ตอนที่เซียวเย่หลันเดินเข้าไปในห้อง เขาก็ได้เห็นผู้หญิงที่นอนเกียจคร้านอยู่บนเก้าอี้ยาวเป็นอย่างแรก ไม่แต่งหน้า ผ้าผืนบางคลุมไหล่ไว้อยู่ ใบหน้าดูอ่อนแอขาวซีด แต่กลับไม่มีร่องรอยของความขลาดเขลาอยู่บนนั้นจู่ๆ ก็ทำให้เขานึกไปถึงพวกแมวสีขาวที่ชอบนอนเอกขเนกบนกระเบื้องสีทองในวังหลวงหลังจากที่เผลอคิดเรื่องอื่นไปแว๊บหนึ่ง ไฟแห่งความโมโหก็ลุกโชนขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง"เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าช่างบังอาจนัก เห็นข้าแล้วก็ยังไม่ลุกขึ้นมาคารวะอีกเหรอ" เซียวเย่หลันพูดด้วยเสียงเย็นๆเซี่ยเชียนฮวันถึงได้ลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน นางพูดเหน็บแนมออกไปว่า "ตัวข้ามีบาดแผลอยู่ ไม่ค่อยสะดวกจะคารวะ ขอท่านอ๋องโปรดอภัย"พูดจบ นางก็ก้มหน้าซุกเข้าไปในแขนตัวเองอีกครั้ง คิดอยากจะพักผ่อนต่อทำเป็นอ่อนแอเรียกร้องความสนใจ!นี่คือสิ่งที่เซียวเย่หลันคิดได้เป็นอย่างแรก!เขาขมวดคิ้ว ได้แต่คิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ไปเรียนมารยาพวกนี้มาจากไหน ยิ่งเห็นเช่นนี้ เดิมทีเขาก็รังเกียจผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกไร้สมองที่เอาแต่เกาะแกเขาอย่างเซี่ยเชียนฮวันยิ่งนางใช้มารยามากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเขาเ
แต่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่นางพูดเหยียดซูอวี้เออร์ไป เซียวเย่หลันกลับไม่ได้แสดงความโกรธมากขึ้นกว่าเดิมสายตาเย็นชาของเขามองไปที่นิ้วเรียวของนางที่มีผ้าสีขาวพันไว้อย่างไม่ใส่ใจ "นั่นเกิดอะไรขึ้นล่ะ"เซี่ยเชียนฮวันก้มหน้าลงไปดูนี่คือแผลที่ได้จากตอนที่นางใช้เศษก้อนหินกรีดนิ้วเพื่อเขียนใบสั่งยาตอนอยู่ในห้องเก็บฟืนเนื่องจากตอนออกจากห้องเก็บฟืน ร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป นางเลยยังไม่ได้รักษาแผลที่นิ้วให้ดีๆ ตอนนี้นิ้วพวกนี้ถูกพันไว้ทั้งบวมทั้งยุ่งเหยิง ดูไม่ได้เลยจริงๆ"โดนลวกตอนดื่มชาเท่านั้น" เซี่ยเชียนฮวันพูดเสียงเรียบเฉยนางค่อยๆ ดึงแขนเสื้อมาปกปิดมือขวาเอาไว้ ไม่อยากให้ชายหนุ่มเห็น"งั้นเหรอ" เซียวเย่หลันไม่ใส่ใจแผลของนาง แล้วก็ขี้เกียจจะยุ่งเกี่ยวกับนางอีก เขาสะบัดผ้าหมุนตัวเดินออกไป "จำที่ข้าพูดวันนี้เอาไว้ให้ดี"เมื่อพูดจบ เขาก็เดินไปถึงหน้าธรณีประตู กำลังจะยกขาข้ามไป จู่ๆ ก็หยุดชะงักหันก่อนเหลือบตามามอง"อีกอย่าง ไม่ว่าเจ้าจะอิจฉาสักเพียงไหนก็อย่าได้ไปหาเรื่องอวี้เออร์ นางไม่เหมือนเจ้า"เมื่อพูดประโยคนี้จบ เซียวเย่หลันก็เดินก้าวขายาวๆ ออกไปทันที!ใบหน้าของเ
"พระชายาโปรดวางพระทัย บ่าวจะทำงานให้ดีเพคะ"ชิงถีพยายามอดกลั้นความดีใจอย่างบ้าคลั่งภายใน แสร้งทำตัวเรียบร้อยมีมารยาทก่อนจะรับพัดต่อมาจากมือของแม่เฒ่าจางแม่เฒ่าจางก็ยินดีที่จะได้ไปพักสักหน่อย หันไปทำความเคารพเซี่ยเชียนฮวัน จากนั้นก็ไปนั่งพักด้านหนึ่ง ในเมื่อเด็กคนนั้นเป็นคนข้างกายของพระชายา นางก็ย่อมไม่คิดสงสัยอะไรเซี่ยเชียนฮวันจ้องไปที่หม้อยา พูดขึ้นเสียงเรียบว่า "ถึงอย่างไรเย่ซิ่นคนนั้นก็ต้องทนทุกข์ทรมานหนักก็เพราะข้า ข้าควรจะอยู่ต้มยาให้เขาด้วยตัวเองดีไหมนะ..."ชิงถีเมื่อได้ยินก็รีบร้อนพูดห้ามไว้ทันที "นายท่านไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ ท่านร่างกายสูงศักดิ์ จะมาต้มยาให้องค์รักษ์คนหนึ่งด้วยตัวเองได้อย่างไร งานหยาบๆ แบบนี้ให้พวกบ่าวทำก็ได้แล้ว ที่ท่านสั่งให้บ่าวมาช่วยงานที่นี่ก็นับว่ามีน้ำใจแล้วเจ้าค่ะ""ใช่แล้วพระชายา สีหน้าท่านไม่ค่อยดี กลับไปพักก่อนเถิดเพคะ" แม่เฒ่าจางก็ช่วยพูดห้ามด้วย"ก็ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน ต้มยาเสร็จแล้วก็รีบเอาไปส่งให้เย่ซิ่นซะ"เซี่ยเชียนฮวันพยักหน้า ไม่พยายามยื้ออยู่ต่อไปสองชั่วโมงผ่านไปกลางดึก คนในตำหนักเล็กเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ แม่เฒ่าจ
เซี่ยเชียนฮวันเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา "ใครเป็นคนสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้""พระชายา ท่านลืมแล้วหรือ ก็ท่านเป็นคนสั่งให้บ่าวมาช่วยงานที่นี่เองนะเจ้าคะ..." ชิงถีก้มหน้างุด ตัวสั่นไปทั้งตัว"โง่เง่า!"เซี่ยเชียนฮวันตวาดไปหนึ่งที ชิงถีตกใจจนหน้าซีดเผือด จากนั้นก็ยิ่งตัวสั่นมากขึ้นไปอีกนางยื่นมือไปเชิดคางของชิงถีขึ้นมา จ้องหน้านางด้วยสายตาเรียบเฉย "เจ้าคิดว่าถ้าลากข้าเข้าไปเป็นแพะรับบาปแล้วตัวเองจะรอดไปได้หรือไง คนที่บงการเจ้าอยู่เบื้องหลังคนนั้นก็คงอยากจะกำจัดเจ้าทิ้งนานแล้ว""ขะ ข้าไม่เข้าใจว่าพระชายาพูดเรื่องอะไร..."ในหัวของชิงถีขาวโพลนไปหมดแม่นางซูอยากจะกำจัดนางเหรอไม่ เป็นไปไม่ได้ ขอเพียงนางทำงานสำเร็จ ใส่ร้ายพระชายาได้ แม่นางซูก็จะต้องช่วยนางแน่นอน!เซี่ยเชียนฮวันมองดูใบหน้าโง่เขลาของสาวใช้แล้วก็ขำก่อนพูดอย่างเย็นชา "ยาพิษที่เจ้าถือในมือเมื่อครู่เรียกว่าผงดอกลำโพง ปลิวอยู่ในอากาศได้เอง ตอนที่เจ้าใส่ยาลงไปก็คงสูดเอาฝุ่นผงมันเข้าไปไม่น้อย ถ้าดูตามปริมาณยาที่ใช้ กว่าพิษจะออกฤทธิ์ก็ประมาณสามชั่วโมง รอให้เย่ซิ่นดื่มยาพิษจนหมด เจ้าเองก็จะต้องตายในไม่ช้าเหมือนกัน""ไม่ห
อย่างที่เซี่ยเชียนฮวันคิดเอาไว้ แม่ดอกบัวขาวซูอวี้เออร์ เริ่มพูดเปลี่ยนดำเป็นขาวกล่าวหานางแล้ว!นางพูดออกไปอย่างตกใจ "น่าแปลกจริง แม่นางซูเอาอะไรมาตัดสินว่าข้าเป็นคนสั่งให้นางวางยาพิษเหรอ""แต่ว่าชิงถีเป็นสาวใช้ที่ติดตามท่านมาจากบ้านเดิมนะ หากว่าท่านไม่ได้คอยให้ท้ายอยู่ นางจะกล้าทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้หรือ"ซูอวี้เออร์กัดริมฝีปากแสร้งทำตัวไร้เดียงสา หลังจากชี้เป้าเสร็จ ก็หันไปแสร้งพูดห้ามปรามกับเซียวเย่หลันต่อ "ท่านอ๋อง ข้าว่าพระชายาคงทำเรื่องโง่เขลาไปเพราะอารมณ์โมโหชั่วครู่ ในเมื่อไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ เห็นแก่อันติ้งโหว ท่านก็อย่าถือสานางเลยนะเพคะ"คำพูดของนางที่ดูเหมือนกำลังห้ามปราม แต่แท้จริงแล้ว กำลังเหยียบย่ำลงไปในดงกับระเบิดของเซียวเย่หลันในทุกอนู!สีหน้าของชายหนุ่มแย่ลงทุกที นัยน์ตาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ไอสังหารแผ่กระจายออกมาอย่างเข้มข้น"เซี่ยเชียนฮวัน ดูท่าเจ้าจะไม่ได้จดจำคำที่ข้าพูดเลยสินะ"เขาเคยบอกแล้วว่าหากนางยังทำเรื่องที่ล้ำเส้นเขาอีก ไม่ว่าใคร ก็รักษาชีวิตของนางเอาไว้ไม่ได้!เซียวเย่หลันก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว ความกดดันมหาศาลทำให้ทุกคนรู้สึกกดดันไปหมด ขนา
สีหน้าของชายหนุ่มดำมืดสนิทขนาดซูอวี้เออร์เองยังไม่กล้าพูดแก้ต่างให้กับตัวเองเลย จึงทำได้เพียงใช้สายตามองจ้องเขาไปอย่างน่าสงสารในเวลานี้ เซี่ยเชียนฮวันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดวงตารูปดอกท้อของนางมองไปที่ใบหน้าของเซียวเย่หลันและซูอวี้เออร์ หัวเราะออกมาเบาๆ พูดว่า "คนบางคนคิดว่าตัวเองฉลาด คิดว่าใช้วิธียิงครั้งเดียวได้นกสองตัว ได้ทั้งไล่ให้ข้าออกไป แถมยังสามารถกำจัดบ่าวที่รู้มากคนนั้นออกไปได้อีก สุดท้ายกลับโง่จนทำให้ตัวเองต้องตกลงไปในหลุมพลางนั้นเอง น่าขันเสียจริง""เจ้า เจ้าอย่ามาใส่ร้ายคนอื่นสิ!"สีหน้าของซูอวี้เออร์เต็มไปด้วยความคับแค้น นางเซไปข้างหลังสองก้าว คล้ายกับว่าจะเป็นลม หัวเริ่มโงนเงนแทบจะล้มตึ้งลงไปด้านหลังเซียวเย่หลันรีบเอามือไปช้อนรับตัวนางไว้ทันที เขามองไปที่เซี่ยเชียนฮวันอย่างเย็นชา "ไม่ต้องพูดแล้ว""ทำไม ท่านอ๋องไม่ใช่ดีต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองมากเหรอ ทำไมตอนนี้ถึงไม่อยากสืบหาคนร้ายตัวจริงที่คิดจะทำร้ายองค์รักษ์เย่แล้วล่ะ อีกอย่าง ท่านอ๋องก็พูดเองหนิ หากว่ามีใครไปแตะเส้นตายของท่าน ท่านจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แต่ความจริงแล้วเส้นตายของท่านอ๋องก็สามารถเปลี
"อย่าพูดมั่วๆ ข้าไม่ได้ท้องสักหน่อย"เมื่อเซี่ยเชียนฮวันอาการดีขึ้น ก็รีบปฏิเสธออกไปทันทีนางเว่ยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "แต่ดูจากอาการของท่านเมื่อครู่ ดูเหมือนท้องแล้วจริงๆ นะ...""เป็นไปไม่ได้" เซี่ยเชียนฮวันส่ายหน้าคำนวณจากเวลาแล้ว มันใกล้กับตอนที่นางกับเซียวเย่หลันมีอะไรกันมากเกินไป ไม่มีทางท้องเร็วขนาดนี้แน่ อีกอย่างในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายคนอื่นด้วยเมื่อนางเว่ยเห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันปฏิเสธเสียงแข็งเช่นนี้ ก็ไม่พูดอะไรมากอีก ได้แต่ถอนหายใจก่อนบอกว่า "เพคะ แต่มีบางเรื่องที่ข้าต้องเตือนพระชายาสักหน่อย ความจริงแล้วที่ท่านอ๋องดีกับซูอวี้เออร์มากถึงเพียงนั้นมันมีสาเหตุนะเพคะ ก่อนหน้านี้ซูอวี้เออร์เคยช่วยชีวิตท่านอ๋องเอาไว้เพคะ""มีเรื่องนี้ด้วยเหรอ" เซี่ยเชียนฮวันเลิกคิ้วอย่างสงสัยนางเว่ยมองซ้ายมองขวา ก่อนพูดเสียงเบาๆ ว่า "เรื่องนี้เป็นความลับ มีคนรู้ไม่กี่คน มีครั้งหนึ่งท่านอ๋องเคยถูกคนวางแผนลอบทำร้าย หากไม่ได้ซูอวี้เออร์มาช่วยท่านอ๋องแก้พิษรัก เกรงว่าเขาคงจะกลายเป็นคนพิการไปแล้วในตอนนี้""อย่างนี้นี่เอง"เซี่ยเชียนฮวันฟังแล้วก็ได้แต่คิดพิ
ความหมายที่ซ่อนอยู่ในประโยคนั้นของซูอวี้เออร์ ผู้ชายทุกคนล้วนฟังออกได้แต่แล้ว เซียวเย่หลันกลับไม่อยู่ค้างคืนตามความต้องการของนาง เขาเพียงพูดอย่างเรียบเฉยว่า "ไม่ล่ะ ข้าไม่มีนิสัยชอบนอนร่วมห้องกับคนอื่น"ซูอวี้เออร์กัดริมฝีปาก "ท่านอ๋อง ท่านรังเกียจข้าเหรอ""อย่าเดาส่งเดช""ตั้งแต่คืนนั้นที่ช่วยท่านถอนพิษ ร่างกายของข้าก็แย่ลงทุกวัน เดี๋ยวก็ปวดหัวตัวร้อนไม่สบาย แบบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่มีสิทธิ์จะรับใช้ท่านอ๋องได้แล้วจริงๆ"ซูอวี้เออร์ถอนหายใจเบาๆ หลุบตาลงต่ำ แล้วก็ปล่อยมือที่จับแขนของเซียวเย่หลันเอาไว้ออกเมื่อเซียวเย่หลันเห็นท่าทางน้อยใจของนาง ก็ทำได้เพียงนั่งลงข้างกายนาง พูดเสียงเบาๆ ว่า "ข้ารู้ว่าพิษดอกรักรุนแรงแค่ไหน หลังจากคืนนั้น พิษก็เข้าสู่ร่างกายเจ้า นี่คือสิ่งที่ข้าติดค้างเจ้า""ท่านอ๋องอย่าได้กล่าวเช่นนั้น ได้รับใช้ท่านอ๋องหนึ่งคืน ก็นับเป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ของอวี้เออร์แล้ว"ซูอวี้เออร์ใช้หลังมือปาดน้ำตาที่หางตาเบาๆ เสียงสั่นเครือ ยิ่งทำให้ดูน่าสงสารขึ้นไปอีกแสร้งถอยเพื่อรุกคือวิธีการที่นางถนัดที่สุดนางใช้วิธีนี้ จัดการกับคุณชายผู้สูงศักดิ์มานักต่อนักแล้วเซียวเย่หลัน
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา