"ค่ำคืนนี้ดวงจันทร์ถูกปกคลุมไปด้วยโลหิตเมฆา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย คาดไม่ถึงว่าปรากฏการณ์อันง่ายดายเช่นนี้แม้แต่สำนักหอดูดาวหลวงไม่อาจคำนวณได้ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ "เซี่ยเชียนฮวันถอนหายใจแล้วส่ายหน้านี่เรียกว่าหนามยอกเอาหนามบ่งกล้าบอกว่านางเป็นดวงซวย?บัดนี้นางโยนความผิดทุกอย่างกลับไปให้พวกเขาแล้ว!"สะใภ้เจ็ด ข้าเห็นดวงจันทร์โผล่ออกมาจากท้องฟ้าแล้ว" ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้น เมฆดำเหล่านั้นก็จางหายไป เซี่ยเชียนฮวันแสร้งทำสีหน้าจริงจังต่อไปว่า "นั่นหมายความว่าความชั่วร้ายได้จากไปแล้ว อีกสักพักทุกคนก็จะหายดี”ดวงจันทร์หนอดวงจันทร์ เจ้าให้ความร่วมมือกับข้าดีเหลือเกิน!ในคืนข้ามปียังออกมากระโดดโลดเต้น! โชคดีที่นางมีความปราดเปรื่อง สามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์ มิเช่นนั้นคงยากที่จะอธิบายแม้ฮ่องเต้จะรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับคำพูดของเซี่ยเชียนฮวัน แต่เมื่อนางฝังเข็มให้แก่เขาแล้ว อาการปวดท้องก็ดูค่อยๆ ทุเลาลงเซี่ยเชียนฮวันทำการฝังเข็มให้แก่ฮองเฮาต่อเป็นไปดังที่นางกล่าวไว้ ยังไม่ทันถึงราชวงศ์คนอื่น อาการปวดท้องของพวกเขาก็หายดี อาการปวดท้องนี้เป็นง่ายและหายเร็วแปลกเห
"ท่านอ๋องควรดูแลตัวเองก่อนดีกว่า ข้าเห็นสตรีที่คุกเข่าอยู่ตอนนี้ ใบหน้าและท่าทีช่างเหมือนกับเสด็จแม่ท่านเหลือเกิน คาดว่าเฉิงกุ้ยเฟยคงจงใจพานางมาที่นี่ เพื่อจะได้รับความรักแข่งขันกับเสด็จแม่"ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันกำลังรักษาให้กับฮ่องเต้อยู่นั้น นางสังเกตเห็นฉินจีกำลังก้มหน้าคุกเข่าอยู่ที่หน้าโต๊ะเซียวเย่หลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "เจ้าช่างสังเกตเหลือเกิน"เมื่ออายุมากขึ้นรูปร่างหน้าตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยคนที่ไม่เคยเห็นหมิงเฟยตอนยังสาว อาจไม่รู้ว่านางและฉินจีหน้าตาคล้ายคลึงกันเท่าไหร่เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติว่า "ใต้หล้านี้อาจมีสตรีมากมายที่หน้าตาคล้ายกัน แต่นิสัยและท่าทีของพวกนางจะแตกต่างกัน ท่าทีของนางตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเคยถูกฝึกฝนมาก่อน เพื่อให้นางเลียนแบบหมิงเฟย""เฉิงกุ้ยไฟจงใจวางแผนจัดการกับเสด็จแม่ คาดว่าตัวเจ้าเองก็อยากที่จะรอดพ้น ดังนั้นท่านอ๋อง ก่อนที่คิดจะจัดการข้า สู้จัดการตนเองให้ดีก่อนก็แล้วกัน"กล่าวจบเซี่ยเชียนฮวันก็หัวเราะออกมาเบาๆ เป็นการเยาะเย้ยเซียวเย่หลันเหล่ตามอง “อย่าลืมไปเล่าว่าข้าและเจ้าคือหนึ่งเดียวกัน หากมีใครต้องการทำร้ายข้า เจ้าก็จะไ
เซียวเย่หลันตาไวมือไว เอื้อมมือออกไปประคองซูอวี้เออร์ที่จู่ๆ ก็ล้มทันที!“ขออภัยเพคะ ท่านอ๋อง หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว”ซูอวี้เออร์ถือโอกาสคว้าแขนของเซียวเย่หลันไว้แน่น โน้มตัวเข้าหาเขา กล่าวขอโทษอย่างอ่อนหวานเซียวเย่หลันขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นอะไรไป”“หม่อมฉัน...”ซูอวี้เออร์มองเซี่ยเชียนฮวันอย่างขลาดๆ สีหน้าลังเลเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างจากนั้นนางก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “หม่อมฉันแค่ยืนนานเกินไป ทั้งยังปวดท้องนิดหน่อย ไม่เป็นไรเพคะ”เซี่ยเชียนฮวันคุ้นเคยกับความเสแสร้งทำเป็นใสซื่อของนางเป็นอย่างดี หัวเราะเสียงเย็น “ดูท่าจะเป็นเพราะว่าข้าแย่งนั่งตำแหน่งพระชายารองซู ทำให้พระชายารองซูไม่มีที่นั่ง จึงกลายเป็นเช่นนี้”“พระชายาอย่าเข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น”ซูอวี้เออร์อธิบายทั้งน้ำตานางรู้ดี ยิ่งเซี่ยเชียนฮวันมีรัศมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งต้องทำตัวให้น่าสงสารมากขึ้นเท่านั้น เพื่อปลุกปั่นความสงสารของผู้อื่นในเวลานี้ จู่ๆ เซียวหมิงเซียนก็เข้ามาและพูดอย่างเฉียบขาด “ข้าเห็นแล้ว ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นยืน นางแอบฉุดดึงพระชายารองซู พระชายารองซูยืนไม่มั่นคงจึงล้มลงไป
“เพียะ!”หมิงเฟยให้ขันทีเอาไม้กระดานออกมา ตีฝ่ามือของเซี่ยเชียนฮวันอย่างแรง!ฝ่ามือที่ขาวสะอาดกลายเป็นความบวมแดงในทันที นางแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ในดวงตาส่วนลึกของซูอวี้เออร์และเซียวหมิงเซียนก็ต่างมีฉายแววพึงพอใจ เพียงแต่เสียดายที่การทุบตีนั้นไม่แรงพอ ไม่สาหัสพอ!พวกนางแทบหวังว่าหมิงเฟยจะหักมือของเซี่ยเชียนฮวันไปซะ“เพียะเพียะ!”หมิงเฟยตีนางอีกสองครั้งติดกันมือเล็กๆ ของเซี่ยเชียนฮวันยิ่งบวมแดงมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับเริ่มสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ บริเวณง่ามนิ้วมือเหมือนจะถูกตีจนเนื้อแตก เลือดเนื้อปริออก“พอแล้ว เสด็จแม่” เซียวเย่หลันเพิ่งจะหยุดนางไว้ “ก่อนหน้านี้นางเพิ่งได้รับบาดเจ็บ ร่างกายยังอ่อนแอมาก”เซี่ยเชียนฮวันยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชาเป็นการโน้มน้าวที่แก้ปัญหาไม่ได้เลยจริงๆนางอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าเป็นซูอวี้เออร์ เกรงว่าเซียวเย่หลันคงไม่ยอมให้หมิงเฟยได้ลงมือทำโทษตั้งแต่แรกกระมังหมิงเฟยวางไว้กระดานลง ถามอย่างเย็นชา “หลาบจำแล้วหรือยัง”“จำได้แล้วเพคะ”เซี่ยเชียนฮวันตอบด้วยเสียงแผ่วต่ำหมิงเฟยคำรามฮึเบาๆ ครั้นแล้วก็จากไปพร้อมกับขันทีโ
ซูอวี้เออร์แสดงอากัปกิริยาให้ดูนอบน้อมหมอบต่ำในทางกลับกัน ยกเซี่ยเชียนฮวันขึ้นเป็นผู้มีศีลธรรมอันสูงส่งเวลานี้หากเซี่ยเชียนฮวันไม่ยอมให้อภัย ต้องถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอนว่า “ไม่มีคุณธรรม” และ “จิตใจคับแคบ”นางก็แค่ถูกหมิงเฟยตีที่ฝ่ามือ แต่ซูอวี้เออร์เกือบล้มเชียวนะ!“ไม่โทษเจ้าหรอก ต้องโทษที่ข้าไม่ดีเอง ตอนที่ยืนขึ้นไม่ได้ดูแลเจ้าให้ดี เจ้าคงตกใจกระมัง”เซี่ยเชียนฮวันหายใจเข้าลึกๆ แล้วยิ้มอย่างสดใสให้กับซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์ตกตะลึงนางไม่คาดคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันจะตอบเช่นนี้เดิมทีนางคิดว่าคนที่มีอารมณ์รุนแรงแบบเซี่ยเชียนฮวัน จะต้องเริ่มงัดข้อกับนาง จากนั้นทำเรื่องน่าอับอายต่อหน้าราชวงศ์ทั้งหลาย!“ข้า ข้าจะกล้าตำหนิพี่หญิงได้อย่างไร พี่หญิงเป็นพระชายา แต่ไหนแต่ไรมาท่านเป็นคนที่ถูกเสมอ มีแต่ข้าที่เป็นคนผิด”ซูอวี้เออร์หลุบตาลง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแอน่าสงสาร แสร้งทำเป็นว่ามักถูกเซี่ยเชียนฮวันรังแกบ่อยครั้ง จนตัวเองกลายเป็นเหยื่อเซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยีและพูดว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าขี้กลัวเหมือนหนู งานเลี้ยงในราชวงศ์ที่เป็นงานใหญ่เช่นนี้ เจ้าจะตกใจกลัวก็เป็นเรื
“หมิงเฟยเหนียงเหนียงโปรดระงับโทสะด้วย ได้โปรดให้กระหม่อมคุยกับพระชายาเองเถิด”ขันทีหนุ่มคนหนึ่งรีบเข้ามาทำความเคารพ จากนั้นพาเซี่ยเชียนฮวันออกไปอีกด้านเซี่ยเชียนฮวันจำได้ว่านี่เป็นขันทีที่เข้ามาใหม่ชื่อเสี่ยวอวิ่นจื่อนางสงสัย “เจ้าต้องการบอกอะไรข้า”“พระชายาอย่าโกรธเคืองเลย อันที่จริงหมิงเฟยเหนียงเหนียงไม่ได้หมายความอย่างนั้น” เสี่ยวอวิ่นจื่อลดเสียงลง “หลายคนบอกว่า ท่านมีทักษะคืนชีวิต เปลี่ยนภรรยาเดิมราชบุตรเขยซือจากหญิงอัปลักษณ์ให้กลับมาเป็นหญิงงามได้”“หรือว่าเสด็จแม่คิดว่า ข้าสามารถทำให้นางสวยขึ้นได้?”จากนั้นเซี่ยเชียนฮวันจึงเข้าใจได้ทันทีที่แท้ความกระสับกระส่ายเป็นเพียงข้ออ้างของหมิงเฟย สิ่งที่นางต้องการจริงๆ คือทักษะการฟื้นฟูความงาม!เสี่ยวอวิ่นจื่อเกาหัวแล้วพูดยิ้มๆ “ท่านก็รู้นิสัยของหมิงเฟยเหนียงเหนียงดี นางมีนิสัยเย่อหยิ่ง เขินอายเกินกว่าจะพูดกับท่านตรงๆ ท่านได้โปรดเข้าใจด้วย”“อื้ม ข้ารู้ว่าในช่วงนี้ฉินจีได้รับการโปรดปราน ส่งผลกระทบต่อเสด็จแม่อย่างมาก แต่ภรรยาเดิมของซืออวี้สวี่นั้นเป็นเพราะกินยาผิดถึงได้ล้มป่วยกลายเป็นคนอัปลักษณ์ ส่วนความชราตามธรรมชาติเช่นเสด็จแม่
ตามกฎแล้ว ฉินจีมีสถานะต่ำกว่า ควรทำความเคารพเซี่ยเชียนฮวัน แล้วหลีกทางให้ทว่าฉินจีแต่ไม่เพียงจะไม่ทำความเคารพ แต่ยังไม่คิดที่จะหลีกทางให้ด้วยนางมองไปที่เซี่ยเชียนฮวันอย่างประเมิน กระตุกมุมปากขึ้นพูดว่า “ถนนแคบ พระชายาจ้านอ๋องโปรดหลีกทางด้วย”เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เหล่าข้ารับใช้ในวังที่อยู่ซ้ายขวาข้างๆ สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย!ขันทีคนเมื่อครู่กล่าวแนะนำเสียงแผ่วเบา “นี่เกรงจะไม่เหมาะสม ตามมารยาทแล้ว ควรเป็นพวกที่ที่ต้องหลีกทาง...”“เหตุใดจะไม่เหมาะสม ข้าเป็นผู้หญิงของฝ่าบาท ตามลำดับอาวุโสก็อยู่เหนือกว่าพระชายาจ้านอ๋อง เป็นนางที่ต้องหลีกทางให้ข้าอยู่แล้ว”ฉินจีอาศัยว่าตนได้รับความโปรดปราน พูดอย่างมั่นใจ ไม่เห็นเซี่ยเชียนฮวันอยู่ในสายตาเลย“นี่...”ขันทีรู้สึกลำบากใจ แล้วเหลือบมองไปที่เซี่ยเชียนฮวันในเวลานี้เซี่ยเชียนฮวันมีสีหน้านิ่งเฉย ดูไม่ออกว่านางโกรธหรือไม่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลดเสียงลง กล่าวโน้มน้าว “พระชายาจ้านอ๋องไม่เพียงแต่เป็นพระชายาเท่านั้น แต่ยังเป็นหลานสาวของไทเฮาอีกด้วย ท่านเพิ่งเข้าวังมาไม่นานมานี้ อย่าล่วงเกินนางจะดีกว่า”“แล้วอย่างไรเล่า ในวังคือฝ
เซี่ยเชียนฮวันไม่ทันได้ระวังตัวจึงถูกแมวตะปบเดิมทีนางไม่ใช่คนกลัวแมวแต่เมื่อจู่ๆ ถูกทำให้ตกใจ ก็จะเสียการทรงตัวและล้มลงข้างทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!“สวรรค์!”ข้ารับใช้ในวังที่อยู่ถัดจากฉินจีกรีดร้องทว่า ฉินจีกลับมีสีหน้าลำพองใจ เฝ้าดูเซี่ยเชียนฮวันล้มคว่ำเป็นที่น่าขายหน้าในช่วงเวลาวิกฤติมีร่างหนึ่งผ่านมาอย่างรวดเร็ว และพยุงเซี่ยเชียนฮวันได้ทันเวลา ทำให้นางไม่ได้ล้มลงไป“องค์ชายห้า เป็นท่าน...”รูม่านตาของเซี่ยเชียนฮวันหดลงเล็กน้อยที่แท้ก็เป็นเซียวจ้านหลังจากที่เซียวจ้านช่วยพยุงนางลุกขึ้น ก็รีบชักมือกลับ อากัปกิริยาเหมาะสม พูดด้วยรอยยิ้ม “น้องสะใภ้ สบายดีหรือไม่”“ขอบพระทัยเพคะ โชคดีที่ท่านช่วยไว้ทัน”เซี่ยเชียนฮวันมองไปยังแมวสีขาวตัวน้อยที่นอนขี้เกียจอยู่บนพื้น ในใจยังรู้สึกหวาดผวาครั้งนี้ต้องขอบคุณเซียวจ้านไม่เช่นนั้นหากนางล้มลงกับพื้น นางอาจจะไม่สามารถช่วยชีวิตทารกในครรภ์ได้!เซียวจ้านส่ายหัว “แค่เรื่องเล็กน้อย น้องสะใภ้ไม่ต้องเกรงใจ”เมื่อเขามองไปที่ฉินจีอีกครั้ง ดวงตาพลันแปรเปลี่ยนไปทันที สีหน้าเย็นชายิ่งกว่าที่เคยเป็น“ฉินเจี๋ยอวี๋ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระช
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา