ตกดึกเซี่ยเชียนฮวันปรุงยาแก้พิษให้เซียวเย่หลันดื่มนางตั้งใจเพิ่มสมุนไพรจีนที่มีรสขมเป็นพิเศษเข้าไปบางส่วนคาดไม่ถึงว่า เซียวเย่หลันจะดื่มโดยไม่ขมวดคิ้ว ราวกับดื่มน้ำเปล่าบางครั้งนางก็สงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์จริงๆ หรือไม่ ตอนเกิดมาเลยสูญเสียอารมณ์ความรู้สึกเฉกเช่นคนปกติทั่วไปนางนั่งลงบนเก้าอี้เล็กข้างเตียง เท้าคางถาม “เซียวเย่หลัน ท่านแม่ของท่านเป็นคนแบบไหน?”“ถามทำไม”“ก็ถามเฉยๆ”สิ่งสำคัญคือนางต้องหลักฐานยืนยันการคาดเดาในใจของนางลองดูว่าชายผู้นี้สืบทอดยีนกลายพันธุ์หรือไม่เซียวเย่หลันวางถ้วยยา ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา “นางเป็นสนมในวังหลังคนหนึ่งที่ไม่เป็นที่โปรดปราน นั่นคือทั้งหมด”“อ้อ”เซี่ยเชียนฮวันเห็นว่าเขาไม่อยากพูดมากไปกว่านี้ จึงไม่ได้ถามต่อมีข่าวลือเกี่ยวกับมารดาของเซียวเย่หลันน้อยมากแต่เฉิงกุ้ยเฟยกลับมีชื่อเสียงฉาวโฉ่มาก ว่ากันว่าการแท้งบุตรหลายครั้งในวังหลังล้วนมีความเกี่ยวข้องกับนาง และนางสนมหลายคนที่เกี่ยวข้องด้วยก็ล้วนแต่เป็นบุตรสาวของขุนนางคนสำคัญอาจกล่าวได้ว่า เมื่อพูดถึงการแท้ง เฉิงกุ้ยเฟยก็ไม่กลัวใครนินทาฮ่องเต้ทุ่มเทจิตใจในการอบรมร
เซี่ยเชียนฮวันได้แต่นึกอยู่ในใจเป็นจริงดังนั้น นับแต่โบราณมา การมีชู้ถือเป็นสิ่งที่ชายไม่อาจรับได้ต่อให้เซียวเย่หลันไม่ชื่นชอบนาง ก็ไม่สามารถทำใจได้หากภรรยาของตนมีชายอื่นนางพลิกตัวกลับมา "ถ้าอย่างนั้น ท่านก็จงพยายามเข้าเถิด รีบจับชู้ให้ได้ในเร็ววัน ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าหน้าของพ่อลูกข้าเป็นเช่นไร”หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก เซียวเย่หลันจึงเอ่ยถามขึ้นว่า "มือสังหารผู้บุกมาเมื่อคืนนี้ เจ้าไม่รู้จักจริงหรือ?" "ข้าไม่รู้จัก" เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่าคำถามนี้ช่างไร้เหตุผลเสียจริงเขายังสงสัยอยู่อีกหรือว่าชายที่คลุมหน้าไว้คนนั้นคือชู้ของนาง?ต่อให้สมองผิดปกติก็น่าจะมีขีดจำกัดบ้างเซียวเย่หลันกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า “มือสังหารที่บุกเข้ามาในจวนอ๋องมิได้ต้องการชีวิตข้า บางทีอาจมีสิ่งที่ต้องการ ข้าเดาว่าเขาจะยังกลับมาอีก”เซี่ยเชียนฮวันได้ยินดังนั้น แววตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยดีที่ทั้งสองไม่ได้นอนหันหน้าเข้าหากันเซียวเย่หลันไม่เห็นถึงความผิดปกติของเซี่ยเชียนฮวัน เขากล่าวต่อไปว่า “ที่ข้าอยู่รักษาแผล ณ หอหลันเซียง ก็เพื่อรอให้เหยื่อติดกับดัก”“แต่เขาจับข้าเป็นตัวประกัน ทั้งยังปาล
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ต่างก็พากันทำหน้าไม่ถูกทุกคนรู้ว่าเซี่ยเชียนฮวันไม่เป็นที่รักของจ้านอ๋อง ต่อให้เป็นในประชุมราชวงศ์ จ้านอ๋องก็ไม่เคยไว้หน้าพ่อตาคนนี้เลยแต่ในวันนี้ถึงอย่างไรก็เป็นวันเกิดของอันติ้งโหวคำบางคำเก็บไว้ในใจก็เพียงพอแล้ว หากเอ่ยออกมาคงจะเป็นการไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายจนเกินไป"จะมาหรือไม่ข้านั้นหาได้ใส่ใจ ข้าไม่ได้ขาดแคลนของขวัญจากเขา" อันติ้งโหวส่งเสียงหึ ๆ ออกมา"อันตั้งโหวใจกว้างดีนักหนา หาได้เหมือนข้า เมื่องานครั้งก่อนครอบครัวของอีกฝ่ายนำโสมพันปีมาให้ขาตั้งหลายกล่องใหญ่ ข้าไม่รู้จะมอบของขวัญใดกลับคืนไปให้ดี บัดนี้ยังรู้สึกปวดหัวนัก" สตรีที่เอ่ยคำเยาะเย้ยมาเมื่อครู่เริ่มโอ้อวดเซี่ยเชียนฮวันฟังน้ำเสียงแหลมคมของนางก็ได้รู้ว่านางเป็นใครเป็นน้าของนางนั่นเองเป็นน้องสาวแท้ ๆ อันติ้งโหวฮูหยินนางไม่แม้แต่จะหันไปเหลือบมองดู ได้แต่กล่าวเบา ๆ ว่า "แม้ว่าจวนฉางหย่วนป๋อจะไม่ได้นับว่าเป็นตระกูลใหญ่โต แต่การเห็นโสมไม่กี่ลังเป็นของล้ำค่า บางทีท่านน้าควรต้องพิจารณาตนเองสักเล็กน้อย หากไม่มีความชำนาญในการดูแลบ้านเรือน ก็ให้ท่านน้าคนอื่นเข้ามาช่วยดูแลเถิด ตัวท่านเองจะได้ไม่ย
“เจ้าจัดการไม่ได้แม้แต่ซููอวี้เออร์ ยังคิดจัดการนาง ฝันไปเถิด”เซี่ยเหยียนดูถูกเซี่ยเชียนฮวันเล็กน้อยราวกำลังท้าทายกับพระชายาอ๋องเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สนใจพี่ชาย ได้แต่ก้มหน้ากินอาหารของตนเซี่ยเชียนฮวันเหลือบมองเห็นเซี่ยอี๋หมู่หันหน้าไปคุยกับคนอื่น จากนั้นหันมาชายตามองนางผู้ที่นั่งอยู่ด้านข้างเซี่ยอี๋หมู่ก็คือเซี่ยเหล่าไท่จวินหรือมารดาของอันติ้งโหวฮูหยินนั่นเองจากนั้น เซี่ยเหล่าไท่จวินยิ้มขึ้นว่า “ท่านโหว วันนี้เป็นวันดี คนมารวมตัวที่นี่กันมากมาย เหตุใดจึงไม่ ไข่มุกราตรีที่ฝ่าบาทประทานให้ ออกมาให้ทุกคนได้เห็นเหล่า" อันติ้งโหวได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงไข่มุกราตรี?ไข่มุกราตรีอะไรกันเขาส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า "ท่านแม่เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ ฝ่าบาทไม่เคยประธานไข่มุกราตรีมาให้ลูก" "ดูเจ้าเขาสิ ครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ จะมัวปกปิดไว้ทำไม เราก็เพียงแค่อยากดู หาได้อยากเอาของของเจ้าไป" เซี่ยเหล่าไท่จวินกล่าวอันติ้งโหวสับสนยิ่งนักแขกที่อยู่ในห้องได้ยินดังนั้นก็พากันพูดต่อ ๆ ว่า “ได้ยินมาว่าไข่มุกราตรีสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ หากนำออกมา ทั้งห้องคงจะสว่างไสว!”“ท่านโหว หากท่าน
"ข้าไม่สบายจริง ๆ " น้ำเสียงเซียวเย่หลันดังขึ้นด้านหลังศีรษะของเซี่ยอี๋หมู่ นางตกใจเสียจนหน้าซีดเผือด“จ้านอ๋อง!!"ท่านเป็นอะไรไปกัน?" ทุกคนที่อยู่ที่นี่รวมถึงอันติ้งโหวต่างพากันหันไปมองแล้วลุกขึ้นยืนมีเพียงเซี่ยเชียนฮวันเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่นางเผยถึงสีหน้าอันตกตะลึงออกมาเล็กน้อยนางคิดไม่ถึงว่าเซียวเย่หลันจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่วันนี้เขาสวมเสื้อผ้าค่อนข้างที่จะเป็นกันเองและผ่อนคลาย บางทีอาจเป็นเพราะร่างกายยังบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้จัดแจงผมเผ้า เสื้อผ้าและคอปกเสื้อหละหลวมเผยให้เห็นแผ่นอกเล็กน้อย เขาเดินทางออกมาทั้งอย่างนั้น"อาการเก่ากำเริบ" น้ำเสียงของเซียวเย่หลันดูลึกลับเล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันแล้วยิ้มขึ้น "พระชายาอ๋องเป็นห่วงข้ามากเกินไปจึงไม่ให้ข้าออกจากจวน" “เป็นอย่างนี้นี่เอง!" ทุกคนจึงได้กระจ่างแจ้งเมื่อได้ยินคำพูดของจ้านอ๋องเช่นนั้นก็สัมผัสได้ว่าสองสามีภรรยามีความรู้สึกที่ดีต่อกันลึกซึ้ง เพราะพระชายาอ๋องดูเป็นห่วงเขาเหลือเกินเซี่ยเหยียนยังลุกขึ้นแล้วเดินตรงไป กล่าวขึ้นว่า "มาเถิด ตำแหน่งของข้าสละให้แก่ท่านอ๋อง ท่านนั่งตรงนี้เถิด”เซีย
บริสุทธิ์สูงส่ง?เซี่ยเชียนฮวันแทบจะเป็นลมล้มไปแต่เมื่อเห็นแก่หน้าเซียวเย่หลันที่ยังพอมีจิตใจนึกถึงผู้อื่นอยู่บ้าง ในครั้งนี้นางจึงไม่ได้โต้เถียงเมื่อไม่มีเซี่ยอี๋หมู่เข้ามาก่อความวุ่นวายงานเลี้ยงครั้งนี้จึงดำเนินไปอย่างราบรื่นจนจบเซียวเย่หลันยืนอยู่ในลานบรรยากาศรอบข้างไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาเซี่ยเชียนฮวันเดินตรงไปแล้วเอ่ยถามเขาว่า "วันนี้เจ้ามาได้อย่างไร?""มาจับตัวเจ้ากลับไป"“หา”“ข้าเดาได้ว่าเจ้าจะใช้ข้ออ้างเดินทางมาร่วมฉลองวันเกิดอันติ้งโหว จากนั้นหลบอาศัยอยู่ที่บ้านโดยไม่กลับไป" "......"เซี่ยเชียนฮวันนับถือเขาจริง ๆ ชายคนนี้เฉลียวฉลาดเจ้าเล่ห์ยิ่งนักไม่เช่นนั้นเขาจะเดาถูกได้ยังไงเซียวเย่หลันยืนเอามือไขว้หลังเอาไว้ เหลือบมองไปที่นาง “การล่วงรู้ในความคิดของศัตรูจึงจะสามารถวางแผนออกรบได้""เจ้าอย่ามาวางท่ากับข้า" เซี่ยเชียนฮวันตอบกลับว่า "ข้ากลับบ้านมาพักเพียงไม่กี่วันเป็นอย่างไรกัน”"ไม่มีคนเปลี่ยนยาให้ข้า ข้าไม่สะดวกนัก"เซียวเย่หลันให้เหตุผลออกมาอย่างง่ายดายเซี่ยเชียนฮวันกำมือแน่น “ข้าคือพระชายาอ๋องผู้ที่แต่งกับเจ้าอย่างสง่าผ่าเผยสูงส่ง ไม่ใช่บ่าวรั
"ท่านพี่ การที่ชายมีภรรยาหลายคนเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก มีกี่คนกันที่สามารถรักและทะนุถนอมมีเพียงภรรยาคนเดียวเช่นพี่เขย?"เมื่อกล่าวถึงอันติ้งโหว น้ำเสียงของเซี่ยอี๋หมู่ก็ดูอิจฉานางขึ้นอีกว่า "ถึงอย่างไร เรือนด้านหลังของจวนจ้านอ๋องก็ต้องมีคนใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา หากจะปล่อยให้คนข้างนอกเข้ามารังแก สู้เอาคนของเราเองเข้าไปเสียดีกว่า จะได้ค่อยมีคนช่วยเหลือ""เอาเถิดข้าจะลองไปถามดู" อันติ้งโหวฮูหยินถอนหายใจ"เช่นนี้ก็ถูกแล้ว"เซี่ยอี๋หมู่เข้ามาโอบแขนอันติ้งโหวฮูหยินด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมแต่ในใจของนางยินดียิ่งนักเซี่ยเชียนฮวันมีนิสัยดื้อด้าน การดูแลรับใช้ชายหนุ่ม ไม่อาจสู้กับซวี่เอ๋อร์ของนางได้เลยเมื่อขับไล่อนุภรรยาคนนั้นออกไปแล้ว ถึงเวลาค่อยจัดการเซี่ยเชียนฮวัน ตำแหน่งพระชายาจ้านอ๋องก็จะเป็นของซวี่เอ๋อร์ไม่ใช่หรือ?......เซี่ยเชียนฮวันถูกเซียวเย่หลันลากตัวกลับมาที่จวนอ๋อง ก่อนจากไป นางเหลือบเห็นอันติ้งโหวฮูหยินทำสีหน้าเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดผ่านไปประมาณสองวันพวกเขาไม่ได้ข่าวคราวของชายคลุมหน้าในคืนนั้น แต่กลับมีข่าวอื่นขึ้นมาได้ยินว่าซููอวี้เออร์ป่วยอีกแล้
"เสี่ยวตง พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่า"เซี่ยเชียนฮวันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติไปตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดที่ถนนด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คนคึกคักตอนนี้ในใจของนางสัมผัสได้ถึงคำเตือนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยวตงยังคงยิ้มขึ้นด้วยความไร้เดียงสา “บ่าวจะไปจูงรถม้ามาเดี๋ยวนี้เพคะ" หลังจากนั้นไม่นานรถม้าก็มาจอดอยู่ที่ประตูหอละครเซี่ยเชียนฮวันขึ้นรถม้าไปแล้วยกผ้าม่านขึ้นมอง เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างในด้วยท่าทางผ่อนคลาย!ชายผู้นั้นสวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์ที่ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ ขาของเขายกขึ้นเอนกายพิงมาที่เบาะ รังสีชั่วร้ายแผ่ซ่านออกมา"พระชายาอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง" ชายหนุ่มหรี่ตาลงแล้วยิ้มขึ้นเซี่ยเชียนฮวันจำได้ทันทีว่าเขาคือชายผู้สวมหน้ากากในคืนนั้น!"นางเผยสีหน้าอันประหลาดใจออกมา ยังไม่ทันพูดสิ่งใดชายสวมหน้ากากผู้นั้นก็ดึงนางเข้าไป แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ชุบด้วย ยาสลบปิดจมูกนาง"อือ อือ......" เซี่ยเชียนฮวันพยายามดิ้นรนแต่ชายสวมหน้ากากผู้นั้นมีพลังล้นหลามและศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง พลังเพียงเล็กน้อยของนางไม่อาจต่อต้านเขาได้เลยเขาโน้มตัวลงมาแล้วหัวเราะเบา ๆ ที่ข้างหูเซี่ยเชียนฮวันว
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา