ตกดึกเซี่ยเชียนฮวันปรุงยาแก้พิษให้เซียวเย่หลันดื่มนางตั้งใจเพิ่มสมุนไพรจีนที่มีรสขมเป็นพิเศษเข้าไปบางส่วนคาดไม่ถึงว่า เซียวเย่หลันจะดื่มโดยไม่ขมวดคิ้ว ราวกับดื่มน้ำเปล่าบางครั้งนางก็สงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์จริงๆ หรือไม่ ตอนเกิดมาเลยสูญเสียอารมณ์ความรู้สึกเฉกเช่นคนปกติทั่วไปนางนั่งลงบนเก้าอี้เล็กข้างเตียง เท้าคางถาม “เซียวเย่หลัน ท่านแม่ของท่านเป็นคนแบบไหน?”“ถามทำไม”“ก็ถามเฉยๆ”สิ่งสำคัญคือนางต้องหลักฐานยืนยันการคาดเดาในใจของนางลองดูว่าชายผู้นี้สืบทอดยีนกลายพันธุ์หรือไม่เซียวเย่หลันวางถ้วยยา ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา “นางเป็นสนมในวังหลังคนหนึ่งที่ไม่เป็นที่โปรดปราน นั่นคือทั้งหมด”“อ้อ”เซี่ยเชียนฮวันเห็นว่าเขาไม่อยากพูดมากไปกว่านี้ จึงไม่ได้ถามต่อมีข่าวลือเกี่ยวกับมารดาของเซียวเย่หลันน้อยมากแต่เฉิงกุ้ยเฟยกลับมีชื่อเสียงฉาวโฉ่มาก ว่ากันว่าการแท้งบุตรหลายครั้งในวังหลังล้วนมีความเกี่ยวข้องกับนาง และนางสนมหลายคนที่เกี่ยวข้องด้วยก็ล้วนแต่เป็นบุตรสาวของขุนนางคนสำคัญอาจกล่าวได้ว่า เมื่อพูดถึงการแท้ง เฉิงกุ้ยเฟยก็ไม่กลัวใครนินทาฮ่องเต้ทุ่มเทจิตใจในการอบรมร
เซี่ยเชียนฮวันได้แต่นึกอยู่ในใจเป็นจริงดังนั้น นับแต่โบราณมา การมีชู้ถือเป็นสิ่งที่ชายไม่อาจรับได้ต่อให้เซียวเย่หลันไม่ชื่นชอบนาง ก็ไม่สามารถทำใจได้หากภรรยาของตนมีชายอื่นนางพลิกตัวกลับมา "ถ้าอย่างนั้น ท่านก็จงพยายามเข้าเถิด รีบจับชู้ให้ได้ในเร็ววัน ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าหน้าของพ่อลูกข้าเป็นเช่นไร”หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก เซียวเย่หลันจึงเอ่ยถามขึ้นว่า "มือสังหารผู้บุกมาเมื่อคืนนี้ เจ้าไม่รู้จักจริงหรือ?" "ข้าไม่รู้จัก" เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่าคำถามนี้ช่างไร้เหตุผลเสียจริงเขายังสงสัยอยู่อีกหรือว่าชายที่คลุมหน้าไว้คนนั้นคือชู้ของนาง?ต่อให้สมองผิดปกติก็น่าจะมีขีดจำกัดบ้างเซียวเย่หลันกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า “มือสังหารที่บุกเข้ามาในจวนอ๋องมิได้ต้องการชีวิตข้า บางทีอาจมีสิ่งที่ต้องการ ข้าเดาว่าเขาจะยังกลับมาอีก”เซี่ยเชียนฮวันได้ยินดังนั้น แววตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยดีที่ทั้งสองไม่ได้นอนหันหน้าเข้าหากันเซียวเย่หลันไม่เห็นถึงความผิดปกติของเซี่ยเชียนฮวัน เขากล่าวต่อไปว่า “ที่ข้าอยู่รักษาแผล ณ หอหลันเซียง ก็เพื่อรอให้เหยื่อติดกับดัก”“แต่เขาจับข้าเป็นตัวประกัน ทั้งยังปาล
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ต่างก็พากันทำหน้าไม่ถูกทุกคนรู้ว่าเซี่ยเชียนฮวันไม่เป็นที่รักของจ้านอ๋อง ต่อให้เป็นในประชุมราชวงศ์ จ้านอ๋องก็ไม่เคยไว้หน้าพ่อตาคนนี้เลยแต่ในวันนี้ถึงอย่างไรก็เป็นวันเกิดของอันติ้งโหวคำบางคำเก็บไว้ในใจก็เพียงพอแล้ว หากเอ่ยออกมาคงจะเป็นการไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายจนเกินไป"จะมาหรือไม่ข้านั้นหาได้ใส่ใจ ข้าไม่ได้ขาดแคลนของขวัญจากเขา" อันติ้งโหวส่งเสียงหึ ๆ ออกมา"อันตั้งโหวใจกว้างดีนักหนา หาได้เหมือนข้า เมื่องานครั้งก่อนครอบครัวของอีกฝ่ายนำโสมพันปีมาให้ขาตั้งหลายกล่องใหญ่ ข้าไม่รู้จะมอบของขวัญใดกลับคืนไปให้ดี บัดนี้ยังรู้สึกปวดหัวนัก" สตรีที่เอ่ยคำเยาะเย้ยมาเมื่อครู่เริ่มโอ้อวดเซี่ยเชียนฮวันฟังน้ำเสียงแหลมคมของนางก็ได้รู้ว่านางเป็นใครเป็นน้าของนางนั่นเองเป็นน้องสาวแท้ ๆ อันติ้งโหวฮูหยินนางไม่แม้แต่จะหันไปเหลือบมองดู ได้แต่กล่าวเบา ๆ ว่า "แม้ว่าจวนฉางหย่วนป๋อจะไม่ได้นับว่าเป็นตระกูลใหญ่โต แต่การเห็นโสมไม่กี่ลังเป็นของล้ำค่า บางทีท่านน้าควรต้องพิจารณาตนเองสักเล็กน้อย หากไม่มีความชำนาญในการดูแลบ้านเรือน ก็ให้ท่านน้าคนอื่นเข้ามาช่วยดูแลเถิด ตัวท่านเองจะได้ไม่ย
“เจ้าจัดการไม่ได้แม้แต่ซููอวี้เออร์ ยังคิดจัดการนาง ฝันไปเถิด”เซี่ยเหยียนดูถูกเซี่ยเชียนฮวันเล็กน้อยราวกำลังท้าทายกับพระชายาอ๋องเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สนใจพี่ชาย ได้แต่ก้มหน้ากินอาหารของตนเซี่ยเชียนฮวันเหลือบมองเห็นเซี่ยอี๋หมู่หันหน้าไปคุยกับคนอื่น จากนั้นหันมาชายตามองนางผู้ที่นั่งอยู่ด้านข้างเซี่ยอี๋หมู่ก็คือเซี่ยเหล่าไท่จวินหรือมารดาของอันติ้งโหวฮูหยินนั่นเองจากนั้น เซี่ยเหล่าไท่จวินยิ้มขึ้นว่า “ท่านโหว วันนี้เป็นวันดี คนมารวมตัวที่นี่กันมากมาย เหตุใดจึงไม่ ไข่มุกราตรีที่ฝ่าบาทประทานให้ ออกมาให้ทุกคนได้เห็นเหล่า" อันติ้งโหวได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงไข่มุกราตรี?ไข่มุกราตรีอะไรกันเขาส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า "ท่านแม่เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ ฝ่าบาทไม่เคยประธานไข่มุกราตรีมาให้ลูก" "ดูเจ้าเขาสิ ครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ จะมัวปกปิดไว้ทำไม เราก็เพียงแค่อยากดู หาได้อยากเอาของของเจ้าไป" เซี่ยเหล่าไท่จวินกล่าวอันติ้งโหวสับสนยิ่งนักแขกที่อยู่ในห้องได้ยินดังนั้นก็พากันพูดต่อ ๆ ว่า “ได้ยินมาว่าไข่มุกราตรีสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ หากนำออกมา ทั้งห้องคงจะสว่างไสว!”“ท่านโหว หากท่าน
"ข้าไม่สบายจริง ๆ " น้ำเสียงเซียวเย่หลันดังขึ้นด้านหลังศีรษะของเซี่ยอี๋หมู่ นางตกใจเสียจนหน้าซีดเผือด“จ้านอ๋อง!!"ท่านเป็นอะไรไปกัน?" ทุกคนที่อยู่ที่นี่รวมถึงอันติ้งโหวต่างพากันหันไปมองแล้วลุกขึ้นยืนมีเพียงเซี่ยเชียนฮวันเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่นางเผยถึงสีหน้าอันตกตะลึงออกมาเล็กน้อยนางคิดไม่ถึงว่าเซียวเย่หลันจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่วันนี้เขาสวมเสื้อผ้าค่อนข้างที่จะเป็นกันเองและผ่อนคลาย บางทีอาจเป็นเพราะร่างกายยังบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้จัดแจงผมเผ้า เสื้อผ้าและคอปกเสื้อหละหลวมเผยให้เห็นแผ่นอกเล็กน้อย เขาเดินทางออกมาทั้งอย่างนั้น"อาการเก่ากำเริบ" น้ำเสียงของเซียวเย่หลันดูลึกลับเล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันแล้วยิ้มขึ้น "พระชายาอ๋องเป็นห่วงข้ามากเกินไปจึงไม่ให้ข้าออกจากจวน" “เป็นอย่างนี้นี่เอง!" ทุกคนจึงได้กระจ่างแจ้งเมื่อได้ยินคำพูดของจ้านอ๋องเช่นนั้นก็สัมผัสได้ว่าสองสามีภรรยามีความรู้สึกที่ดีต่อกันลึกซึ้ง เพราะพระชายาอ๋องดูเป็นห่วงเขาเหลือเกินเซี่ยเหยียนยังลุกขึ้นแล้วเดินตรงไป กล่าวขึ้นว่า "มาเถิด ตำแหน่งของข้าสละให้แก่ท่านอ๋อง ท่านนั่งตรงนี้เถิด”เซีย
บริสุทธิ์สูงส่ง?เซี่ยเชียนฮวันแทบจะเป็นลมล้มไปแต่เมื่อเห็นแก่หน้าเซียวเย่หลันที่ยังพอมีจิตใจนึกถึงผู้อื่นอยู่บ้าง ในครั้งนี้นางจึงไม่ได้โต้เถียงเมื่อไม่มีเซี่ยอี๋หมู่เข้ามาก่อความวุ่นวายงานเลี้ยงครั้งนี้จึงดำเนินไปอย่างราบรื่นจนจบเซียวเย่หลันยืนอยู่ในลานบรรยากาศรอบข้างไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาเซี่ยเชียนฮวันเดินตรงไปแล้วเอ่ยถามเขาว่า "วันนี้เจ้ามาได้อย่างไร?""มาจับตัวเจ้ากลับไป"“หา”“ข้าเดาได้ว่าเจ้าจะใช้ข้ออ้างเดินทางมาร่วมฉลองวันเกิดอันติ้งโหว จากนั้นหลบอาศัยอยู่ที่บ้านโดยไม่กลับไป" "......"เซี่ยเชียนฮวันนับถือเขาจริง ๆ ชายคนนี้เฉลียวฉลาดเจ้าเล่ห์ยิ่งนักไม่เช่นนั้นเขาจะเดาถูกได้ยังไงเซียวเย่หลันยืนเอามือไขว้หลังเอาไว้ เหลือบมองไปที่นาง “การล่วงรู้ในความคิดของศัตรูจึงจะสามารถวางแผนออกรบได้""เจ้าอย่ามาวางท่ากับข้า" เซี่ยเชียนฮวันตอบกลับว่า "ข้ากลับบ้านมาพักเพียงไม่กี่วันเป็นอย่างไรกัน”"ไม่มีคนเปลี่ยนยาให้ข้า ข้าไม่สะดวกนัก"เซียวเย่หลันให้เหตุผลออกมาอย่างง่ายดายเซี่ยเชียนฮวันกำมือแน่น “ข้าคือพระชายาอ๋องผู้ที่แต่งกับเจ้าอย่างสง่าผ่าเผยสูงส่ง ไม่ใช่บ่าวรั
"ท่านพี่ การที่ชายมีภรรยาหลายคนเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก มีกี่คนกันที่สามารถรักและทะนุถนอมมีเพียงภรรยาคนเดียวเช่นพี่เขย?"เมื่อกล่าวถึงอันติ้งโหว น้ำเสียงของเซี่ยอี๋หมู่ก็ดูอิจฉานางขึ้นอีกว่า "ถึงอย่างไร เรือนด้านหลังของจวนจ้านอ๋องก็ต้องมีคนใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา หากจะปล่อยให้คนข้างนอกเข้ามารังแก สู้เอาคนของเราเองเข้าไปเสียดีกว่า จะได้ค่อยมีคนช่วยเหลือ""เอาเถิดข้าจะลองไปถามดู" อันติ้งโหวฮูหยินถอนหายใจ"เช่นนี้ก็ถูกแล้ว"เซี่ยอี๋หมู่เข้ามาโอบแขนอันติ้งโหวฮูหยินด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมแต่ในใจของนางยินดียิ่งนักเซี่ยเชียนฮวันมีนิสัยดื้อด้าน การดูแลรับใช้ชายหนุ่ม ไม่อาจสู้กับซวี่เอ๋อร์ของนางได้เลยเมื่อขับไล่อนุภรรยาคนนั้นออกไปแล้ว ถึงเวลาค่อยจัดการเซี่ยเชียนฮวัน ตำแหน่งพระชายาจ้านอ๋องก็จะเป็นของซวี่เอ๋อร์ไม่ใช่หรือ?......เซี่ยเชียนฮวันถูกเซียวเย่หลันลากตัวกลับมาที่จวนอ๋อง ก่อนจากไป นางเหลือบเห็นอันติ้งโหวฮูหยินทำสีหน้าเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดผ่านไปประมาณสองวันพวกเขาไม่ได้ข่าวคราวของชายคลุมหน้าในคืนนั้น แต่กลับมีข่าวอื่นขึ้นมาได้ยินว่าซููอวี้เออร์ป่วยอีกแล้
"เสี่ยวตง พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่า"เซี่ยเชียนฮวันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติไปตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดที่ถนนด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คนคึกคักตอนนี้ในใจของนางสัมผัสได้ถึงคำเตือนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยวตงยังคงยิ้มขึ้นด้วยความไร้เดียงสา “บ่าวจะไปจูงรถม้ามาเดี๋ยวนี้เพคะ" หลังจากนั้นไม่นานรถม้าก็มาจอดอยู่ที่ประตูหอละครเซี่ยเชียนฮวันขึ้นรถม้าไปแล้วยกผ้าม่านขึ้นมอง เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างในด้วยท่าทางผ่อนคลาย!ชายผู้นั้นสวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์ที่ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ ขาของเขายกขึ้นเอนกายพิงมาที่เบาะ รังสีชั่วร้ายแผ่ซ่านออกมา"พระชายาอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง" ชายหนุ่มหรี่ตาลงแล้วยิ้มขึ้นเซี่ยเชียนฮวันจำได้ทันทีว่าเขาคือชายผู้สวมหน้ากากในคืนนั้น!"นางเผยสีหน้าอันประหลาดใจออกมา ยังไม่ทันพูดสิ่งใดชายสวมหน้ากากผู้นั้นก็ดึงนางเข้าไป แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ชุบด้วย ยาสลบปิดจมูกนาง"อือ อือ......" เซี่ยเชียนฮวันพยายามดิ้นรนแต่ชายสวมหน้ากากผู้นั้นมีพลังล้นหลามและศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง พลังเพียงเล็กน้อยของนางไม่อาจต่อต้านเขาได้เลยเขาโน้มตัวลงมาแล้วหัวเราะเบา ๆ ที่ข้างหูเซี่ยเชียนฮวันว