จู่ๆ เซี่ยเชียนฮวันก็รู้สึกหดหู่มากก็ดี ตายไปแบบนี้ ไม่แน่ว่าเมื่อนางลืมตาขึ้นมาอีกที อาจจะกลับไปอยู่ในห้องวิจัยที่คุ้นเคยแล้วก็ได้ถึงตอนนั้นนางอยากจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสักกี่ห่อก็สามารถกินได้ไม่ต้องมาทนรองรับอารมณ์ผู้ชายเส็งเคร็งคนนี้อีก...เซี่ยเชียนฮวันหลับตาลง ต่อให้สัญชาติญาณการเอาตัวรอดจะทำให้นางยังจับมือเซียวเย่หลันแน่นอยู่ก็ตาม"ท่านอ๋อง เป็นเช่นนี้ต่อไป พระชายาจะตายได้นะเพคะ" ซูอวี้เออร์ยืนนิ่งอยู่สักพัก เมื่อเห็นเซี่ยเชียนฮวันถูกทรมานจนพอใจแล้ว จึงได้พูดเตือนสติขึ้นเสียงเบาๆเซียวเย่หลันจ้องไปที่ใบหน้าขาวซีดของเซี่ยเชียนฮวันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุดก็ยอมคลายมือออกทีละนิ้วเขาไม่อยากเห็นหน้าของผู้หญิงสกปรกคนนี้ไปตลอดกาลแต่อันติ้งโหวกับราชวงศ์มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน หากว่าบุตรสาวคนโตของบ้านนั้นถูกสังหารในจวนอ๋อง ฮ่องเต้จะต้องสืบหาความอย่างแน่นอน!"วันนี้เห็นแก่หน้าของอวี้เออร์ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!"เซียวเย่หลันยังคงโมโหไม่หาย เขาผลักเซี่ยเชียนฮวันแรงๆ หนึ่งที มองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของนางอย่างเย็นชา ลำคอขาวสะอาดมีร่องรอยนิ้วมือสีช้ำน่ากลัว นาง
"ข้าหิวแล้ว ไปยกของกินมา" เซี่ยเชียนฮวันพูดอย่างเย็นชาเนื่องจากกรดไหลย้อน ทำให้น้ำเสียงที่นางพูดค่อนข้างแหบ ฟังแล้วไม่มีความอ่อนโยนที่เป็นเสน่ห์ของผู้หญิงเลยสักนิดชิงถีเบ้ปากอย่างไม่สนใจ "พระชายา ไม่มีใครมาส่งข้าว ท่านก็กินขนมไปก่อนนะเพคะ"นางคิดไปถึงอาหารที่คนจากตำหนักแม่นางซูส่งมาให้กินเมื่อตอนพลบค่ำ นั่นเรียกว่าอาหารชั้นเลิศเลยทีเดียว ต่อให้พระสนมในวังก็ไม่แน่ว่าจะได้กินของดีขนาดนี้!ดีนะที่ยอมทิ้งทางมืดแล้วหันไปหาทางสว่าง ได้รับใช้แม่นางซู ไม่เช่นนั้นในตำหนักใหญ่จวนอ๋องนี้ จะมีที่ไหนให้อยู่อีกเซี่ยเชียนฮวันเหลือบไปมองชิงถีอย่างเนือยๆ เพื่อที่จะมองความคิดในจิตใจผ่านสายตาของเด็กคนนี้ให้ชัดเจนนางไม่ได้แสดงอารมณ์อะไร เพียงแค่พยายามจะลุกลงจากเตียง นางคลุมเสื้อนอกสีม่วงอีกตัวให้ตัวเองก่อนจะเดินกะเผลกๆ มานั่งที่ข้างโต๊ะ"พระชายา ต้องการให้ช่วยเรียกท่านหมอให้หรือไม่เพคะ" ชิงถีเห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันใบหน้าซีดขาวจริงๆ ก็เลยถามออกมา"ไม่ต้อง"เซี่ยเชียนฮวันหยิบขนมดอกสาลี่ที่ทั้งเย็นทั้งแข็งบนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเอาเข้าปาก อย่างไรมันก็ช่วยทำให้อิ่มท้องได้ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้
"ว่าไงนะ ไม่มีทาง ชีพจรหัวใจเขาขาดแล้ว กระดูกแตกทิ่มเข้าไปที่อวัยวะภายใน ต่อให้เป็นมหาเซียนมาเองก็ช่วยไม่ได้หรอก"หมอหลวงห่าวปฏิเสธคำพูดของเซี่ยเชียนฮวันทันทีโดยไม่ลังเลเมื่อนางเว่ยได้ยินดังนั้นก็ยิ่งเสียใจเข้าไปอีก นางเข้ามาผลักตัวเซี่ยเชียนฮวันออก "เจ้าออกไปเลย ลูกข้าไม่ต้องการความเห็นใจจอมปลอมของเจ้า!"เซี่ยเชียนฮวันปล่อยให้นางเว่ยทั้งผลักทั้งตีตัวเอง ไอก่อนจะพูดด้วยเสียงแหบว่า "ข้าไม่เคยพูดเรื่องที่ไม่แน่ใจ ตอนนี้ต้องรีบฝังเข็มให้เขาโดยด่วนที่สุด ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันการ""สำหรับคนสูงศักดิ์อย่างพวกเจ้าแล้ว ลูกข้าก็เป็นเพียงทหารองค์รักษ์ ชีวิตไร้ค่ายิ่งกว่าสุนัข ตายไปก็ตายไป เหตุใดต้องมาแสร้งปลอบใจถึงที่นี่ด้วย เห็นพวกข้าเป็นของเล่นสนุกหรืออย่างไร!"นางเว่ยล้มลงบนพื้น ทุบอกกระทืบเท้าอย่างเสียใจที่สุด ได้แต่คร่ำครวญว่าชีวิตตัวเองช่างโชคร้ายนักเซี่ยเชียนฮวันถอนหายใจทีหนึ่ง ก่อนจะย่อตัวนั่งลงข้างหน้านางเว่ยอย่างช้าๆ พูดอย่างจริงจังว่า "ในสายตาของข้าคนไข้ก็คือคนไข้ ไม่เคยแบ่งแยกรวยจนสูงต่ำ เจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ดี แต่ตอนนี้ข้าอยากจะช่วยเหลือพวกเจ้าอย่างจริงใจ""เจ้า..."นางเว
เมื่อครู่ เพื่อป้องกันการถูกรบกวน เซี่ยเชียนฮวันยังให้หมอหลวงห่าวไปลงกลอนประตูอีกชั้นโดยเฉพาะคิดไม่ถึงว่าคนที่มาจะถีบออกได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ รู้ได้เลยว่าฝีมือเขาร้ายกาจขนาดไหน"เซี่ยเชียนฮวัน นี่เจ้ายังกล้ามาวางยาองค์รักษ์ประจำตัวของข้าอีกงั้นเหรอ!!"เซียวเย่หลันเดินก้าวใหญ่ๆ เข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธจัดเขาไม่ฟังคำอธิบายใดๆ ก็ถีบเซี่ยเชียนฮวันไปหนึ่งที ทำให้นางกระเด็นล้มลงบนพื้นอย่างแรง หัวชนกับขาเตียงจนตาลาย!"วิ๊ง..."เซี่ยเชียนฮวันกอดท้องล้มไปบนพื้น เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว หูทางด้านซ้ายเกิดอาการหูอื้ออย่างรุนแรงพ่อเขาสิ...ก่อนหน้านี้ก็ตบ แถมยังถีบอีก นางจะจำไว้!ซูอวี้เออร์รีบวิ่งไปดูอาการของเย่ซิ่นที่ข้างเตียงทันที แสดงท่าทีเล่นใหญ่โดยการยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดปาก ก่อนจะพูดอย่างตกใจ "สวรรค์! ท่านอ๋อง แผลที่ด้านหลังเขาสาหัสมาก แถมถูกเข็มจิ้มทั้งแดงทั้งบวม ดูเหมือนจะมีแผลใหม่เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยเพคะ!"นางเว่ยรีบวิ่งเข้าไปดู ก็เห็นเป็นอย่างที่ซูอวี้เออร์พูด ด้านหลังดูอาการหนักจนน่ากลัวนางร้องไห้ออกมาเสียงดังทันที "ลูกเอ๋ย! แม่ไม่ควรจะเชื่อฟังคำของผู้หญิงคนนี้เลย นางบอกว
ในเรือนข้างผู้ชายที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงตอนนี้ไข้ขึ้นสูงจึงสลบไสลไม่ได้สติ แต่ปากก็ยังละเมอพูด "พระชายา...พระชายานาง...""ลูกรัก แม่รู้ว่าเจ้าเกลียดผู้หญิงคนนั้น ขอเพียงแค่แม่ยังมีลมหายใจอยู่ แม่จะต้องแก้แค้นให้เจ้าแน่!"ใบหน้าของนางเว่ยที่ฟุบอยู่ที่หัวเตียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางคิดว่าเย่ซิ่นจะต้องโกรธแค้นคนที่ทำร้ายตัวเองมากเป็นแน่ ถึงได้ละเมอเรียกพระชายาทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่ได้สติเช่นนี้"เดี๋ยวหมอหลวงก็มาแล้ว เจ้าอดทนไว้ก่อนนะ" นางเว่ยเช็ดน้ำตา จับมือของลูกชายอย่างสั่นๆ "วางใจเถอะ ให้แม่จัดการเรื่องน้องสาวเจ้าเรียบร้อยก่อน หากว่าเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะไปห้องเก็บฟืน แล้วฆ่าผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวเอง!"บุตรสาวคนโตของอันติ้งโหวแล้วอย่างไร สำหรับคนเป็นแม่ หากว่าใครทำร้ายลูกของตัวเอง นางก็จะยอมสู้ตายกับคนนั้นแน่!รอให้นางฆ่าเซี่ยเชียนฮวันเรียบร้อย ค่อยใช้หนี้ชีวิตคืนให้อันติ้งโหวก็ได้!"ไม่..."จู่ๆ เย่ซิ่นก็ลืมตาขึ้นมานิดหนึ่งเขาทนความเจ็บปวด พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า "พาตัวพระชายามา...ช่วยชีวิต...""ห๊ะ เจ้าว่ายังไงนะ"นางเว่ยยังคิดว่าตัวเองฟังผิดไปพระชายา? ช่วยชีวิต?หญิง
อาการอักเสบที่บาดแผลของเย่ซิ่นไม่นับว่ารุนแรงมากนักหลังจากที่เซี่ยเชียนฮวันเข้าไป ก็จัดการทำแผลให้เขาแบบทั่วไป จากนั้นก็ให้ใบสั่งยาลดไข้ธรรมดาเพิ่มอีก ประมาณนี้เป็นอันใช้ได้"ไปหาคนจัดยาให้เถอะ"เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกอ่อนเพลียจนต้องใช้นิ้วมือไปกดระหว่างคิ้ว ก่อนยื่นใบสั่งยาไปให้นางเว่ยนางเว่ยรับมาด้วยสองมือ คำนับให้นางก่อนกล่าว "ขอบพระทัยพระชายา!"ไม่ว่าพระชายาคนนี้เมื่อก่อนจะร้ายกาจแค่ไหน แต่ตอนนี้นางเว่ยเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของนางแล้ว เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ"แล้วก็" เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยปากอีกครั้ง "เรื่องที่ข้ารักษาให้ลูกชายของเจ้า ไม่ต้องพูดให้ใครฟังล่ะ โดยเฉพาะท่านอ๋องของเจ้า""แต่ว่า..."นางเว่ยไม่เข้าใจท่านอ๋องชอบผู้หญิงที่มีความสามารถ แม่นางซูผู้นั้นแต่งกลอนได้เพียงไม่กี่บท วาดภาพได้นิดหน่อย ก็ทำให้ท่านอ๋องชื่นชมได้แล้ว ความสามารถในการรักษาของพระชายายอดเยี่ยมกว่าทักษะการวาดภาพหรือเริงระบำตั้งเยอะ เหตุใดนางจะต้องปิดบังท่านอ๋องด้วยเล่า"รีบไปเถอะ" เซี่ยเชียนฮวันมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย ถึงไม่โกรธแต่ก็ดูน่าเกรงขามนางเว่ยรีบไปอย่างรวดเร็วเซี่ยเชียนฮวันวาง
ตอนที่เซียวเย่หลันเดินเข้าไปในห้อง เขาก็ได้เห็นผู้หญิงที่นอนเกียจคร้านอยู่บนเก้าอี้ยาวเป็นอย่างแรก ไม่แต่งหน้า ผ้าผืนบางคลุมไหล่ไว้อยู่ ใบหน้าดูอ่อนแอขาวซีด แต่กลับไม่มีร่องรอยของความขลาดเขลาอยู่บนนั้นจู่ๆ ก็ทำให้เขานึกไปถึงพวกแมวสีขาวที่ชอบนอนเอกขเนกบนกระเบื้องสีทองในวังหลวงหลังจากที่เผลอคิดเรื่องอื่นไปแว๊บหนึ่ง ไฟแห่งความโมโหก็ลุกโชนขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง"เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าช่างบังอาจนัก เห็นข้าแล้วก็ยังไม่ลุกขึ้นมาคารวะอีกเหรอ" เซียวเย่หลันพูดด้วยเสียงเย็นๆเซี่ยเชียนฮวันถึงได้ลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน นางพูดเหน็บแนมออกไปว่า "ตัวข้ามีบาดแผลอยู่ ไม่ค่อยสะดวกจะคารวะ ขอท่านอ๋องโปรดอภัย"พูดจบ นางก็ก้มหน้าซุกเข้าไปในแขนตัวเองอีกครั้ง คิดอยากจะพักผ่อนต่อทำเป็นอ่อนแอเรียกร้องความสนใจ!นี่คือสิ่งที่เซียวเย่หลันคิดได้เป็นอย่างแรก!เขาขมวดคิ้ว ได้แต่คิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ไปเรียนมารยาพวกนี้มาจากไหน ยิ่งเห็นเช่นนี้ เดิมทีเขาก็รังเกียจผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกไร้สมองที่เอาแต่เกาะแกเขาอย่างเซี่ยเชียนฮวันยิ่งนางใช้มารยามากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเขาเ
แต่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่นางพูดเหยียดซูอวี้เออร์ไป เซียวเย่หลันกลับไม่ได้แสดงความโกรธมากขึ้นกว่าเดิมสายตาเย็นชาของเขามองไปที่นิ้วเรียวของนางที่มีผ้าสีขาวพันไว้อย่างไม่ใส่ใจ "นั่นเกิดอะไรขึ้นล่ะ"เซี่ยเชียนฮวันก้มหน้าลงไปดูนี่คือแผลที่ได้จากตอนที่นางใช้เศษก้อนหินกรีดนิ้วเพื่อเขียนใบสั่งยาตอนอยู่ในห้องเก็บฟืนเนื่องจากตอนออกจากห้องเก็บฟืน ร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป นางเลยยังไม่ได้รักษาแผลที่นิ้วให้ดีๆ ตอนนี้นิ้วพวกนี้ถูกพันไว้ทั้งบวมทั้งยุ่งเหยิง ดูไม่ได้เลยจริงๆ"โดนลวกตอนดื่มชาเท่านั้น" เซี่ยเชียนฮวันพูดเสียงเรียบเฉยนางค่อยๆ ดึงแขนเสื้อมาปกปิดมือขวาเอาไว้ ไม่อยากให้ชายหนุ่มเห็น"งั้นเหรอ" เซียวเย่หลันไม่ใส่ใจแผลของนาง แล้วก็ขี้เกียจจะยุ่งเกี่ยวกับนางอีก เขาสะบัดผ้าหมุนตัวเดินออกไป "จำที่ข้าพูดวันนี้เอาไว้ให้ดี"เมื่อพูดจบ เขาก็เดินไปถึงหน้าธรณีประตู กำลังจะยกขาข้ามไป จู่ๆ ก็หยุดชะงักหันก่อนเหลือบตามามอง"อีกอย่าง ไม่ว่าเจ้าจะอิจฉาสักเพียงไหนก็อย่าได้ไปหาเรื่องอวี้เออร์ นางไม่เหมือนเจ้า"เมื่อพูดประโยคนี้จบ เซียวเย่หลันก็เดินก้าวขายาวๆ ออกไปทันที!ใบหน้าของเ