“วันพรุ่งข้าจะส่งคนมารับเจ้ากลับจวน”เซียวเย่หลันกล่าวจบก็หันหลังเดินไปทันที!ซูอวี้เออร์เห็นเช่นนี้ก็ร้อนใจขึ้น รีบตามไป และกอดเซียวเย่หลันจากด้านหลัง!“ท่านอ๋อง ท่านไม่อยู่เป็นเพื่อนอวี้เออร์หรือเพคะ หลายวันที่ผ่านมานี้อวี้เออร์คิดถึงท่านทุกวันทุกคืน ขอเพียงแค่ได้เจอหน้าท่านสักครั้ง ต่อให้อายุสั้นลงสิบปีอวี้เออร์ก็ยอม”เมื่อก่อน เพื่อรักษาภาพลักษณ์บุปผาบนยอดเขาสูงของนางไว้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวเย่หลัน นางค่นข้างจะสงบเสงี่ยม สำรวมตัวให้สวยเพียบพร้อมอยู่ตลอดเวลาทว่า ตอนนี้เซียวเย่หลันกำลังจะไปนางมิอาจทนได้เซียวเย่หลันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกล่าวอย่างอดทนว่า “ข้ามีเรื่องด่วนต้องจัดการ”“มีเรื่องด้วนอันใดถึงขั้นมิอาจเลื่อนออกไปได้แม้แต่คืนเดียวกันเพคะ ท่านอ๋องไม่ได้เจออวี้เออร์นาน หรือว่า ท่านอ๋องไม่มีใจคะนึงถึงอวี้เออร์เลย”น้ำเสียงของซูอวี้เออร์เต็มไปด้วยความผิดหวังราวกับว่ากล่าวโทษเซียวเย่หลันว่าเป็นคนใจร้ายล้อเล่นกับความรู้สึกสตรีก็มิปานเซียวเย่หลันแกะมือนางออก “วันพรุ่งเจ้าก้จะได้กลับจวนแล้ว ข้าจะอยู่ต่อหรือไม่มันก็ไม่ได้ต่างกัน”“แต่ในสายตาหม่อนฉัน ค่ำคืนนี้หมายถึงหม่อ
“แม่นางซู อย่าทำเช่นนี้เจ้าค่ะ!”เหล่าบรรดาคนรับใช้รีบเข้าไปดึงห้ามนางเอาไว้เซียวเย่หลันทำได้เพียงแค่เดินเข้าไปโอบไหล่ซูอวี้เออร์ และกล่าวเสียงขรึมว่า “ไม่จำเป็นต้องแสวงหาความตายหรอก ข้าจะพาเจ้าไปด้วย”“จริงหรือเพคะ ท่านอ๋อง…”ซูอวี้เออร์ยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกเซียวเย่หลันเอามือสับท้ายทอยจนนางตาเหลือกมองบนและสลบหมดสติไปทันที“ดูแลอวี้เออร์ให้ดี วันพรุ่งค่อยส่งนางกลับเมืองหลวง” เซียวเย่หลันมอบซูอวี้เออร์ที่หมดสติให้กับสาวใช้ที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้างๆ ส่วนเขาหันหลังเดินขึ้นหลังม้า และรีบควบม้าออกไปอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆมืดครึ้มไม่นานนักฝนก็ตกปรอยลงมาเซียวเย่หลันรู้สึกกลัดกลุ้มใจมากอย่างบอกไม่อาจอธิบายได้ ดูเหมือนว่าฝนที่ตกลงมานี้จะบ่งบอกเขาว่าแม้แต่สวรรค์ก็ขวางในการกลับไปของเขา และกำหนดไม่ให้เขาช่วยเซี่ยเชียนฮวันกลับไปได้……ในป่าเขาที่ฝนกำลังตกลงมา ทั้งเหน็บหนาวทั้งชื้นร่างของเซี่ยเชียนฮวันเต็มไปด้วยดินโคลน นางเดินอยู่ในป่าเขานานปานนั้น นางไม่อาจรู้ทิศทางแล้ว ทำได้เพียงแค่อาศัยสัญชาตญาณเดินหน้าไปเท่านั้นชั่วครู่หนึ่ง นางถึงกับคิดว่าจะกลับไปที่อารามผุพังน
ดินโคลนเปียกชื้นบาดแผลทั่วทั้งร่างเซี่ยเชียนฮวันเมื่อความเจ็บทวีความรุนแรงมากขึ้นก็จะทำให้คนค่อยๆ เริ่มมีอาการชาฝูงหมาป่ากลุ่มนั้นไม่รู้ว่าวิ่งมาจากแห่งหนใด พวกมันห้อมล้อมเซี่ยเชียนฮวันอย่างช้าๆ นางได้กลิ่นแม้กระทั่งกลิ่นคาวเลือดที่แปดเปิ้อนฟันของหมาป่าฝูงนั้นพวกมันจ้องมองนางอย่างพิจารณาบางทีอาจจะกำลังตรวจสอบอยู่ก็ได้ว่านางมีกำลังที่จะตอบโต้หรือไม่หัวหน้าหมาป่าตัวใหญ่เดินเข้ามาก่อน มันเดินวนเวียนอยู่รอบๆ ร่างเซี่ยเชียนฮวัน จนสุดท้ายมันหยุดลงตรงข้างๆ ท้องของเซี่ยเชียนฮวัน ก่อนจะก้มหัวสูดดมกลิ่นเซี่ยเชียนฮวันตกใจจนอกสั่นขวัญหาย นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “อย่ากัดตรงนั้น ข้าขอร้องเจ้าล่ะ…หากเจ้าอยากกินข้า ก็กัดคอข้าเถอะ อย่าให้ข้าตายอย่างทรมานเลย!”นางไม่อยากเห็นตัวเองถูกกัดจนเนื้อหนังมังสือและท้องของนางฉีกขาดไม่อยากเห็นลูกน้อยในท้องที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถูกควักออกมาเป้นเหยื่ออยู่ในท้องหมาป่าเมื่อนึกถึงภาพเช่นนั้น เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นทว่า สิ่งที่น่าแปลกมากนั่นก็คือดูเหมือนว่าเจ้าหมาป่าตัวนั้นจะเข้าใจในสิ่งที่นางพูด มันหยุดดม และย่ำกรายไปข้างศีรษะของเซี่ยเ
เซี่ยเชียนฮวันหลับไหลไปสองวันสองคืนเต็มหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมา นางจับชีพจรตัวเองเป็นอันดับแรก และพบว่าลูกในท้องของนางยังมีชีวิตอยู่เมื่อรู้เช่นนี้นางจึงโล่งอกขึ้นเรื่องที่สองคือนางสั่งให้เสี่ยงตงปิดหอหลานเซียง ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาหานางเสี่ยวตงยังกล่าวถามอย่างโง่เขลาเบาปัญญาว่า “แล้วหากท่านอ๋องมาหาล่ะเพคะ ?”“เขานั่นแหละที่ข้าห้ามอย่างเด็ดขาด” เซี่ยนเชียนฮวันกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “อย่าให้เขาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก”“เพคะ”เสี่ยวตงตอบรับอย่างไม่เข้าใจนางทำตามคำสั่ง ไปปิดประตูแน่นหนาเมื่อเดินกลับเข้าไป เสี่ยวตงดูแลป้อนข้าวต้มให้เซี่ยเชียนฮวัน นางอดที่จะกล่าวออกมาไม่ได้ว่า “อันที่จริงท่านอ๋องเห็นห่วงเป็นใยพระชายามากนะเพคะ คืนนั้น ท่านอ๋องให้พี่ชายหม่อมฉันนำทหารม้าไปตามหาระชายาทั้งคืน……”“เรื่องที่ผ่านมาแล้วไม่จำเป็นต้องเอ่ยขึ้นมาอีก คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเขาไปหาซูอวี้เออร์ หากข้าไม่คิดหาทางหนีออกมาเอง เมื่อถึงยามจื่อ คนผู้นั้นก็ฆ่าข้าไปแล้ว” เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเสี่ยวตงได้ยินเช่นนี้ก็พูดไม่ออกนางยังคิดจะอธิบายตอ แต่เมื่อเห็นสีหน้าอันเย็นชาของเซี่ยเช
“ทุกเรื่องบนโลกใบนี้มักจะมีลำดับความสำคัญทั้งสิ้น ในเมื่อท่านอ๋องรู้สึกว่าการได้เจอหน้าข้าเป็นเรื่องสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด เช่นนั้นท่านพี่ในฐานะที่เป็นสตรีผู้มากความรู้ ก็ไม่ควรกล่าวโทษเขาเพราะความอิจฉา หากจะกล่าวโทษก็กล่าวโทษข้าเถอะ”ซูอวี้เออร์แกล้งทำท่าทางทอดถอนใจสีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันไร้อารมณ์และความรู้สึก แต่จู่ๆ ก็คว้าข้อมือของนางขึ้น!“นี่เจ้าจะทำอันใด?”สีหน้ายิ้มร่านั้นของซูอวี้เออร์ซีดเผือดลงทันที เดิมทีนางคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันจะใช้เข็มยาอีกจึงตะโกนขึ้นว่า “อวิ๋นซี รีบไปตามท่านอ๋องมาเร็วเข้า!”หลังจากที่นางกลับมา นางก็ไล่สาวใช้อย่างซวงชิงผู้ทำลายชื่อเสียงของนางผู้นั้นออกไป และเปลี่ยนสาวใช้คนใหม่ชื่ออวิ๋นซีเซี่ยเชียนฮวันทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูกก่อนจะกล่าวว่า “ใช่แล้ว รีบตามเซียวเย่หลันมาสิ จะได้เป็นพยานเสียเลย”“เป็นพยานอย่างนั้นหรือ?”“คนทั่วไปหลังจากที่ป่วยไปช่วงหนึ่ง แม้ว่าจะรักษาหายแล้ว แต่ในร่างกายก็ยังคงมีเชื้อป่วยซ่อนอยู่ ตอนนี้ข้าสงสัยว่าเจ้าแกล้งป่วย ข้าจะจับชีพจรเจ้าเพื่อตรวจให้แน่ใจอีกครั้ง ให้เซียวเย่หลันเรียกหมอมาหลายๆ คนเลย พวกข้าจะวินิจฉัยเจ้าเอง”เซี่ยเช
ทันทีที่เซียวเย่หลันเดินเข้ามาก็เห็นซูอวี้เออร์ล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างจนตรอก“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”เขาขมวดคิ้วขึ้น สายตากวาดมองไปที่เซียเชียนฮวันด้วยความไม่พอใจเซี่ยเชียนฮวันหันมองไปทางอื่นอย่างช้าๆ ไม่อยากสนใจเขา“อวี้เออร์” เขากล่าวออกมาเสียงดังถามเป็นนัยซูอวี้เออร์กลับเชื่อฟังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องรอให้เซียวเย่หลันเข้ามาประคอง นางก็ลุกขึ้น และยิ้มอย่างเขินอายพลางกล่าวว่า “หม่อมฉันไม่ทันระวังจึงล้มลงไปเพคะ น้ำแกงที่ทำมาให้พระชายาจึงหกเลอะเทอะหมดเลย”“เจ้าไม่ใช่คนประมาทเลินเล่อ”“อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ วันนี้ก็เลยปวดหัวนิดหน่อยเพคะ ท่านอ๋องอย่าได้ใส่ใจเลยเพคะ”ซูอวี้เออร์กลัวว่าเซี่ยเชียนฮวันจะเอาเรื่องที่นางแกล้งป่วยมาเปิดโปง จึงเอาเรื่องทั้งหมดนี้โทษตัวเอง ช่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าต้องการอยู่เงียบๆ รักษาตัว เชิญทั้งสองออกไปจากจวนข้าด้วย”“ข้าแค่เอาของมาให้เจ้า แล้วก็กลับ”เซียวเย่หลันคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันได้รับความทุกข์และเจ็บตัวจากบนภูเขา นางโกรธอยู่ในใจก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ไม่ได้กล่าวโทษที่นางแสดงท่าท
รูปลักษณ์ภายนอกและภายในสามารถช่วยเสริมกันและกันได้การผัดหน้าทาปากคมเข้มก็เป็นการบอกตัวเองได้อย่างหนึ่งว่า ‘ข้าคือจักรพรรดินี’เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากให้คนอื่นดูว่านางเป็นคนอ่อนแอ อีกทั้งยังไม่อยากถูกมองว่าเป็นของเล่นให้คนแย่งชิงกันครั้นแล้วนางจึงเดินออกจากจวนไปนึกไม่ถึงว่าเซียวเย่หลันจะไม่ได้อยู่ที่ประตูจวน แต่กลับรอนางอยู่ระหว่างทาง“ไปที่ที่หนึ่งกับข้าก่อน” เขามองเซี่ยเชียนฮวันแวบหนึ่งพลางกล่าว“ที่ใด?”“ไปถึงเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”เซียวเย่หลันไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด เขาหันหลังเดินไปเพียงแต่ว่า เซี่ยเชียนฮวันสังเกตเห็นว่าก้าวเท้าของเขาเดินช้ากว่าปกติเล็กน้อยดูเหมือนว่าจงใจจะรอนางเซี่ยเชียนฮวันทำเสียงฮึดอัดออกทางจมูก และเดินตามหลังเขาไป นางเองก็อยากรู้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด“วันนี้เจ้าไม่เหมือนไปชมดอกไม้เลย” เซียวเย่หลันกล่าวโดยไม่ได้หันหลังมามอง “เหมือนไปราชาภิเษกมากกว่า”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อย บุรุษล้วนแต่ชอบผู้บริสุทธิ์และงดงามเสมอ“เป็นมเหสีก็ยังดีกว่าเป็นผู้หญิงที่แสร้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าผู้ชายก็แล้วกัน” เซี่ยเชียนฮวัน
“ทำไม เจ้าหึงหวงอย่างนั้นหรือ ไม่ให้ข้ามองชายอื่นเลยอย่างนั้นหรือ ?”เซี่ยเชียนฮวันเหลือบมองเขาแวบหนึ่งดวงตาของเซียวเย่หลันมีความโกรธเกรี้ยวอยู่ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ต้องเลือกแล้ว ข้าจะให้พวกเขาไปเดี๋ยวนี้”“เดี๋ยวสิ ข้าเลือกคนนี้ก็ได้ ดูๆ แล้วร่างสูงกำยำดี หน้าตาก็หล่อใช้ได้ มาเป็นองครักษ์เงา ช่างไม่เหมาะเอาซะเลย”เซี่ยเชียนฮวันเอานิ้วจิ้มกล้ามของชายผู้เป็นองครักษ์เงาด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งองครักษ์เงารูปหล่อผู้นั้นก็อดที่จะเขินจะแก้มแดงไม่ได้“หลินซู่ ต่อไปเจ้ามีหน้าที่ปกป้องหญิงไร้ยางอายผู้นี้ ต่อไปหากมีคนคิดข่มขู่นางเอานางมาบีบบังคับข้าก็ฆ่ามันได้เลย” เซียวเย่หลันกัดฟันกรอดพลางกล่าวองครักษ์เงาที่ชื่อหลินซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวถามอย่างระมัดระวังว่า “ฆ่าคนร้ายนั่นหรือว่าฆ่าพระยาชาพ่ะย่ะค่ะ”“ฆ่าทั้งสองนั่นแหละ!”เซียวเย่หลันทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูก ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและเดินไปเข้าไปทางลับ“อย่าไปฟังเขา เจ้าบ้านั่นพูดด้วยความโกรธ” เซี่ยเชียนฮวันขยิบตาให้หลินซู่ “ชีวิตของพระชายาสำคัญที่สุด”“ห๊ะ…อ๋อ”หลินซู่ไม่เคยเห็นจ้านอ๋องเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย เขาจึง
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา