"ท่านพี่ การที่ชายมีภรรยาหลายคนเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก มีกี่คนกันที่สามารถรักและทะนุถนอมมีเพียงภรรยาคนเดียวเช่นพี่เขย?"เมื่อกล่าวถึงอันติ้งโหว น้ำเสียงของเซี่ยอี๋หมู่ก็ดูอิจฉานางขึ้นอีกว่า "ถึงอย่างไร เรือนด้านหลังของจวนจ้านอ๋องก็ต้องมีคนใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา หากจะปล่อยให้คนข้างนอกเข้ามารังแก สู้เอาคนของเราเองเข้าไปเสียดีกว่า จะได้ค่อยมีคนช่วยเหลือ""เอาเถิดข้าจะลองไปถามดู" อันติ้งโหวฮูหยินถอนหายใจ"เช่นนี้ก็ถูกแล้ว"เซี่ยอี๋หมู่เข้ามาโอบแขนอันติ้งโหวฮูหยินด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมแต่ในใจของนางยินดียิ่งนักเซี่ยเชียนฮวันมีนิสัยดื้อด้าน การดูแลรับใช้ชายหนุ่ม ไม่อาจสู้กับซวี่เอ๋อร์ของนางได้เลยเมื่อขับไล่อนุภรรยาคนนั้นออกไปแล้ว ถึงเวลาค่อยจัดการเซี่ยเชียนฮวัน ตำแหน่งพระชายาจ้านอ๋องก็จะเป็นของซวี่เอ๋อร์ไม่ใช่หรือ?......เซี่ยเชียนฮวันถูกเซียวเย่หลันลากตัวกลับมาที่จวนอ๋อง ก่อนจากไป นางเหลือบเห็นอันติ้งโหวฮูหยินทำสีหน้าเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดผ่านไปประมาณสองวันพวกเขาไม่ได้ข่าวคราวของชายคลุมหน้าในคืนนั้น แต่กลับมีข่าวอื่นขึ้นมาได้ยินว่าซููอวี้เออร์ป่วยอีกแล้
"เสี่ยวตง พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่า"เซี่ยเชียนฮวันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติไปตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดที่ถนนด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คนคึกคักตอนนี้ในใจของนางสัมผัสได้ถึงคำเตือนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยวตงยังคงยิ้มขึ้นด้วยความไร้เดียงสา “บ่าวจะไปจูงรถม้ามาเดี๋ยวนี้เพคะ" หลังจากนั้นไม่นานรถม้าก็มาจอดอยู่ที่ประตูหอละครเซี่ยเชียนฮวันขึ้นรถม้าไปแล้วยกผ้าม่านขึ้นมอง เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างในด้วยท่าทางผ่อนคลาย!ชายผู้นั้นสวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์ที่ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ ขาของเขายกขึ้นเอนกายพิงมาที่เบาะ รังสีชั่วร้ายแผ่ซ่านออกมา"พระชายาอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง" ชายหนุ่มหรี่ตาลงแล้วยิ้มขึ้นเซี่ยเชียนฮวันจำได้ทันทีว่าเขาคือชายผู้สวมหน้ากากในคืนนั้น!"นางเผยสีหน้าอันประหลาดใจออกมา ยังไม่ทันพูดสิ่งใดชายสวมหน้ากากผู้นั้นก็ดึงนางเข้าไป แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ชุบด้วย ยาสลบปิดจมูกนาง"อือ อือ......" เซี่ยเชียนฮวันพยายามดิ้นรนแต่ชายสวมหน้ากากผู้นั้นมีพลังล้นหลามและศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง พลังเพียงเล็กน้อยของนางไม่อาจต่อต้านเขาได้เลยเขาโน้มตัวลงมาแล้วหัวเราะเบา ๆ ที่ข้างหูเซี่ยเชียนฮวันว
ภายในป่าสายลมยามค่ำคืนพัดโชยใบไผ่ปลิวไหวเซียวเย่หลันกำลังขี่ม้ารีบเร่งไปทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนวิ่งตามมาจึงได้บังคับหยุดบังเหียน"ท่านอ๋อง!"พบว่าเป็นเย่ซิ่นขี่ม้าสีดำมา ด้านหลังมีเสี่ยวตง ซึ่งทั้งสองกำลังไล่ตามเซียวเย่หลันมาเพื่อรั้งเขาไว้เซียวเย่หลันหันไปมองเสี่ยวตงที่ได้รับบาดเจ็บ “พวกเจ้ามาทำอะไร?""ท่านอ๋องเพคะ พระชายาถูกจับตัวไป!"เสี่ยวตงรู้สึกกระวนกระวายใจจนกลิ้งตกลงมาจากหลังม้าเซียวเย่หลันได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อยเขาเพิ่งจะเดินทางจากมา เหตุใดสตรีผู้นั้นจึงถูกจับไปได้มีคนกำลังจับตามองการเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่จริง ๆ เย่ซิ่นลงจากหลังม้าแล้วพยุงเสี่ยวตงขึ้น กล่าวด้วยความกระวนกระวายใจว่า “ในวันนี้พระชายาอ๋องและเสี่ยวตงเดินทางไปดูละคร ตอนกลับมาในรถม้ามีชายสวมหน้ากากคนหนึ่งซ่อนอยู่ แล้วพาพวกนางทั้งสองลักพาตัวไปอยู่นอกเมือง""แล้วเจ้ากลับมาได้อย่างไร"เซียวเย่หลันมองไปทางเสี่ยวตง ดวงตาของเขาดูแหลมคมเล็กน้อยเสี่ยวตงร่างกายสั่นเทาแล้วตอบว่า "ท่านอ๋องเพคะ ชายผู้นั้นจับตัวบ่าวและพระชายาอ๋องไปไว้ในกระท่อมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ภูเขาลู่อู่ ตอนที่บ่าวลืมตาขึ้นม
หากว่าเซียวเย่หลันมีแววตาที่แหลมคมแบบนี้เขาจะถูกซูอวี้เออร์ที่เสมือนดอกบัวขาวหลอกจนหัวหมุนได้อย่างไร เซี่ยเชียนฮวันหันกลับมาแล้วกล่าวว่า "ต่อให้นางคณิกาชอบประกาศตนว่าดังนั้น แต่ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าซูอวี้เออร์สกปรกใจง่าย ดูเหมือนว่า จะรู้อดีตนางเป็นอย่างดี" "พระชายาจ้านอ๋อง เจ้าฉลาดเฉลียวยิ่ง" ชายสวมหน้ากากยิ้มขึ้นว่า"ข้าเพียงแค่พอจะมีความลับเล็กน้อยของทุกคนไว้ในมือ" เซี่ยเชียนฮวันเม้มริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อยประโยคนี้ของเขาหมายความว่า อีกฝ่ายกำลังบอกตนว่ามีความลับอยู่ในมือไม่น้อยไม่เพียงแค่ซูอวี้เออร์ แม้แต่ตัวนางเองก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่เซี่ยเชียนฮวันคงไม่เกรงกลัวง่าย ๆ เพราะเรื่องนี้ในความทรงจำของนาง ต่อให้นางทำผิดนางก็บอกกับคนอื่นอย่างตรงไปตรงมาเพราะมีไทเฮาคอยหนุนหลัง ใครจะทำอะไรนางได้ดังนั้นต่อให้ชายสวมหน้ากากรู้ความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตน คาดว่าความลับเหล่านั้นก็คงถูกทุกคนรู้ไปหมดแล้ว นางจึงไม่จำเป็นต้องกลัวคำข่มขู่นางไม่ได้เอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของซูอวี้เออร์อีก สายตามองไปยังไก่ย่างอันเหลืองทองหอมกรุ่นตัวนั้น "เจ้ามีตัวตนเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ เหตุใดจึงมีฝีมือเ
คนในราชวงศ์มีแต่พวกโรคจิตเซี่ยเชียนฮวันแอบตำหนิอยู่ในใจแต่เขากลับไม่รู้ว่านักล่าที่เฉลียวฉลาดที่สุดจะปรากฏตัวตามท่าทีของสัตว์ที่ต้องการล่านางไม่แน่ใจว่าเซียวเย่หลันจะมาหรือไม่ และนางก็จะไม่รอคอยให้ชายคนใดมาช่วยตนด้วยความไร้เดียงสาสู้ช่วยตนเองดีกว่าหลังจากคิดได้แล้วเซี่ยเชียนฮวันก็แกล้งส่งเสียงออดอ้อนออกมา ท่าทีของนางเหมือนกับลูกสัตว์ป่าตัวน้อยที่ติดกับดัก มองไปทางชายสวมหน้ากากด้วยความน่าสงสาร "ในเมื่อเจ้าจะไม่ทำร้ายข้า เช่นนั้นแก้มัดให้ข้าก่อนได้หรือไม่"ชายหนุ่มหรี่ตามองนางพยายามครุ่นคิดถึงท่าทีของซูอวี้เออร์ ก่อนที่จะส่งแววตาอันน่าสงสารซึ่งแม้แต่ตัวนางเองที่ทำออกมาก็รู้สึกสะอิดสะเอียน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน“เชือกนี้ใหญ่เหลือเกิน ทำให้ข้าเจ็บไปหมดแล้ว" “ที่แท้เจ้าเจ็บนี่เอง มิน่าเล่า อยู่ ๆ จึงได้ว่าง่ายขึ้นมา" ชายสวมหน้ากากหันหลังเดินจากไปแล้วย่างไก่ของตนต่อเขาไม่ได้สนใจเซี่ยเชียนฮวันอีกเซี่ยเชียนฮวันกัดฟันกรอด วิธีนี้จัดการเขาไม่ได้จริง ๆ ด้วยแต่จะว่าไปก็ถูก หากชายสวมหน้ากากคนนี้นิสัยเหมือนกับเซียวเย่หลันชื่นชอบประเภทดอกบัวขาวผู้น่าสงสาร เขาคงไม่รู้ส
“โอ๊ย…”ชายปิดหน้าส่งเสียงออกมาชายที่ได้รับการโจมตีอย่างหนักหน่วงตรงจุดนั้น มันมิใช่เรื่องตลกเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเซี่ยเชียนฮวันยังเป็นหมออีกด้วยลงไม้ลงมือได้อย่างแม่นยำและโหดเหี้ยมมากเขาปล่อยเซี่ยเชียนฮวันออก เจ็บจนทรุดคุกเข่าลงกับพื้นและพูดไม่ออกเลยเดิมทีเซี่ยเชียนฮวันคิดจะฉวยโอกาสกระชากหน้ากากเขาด้วยซ้ำ อยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้วชายผู้นี้มีร่างกายกำยำแข็งแกร่ง หากยังพัวพันกับเขาต่อ เกรงว่าครึ่งชั่วยามเขาต้องหายจากความเจ็บและจุกนี้เป็นแน่เซี่ยเชียนฮวันหันไปเห็นไก่ย่างที่วางอยู่ข้าง ๆ นางพุ่งตัวไปคว้ามันมา และใช้มันทุบตรงจุดนั้นของเขา ทวีความเจ็บปวดอย่างน่าสังเวชให้เขาอีกครั้งชายปิดหน้า “...“เขาร้อนจนแทบทนไม่ไหวหญิงสาวผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก“ครั้งนี้นับว่าข้าให้บทเรียนแก่เจ้าก็แล้วกัน ต่อไปหากเจ้ากล้าดีลงมือกับผู้หญิงอีก ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นไก่ตอนเลยคอยดู!”เซี่ยเชียนฮวันพลางวิ่งหนี แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมาดุด่าชายปิดหน้ากัดฟันกรอดเขาพยายามจะไล่ตามเซี่ยเชียนฮวันไปทว่า ตรงนั้นของเขาเจ็บปวดทรมานยิ่งนัก ไม่แม้แต่จะลุกยืนได
“วันพรุ่งข้าจะส่งคนมารับเจ้ากลับจวน”เซียวเย่หลันกล่าวจบก็หันหลังเดินไปทันที!ซูอวี้เออร์เห็นเช่นนี้ก็ร้อนใจขึ้น รีบตามไป และกอดเซียวเย่หลันจากด้านหลัง!“ท่านอ๋อง ท่านไม่อยู่เป็นเพื่อนอวี้เออร์หรือเพคะ หลายวันที่ผ่านมานี้อวี้เออร์คิดถึงท่านทุกวันทุกคืน ขอเพียงแค่ได้เจอหน้าท่านสักครั้ง ต่อให้อายุสั้นลงสิบปีอวี้เออร์ก็ยอม”เมื่อก่อน เพื่อรักษาภาพลักษณ์บุปผาบนยอดเขาสูงของนางไว้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวเย่หลัน นางค่นข้างจะสงบเสงี่ยม สำรวมตัวให้สวยเพียบพร้อมอยู่ตลอดเวลาทว่า ตอนนี้เซียวเย่หลันกำลังจะไปนางมิอาจทนได้เซียวเย่หลันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกล่าวอย่างอดทนว่า “ข้ามีเรื่องด่วนต้องจัดการ”“มีเรื่องด้วนอันใดถึงขั้นมิอาจเลื่อนออกไปได้แม้แต่คืนเดียวกันเพคะ ท่านอ๋องไม่ได้เจออวี้เออร์นาน หรือว่า ท่านอ๋องไม่มีใจคะนึงถึงอวี้เออร์เลย”น้ำเสียงของซูอวี้เออร์เต็มไปด้วยความผิดหวังราวกับว่ากล่าวโทษเซียวเย่หลันว่าเป็นคนใจร้ายล้อเล่นกับความรู้สึกสตรีก็มิปานเซียวเย่หลันแกะมือนางออก “วันพรุ่งเจ้าก้จะได้กลับจวนแล้ว ข้าจะอยู่ต่อหรือไม่มันก็ไม่ได้ต่างกัน”“แต่ในสายตาหม่อนฉัน ค่ำคืนนี้หมายถึงหม่อ
“แม่นางซู อย่าทำเช่นนี้เจ้าค่ะ!”เหล่าบรรดาคนรับใช้รีบเข้าไปดึงห้ามนางเอาไว้เซียวเย่หลันทำได้เพียงแค่เดินเข้าไปโอบไหล่ซูอวี้เออร์ และกล่าวเสียงขรึมว่า “ไม่จำเป็นต้องแสวงหาความตายหรอก ข้าจะพาเจ้าไปด้วย”“จริงหรือเพคะ ท่านอ๋อง…”ซูอวี้เออร์ยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกเซียวเย่หลันเอามือสับท้ายทอยจนนางตาเหลือกมองบนและสลบหมดสติไปทันที“ดูแลอวี้เออร์ให้ดี วันพรุ่งค่อยส่งนางกลับเมืองหลวง” เซียวเย่หลันมอบซูอวี้เออร์ที่หมดสติให้กับสาวใช้ที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้างๆ ส่วนเขาหันหลังเดินขึ้นหลังม้า และรีบควบม้าออกไปอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆมืดครึ้มไม่นานนักฝนก็ตกปรอยลงมาเซียวเย่หลันรู้สึกกลัดกลุ้มใจมากอย่างบอกไม่อาจอธิบายได้ ดูเหมือนว่าฝนที่ตกลงมานี้จะบ่งบอกเขาว่าแม้แต่สวรรค์ก็ขวางในการกลับไปของเขา และกำหนดไม่ให้เขาช่วยเซี่ยเชียนฮวันกลับไปได้……ในป่าเขาที่ฝนกำลังตกลงมา ทั้งเหน็บหนาวทั้งชื้นร่างของเซี่ยเชียนฮวันเต็มไปด้วยดินโคลน นางเดินอยู่ในป่าเขานานปานนั้น นางไม่อาจรู้ทิศทางแล้ว ทำได้เพียงแค่อาศัยสัญชาตญาณเดินหน้าไปเท่านั้นชั่วครู่หนึ่ง นางถึงกับคิดว่าจะกลับไปที่อารามผุพังน
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา