จู่ๆ เซี่ยเชียนฮวันก็รู้สึกหดหู่มากก็ดี ตายไปแบบนี้ ไม่แน่ว่าเมื่อนางลืมตาขึ้นมาอีกที อาจจะกลับไปอยู่ในห้องวิจัยที่คุ้นเคยแล้วก็ได้ถึงตอนนั้นนางอยากจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสักกี่ห่อก็สามารถกินได้ไม่ต้องมาทนรองรับอารมณ์ผู้ชายเส็งเคร็งคนนี้อีก...เซี่ยเชียนฮวันหลับตาลง ต่อให้สัญชาติญาณการเอาตัวรอดจะทำให้นางยังจับมือเซียวเย่หลันแน่นอยู่ก็ตาม"ท่านอ๋อง เป็นเช่นนี้ต่อไป พระชายาจะตายได้นะเพคะ" ซูอวี้เออร์ยืนนิ่งอยู่สักพัก เมื่อเห็นเซี่ยเชียนฮวันถูกทรมานจนพอใจแล้ว จึงได้พูดเตือนสติขึ้นเสียงเบาๆเซียวเย่หลันจ้องไปที่ใบหน้าขาวซีดของเซี่ยเชียนฮวันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุดก็ยอมคลายมือออกทีละนิ้วเขาไม่อยากเห็นหน้าของผู้หญิงสกปรกคนนี้ไปตลอดกาลแต่อันติ้งโหวกับราชวงศ์มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน หากว่าบุตรสาวคนโตของบ้านนั้นถูกสังหารในจวนอ๋อง ฮ่องเต้จะต้องสืบหาความอย่างแน่นอน!"วันนี้เห็นแก่หน้าของอวี้เออร์ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!"เซียวเย่หลันยังคงโมโหไม่หาย เขาผลักเซี่ยเชียนฮวันแรงๆ หนึ่งที มองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของนางอย่างเย็นชา ลำคอขาวสะอาดมีร่องรอยนิ้วมือสีช้ำน่ากลัว นาง
"ข้าหิวแล้ว ไปยกของกินมา" เซี่ยเชียนฮวันพูดอย่างเย็นชาเนื่องจากกรดไหลย้อน ทำให้น้ำเสียงที่นางพูดค่อนข้างแหบ ฟังแล้วไม่มีความอ่อนโยนที่เป็นเสน่ห์ของผู้หญิงเลยสักนิดชิงถีเบ้ปากอย่างไม่สนใจ "พระชายา ไม่มีใครมาส่งข้าว ท่านก็กินขนมไปก่อนนะเพคะ"นางคิดไปถึงอาหารที่คนจากตำหนักแม่นางซูส่งมาให้กินเมื่อตอนพลบค่ำ นั่นเรียกว่าอาหารชั้นเลิศเลยทีเดียว ต่อให้พระสนมในวังก็ไม่แน่ว่าจะได้กินของดีขนาดนี้!ดีนะที่ยอมทิ้งทางมืดแล้วหันไปหาทางสว่าง ได้รับใช้แม่นางซู ไม่เช่นนั้นในตำหนักใหญ่จวนอ๋องนี้ จะมีที่ไหนให้อยู่อีกเซี่ยเชียนฮวันเหลือบไปมองชิงถีอย่างเนือยๆ เพื่อที่จะมองความคิดในจิตใจผ่านสายตาของเด็กคนนี้ให้ชัดเจนนางไม่ได้แสดงอารมณ์อะไร เพียงแค่พยายามจะลุกลงจากเตียง นางคลุมเสื้อนอกสีม่วงอีกตัวให้ตัวเองก่อนจะเดินกะเผลกๆ มานั่งที่ข้างโต๊ะ"พระชายา ต้องการให้ช่วยเรียกท่านหมอให้หรือไม่เพคะ" ชิงถีเห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันใบหน้าซีดขาวจริงๆ ก็เลยถามออกมา"ไม่ต้อง"เซี่ยเชียนฮวันหยิบขนมดอกสาลี่ที่ทั้งเย็นทั้งแข็งบนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเอาเข้าปาก อย่างไรมันก็ช่วยทำให้อิ่มท้องได้ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้
"ว่าไงนะ ไม่มีทาง ชีพจรหัวใจเขาขาดแล้ว กระดูกแตกทิ่มเข้าไปที่อวัยวะภายใน ต่อให้เป็นมหาเซียนมาเองก็ช่วยไม่ได้หรอก"หมอหลวงห่าวปฏิเสธคำพูดของเซี่ยเชียนฮวันทันทีโดยไม่ลังเลเมื่อนางเว่ยได้ยินดังนั้นก็ยิ่งเสียใจเข้าไปอีก นางเข้ามาผลักตัวเซี่ยเชียนฮวันออก "เจ้าออกไปเลย ลูกข้าไม่ต้องการความเห็นใจจอมปลอมของเจ้า!"เซี่ยเชียนฮวันปล่อยให้นางเว่ยทั้งผลักทั้งตีตัวเอง ไอก่อนจะพูดด้วยเสียงแหบว่า "ข้าไม่เคยพูดเรื่องที่ไม่แน่ใจ ตอนนี้ต้องรีบฝังเข็มให้เขาโดยด่วนที่สุด ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันการ""สำหรับคนสูงศักดิ์อย่างพวกเจ้าแล้ว ลูกข้าก็เป็นเพียงทหารองค์รักษ์ ชีวิตไร้ค่ายิ่งกว่าสุนัข ตายไปก็ตายไป เหตุใดต้องมาแสร้งปลอบใจถึงที่นี่ด้วย เห็นพวกข้าเป็นของเล่นสนุกหรืออย่างไร!"นางเว่ยล้มลงบนพื้น ทุบอกกระทืบเท้าอย่างเสียใจที่สุด ได้แต่คร่ำครวญว่าชีวิตตัวเองช่างโชคร้ายนักเซี่ยเชียนฮวันถอนหายใจทีหนึ่ง ก่อนจะย่อตัวนั่งลงข้างหน้านางเว่ยอย่างช้าๆ พูดอย่างจริงจังว่า "ในสายตาของข้าคนไข้ก็คือคนไข้ ไม่เคยแบ่งแยกรวยจนสูงต่ำ เจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ดี แต่ตอนนี้ข้าอยากจะช่วยเหลือพวกเจ้าอย่างจริงใจ""เจ้า..."นางเว
เมื่อครู่ เพื่อป้องกันการถูกรบกวน เซี่ยเชียนฮวันยังให้หมอหลวงห่าวไปลงกลอนประตูอีกชั้นโดยเฉพาะคิดไม่ถึงว่าคนที่มาจะถีบออกได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ รู้ได้เลยว่าฝีมือเขาร้ายกาจขนาดไหน"เซี่ยเชียนฮวัน นี่เจ้ายังกล้ามาวางยาองค์รักษ์ประจำตัวของข้าอีกงั้นเหรอ!!"เซียวเย่หลันเดินก้าวใหญ่ๆ เข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธจัดเขาไม่ฟังคำอธิบายใดๆ ก็ถีบเซี่ยเชียนฮวันไปหนึ่งที ทำให้นางกระเด็นล้มลงบนพื้นอย่างแรง หัวชนกับขาเตียงจนตาลาย!"วิ๊ง..."เซี่ยเชียนฮวันกอดท้องล้มไปบนพื้น เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว หูทางด้านซ้ายเกิดอาการหูอื้ออย่างรุนแรงพ่อเขาสิ...ก่อนหน้านี้ก็ตบ แถมยังถีบอีก นางจะจำไว้!ซูอวี้เออร์รีบวิ่งไปดูอาการของเย่ซิ่นที่ข้างเตียงทันที แสดงท่าทีเล่นใหญ่โดยการยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดปาก ก่อนจะพูดอย่างตกใจ "สวรรค์! ท่านอ๋อง แผลที่ด้านหลังเขาสาหัสมาก แถมถูกเข็มจิ้มทั้งแดงทั้งบวม ดูเหมือนจะมีแผลใหม่เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยเพคะ!"นางเว่ยรีบวิ่งเข้าไปดู ก็เห็นเป็นอย่างที่ซูอวี้เออร์พูด ด้านหลังดูอาการหนักจนน่ากลัวนางร้องไห้ออกมาเสียงดังทันที "ลูกเอ๋ย! แม่ไม่ควรจะเชื่อฟังคำของผู้หญิงคนนี้เลย นางบอกว
ในเรือนข้างผู้ชายที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงตอนนี้ไข้ขึ้นสูงจึงสลบไสลไม่ได้สติ แต่ปากก็ยังละเมอพูด "พระชายา...พระชายานาง...""ลูกรัก แม่รู้ว่าเจ้าเกลียดผู้หญิงคนนั้น ขอเพียงแค่แม่ยังมีลมหายใจอยู่ แม่จะต้องแก้แค้นให้เจ้าแน่!"ใบหน้าของนางเว่ยที่ฟุบอยู่ที่หัวเตียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางคิดว่าเย่ซิ่นจะต้องโกรธแค้นคนที่ทำร้ายตัวเองมากเป็นแน่ ถึงได้ละเมอเรียกพระชายาทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่ได้สติเช่นนี้"เดี๋ยวหมอหลวงก็มาแล้ว เจ้าอดทนไว้ก่อนนะ" นางเว่ยเช็ดน้ำตา จับมือของลูกชายอย่างสั่นๆ "วางใจเถอะ ให้แม่จัดการเรื่องน้องสาวเจ้าเรียบร้อยก่อน หากว่าเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะไปห้องเก็บฟืน แล้วฆ่าผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวเอง!"บุตรสาวคนโตของอันติ้งโหวแล้วอย่างไร สำหรับคนเป็นแม่ หากว่าใครทำร้ายลูกของตัวเอง นางก็จะยอมสู้ตายกับคนนั้นแน่!รอให้นางฆ่าเซี่ยเชียนฮวันเรียบร้อย ค่อยใช้หนี้ชีวิตคืนให้อันติ้งโหวก็ได้!"ไม่..."จู่ๆ เย่ซิ่นก็ลืมตาขึ้นมานิดหนึ่งเขาทนความเจ็บปวด พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า "พาตัวพระชายามา...ช่วยชีวิต...""ห๊ะ เจ้าว่ายังไงนะ"นางเว่ยยังคิดว่าตัวเองฟังผิดไปพระชายา? ช่วยชีวิต?หญิง
อาการอักเสบที่บาดแผลของเย่ซิ่นไม่นับว่ารุนแรงมากนักหลังจากที่เซี่ยเชียนฮวันเข้าไป ก็จัดการทำแผลให้เขาแบบทั่วไป จากนั้นก็ให้ใบสั่งยาลดไข้ธรรมดาเพิ่มอีก ประมาณนี้เป็นอันใช้ได้"ไปหาคนจัดยาให้เถอะ"เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกอ่อนเพลียจนต้องใช้นิ้วมือไปกดระหว่างคิ้ว ก่อนยื่นใบสั่งยาไปให้นางเว่ยนางเว่ยรับมาด้วยสองมือ คำนับให้นางก่อนกล่าว "ขอบพระทัยพระชายา!"ไม่ว่าพระชายาคนนี้เมื่อก่อนจะร้ายกาจแค่ไหน แต่ตอนนี้นางเว่ยเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของนางแล้ว เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ"แล้วก็" เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยปากอีกครั้ง "เรื่องที่ข้ารักษาให้ลูกชายของเจ้า ไม่ต้องพูดให้ใครฟังล่ะ โดยเฉพาะท่านอ๋องของเจ้า""แต่ว่า..."นางเว่ยไม่เข้าใจท่านอ๋องชอบผู้หญิงที่มีความสามารถ แม่นางซูผู้นั้นแต่งกลอนได้เพียงไม่กี่บท วาดภาพได้นิดหน่อย ก็ทำให้ท่านอ๋องชื่นชมได้แล้ว ความสามารถในการรักษาของพระชายายอดเยี่ยมกว่าทักษะการวาดภาพหรือเริงระบำตั้งเยอะ เหตุใดนางจะต้องปิดบังท่านอ๋องด้วยเล่า"รีบไปเถอะ" เซี่ยเชียนฮวันมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย ถึงไม่โกรธแต่ก็ดูน่าเกรงขามนางเว่ยรีบไปอย่างรวดเร็วเซี่ยเชียนฮวันวาง
ตอนที่เซียวเย่หลันเดินเข้าไปในห้อง เขาก็ได้เห็นผู้หญิงที่นอนเกียจคร้านอยู่บนเก้าอี้ยาวเป็นอย่างแรก ไม่แต่งหน้า ผ้าผืนบางคลุมไหล่ไว้อยู่ ใบหน้าดูอ่อนแอขาวซีด แต่กลับไม่มีร่องรอยของความขลาดเขลาอยู่บนนั้นจู่ๆ ก็ทำให้เขานึกไปถึงพวกแมวสีขาวที่ชอบนอนเอกขเนกบนกระเบื้องสีทองในวังหลวงหลังจากที่เผลอคิดเรื่องอื่นไปแว๊บหนึ่ง ไฟแห่งความโมโหก็ลุกโชนขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง"เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าช่างบังอาจนัก เห็นข้าแล้วก็ยังไม่ลุกขึ้นมาคารวะอีกเหรอ" เซียวเย่หลันพูดด้วยเสียงเย็นๆเซี่ยเชียนฮวันถึงได้ลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน นางพูดเหน็บแนมออกไปว่า "ตัวข้ามีบาดแผลอยู่ ไม่ค่อยสะดวกจะคารวะ ขอท่านอ๋องโปรดอภัย"พูดจบ นางก็ก้มหน้าซุกเข้าไปในแขนตัวเองอีกครั้ง คิดอยากจะพักผ่อนต่อทำเป็นอ่อนแอเรียกร้องความสนใจ!นี่คือสิ่งที่เซียวเย่หลันคิดได้เป็นอย่างแรก!เขาขมวดคิ้ว ได้แต่คิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ไปเรียนมารยาพวกนี้มาจากไหน ยิ่งเห็นเช่นนี้ เดิมทีเขาก็รังเกียจผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกไร้สมองที่เอาแต่เกาะแกเขาอย่างเซี่ยเชียนฮวันยิ่งนางใช้มารยามากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเขาเ
แต่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่นางพูดเหยียดซูอวี้เออร์ไป เซียวเย่หลันกลับไม่ได้แสดงความโกรธมากขึ้นกว่าเดิมสายตาเย็นชาของเขามองไปที่นิ้วเรียวของนางที่มีผ้าสีขาวพันไว้อย่างไม่ใส่ใจ "นั่นเกิดอะไรขึ้นล่ะ"เซี่ยเชียนฮวันก้มหน้าลงไปดูนี่คือแผลที่ได้จากตอนที่นางใช้เศษก้อนหินกรีดนิ้วเพื่อเขียนใบสั่งยาตอนอยู่ในห้องเก็บฟืนเนื่องจากตอนออกจากห้องเก็บฟืน ร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป นางเลยยังไม่ได้รักษาแผลที่นิ้วให้ดีๆ ตอนนี้นิ้วพวกนี้ถูกพันไว้ทั้งบวมทั้งยุ่งเหยิง ดูไม่ได้เลยจริงๆ"โดนลวกตอนดื่มชาเท่านั้น" เซี่ยเชียนฮวันพูดเสียงเรียบเฉยนางค่อยๆ ดึงแขนเสื้อมาปกปิดมือขวาเอาไว้ ไม่อยากให้ชายหนุ่มเห็น"งั้นเหรอ" เซียวเย่หลันไม่ใส่ใจแผลของนาง แล้วก็ขี้เกียจจะยุ่งเกี่ยวกับนางอีก เขาสะบัดผ้าหมุนตัวเดินออกไป "จำที่ข้าพูดวันนี้เอาไว้ให้ดี"เมื่อพูดจบ เขาก็เดินไปถึงหน้าธรณีประตู กำลังจะยกขาข้ามไป จู่ๆ ก็หยุดชะงักหันก่อนเหลือบตามามอง"อีกอย่าง ไม่ว่าเจ้าจะอิจฉาสักเพียงไหนก็อย่าได้ไปหาเรื่องอวี้เออร์ นางไม่เหมือนเจ้า"เมื่อพูดประโยคนี้จบ เซียวเย่หลันก็เดินก้าวขายาวๆ ออกไปทันที!ใบหน้าของเ
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา