุ้นไว้สูงมาก ผมกลัวว่าอนาคตจะคุมบริษัทไม่ได้”“ผมหวังว่าคุณจะช่วยผมได้”จางกุ้ยหลานนคิดไม่ถึงว่าเลี่ยวกั๋วต้องจะต้องการความช่วยเหลือจากตัวเอง เธอพูดออกไปอย่างไม่ลังเลยเลยว่า: “กั๋วต้ง คุณก็พูดเกรงใจมากเลยนะ มีอะไรต้องการให้ฉันช่วย คุณก็บอกฉันมาได้เลย”“ฉันต้องคิดหาทางช่วยคุณให้ได้เลย”เลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างโศกเศร้า: “ผมอยากยืมเงินคุณสักหน่อย ช่วยผมเพิ่มทุนหุ้นของผมหน่อย และให้คุณก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นด้วย”“ถ้าเป็นแบบนี้ นโยบายเล็กใหญ่ในอนาคตของบริษัท เราสองคนก็สามารถปรึกษาหารือกันได้”จางกุ้ยหลานตกใจมาก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเลี่ยวกั๋วต้งยังให้หุ้นของตัวเองไม่ได้มองตัวเองเป็นคนนอกเลยลองคิดดูอีกทีเขาเป็นคนช่วยรักษาหน้าให้กับลูกสาวตัวเองก่อน ทั้งยังช่วยลูกชายข
พอเห็นหลินเฟิง จางเจียหนิงก้มหน้าด้วยความเขินอายในทันทีจางเต๋อหลินยิ้มร่าด้วยความสดใส: “คุณหลิน มาเร็วจริงๆ นะครับ ในเมื่อมาถึงแล้วงั้นก็เข้าไปด้วยกันเถอะครับ!”“เอิ่ม...พอได้ครับ ผมก็เพิ่งจะเลิกงาน”จางเต๋อหลินพยักหน้า: “คุณหลินงานยุ่งมากสินะครับ ช่วงนี้ยังเลื่อนขั้นไปเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของคุณถังอีกด้วย อนาคตก้าวไกลเลยนะครับ”หลินเฟิงโบกไม้โบกมือ: “ที่ไหนกันครับ หมอเทวดาจางชมกันเกินไปแล้วครับ”แต่ตัวเองไม่ใช่ที่ปรึกษาส่วนตัว แต่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวต่างหากคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะแพร่ออกไปเร็วขนาดนี้ จนไปเข้าหูของจางเต๋อหลินแล้ว“คุณหลินครับ ในเมื่อมาแล้ว เราก็รีบเข้าไปกันเถอะครับ”“ไป...ไปไหนครับ?”“ทานข้าวไงครับ!” จางเต๋อหลินหัวเราะเหอะๆหลินเฟิงทำหน้างุนงง และยังคิดว่าจางเต๋อหลินเชิญตัวเองทานข้าวแล้วทำไมไม่โทรหาตัวเองก่อนทว่าในเมื่อเขาเชื้อเชิญแล้วเขาจะปฏิเสธก็ไม่ดีพอดีตัวเองก็ยังไม่ได้กินข้าว“ได้สิครับ! ผมขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนครับ เดี๋ยวไปนะครับ”จางเต๋อหลินพูดขึ้น: “โอเคครับ งั้นเราไปรอคุณหลินที่ห้องรับรองก่อนนะครับ”เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าหลินเฟิงสวมแค
เลี่ยวกั๋วตงพูดอธิบาย: “ใช่ครับ เหวินเชาได้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของคุณถังแล้วครับ และจะเข้าทำงานในวันพรุ่งนี้แล้ว”จางเต๋อหลินได้ยินดังนั้น ก็ตบไปที่หน้าผากในทันทีหน้ามืดตามัวไปหมด เกือบจะเป็นลมไปทั้งตรงนั้นตัวเองเลอะเลือนจริงๆ ตอนนั้นก็น่าจะถามชื่ออีกฝ่าย!พลาดแล้วๆ...หลี่เหวินเชายกแก้วเหล้าหัวเราะฮิๆ และพูดขึ้น: “หมอเทวดาจางครับ ต่อไปเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ ท่านสบายใจได้ครับ ผมรับรองว่าจะดีกับเจียหนิง”“ผมจะรักเธอตลอดไป ตลอดไปครับ....”เขาพูดยังไม่จบ จางเจียหนิงนับแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วสาดใส่หน้าของเขาตะคอกด้วยความโกรธ: “เงียบปากไปนะ”หลี่เหวินเชาถูกสาดจนทำหน้างงไปหมด เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกไปด้วยไวน์แดงในทันที“แก...”ในใจอยากจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมา แต่เห็นจางเต๋อหลินที่อยู่ข้างๆ จึงทำได้เพียงกลั้นอารมณ์นี้เอาไว้“นี่...เจียหนิง ทำไมหนูทำแบบนี้ล่ะ?”จางกุ้ยหรานเห็นลูกชายของตัวเองโดนปฏิบัติแบบไม่เป็นธรรมจึงลุกขึ้นยืนสั่งสอนออกไปเธอหันไปมองจางเต๋อหลิน: “หมอเทวดาจางคะ ครอบครัวของเราแม้จะไม่มีชื่อเสียงอะไร แต่ท่านจะตามใจหลานสาวของท่านแบบนี้ไม่ได้นะคะ”“แม่คะ...”
“คุณหลินครับ วันนี้ผมเจอคุณหนูฮุ้ยหรานด้วยครับ”จางเต๋อหลินหัวเราะเหอะๆ : “ผมประหลาดมาตลอดเลยนะครับว่าคนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้อย่างคุณหลิน คุณหนูฮุ้ยหรานถึงได้หย่ากับคุณล่ะ?”หลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามเรื่องนี้จางเจียหนิงที่อยู่ข้างๆ ก็เงี่ยหูตั้งใจฟังเหมือนกันหลังหลินเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้น: “เป้าหมายของตระกูลหลี่คือการเป็นตระกูลระดับแนวหน้าของเจียงโจว ผมในตอนนี้ให้ความช่วยเหลืออะไรตระกูลหลี่ไม่ได้เลย จะหย่ากับผมก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ”เรื่องเหล่านี้ไม่มีค่าอะไรให้ต้องปิดบังเอาไว้จางกุ้ยหลานได้เอาตัวเขาไปดูถูกไปทั่วแล้ว คนที่อยากรู้แค่ไปถามก็รู้แล้ว“นี่...”จางเต๋อหลินยังคงคิดว่าการหย่าร้างระหว่างหลินเฟิงและหลี่ฮุ้ยหรานต้องมีเรื่องอะไรในใจที่พูดยากคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะตระกูลหลี่ดูถูกหลินเฟิง“ตระกูลหลี่นี่ช่างมีตาหามีแววไม่จริงๆ เลย...” จางเต๋อหลินถอนหายใจแล้วพูดจางเจียหนิงที่อยู่ข้างก็ยิ่งพยักหน้าไม่หยุด“จริงสิ คุณหลินครับ ในเมื่อคุณหย่าร้างกับคุณหนูหลี่แล้ว งั้นก็น่าจะคิดถึงความสุขในอนาคตไว้ด้วยนะครับ”จางเต๋อหลินลูบเคราเบาๆ และพูดขึ้น: “ผมน่ะ รู้จักผู้หญิง
ทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้เลยว่าทำไมเมื่อวานจางเต๋อหลินถึงโกรธมากขนาดนั้นคาดว่าเลี่ยวกั๋วต้งคงจะไม่ได้บอกว่าคนที่นัดบอดให้เป็นใคร “ถ้าถังหว่านรู้ว่าคนที่เลี่ยวกั๋วตงจะแนะนำให้เป็นนาย เธอคงจะเตะนายตายแน่”หลี่เหวินเชาชี้หน้าของหลินเฟิงและตะโกนด่าอย่างหยาบคาย “หุบปากของนายไปซะ” “ถังหว่านได้ตอบรับฉันเข้าทำงานแล้ว ฉันว่านายคงจะอิจฉาฉันล่ะสิ”หลินเฟิงส่ายหัวอย่างเอือมระอา “ถังหว่านยอมรับนายเข้าทำงาน นั่นก็เพราะว่านายเป็นลูกเขยของหมอเทวดาจาง แต่ตอนนี้นายยังเป็นอยู่ไหม?”เขาต้องชื่นชมเลยว่า เลี่ยวกั๋วต้งฉลาดมากในการปกปิดความจริงคนทั่วไปอาจจะถูกเขาหลอกเข้าได้จริง ๆ แต่ว่าน่าเสียดาย ที่จางเต๋อหลินมีจุดตัดกับหลี่ไห่ซาน ดังนั้นเขาย่อมรู้จักหลานชายของเขาเป็นอย่างดี “นาย......ฉันไม่ใช่แล้วมันจะทำไม? ฉันก็มีความสามารถไม่ใช่รึไง?” หลี่เหวินเชาตะคอกออกมาด้วยความโกรธหลินเฟิงเห็นว่าเขาหัวรั้นมากจึงขี้เกียจที่จะโน้มน้าวใจของเขาอีกต่อไปหันหลังกลับแล้วเดินไปทางบริษัทหลี่เหวินเชาไม่ลดละ รีบเดินตามเขาไปทันทีเมื่อมาถึงหน้าลิฟต์ หลี่เหวินเชาก็รีบก้าวแทรก เข้าไปในลิฟต์ก่อนทันทีขวางกัน
ทั้งสามคนเคยพบกันมาก่อนหน้านี้แล้วครั้งแรกที่โรงแรมเทียนอวี่ ที่หลี่เหวินเชาคิดว่าถังหว่านเป็นคู่นอนที่หลินเฟิงชวนมาด้วย คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวกลับตาลปัตร หลินเฟิงกลับเป็นผู้ชายของถังหว่านแทน แต่ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วในอดีตตอนนี้หลี่เหวินเชาต้องการจะหางานทำ ต่อให้เขาจะต้องเป็นผู้ชายของถังหว่าน เขาเองก็เต็มใจและยินดีเช่นกัน เมื่อถังหว่านเห็นว่าคนที่มาเป็นอดีตน้องภรรยาของหลินเฟิง เธอก็ความดันสูงขึ้นมาทันที เธอเข้าใจในทันทีว่าทำไมหลินเฟิงถึงบอกเธอว่าอย่าตั้งความหวังไว้สูง “คุณ......คุณคือคนที่เลี่ยวกั๋วต้งแนะนำมาอย่างงั้นเหรอ?”ภายในใจของเธอยังแอบจินตนาการไว้อยู่เล็ก ๆ โดยหวังว่าหลี่เหวินเชาจะไม่ใช่คนคนนั้นหลี่เหวินเชาพยักหน้าซ้ำ ๆ และได้ทำลายความฝันอันสวยหรูของถังหว่านไปอย่างไม่มีชิ้นดี “แฟนของคุณคือจางเจียหนิงใช่ไหม?”หลี่เหวินเชาส่ายหัว “ตอนนี้ยังไม่ใช่......” “ตอนนี้ยังไม่ใช่คุณหมายความว่ายังไง?” ถังหว่านขมวดคิ้ว “เมื่อวานผมไปนัดบอดกับจางเจียหนิงแล้ว แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดกันจริงจัง”หลี่เหวินเชากล่าวเสริม “แต่คุณถังได้โปรดเชื่อผมเถอะ ผมยังมีค
หลี่เหวินเชาพยายามดิ้นขัดขืนและตะโกนออกมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนหลับกลอกตามองบน “หลี่ซื่อกรุ๊ปอะไรนั่น ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน” “รีบออกไปจากที่นี่ซะ ถ้าคุณยังกล้าก่อเรื่องวุ่นวายอีก อย่าหาว่าพวกเราไม่ปราณี” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกระตุกไม้ปราบจลาจลออกมา ชี้ไปที่หน้าของหลี่เหวินเชาและตวาดเสียงดัง “พวกแก......พวกแกคอยดูเถอะ” หลี่เหวินเชาเช็ดเลือดกำเดาที่ไหล และจากไปด้วยความโกรธเมื่อวานในเวลานี้เขายังจินตนาการอยู่เลยว่าตัวเองจะเดินไปถึงจุดสุดยอดของชีวิต ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีพร้อมไปทั้งหน้าตาและชาติตระกูล คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่วันเดียว นัดบอดก็ล่ม งานก็ยังไม่ได้อีก ความขมขื่นนี้เขากลืนมันไม่ลงจริง ๆหลินเฟิงกลับมาที่ห้องทำงานถังหว่านที่ในตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ เอามือคลึงขมับของเธอตรงจุดไท่หยางอย่างสิ้นหวังเมื่อเห็นสภาพของเธอ หลินเฟิงจึงชวนเธอคุยว่า “คุณไม่เห็นจำเป็นต้องโกรธขนาดนั้นก็ได้นี่?”ถังหว่านมือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น “จะไม่ให้ฉันโกรธได้ยังไง? เลี่ยวกั๋วต้งไอ้สารเลวนี่กล้าเล่นตลกกับฉัน” “ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนละกัน” หลินเฟิงปลอบใ
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี