ในเรือนข้างผู้ชายที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงตอนนี้ไข้ขึ้นสูงจึงสลบไสลไม่ได้สติ แต่ปากก็ยังละเมอพูด "พระชายา...พระชายานาง...""ลูกรัก แม่รู้ว่าเจ้าเกลียดผู้หญิงคนนั้น ขอเพียงแค่แม่ยังมีลมหายใจอยู่ แม่จะต้องแก้แค้นให้เจ้าแน่!"ใบหน้าของนางเว่ยที่ฟุบอยู่ที่หัวเตียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางคิดว่าเย่ซิ่นจะต้องโกรธแค้นคนที่ทำร้ายตัวเองมากเป็นแน่ ถึงได้ละเมอเรียกพระชายาทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่ได้สติเช่นนี้"เดี๋ยวหมอหลวงก็มาแล้ว เจ้าอดทนไว้ก่อนนะ" นางเว่ยเช็ดน้ำตา จับมือของลูกชายอย่างสั่นๆ "วางใจเถอะ ให้แม่จัดการเรื่องน้องสาวเจ้าเรียบร้อยก่อน หากว่าเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะไปห้องเก็บฟืน แล้วฆ่าผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวเอง!"บุตรสาวคนโตของอันติ้งโหวแล้วอย่างไร สำหรับคนเป็นแม่ หากว่าใครทำร้ายลูกของตัวเอง นางก็จะยอมสู้ตายกับคนนั้นแน่!รอให้นางฆ่าเซี่ยเชียนฮวันเรียบร้อย ค่อยใช้หนี้ชีวิตคืนให้อันติ้งโหวก็ได้!"ไม่..."จู่ๆ เย่ซิ่นก็ลืมตาขึ้นมานิดหนึ่งเขาทนความเจ็บปวด พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า "พาตัวพระชายามา...ช่วยชีวิต...""ห๊ะ เจ้าว่ายังไงนะ"นางเว่ยยังคิดว่าตัวเองฟังผิดไปพระชายา? ช่วยชีวิต?หญิง
อาการอักเสบที่บาดแผลของเย่ซิ่นไม่นับว่ารุนแรงมากนักหลังจากที่เซี่ยเชียนฮวันเข้าไป ก็จัดการทำแผลให้เขาแบบทั่วไป จากนั้นก็ให้ใบสั่งยาลดไข้ธรรมดาเพิ่มอีก ประมาณนี้เป็นอันใช้ได้"ไปหาคนจัดยาให้เถอะ"เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกอ่อนเพลียจนต้องใช้นิ้วมือไปกดระหว่างคิ้ว ก่อนยื่นใบสั่งยาไปให้นางเว่ยนางเว่ยรับมาด้วยสองมือ คำนับให้นางก่อนกล่าว "ขอบพระทัยพระชายา!"ไม่ว่าพระชายาคนนี้เมื่อก่อนจะร้ายกาจแค่ไหน แต่ตอนนี้นางเว่ยเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของนางแล้ว เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ"แล้วก็" เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยปากอีกครั้ง "เรื่องที่ข้ารักษาให้ลูกชายของเจ้า ไม่ต้องพูดให้ใครฟังล่ะ โดยเฉพาะท่านอ๋องของเจ้า""แต่ว่า..."นางเว่ยไม่เข้าใจท่านอ๋องชอบผู้หญิงที่มีความสามารถ แม่นางซูผู้นั้นแต่งกลอนได้เพียงไม่กี่บท วาดภาพได้นิดหน่อย ก็ทำให้ท่านอ๋องชื่นชมได้แล้ว ความสามารถในการรักษาของพระชายายอดเยี่ยมกว่าทักษะการวาดภาพหรือเริงระบำตั้งเยอะ เหตุใดนางจะต้องปิดบังท่านอ๋องด้วยเล่า"รีบไปเถอะ" เซี่ยเชียนฮวันมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย ถึงไม่โกรธแต่ก็ดูน่าเกรงขามนางเว่ยรีบไปอย่างรวดเร็วเซี่ยเชียนฮวันวาง
ตอนที่เซียวเย่หลันเดินเข้าไปในห้อง เขาก็ได้เห็นผู้หญิงที่นอนเกียจคร้านอยู่บนเก้าอี้ยาวเป็นอย่างแรก ไม่แต่งหน้า ผ้าผืนบางคลุมไหล่ไว้อยู่ ใบหน้าดูอ่อนแอขาวซีด แต่กลับไม่มีร่องรอยของความขลาดเขลาอยู่บนนั้นจู่ๆ ก็ทำให้เขานึกไปถึงพวกแมวสีขาวที่ชอบนอนเอกขเนกบนกระเบื้องสีทองในวังหลวงหลังจากที่เผลอคิดเรื่องอื่นไปแว๊บหนึ่ง ไฟแห่งความโมโหก็ลุกโชนขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง"เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าช่างบังอาจนัก เห็นข้าแล้วก็ยังไม่ลุกขึ้นมาคารวะอีกเหรอ" เซียวเย่หลันพูดด้วยเสียงเย็นๆเซี่ยเชียนฮวันถึงได้ลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน นางพูดเหน็บแนมออกไปว่า "ตัวข้ามีบาดแผลอยู่ ไม่ค่อยสะดวกจะคารวะ ขอท่านอ๋องโปรดอภัย"พูดจบ นางก็ก้มหน้าซุกเข้าไปในแขนตัวเองอีกครั้ง คิดอยากจะพักผ่อนต่อทำเป็นอ่อนแอเรียกร้องความสนใจ!นี่คือสิ่งที่เซียวเย่หลันคิดได้เป็นอย่างแรก!เขาขมวดคิ้ว ได้แต่คิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ไปเรียนมารยาพวกนี้มาจากไหน ยิ่งเห็นเช่นนี้ เดิมทีเขาก็รังเกียจผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกไร้สมองที่เอาแต่เกาะแกเขาอย่างเซี่ยเชียนฮวันยิ่งนางใช้มารยามากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเขาเ
แต่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่นางพูดเหยียดซูอวี้เออร์ไป เซียวเย่หลันกลับไม่ได้แสดงความโกรธมากขึ้นกว่าเดิมสายตาเย็นชาของเขามองไปที่นิ้วเรียวของนางที่มีผ้าสีขาวพันไว้อย่างไม่ใส่ใจ "นั่นเกิดอะไรขึ้นล่ะ"เซี่ยเชียนฮวันก้มหน้าลงไปดูนี่คือแผลที่ได้จากตอนที่นางใช้เศษก้อนหินกรีดนิ้วเพื่อเขียนใบสั่งยาตอนอยู่ในห้องเก็บฟืนเนื่องจากตอนออกจากห้องเก็บฟืน ร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป นางเลยยังไม่ได้รักษาแผลที่นิ้วให้ดีๆ ตอนนี้นิ้วพวกนี้ถูกพันไว้ทั้งบวมทั้งยุ่งเหยิง ดูไม่ได้เลยจริงๆ"โดนลวกตอนดื่มชาเท่านั้น" เซี่ยเชียนฮวันพูดเสียงเรียบเฉยนางค่อยๆ ดึงแขนเสื้อมาปกปิดมือขวาเอาไว้ ไม่อยากให้ชายหนุ่มเห็น"งั้นเหรอ" เซียวเย่หลันไม่ใส่ใจแผลของนาง แล้วก็ขี้เกียจจะยุ่งเกี่ยวกับนางอีก เขาสะบัดผ้าหมุนตัวเดินออกไป "จำที่ข้าพูดวันนี้เอาไว้ให้ดี"เมื่อพูดจบ เขาก็เดินไปถึงหน้าธรณีประตู กำลังจะยกขาข้ามไป จู่ๆ ก็หยุดชะงักหันก่อนเหลือบตามามอง"อีกอย่าง ไม่ว่าเจ้าจะอิจฉาสักเพียงไหนก็อย่าได้ไปหาเรื่องอวี้เออร์ นางไม่เหมือนเจ้า"เมื่อพูดประโยคนี้จบ เซียวเย่หลันก็เดินก้าวขายาวๆ ออกไปทันที!ใบหน้าของเ
"พระชายาโปรดวางพระทัย บ่าวจะทำงานให้ดีเพคะ"ชิงถีพยายามอดกลั้นความดีใจอย่างบ้าคลั่งภายใน แสร้งทำตัวเรียบร้อยมีมารยาทก่อนจะรับพัดต่อมาจากมือของแม่เฒ่าจางแม่เฒ่าจางก็ยินดีที่จะได้ไปพักสักหน่อย หันไปทำความเคารพเซี่ยเชียนฮวัน จากนั้นก็ไปนั่งพักด้านหนึ่ง ในเมื่อเด็กคนนั้นเป็นคนข้างกายของพระชายา นางก็ย่อมไม่คิดสงสัยอะไรเซี่ยเชียนฮวันจ้องไปที่หม้อยา พูดขึ้นเสียงเรียบว่า "ถึงอย่างไรเย่ซิ่นคนนั้นก็ต้องทนทุกข์ทรมานหนักก็เพราะข้า ข้าควรจะอยู่ต้มยาให้เขาด้วยตัวเองดีไหมนะ..."ชิงถีเมื่อได้ยินก็รีบร้อนพูดห้ามไว้ทันที "นายท่านไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ ท่านร่างกายสูงศักดิ์ จะมาต้มยาให้องค์รักษ์คนหนึ่งด้วยตัวเองได้อย่างไร งานหยาบๆ แบบนี้ให้พวกบ่าวทำก็ได้แล้ว ที่ท่านสั่งให้บ่าวมาช่วยงานที่นี่ก็นับว่ามีน้ำใจแล้วเจ้าค่ะ""ใช่แล้วพระชายา สีหน้าท่านไม่ค่อยดี กลับไปพักก่อนเถิดเพคะ" แม่เฒ่าจางก็ช่วยพูดห้ามด้วย"ก็ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน ต้มยาเสร็จแล้วก็รีบเอาไปส่งให้เย่ซิ่นซะ"เซี่ยเชียนฮวันพยักหน้า ไม่พยายามยื้ออยู่ต่อไปสองชั่วโมงผ่านไปกลางดึก คนในตำหนักเล็กเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ แม่เฒ่าจ
เซี่ยเชียนฮวันเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา "ใครเป็นคนสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้""พระชายา ท่านลืมแล้วหรือ ก็ท่านเป็นคนสั่งให้บ่าวมาช่วยงานที่นี่เองนะเจ้าคะ..." ชิงถีก้มหน้างุด ตัวสั่นไปทั้งตัว"โง่เง่า!"เซี่ยเชียนฮวันตวาดไปหนึ่งที ชิงถีตกใจจนหน้าซีดเผือด จากนั้นก็ยิ่งตัวสั่นมากขึ้นไปอีกนางยื่นมือไปเชิดคางของชิงถีขึ้นมา จ้องหน้านางด้วยสายตาเรียบเฉย "เจ้าคิดว่าถ้าลากข้าเข้าไปเป็นแพะรับบาปแล้วตัวเองจะรอดไปได้หรือไง คนที่บงการเจ้าอยู่เบื้องหลังคนนั้นก็คงอยากจะกำจัดเจ้าทิ้งนานแล้ว""ขะ ข้าไม่เข้าใจว่าพระชายาพูดเรื่องอะไร..."ในหัวของชิงถีขาวโพลนไปหมดแม่นางซูอยากจะกำจัดนางเหรอไม่ เป็นไปไม่ได้ ขอเพียงนางทำงานสำเร็จ ใส่ร้ายพระชายาได้ แม่นางซูก็จะต้องช่วยนางแน่นอน!เซี่ยเชียนฮวันมองดูใบหน้าโง่เขลาของสาวใช้แล้วก็ขำก่อนพูดอย่างเย็นชา "ยาพิษที่เจ้าถือในมือเมื่อครู่เรียกว่าผงดอกลำโพง ปลิวอยู่ในอากาศได้เอง ตอนที่เจ้าใส่ยาลงไปก็คงสูดเอาฝุ่นผงมันเข้าไปไม่น้อย ถ้าดูตามปริมาณยาที่ใช้ กว่าพิษจะออกฤทธิ์ก็ประมาณสามชั่วโมง รอให้เย่ซิ่นดื่มยาพิษจนหมด เจ้าเองก็จะต้องตายในไม่ช้าเหมือนกัน""ไม่ห
อย่างที่เซี่ยเชียนฮวันคิดเอาไว้ แม่ดอกบัวขาวซูอวี้เออร์ เริ่มพูดเปลี่ยนดำเป็นขาวกล่าวหานางแล้ว!นางพูดออกไปอย่างตกใจ "น่าแปลกจริง แม่นางซูเอาอะไรมาตัดสินว่าข้าเป็นคนสั่งให้นางวางยาพิษเหรอ""แต่ว่าชิงถีเป็นสาวใช้ที่ติดตามท่านมาจากบ้านเดิมนะ หากว่าท่านไม่ได้คอยให้ท้ายอยู่ นางจะกล้าทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้หรือ"ซูอวี้เออร์กัดริมฝีปากแสร้งทำตัวไร้เดียงสา หลังจากชี้เป้าเสร็จ ก็หันไปแสร้งพูดห้ามปรามกับเซียวเย่หลันต่อ "ท่านอ๋อง ข้าว่าพระชายาคงทำเรื่องโง่เขลาไปเพราะอารมณ์โมโหชั่วครู่ ในเมื่อไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ เห็นแก่อันติ้งโหว ท่านก็อย่าถือสานางเลยนะเพคะ"คำพูดของนางที่ดูเหมือนกำลังห้ามปราม แต่แท้จริงแล้ว กำลังเหยียบย่ำลงไปในดงกับระเบิดของเซียวเย่หลันในทุกอนู!สีหน้าของชายหนุ่มแย่ลงทุกที นัยน์ตาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ไอสังหารแผ่กระจายออกมาอย่างเข้มข้น"เซี่ยเชียนฮวัน ดูท่าเจ้าจะไม่ได้จดจำคำที่ข้าพูดเลยสินะ"เขาเคยบอกแล้วว่าหากนางยังทำเรื่องที่ล้ำเส้นเขาอีก ไม่ว่าใคร ก็รักษาชีวิตของนางเอาไว้ไม่ได้!เซียวเย่หลันก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว ความกดดันมหาศาลทำให้ทุกคนรู้สึกกดดันไปหมด ขนา
สีหน้าของชายหนุ่มดำมืดสนิทขนาดซูอวี้เออร์เองยังไม่กล้าพูดแก้ต่างให้กับตัวเองเลย จึงทำได้เพียงใช้สายตามองจ้องเขาไปอย่างน่าสงสารในเวลานี้ เซี่ยเชียนฮวันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดวงตารูปดอกท้อของนางมองไปที่ใบหน้าของเซียวเย่หลันและซูอวี้เออร์ หัวเราะออกมาเบาๆ พูดว่า "คนบางคนคิดว่าตัวเองฉลาด คิดว่าใช้วิธียิงครั้งเดียวได้นกสองตัว ได้ทั้งไล่ให้ข้าออกไป แถมยังสามารถกำจัดบ่าวที่รู้มากคนนั้นออกไปได้อีก สุดท้ายกลับโง่จนทำให้ตัวเองต้องตกลงไปในหลุมพลางนั้นเอง น่าขันเสียจริง""เจ้า เจ้าอย่ามาใส่ร้ายคนอื่นสิ!"สีหน้าของซูอวี้เออร์เต็มไปด้วยความคับแค้น นางเซไปข้างหลังสองก้าว คล้ายกับว่าจะเป็นลม หัวเริ่มโงนเงนแทบจะล้มตึ้งลงไปด้านหลังเซียวเย่หลันรีบเอามือไปช้อนรับตัวนางไว้ทันที เขามองไปที่เซี่ยเชียนฮวันอย่างเย็นชา "ไม่ต้องพูดแล้ว""ทำไม ท่านอ๋องไม่ใช่ดีต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองมากเหรอ ทำไมตอนนี้ถึงไม่อยากสืบหาคนร้ายตัวจริงที่คิดจะทำร้ายองค์รักษ์เย่แล้วล่ะ อีกอย่าง ท่านอ๋องก็พูดเองหนิ หากว่ามีใครไปแตะเส้นตายของท่าน ท่านจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แต่ความจริงแล้วเส้นตายของท่านอ๋องก็สามารถเปลี