“ทุกเรื่องบนโลกใบนี้มักจะมีลำดับความสำคัญทั้งสิ้น ในเมื่อท่านอ๋องรู้สึกว่าการได้เจอหน้าข้าเป็นเรื่องสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด เช่นนั้นท่านพี่ในฐานะที่เป็นสตรีผู้มากความรู้ ก็ไม่ควรกล่าวโทษเขาเพราะความอิจฉา หากจะกล่าวโทษก็กล่าวโทษข้าเถอะ”ซูอวี้เออร์แกล้งทำท่าทางทอดถอนใจสีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันไร้อารมณ์และความรู้สึก แต่จู่ๆ ก็คว้าข้อมือของนางขึ้น!“นี่เจ้าจะทำอันใด?”สีหน้ายิ้มร่านั้นของซูอวี้เออร์ซีดเผือดลงทันที เดิมทีนางคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันจะใช้เข็มยาอีกจึงตะโกนขึ้นว่า “อวิ๋นซี รีบไปตามท่านอ๋องมาเร็วเข้า!”หลังจากที่นางกลับมา นางก็ไล่สาวใช้อย่างซวงชิงผู้ทำลายชื่อเสียงของนางผู้นั้นออกไป และเปลี่ยนสาวใช้คนใหม่ชื่ออวิ๋นซีเซี่ยเชียนฮวันทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูกก่อนจะกล่าวว่า “ใช่แล้ว รีบตามเซียวเย่หลันมาสิ จะได้เป็นพยานเสียเลย”“เป็นพยานอย่างนั้นหรือ?”“คนทั่วไปหลังจากที่ป่วยไปช่วงหนึ่ง แม้ว่าจะรักษาหายแล้ว แต่ในร่างกายก็ยังคงมีเชื้อป่วยซ่อนอยู่ ตอนนี้ข้าสงสัยว่าเจ้าแกล้งป่วย ข้าจะจับชีพจรเจ้าเพื่อตรวจให้แน่ใจอีกครั้ง ให้เซียวเย่หลันเรียกหมอมาหลายๆ คนเลย พวกข้าจะวินิจฉัยเจ้าเอง”เซี่ยเช
ทันทีที่เซียวเย่หลันเดินเข้ามาก็เห็นซูอวี้เออร์ล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างจนตรอก“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”เขาขมวดคิ้วขึ้น สายตากวาดมองไปที่เซียเชียนฮวันด้วยความไม่พอใจเซี่ยเชียนฮวันหันมองไปทางอื่นอย่างช้าๆ ไม่อยากสนใจเขา“อวี้เออร์” เขากล่าวออกมาเสียงดังถามเป็นนัยซูอวี้เออร์กลับเชื่อฟังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องรอให้เซียวเย่หลันเข้ามาประคอง นางก็ลุกขึ้น และยิ้มอย่างเขินอายพลางกล่าวว่า “หม่อมฉันไม่ทันระวังจึงล้มลงไปเพคะ น้ำแกงที่ทำมาให้พระชายาจึงหกเลอะเทอะหมดเลย”“เจ้าไม่ใช่คนประมาทเลินเล่อ”“อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ วันนี้ก็เลยปวดหัวนิดหน่อยเพคะ ท่านอ๋องอย่าได้ใส่ใจเลยเพคะ”ซูอวี้เออร์กลัวว่าเซี่ยเชียนฮวันจะเอาเรื่องที่นางแกล้งป่วยมาเปิดโปง จึงเอาเรื่องทั้งหมดนี้โทษตัวเอง ช่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าต้องการอยู่เงียบๆ รักษาตัว เชิญทั้งสองออกไปจากจวนข้าด้วย”“ข้าแค่เอาของมาให้เจ้า แล้วก็กลับ”เซียวเย่หลันคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันได้รับความทุกข์และเจ็บตัวจากบนภูเขา นางโกรธอยู่ในใจก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ไม่ได้กล่าวโทษที่นางแสดงท่าท
รูปลักษณ์ภายนอกและภายในสามารถช่วยเสริมกันและกันได้การผัดหน้าทาปากคมเข้มก็เป็นการบอกตัวเองได้อย่างหนึ่งว่า ‘ข้าคือจักรพรรดินี’เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากให้คนอื่นดูว่านางเป็นคนอ่อนแอ อีกทั้งยังไม่อยากถูกมองว่าเป็นของเล่นให้คนแย่งชิงกันครั้นแล้วนางจึงเดินออกจากจวนไปนึกไม่ถึงว่าเซียวเย่หลันจะไม่ได้อยู่ที่ประตูจวน แต่กลับรอนางอยู่ระหว่างทาง“ไปที่ที่หนึ่งกับข้าก่อน” เขามองเซี่ยเชียนฮวันแวบหนึ่งพลางกล่าว“ที่ใด?”“ไปถึงเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”เซียวเย่หลันไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด เขาหันหลังเดินไปเพียงแต่ว่า เซี่ยเชียนฮวันสังเกตเห็นว่าก้าวเท้าของเขาเดินช้ากว่าปกติเล็กน้อยดูเหมือนว่าจงใจจะรอนางเซี่ยเชียนฮวันทำเสียงฮึดอัดออกทางจมูก และเดินตามหลังเขาไป นางเองก็อยากรู้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด“วันนี้เจ้าไม่เหมือนไปชมดอกไม้เลย” เซียวเย่หลันกล่าวโดยไม่ได้หันหลังมามอง “เหมือนไปราชาภิเษกมากกว่า”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อย บุรุษล้วนแต่ชอบผู้บริสุทธิ์และงดงามเสมอ“เป็นมเหสีก็ยังดีกว่าเป็นผู้หญิงที่แสร้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าผู้ชายก็แล้วกัน” เซี่ยเชียนฮวัน
“ทำไม เจ้าหึงหวงอย่างนั้นหรือ ไม่ให้ข้ามองชายอื่นเลยอย่างนั้นหรือ ?”เซี่ยเชียนฮวันเหลือบมองเขาแวบหนึ่งดวงตาของเซียวเย่หลันมีความโกรธเกรี้ยวอยู่ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ต้องเลือกแล้ว ข้าจะให้พวกเขาไปเดี๋ยวนี้”“เดี๋ยวสิ ข้าเลือกคนนี้ก็ได้ ดูๆ แล้วร่างสูงกำยำดี หน้าตาก็หล่อใช้ได้ มาเป็นองครักษ์เงา ช่างไม่เหมาะเอาซะเลย”เซี่ยเชียนฮวันเอานิ้วจิ้มกล้ามของชายผู้เป็นองครักษ์เงาด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งองครักษ์เงารูปหล่อผู้นั้นก็อดที่จะเขินจะแก้มแดงไม่ได้“หลินซู่ ต่อไปเจ้ามีหน้าที่ปกป้องหญิงไร้ยางอายผู้นี้ ต่อไปหากมีคนคิดข่มขู่นางเอานางมาบีบบังคับข้าก็ฆ่ามันได้เลย” เซียวเย่หลันกัดฟันกรอดพลางกล่าวองครักษ์เงาที่ชื่อหลินซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวถามอย่างระมัดระวังว่า “ฆ่าคนร้ายนั่นหรือว่าฆ่าพระยาชาพ่ะย่ะค่ะ”“ฆ่าทั้งสองนั่นแหละ!”เซียวเย่หลันทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูก ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและเดินไปเข้าไปทางลับ“อย่าไปฟังเขา เจ้าบ้านั่นพูดด้วยความโกรธ” เซี่ยเชียนฮวันขยิบตาให้หลินซู่ “ชีวิตของพระชายาสำคัญที่สุด”“ห๊ะ…อ๋อ”หลินซู่ไม่เคยเห็นจ้านอ๋องเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย เขาจึง
“ขอบใจเจ้านะ ตอนที่ข้ากำลังสลึมสะลืออยู่ได้ยินคำพูดเหล่านี้พอดี ไม่มีประโยคดีๆ เลย ข้าก็เลยหลับไหลไปอีกครั้ง”เซี่ยเชียนฮวันเอนหลังพิงเบาะนุ่ม พลางกล่าวอยางเกียจคร้านเซียวเย่หลันนิ่งเงียบไปและทั้งสองก็เงียบไปตลอดทางจนกระทั่งรถม้าหยุดจอดลงตรงหน้าประตูจวนซวนซินอ๋องเมื่อเซียวเย่หลันเดินลงมาจากรถม้า ซูอวี้เออร์ลงมาก่อนแล้ว และนางวิ่งไปตรงหน้าเขา มองเขาดด้วยสายตารักใคร่“เข้าไปเถอะ”กลิ่นอายของเซียวเย่หลันลดลงอย่างเห็นได้ชัดซูอวี้เออร์เหลือบมองเซี่ยเชียนฮวันที่กำลังเดินลงจากรถม้าอย่างช้าๆ ในใจแอบสบถต่อว่า “นังสารเลวนี้ต้องทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจอีกเป็นแน่! ดูท่าท่านอ๋องจะยังเกลียดชังนางอยู่”ตลอดทาง ซูอวี้เออร์รู้สึกกลัดกลุ้มใจมาตลอดเพียงเพราะว่าเซียวเย่หลันเลือกที่จะนั่งรถม้ามากับเซี่ยเชียนฮวันตอนนี้นางกลับวางใจแล้ว นั่งรถม้ามาด้วยกัน บางทีก็ใช่ว่าจะสานสัมพันธ์ดีเสมอไป ยิ่งเกิดเรื่องขัดใจกันมากกว่าด้วยซ้ำ“เย่หลัน มาแล้วหรือ!”ซวนซินอ๋องออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเซียวเย่หลัน “เสด็จลุง”ซูอวี้เออร์เองก็กล่าวทักทายอย่างอ่อนหวานเช่นกันทว่า เมื่อซวนซินอ๋องเห็นซูอวี้เออร
“ท่านพี่ บุรุษก็มีเรื่องของบุรุษที่ต้องคุยกัน เราอยู่ตรงนี้มันจะดูไม่เหมาะสมเอานะเพคะ”ซูอวี้เออร์ยังคงทำตัวเป็นภรรยาที่ดี กล่าวตักเตือนเซี่ยเชียนฮวันผู้ไม่รู้กาลเทศะ ทว่า เซี่ยเชียนฮวันกลับยังคงมองหาที่มาของสายตานั้นอยู่ช่างยากเกินไปแล้วนางอยู่ห่างจากบุรุษเหล่านั้นมาก ระยะทางเช่นนี้ ต้องการตามหาว่าผู้ใดกำลังสอดแนมนางอยู่ มันเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก“ท่านพี่” ซูอวี้เออร์ดึงมือเซี่ยเชียนฮวันก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางถึงรีบร้อนให้เซี่ยเชียนฮวันตามนางไปเช่นนั้นตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันไม่มีเวลาครุ่นคิดว่าหญิงสาวผู้นี้กำลังวางแผนคิดทำสิ่งใด หากนางยังไม่คิดหาวิธี คงต้องถูกลากตัวไปที่กลุ่มหญิงสาวเหล่านั้นและฟังเรื่องซุบซิบนินทาเป็นแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะยากที่จะหาตัวชายปิดหน้าผู้นั้นเจอนางเหลือบเห็นเซียวเย่หลันที่ยืนทำหน้าบิดเบี้ยวอยู่ข้างๆ ราวกับมีใครไปติดหนี้ ทันใดนั้นก็คิดแผนในใจขึ้นได้เซี่ยเชียนฮวันเบียดซูอวี้เออร์ไปข้างๆ ก่อนจะพรวดพราดเข้าไปเกาะแขนของเซียวเย่หลัน“เสด็จอาอยู่พอดีเลย เช่นนั้นได้โปรดเสด็จอาตัดสินด้วยเพคะ” นางจงใจกล่าวขึ้นมาเสียงดัง“ตัดสิน?
มาแล้วเซี่ยเชียนฮวันเอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าครึ่งหน้า เปิดตาอันแหลมคมคู่นั้นของตนเองกวาดสายตามองไปที่ฝูงชนที่มุงดูอยู่เหล่านี้คนที่หัวเราะและเอ่ยปากกล่าวออกมาในเมื่อครู่ก็คือองค์ชายห้า นามว่าเซียวจ้านเซี่ยเชียนฮวันสังเกตท่ายืนของเซียวจ้านและกล่าวว่า “ในเมื่อแต่งงานแล้ว เขาก็ควรจะรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองให้ดีสิ มิเช่นนั้น หากคู่ที่แต่งงานกันไปแล้ว ต่อมาหากเจอคนที่ถูกใจในภายหลังก็สามารถทิ้งภรรยาตัวเองได้อย่างตามใจชอบเช่นนั้นหรือ อีกอย่าง หากเขาชอบซูอวี้เออร์มากถึงเพียงนั้นจริง เขาก็ฝืนพระบัญชาได้โดยการยอมสละถอดฐานันดรของตัวเองไปเป็นสามัญชนธรรมดา ถึงตอนนั้นอยากแต่งงานกับผู้ใดก็ย่อมทำได้ตามแก่ใจ หากไม่อาจสละฐานันดรเพื่อนางได้ ก็อย่าเอาเรื่องความรักมาพูดเป็นข้ออ้างเลย”คำพูดนี้ของนางทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น แต่เมื่อนึกคิดดูดีๆ คำพูดของนางก็มีเหตุผลมากเช่นกันและมีคนบางส่วนก็แสดงสีหน้าท่าทางชื่นชมในคำพุดของเซี่ยเชียนฮวันด้วยเซียวจ้านองค์ชายห้าส่ายหน้าไปมา และยิ้มพลางกล่าวว่า “พระชายาจ้านอ๋อง คำพูดนี้ของเจ้าช่างทิ่มแทงใจยิ่งนัก”“นึกไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้หนึ่งจะมีดุลพินิจ
เซี่ยเชียนฮวันยังคงตั้งใจกวาดสายตาหาผู้ต้องสงสัยนั้นการสังเกตของนางมุ่งเน้นไปที่คนที่กำลังพูดต่อว่าเซียวเย่หลันผู้ใดยิ่งพูดเสียงดัง คนผู้นั้นก็ยิ่งน่าสงสัยหลังจากที่นางได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบของเซียวเย่หลัน นางยังไม่ทันตั้งตัว จึงเงยหน้ากล่าวออกมาคำหนึ่งว่า “ห๊ะ!”“หากช่วยคลายความโกรธให้เจ้าได้บ้างก็ดีแล้ว”กล่าวจบเซียวเย่หลันหันหลังเดินขึ้นไปที่ห้องโถงดื่มสุราเซี่ยเชียนฮวันโกรธจึงยิ้มเย้ยหยันออกมาบุรุษผู้นี้กระทำเร่องราวที่เกินไปหลายครั้งหลายครา อีกทั้งยังเกือบทำให้นางต้องตายตั้งหลายครั้ง ตอนนี้กลับมาทำสีหน้าท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ออกมาได้จะเสแสร้งให้ใครดูกัน“เดี๋ยวข้าจะใช้เหตุผลคุยกับเขาเอง ต่อไปจะให้เขาปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี” เซวียนชินอ๋องยังคงปลอบใจเซี่ยเชียนฮวัน“ขอบพระทัยเสด็จอามากเพคะ เสด็จอามีน้ำใจยิ่งนัก”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขอบคุณจากใจในราชสำนัก บุรุษที่อ่อนโยนกับสตรีมากถึงเพียงนี้มีไม่มากนักองค์ชายรองเซียวฉงยิ้มพลางกล่าวว่า “น้องสะใภ้ เหตุใดถึงขอบพระทัยแค่เสด็จอาล่ะ แต่ไม่ขอบคุณข้า ข้าก็ช่วยพูดแทนเจ้าด้วยนะ!”“ขอบพระทัยองค์ชายรอง”เซี่ยเ