"เจ้าบอกว่าพระชายาจ้านอ๋องถูกห้ามไม่ให้เข้าวังหรือ?" เซียวเย่หลันใช้สายตาอันเยือกเย็นจ้องมองไปยังขันทีตัวน้อยที่ยืนโค้งกายอยู่ตรงหน้าอย่างนอบน้อมขันทีเป็นเพียงผู้มาส่งข่าว แต่กลับต้องทนรับแรงกดดันอันน่ากลัวของเซียวเย่หลันเช่นนี้ จึงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น "นี่เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ""เพราะเหตุใด"ก่อนหน้านี้เขาเคยพาเซี่ยเชียนฮวันไปเข้าร่วมงานเลี้ยงราชวงศ์มาแล้วครั้งหนึ่งงานเลี้ยงปีใหม่ครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าโดยไม่ต้องสงสัย และเป็นทางการมากกว่า องค์หญิงองค์ชาย ขุนนางชั้นสูงทุกคนล้วนต้องเดินทางไปร่วมงานไม่มีเหตุผลใดที่จะห้ามไม่ให้เซี่ยเชียนฮวันไป"เป็นเพราะ..."เดิมทีขันทีน้อยต้องการอ้างไปเรื่อยเปื่อย แต่เมื่อเงยหน้าพบแววตาอันน่ากลัวของเซียวเย่หลัน ทำให้เขาตกใจจนพูดความจริงออกมา "สำนักหอดูดาวหลวงทำนายว่า งานเลี้ยงปีใหม่เกี่ยวข้องกับโชคชะตาทั้งปีต่อไปของราชวงศ์ บัดนี้พระชายาอ๋องตั้งครรภ์ดาวร้าย ยังไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เพื่อป้องกันทุกอย่าง วันนี้ทางที่ดีอย่าได้เดินทางเข้าวังเลย""ไร้สาระ!"เซียวเย่หลันไม่เชื่อเรื่องราวร้ายหรืออะไรนั่น!เขาเชื่อเพียงว่าลิขิตฟ้าหรือจะ
"เอ๋ ดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่พระชายาอ๋อง?”"เป็นพระชายารองซู..."“คืนนี้เป็นงานเลี้ยงข้ามปีของพระราชวัง งานยิ่งใหญ่และสำคัญเช่นนี้ ท่านอ๋องกลับไม่พาพระชายาอ๋องออกงาน เขาพาภรรยาน้อยมาแทนงั้นหรือ?""โถ โถ โถ ข้าคิดว่าอีกไม่นานแม่นางคงจะได้ขึ้นเป็นพระราชชายาจริง”"ก็นั่นน่ะสิ ต่อให้เซี่ยเชียนฮวันมีเชื้อสายของไทเฮาแล้วอย่างไร สตรีที่ถูกจ้านอ๋องทะนุถนอมไว้ในมือท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่นาง"ภายในสวนดอกไม้ ทั้งราชวงศ์และชนชั้นสูงรวมตัวกัน เป็นไปเช่นเดียวกับที่เซี่ยเชียนฮวันคาดคิดไว้ พวกนางสนทนาลับหลังเรื่องของจวนจ้านอ๋องเซียวหมิงเซียนยืนอยู่ท่ามกลางชนชั้นสูงมากมาย นางนับคำพูดอันแทงใจดำที่พวกนางทั้งหลายกล่าวออกมา"พระชายาอ๋องอะไรกัน ไม่ช้าสักวันก็ถูกถอดถอนหย่าร้าง!""ในฐานะสตรีกลับไม่ได้รับความรักจากสามี ในอนาคตนางจะจบลงอย่างน่าสมเพชแน่!""ต่อให้เซี่ยเชียนฮวันรู้ทักษะทางการแพทย์แล้วอย่างไร นางไม่มีข้อดีอื่นๆ ใจจืดใจดำ ก่อนหน้านี้ในกั๋วจื่อเจี้ยน เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าขันของนาง แม้พระชายารองซูจะเคยเป็นนางคณิกามาก่อน แต่อย่างน้อยก็เป็นยอดสตรีแห่งเมืองหลวง ไม่ว่าชายคนใดล้วนอยากทะนุถนอมรักใคร่น
ครั้งนี้แม้แต่สีหน้าของเซียวเย่หลันก็เปลี่ยนไปนางร้ายสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของชายหนุ่มข้างกาย นางก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยด้วยนิสัยอันเย็นชาเช่นเขา เหตุใดเมื่อเจอหญิงสาวซึ่งใบหน้างดงามจึงไม่อาจเก็บอารมณ์ตนเองได้?"ท่านอ๋องเพคะ สตรีที่นามว่าฉินจีช่างงดงามเหลือเกิน" นางร้ายแกล้งพูดต่อไปว่า "หม่อมฉันว่านางคงจะเข้าตาฝ่าบาท และถูกรับเข้าไปในวังหลัง"นางกล่าวเช่นนี้เพื่อเป็นการเตือนสติเซียวเย่หลันคิดไม่ถึงว่าแววตาและท่าทีของเซียวเย่หลันยังคงดูแปลกประหลาดดังเดิม เขาไม่ได้ตอบรับนางร้าย ได้แต่ดื่มสุราเข้าไปอึกใหญ่"ช่างบังเอิญเหลือเกิน แม่นางฉินจีหน้าตาคล้ายคลึงกับหมิงเฟยเหนียงเหนียงเมื่อครั้งยังเป็นสาว""บังเอิญหรือ? ฮ่าๆ เกรงว่าจะมีคนจัดฉากขึ้นน่ะสิ""เจ้าหมายความว่า เฉิงกุ้ยเฟยไปหาหญิงงามที่มีหน้าตาคล้ายกับหมิงเฟยตอนวัยสาวมา และหาโอกาสให้นางเข้าวังถวายตัว เพื่อใช้โอกาสนี้ในการแก้แค้นหมิงเฟยหรือ..."ในงานเลี้ยง เชื้อพระวงศ์ที่ค่อนข้างมีอายุต่างพากันกระซิบกระซาบน้ำเสียงของพวกเขาเบาบาง คนรอบข้างฟังไม่ชัด แต่ใครบางคนก็เหลือบมองไปยังสีหน้าของหมิงเฟยซึ่งบัดนี้ดูเคร่งขรึม ก็พอจะเดาได้บางอ
"ค่ำคืนนี้ดวงจันทร์ถูกปกคลุมไปด้วยโลหิตเมฆา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย คาดไม่ถึงว่าปรากฏการณ์อันง่ายดายเช่นนี้แม้แต่สำนักหอดูดาวหลวงไม่อาจคำนวณได้ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ "เซี่ยเชียนฮวันถอนหายใจแล้วส่ายหน้านี่เรียกว่าหนามยอกเอาหนามบ่งกล้าบอกว่านางเป็นดวงซวย?บัดนี้นางโยนความผิดทุกอย่างกลับไปให้พวกเขาแล้ว!"สะใภ้เจ็ด ข้าเห็นดวงจันทร์โผล่ออกมาจากท้องฟ้าแล้ว" ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้น เมฆดำเหล่านั้นก็จางหายไป เซี่ยเชียนฮวันแสร้งทำสีหน้าจริงจังต่อไปว่า "นั่นหมายความว่าความชั่วร้ายได้จากไปแล้ว อีกสักพักทุกคนก็จะหายดี”ดวงจันทร์หนอดวงจันทร์ เจ้าให้ความร่วมมือกับข้าดีเหลือเกิน!ในคืนข้ามปียังออกมากระโดดโลดเต้น! โชคดีที่นางมีความปราดเปรื่อง สามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์ มิเช่นนั้นคงยากที่จะอธิบายแม้ฮ่องเต้จะรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับคำพูดของเซี่ยเชียนฮวัน แต่เมื่อนางฝังเข็มให้แก่เขาแล้ว อาการปวดท้องก็ดูค่อยๆ ทุเลาลงเซี่ยเชียนฮวันทำการฝังเข็มให้แก่ฮองเฮาต่อเป็นไปดังที่นางกล่าวไว้ ยังไม่ทันถึงราชวงศ์คนอื่น อาการปวดท้องของพวกเขาก็หายดี อาการปวดท้องนี้เป็นง่ายและหายเร็วแปลกเห
"ท่านอ๋องควรดูแลตัวเองก่อนดีกว่า ข้าเห็นสตรีที่คุกเข่าอยู่ตอนนี้ ใบหน้าและท่าทีช่างเหมือนกับเสด็จแม่ท่านเหลือเกิน คาดว่าเฉิงกุ้ยเฟยคงจงใจพานางมาที่นี่ เพื่อจะได้รับความรักแข่งขันกับเสด็จแม่"ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันกำลังรักษาให้กับฮ่องเต้อยู่นั้น นางสังเกตเห็นฉินจีกำลังก้มหน้าคุกเข่าอยู่ที่หน้าโต๊ะเซียวเย่หลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "เจ้าช่างสังเกตเหลือเกิน"เมื่ออายุมากขึ้นรูปร่างหน้าตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยคนที่ไม่เคยเห็นหมิงเฟยตอนยังสาว อาจไม่รู้ว่านางและฉินจีหน้าตาคล้ายคลึงกันเท่าไหร่เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติว่า "ใต้หล้านี้อาจมีสตรีมากมายที่หน้าตาคล้ายกัน แต่นิสัยและท่าทีของพวกนางจะแตกต่างกัน ท่าทีของนางตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเคยถูกฝึกฝนมาก่อน เพื่อให้นางเลียนแบบหมิงเฟย""เฉิงกุ้ยไฟจงใจวางแผนจัดการกับเสด็จแม่ คาดว่าตัวเจ้าเองก็อยากที่จะรอดพ้น ดังนั้นท่านอ๋อง ก่อนที่คิดจะจัดการข้า สู้จัดการตนเองให้ดีก่อนก็แล้วกัน"กล่าวจบเซี่ยเชียนฮวันก็หัวเราะออกมาเบาๆ เป็นการเยาะเย้ยเซียวเย่หลันเหล่ตามอง “อย่าลืมไปเล่าว่าข้าและเจ้าคือหนึ่งเดียวกัน หากมีใครต้องการทำร้ายข้า เจ้าก็จะไ
เซียวเย่หลันตาไวมือไว เอื้อมมือออกไปประคองซูอวี้เออร์ที่จู่ๆ ก็ล้มทันที!“ขออภัยเพคะ ท่านอ๋อง หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว”ซูอวี้เออร์ถือโอกาสคว้าแขนของเซียวเย่หลันไว้แน่น โน้มตัวเข้าหาเขา กล่าวขอโทษอย่างอ่อนหวานเซียวเย่หลันขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นอะไรไป”“หม่อมฉัน...”ซูอวี้เออร์มองเซี่ยเชียนฮวันอย่างขลาดๆ สีหน้าลังเลเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างจากนั้นนางก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “หม่อมฉันแค่ยืนนานเกินไป ทั้งยังปวดท้องนิดหน่อย ไม่เป็นไรเพคะ”เซี่ยเชียนฮวันคุ้นเคยกับความเสแสร้งทำเป็นใสซื่อของนางเป็นอย่างดี หัวเราะเสียงเย็น “ดูท่าจะเป็นเพราะว่าข้าแย่งนั่งตำแหน่งพระชายารองซู ทำให้พระชายารองซูไม่มีที่นั่ง จึงกลายเป็นเช่นนี้”“พระชายาอย่าเข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น”ซูอวี้เออร์อธิบายทั้งน้ำตานางรู้ดี ยิ่งเซี่ยเชียนฮวันมีรัศมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งต้องทำตัวให้น่าสงสารมากขึ้นเท่านั้น เพื่อปลุกปั่นความสงสารของผู้อื่นในเวลานี้ จู่ๆ เซียวหมิงเซียนก็เข้ามาและพูดอย่างเฉียบขาด “ข้าเห็นแล้ว ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นยืน นางแอบฉุดดึงพระชายารองซู พระชายารองซูยืนไม่มั่นคงจึงล้มลงไป
“เพียะ!”หมิงเฟยให้ขันทีเอาไม้กระดานออกมา ตีฝ่ามือของเซี่ยเชียนฮวันอย่างแรง!ฝ่ามือที่ขาวสะอาดกลายเป็นความบวมแดงในทันที นางแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ในดวงตาส่วนลึกของซูอวี้เออร์และเซียวหมิงเซียนก็ต่างมีฉายแววพึงพอใจ เพียงแต่เสียดายที่การทุบตีนั้นไม่แรงพอ ไม่สาหัสพอ!พวกนางแทบหวังว่าหมิงเฟยจะหักมือของเซี่ยเชียนฮวันไปซะ“เพียะเพียะ!”หมิงเฟยตีนางอีกสองครั้งติดกันมือเล็กๆ ของเซี่ยเชียนฮวันยิ่งบวมแดงมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับเริ่มสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ บริเวณง่ามนิ้วมือเหมือนจะถูกตีจนเนื้อแตก เลือดเนื้อปริออก“พอแล้ว เสด็จแม่” เซียวเย่หลันเพิ่งจะหยุดนางไว้ “ก่อนหน้านี้นางเพิ่งได้รับบาดเจ็บ ร่างกายยังอ่อนแอมาก”เซี่ยเชียนฮวันยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชาเป็นการโน้มน้าวที่แก้ปัญหาไม่ได้เลยจริงๆนางอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าเป็นซูอวี้เออร์ เกรงว่าเซียวเย่หลันคงไม่ยอมให้หมิงเฟยได้ลงมือทำโทษตั้งแต่แรกกระมังหมิงเฟยวางไว้กระดานลง ถามอย่างเย็นชา “หลาบจำแล้วหรือยัง”“จำได้แล้วเพคะ”เซี่ยเชียนฮวันตอบด้วยเสียงแผ่วต่ำหมิงเฟยคำรามฮึเบาๆ ครั้นแล้วก็จากไปพร้อมกับขันทีโ
ซูอวี้เออร์แสดงอากัปกิริยาให้ดูนอบน้อมหมอบต่ำในทางกลับกัน ยกเซี่ยเชียนฮวันขึ้นเป็นผู้มีศีลธรรมอันสูงส่งเวลานี้หากเซี่ยเชียนฮวันไม่ยอมให้อภัย ต้องถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอนว่า “ไม่มีคุณธรรม” และ “จิตใจคับแคบ”นางก็แค่ถูกหมิงเฟยตีที่ฝ่ามือ แต่ซูอวี้เออร์เกือบล้มเชียวนะ!“ไม่โทษเจ้าหรอก ต้องโทษที่ข้าไม่ดีเอง ตอนที่ยืนขึ้นไม่ได้ดูแลเจ้าให้ดี เจ้าคงตกใจกระมัง”เซี่ยเชียนฮวันหายใจเข้าลึกๆ แล้วยิ้มอย่างสดใสให้กับซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์ตกตะลึงนางไม่คาดคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันจะตอบเช่นนี้เดิมทีนางคิดว่าคนที่มีอารมณ์รุนแรงแบบเซี่ยเชียนฮวัน จะต้องเริ่มงัดข้อกับนาง จากนั้นทำเรื่องน่าอับอายต่อหน้าราชวงศ์ทั้งหลาย!“ข้า ข้าจะกล้าตำหนิพี่หญิงได้อย่างไร พี่หญิงเป็นพระชายา แต่ไหนแต่ไรมาท่านเป็นคนที่ถูกเสมอ มีแต่ข้าที่เป็นคนผิด”ซูอวี้เออร์หลุบตาลง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแอน่าสงสาร แสร้งทำเป็นว่ามักถูกเซี่ยเชียนฮวันรังแกบ่อยครั้ง จนตัวเองกลายเป็นเหยื่อเซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยีและพูดว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าขี้กลัวเหมือนหนู งานเลี้ยงในราชวงศ์ที่เป็นงานใหญ่เช่นนี้ เจ้าจะตกใจกลัวก็เป็นเรื