รูปลักษณ์ภายนอกและภายในสามารถช่วยเสริมกันและกันได้การผัดหน้าทาปากคมเข้มก็เป็นการบอกตัวเองได้อย่างหนึ่งว่า ‘ข้าคือจักรพรรดินี’เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากให้คนอื่นดูว่านางเป็นคนอ่อนแอ อีกทั้งยังไม่อยากถูกมองว่าเป็นของเล่นให้คนแย่งชิงกันครั้นแล้วนางจึงเดินออกจากจวนไปนึกไม่ถึงว่าเซียวเย่หลันจะไม่ได้อยู่ที่ประตูจวน แต่กลับรอนางอยู่ระหว่างทาง“ไปที่ที่หนึ่งกับข้าก่อน” เขามองเซี่ยเชียนฮวันแวบหนึ่งพลางกล่าว“ที่ใด?”“ไปถึงเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”เซียวเย่หลันไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด เขาหันหลังเดินไปเพียงแต่ว่า เซี่ยเชียนฮวันสังเกตเห็นว่าก้าวเท้าของเขาเดินช้ากว่าปกติเล็กน้อยดูเหมือนว่าจงใจจะรอนางเซี่ยเชียนฮวันทำเสียงฮึดอัดออกทางจมูก และเดินตามหลังเขาไป นางเองก็อยากรู้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด“วันนี้เจ้าไม่เหมือนไปชมดอกไม้เลย” เซียวเย่หลันกล่าวโดยไม่ได้หันหลังมามอง “เหมือนไปราชาภิเษกมากกว่า”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อย บุรุษล้วนแต่ชอบผู้บริสุทธิ์และงดงามเสมอ“เป็นมเหสีก็ยังดีกว่าเป็นผู้หญิงที่แสร้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าผู้ชายก็แล้วกัน” เซี่ยเชียนฮวัน
“ทำไม เจ้าหึงหวงอย่างนั้นหรือ ไม่ให้ข้ามองชายอื่นเลยอย่างนั้นหรือ ?”เซี่ยเชียนฮวันเหลือบมองเขาแวบหนึ่งดวงตาของเซียวเย่หลันมีความโกรธเกรี้ยวอยู่ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ต้องเลือกแล้ว ข้าจะให้พวกเขาไปเดี๋ยวนี้”“เดี๋ยวสิ ข้าเลือกคนนี้ก็ได้ ดูๆ แล้วร่างสูงกำยำดี หน้าตาก็หล่อใช้ได้ มาเป็นองครักษ์เงา ช่างไม่เหมาะเอาซะเลย”เซี่ยเชียนฮวันเอานิ้วจิ้มกล้ามของชายผู้เป็นองครักษ์เงาด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งองครักษ์เงารูปหล่อผู้นั้นก็อดที่จะเขินจะแก้มแดงไม่ได้“หลินซู่ ต่อไปเจ้ามีหน้าที่ปกป้องหญิงไร้ยางอายผู้นี้ ต่อไปหากมีคนคิดข่มขู่นางเอานางมาบีบบังคับข้าก็ฆ่ามันได้เลย” เซียวเย่หลันกัดฟันกรอดพลางกล่าวองครักษ์เงาที่ชื่อหลินซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวถามอย่างระมัดระวังว่า “ฆ่าคนร้ายนั่นหรือว่าฆ่าพระยาชาพ่ะย่ะค่ะ”“ฆ่าทั้งสองนั่นแหละ!”เซียวเย่หลันทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูก ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและเดินไปเข้าไปทางลับ“อย่าไปฟังเขา เจ้าบ้านั่นพูดด้วยความโกรธ” เซี่ยเชียนฮวันขยิบตาให้หลินซู่ “ชีวิตของพระชายาสำคัญที่สุด”“ห๊ะ…อ๋อ”หลินซู่ไม่เคยเห็นจ้านอ๋องเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย เขาจึง
“ขอบใจเจ้านะ ตอนที่ข้ากำลังสลึมสะลืออยู่ได้ยินคำพูดเหล่านี้พอดี ไม่มีประโยคดีๆ เลย ข้าก็เลยหลับไหลไปอีกครั้ง”เซี่ยเชียนฮวันเอนหลังพิงเบาะนุ่ม พลางกล่าวอยางเกียจคร้านเซียวเย่หลันนิ่งเงียบไปและทั้งสองก็เงียบไปตลอดทางจนกระทั่งรถม้าหยุดจอดลงตรงหน้าประตูจวนซวนซินอ๋องเมื่อเซียวเย่หลันเดินลงมาจากรถม้า ซูอวี้เออร์ลงมาก่อนแล้ว และนางวิ่งไปตรงหน้าเขา มองเขาดด้วยสายตารักใคร่“เข้าไปเถอะ”กลิ่นอายของเซียวเย่หลันลดลงอย่างเห็นได้ชัดซูอวี้เออร์เหลือบมองเซี่ยเชียนฮวันที่กำลังเดินลงจากรถม้าอย่างช้าๆ ในใจแอบสบถต่อว่า “นังสารเลวนี้ต้องทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจอีกเป็นแน่! ดูท่าท่านอ๋องจะยังเกลียดชังนางอยู่”ตลอดทาง ซูอวี้เออร์รู้สึกกลัดกลุ้มใจมาตลอดเพียงเพราะว่าเซียวเย่หลันเลือกที่จะนั่งรถม้ามากับเซี่ยเชียนฮวันตอนนี้นางกลับวางใจแล้ว นั่งรถม้ามาด้วยกัน บางทีก็ใช่ว่าจะสานสัมพันธ์ดีเสมอไป ยิ่งเกิดเรื่องขัดใจกันมากกว่าด้วยซ้ำ“เย่หลัน มาแล้วหรือ!”ซวนซินอ๋องออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเซียวเย่หลัน “เสด็จลุง”ซูอวี้เออร์เองก็กล่าวทักทายอย่างอ่อนหวานเช่นกันทว่า เมื่อซวนซินอ๋องเห็นซูอวี้เออร
“ท่านพี่ บุรุษก็มีเรื่องของบุรุษที่ต้องคุยกัน เราอยู่ตรงนี้มันจะดูไม่เหมาะสมเอานะเพคะ”ซูอวี้เออร์ยังคงทำตัวเป็นภรรยาที่ดี กล่าวตักเตือนเซี่ยเชียนฮวันผู้ไม่รู้กาลเทศะ ทว่า เซี่ยเชียนฮวันกลับยังคงมองหาที่มาของสายตานั้นอยู่ช่างยากเกินไปแล้วนางอยู่ห่างจากบุรุษเหล่านั้นมาก ระยะทางเช่นนี้ ต้องการตามหาว่าผู้ใดกำลังสอดแนมนางอยู่ มันเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก“ท่านพี่” ซูอวี้เออร์ดึงมือเซี่ยเชียนฮวันก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางถึงรีบร้อนให้เซี่ยเชียนฮวันตามนางไปเช่นนั้นตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันไม่มีเวลาครุ่นคิดว่าหญิงสาวผู้นี้กำลังวางแผนคิดทำสิ่งใด หากนางยังไม่คิดหาวิธี คงต้องถูกลากตัวไปที่กลุ่มหญิงสาวเหล่านั้นและฟังเรื่องซุบซิบนินทาเป็นแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะยากที่จะหาตัวชายปิดหน้าผู้นั้นเจอนางเหลือบเห็นเซียวเย่หลันที่ยืนทำหน้าบิดเบี้ยวอยู่ข้างๆ ราวกับมีใครไปติดหนี้ ทันใดนั้นก็คิดแผนในใจขึ้นได้เซี่ยเชียนฮวันเบียดซูอวี้เออร์ไปข้างๆ ก่อนจะพรวดพราดเข้าไปเกาะแขนของเซียวเย่หลัน“เสด็จอาอยู่พอดีเลย เช่นนั้นได้โปรดเสด็จอาตัดสินด้วยเพคะ” นางจงใจกล่าวขึ้นมาเสียงดัง“ตัดสิน?
มาแล้วเซี่ยเชียนฮวันเอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าครึ่งหน้า เปิดตาอันแหลมคมคู่นั้นของตนเองกวาดสายตามองไปที่ฝูงชนที่มุงดูอยู่เหล่านี้คนที่หัวเราะและเอ่ยปากกล่าวออกมาในเมื่อครู่ก็คือองค์ชายห้า นามว่าเซียวจ้านเซี่ยเชียนฮวันสังเกตท่ายืนของเซียวจ้านและกล่าวว่า “ในเมื่อแต่งงานแล้ว เขาก็ควรจะรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองให้ดีสิ มิเช่นนั้น หากคู่ที่แต่งงานกันไปแล้ว ต่อมาหากเจอคนที่ถูกใจในภายหลังก็สามารถทิ้งภรรยาตัวเองได้อย่างตามใจชอบเช่นนั้นหรือ อีกอย่าง หากเขาชอบซูอวี้เออร์มากถึงเพียงนั้นจริง เขาก็ฝืนพระบัญชาได้โดยการยอมสละถอดฐานันดรของตัวเองไปเป็นสามัญชนธรรมดา ถึงตอนนั้นอยากแต่งงานกับผู้ใดก็ย่อมทำได้ตามแก่ใจ หากไม่อาจสละฐานันดรเพื่อนางได้ ก็อย่าเอาเรื่องความรักมาพูดเป็นข้ออ้างเลย”คำพูดนี้ของนางทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น แต่เมื่อนึกคิดดูดีๆ คำพูดของนางก็มีเหตุผลมากเช่นกันและมีคนบางส่วนก็แสดงสีหน้าท่าทางชื่นชมในคำพุดของเซี่ยเชียนฮวันด้วยเซียวจ้านองค์ชายห้าส่ายหน้าไปมา และยิ้มพลางกล่าวว่า “พระชายาจ้านอ๋อง คำพูดนี้ของเจ้าช่างทิ่มแทงใจยิ่งนัก”“นึกไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้หนึ่งจะมีดุลพินิจ
เซี่ยเชียนฮวันยังคงตั้งใจกวาดสายตาหาผู้ต้องสงสัยนั้นการสังเกตของนางมุ่งเน้นไปที่คนที่กำลังพูดต่อว่าเซียวเย่หลันผู้ใดยิ่งพูดเสียงดัง คนผู้นั้นก็ยิ่งน่าสงสัยหลังจากที่นางได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบของเซียวเย่หลัน นางยังไม่ทันตั้งตัว จึงเงยหน้ากล่าวออกมาคำหนึ่งว่า “ห๊ะ!”“หากช่วยคลายความโกรธให้เจ้าได้บ้างก็ดีแล้ว”กล่าวจบเซียวเย่หลันหันหลังเดินขึ้นไปที่ห้องโถงดื่มสุราเซี่ยเชียนฮวันโกรธจึงยิ้มเย้ยหยันออกมาบุรุษผู้นี้กระทำเร่องราวที่เกินไปหลายครั้งหลายครา อีกทั้งยังเกือบทำให้นางต้องตายตั้งหลายครั้ง ตอนนี้กลับมาทำสีหน้าท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ออกมาได้จะเสแสร้งให้ใครดูกัน“เดี๋ยวข้าจะใช้เหตุผลคุยกับเขาเอง ต่อไปจะให้เขาปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี” เซวียนชินอ๋องยังคงปลอบใจเซี่ยเชียนฮวัน“ขอบพระทัยเสด็จอามากเพคะ เสด็จอามีน้ำใจยิ่งนัก”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขอบคุณจากใจในราชสำนัก บุรุษที่อ่อนโยนกับสตรีมากถึงเพียงนี้มีไม่มากนักองค์ชายรองเซียวฉงยิ้มพลางกล่าวว่า “น้องสะใภ้ เหตุใดถึงขอบพระทัยแค่เสด็จอาล่ะ แต่ไม่ขอบคุณข้า ข้าก็ช่วยพูดแทนเจ้าด้วยนะ!”“ขอบพระทัยองค์ชายรอง”เซี่ยเ
ผู้คนที่มุงดูอยู่นี่ต่างแยกย้ายกันไปพอสมควรแล้วต้องการอาศัยงานเลี้ยงชมดอกไม้ในครั้งนี้เพื่อจับพิรุธชายปิดหน้า ดูท่าคงยากเกินไปแล้ว เซี่ยเชียนฮวันตัดสินใจว่าต่อไปคงต้องจับตาสังเกตองค์ชายหกผู้นั้นเป็นพิเศษสักหน่อยแล้ว “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”ทันใดนั้นน้ำเสียงอันคุ้นเคยของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้นด้านหลังเซี่ยเชียนฮวันนางหันหลังขวับกลับมา ยังไม่ทันเห็นหน้าคนตรงหน้าชัด ของนุ่มๆ บางอย่างก็ชนกับเข่านางเสียก่อน“พี่สาว!”น้ำเสียงอันอ่อนนุ่มของเด็กดุจดั่งน้ำตาลสวรรค์ ทั้งหวานทั้งเลี่ยนเซี่ยเชียนฮวันไม่เพียงแต่ยิ้ม นางโน้มกายลงไปจับใบหน้าอันอวบอิ่มเล็กๆ ของเด็กน้อยผู้นั้น “เจ้าอีกแล้วหรือ! อาการป่วยเจ้าหายดีรึยังถึงได้ออกมาเดินเล่นเช่นนี้”“ข้าหายดีแล้ว ข้าเป็นถึงบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดเชียวนะ”เด็กน้อยอ้วนท้วมผู้นั้นสองมือไขว้หลัง หรี่ตาเล็กน้อย เหมือนกับกำลังเลียนแบบท่านปู่เขาผู้เป็นฮ่องเต้ ทำท่าทางสดใสเป็นพิเศษเซี่ยเชียนฮวันยิ่งมองก็ยิ่งยิ้ม นางพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ใช่ เจ้าเก่งกาจที่สุดแล้ว แล้วก็อ้วนที่สุดด้วย”“เสด็จแม่ นางรังแกข้าอีกแล้ว!”พระราชนัดดาน้อ
“กฎต้องห้ามของวัง หมอหลวงอย่างนั้นหรือ”เซี่ยเชียนฮวันได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้นพระชายาองค์รัชทายาทรู้สึกงุนงง นางกล่าวถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่เจ้าไม่รู้หรอกหรือ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน เย่หลันส่งคนมาในวังเพื่อเชิญหมอหลวงไป แต่ตอนนั้นยังไม่ถึงเวลาที่ประตูวังเปิด สุดท้ายเขาก็เลยบุกเข้ามา”“หม่อมฉันไม่รู้เรื่องนี้เพคะ”น้ำเสียงของเซี่ยเชียนฮวันเบาลงโดยไม่รู้ตัวพระชายาองค์รัชทายาทประหลาดใจเล็กน้อย “บางทีอาจเป็นเพราะว่าตอนนั้นเจ้ายังไม่ได้สติกระมัง แต่หลังจากที่เจ้าตื่น ไม่มีใครเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟังเลยหรือ”“เอ่อ…”หลังจากที่นางฟื้นขึ้นมา ก็ใช้ข้ออ้างว่าอยากรักษาตัว ไม่อยากเจอหน้าใครแม้ว่าเสี่ยวตงอยากเล่าให้นางฟังมากเพียงใด แต่ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเซียวเย่หลัน สีหน้าของนางก็ไม่สบอารมณ์ ทำให้เสี่ยวตงไม่อาจเล่าต่อไปให้นางฟังได้จนกระทั่งตอนตอนนี้ นางเพิ่งรู้ว่าเซียวเย่หลันไปเชิญหมอหลวงมารักษานาง“แล้วสุดท้ายเป็นเรื่องเป็นเช่นไรเพคะ ฮ่องเต้ลงโทษเขาหรือไม่” เซี่ยเชียนฮวันกล่าวถาม“เย่หลันรายงานต่อฮ่องเต้ว่าเจ้าถูกคนร้ายลักพาตัวไปตอนที่ออกไปเดินเล่น เจ้าได้รับบาดเจ็
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา