เซียวเย่หลันตาไวมือไว เอื้อมมือออกไปประคองซูอวี้เออร์ที่จู่ๆ ก็ล้มทันที!“ขออภัยเพคะ ท่านอ๋อง หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว”ซูอวี้เออร์ถือโอกาสคว้าแขนของเซียวเย่หลันไว้แน่น โน้มตัวเข้าหาเขา กล่าวขอโทษอย่างอ่อนหวานเซียวเย่หลันขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นอะไรไป”“หม่อมฉัน...”ซูอวี้เออร์มองเซี่ยเชียนฮวันอย่างขลาดๆ สีหน้าลังเลเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างจากนั้นนางก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “หม่อมฉันแค่ยืนนานเกินไป ทั้งยังปวดท้องนิดหน่อย ไม่เป็นไรเพคะ”เซี่ยเชียนฮวันคุ้นเคยกับความเสแสร้งทำเป็นใสซื่อของนางเป็นอย่างดี หัวเราะเสียงเย็น “ดูท่าจะเป็นเพราะว่าข้าแย่งนั่งตำแหน่งพระชายารองซู ทำให้พระชายารองซูไม่มีที่นั่ง จึงกลายเป็นเช่นนี้”“พระชายาอย่าเข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น”ซูอวี้เออร์อธิบายทั้งน้ำตานางรู้ดี ยิ่งเซี่ยเชียนฮวันมีรัศมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งต้องทำตัวให้น่าสงสารมากขึ้นเท่านั้น เพื่อปลุกปั่นความสงสารของผู้อื่นในเวลานี้ จู่ๆ เซียวหมิงเซียนก็เข้ามาและพูดอย่างเฉียบขาด “ข้าเห็นแล้ว ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นยืน นางแอบฉุดดึงพระชายารองซู พระชายารองซูยืนไม่มั่นคงจึงล้มลงไป
“เพียะ!”หมิงเฟยให้ขันทีเอาไม้กระดานออกมา ตีฝ่ามือของเซี่ยเชียนฮวันอย่างแรง!ฝ่ามือที่ขาวสะอาดกลายเป็นความบวมแดงในทันที นางแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ในดวงตาส่วนลึกของซูอวี้เออร์และเซียวหมิงเซียนก็ต่างมีฉายแววพึงพอใจ เพียงแต่เสียดายที่การทุบตีนั้นไม่แรงพอ ไม่สาหัสพอ!พวกนางแทบหวังว่าหมิงเฟยจะหักมือของเซี่ยเชียนฮวันไปซะ“เพียะเพียะ!”หมิงเฟยตีนางอีกสองครั้งติดกันมือเล็กๆ ของเซี่ยเชียนฮวันยิ่งบวมแดงมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับเริ่มสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ บริเวณง่ามนิ้วมือเหมือนจะถูกตีจนเนื้อแตก เลือดเนื้อปริออก“พอแล้ว เสด็จแม่” เซียวเย่หลันเพิ่งจะหยุดนางไว้ “ก่อนหน้านี้นางเพิ่งได้รับบาดเจ็บ ร่างกายยังอ่อนแอมาก”เซี่ยเชียนฮวันยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชาเป็นการโน้มน้าวที่แก้ปัญหาไม่ได้เลยจริงๆนางอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าเป็นซูอวี้เออร์ เกรงว่าเซียวเย่หลันคงไม่ยอมให้หมิงเฟยได้ลงมือทำโทษตั้งแต่แรกกระมังหมิงเฟยวางไว้กระดานลง ถามอย่างเย็นชา “หลาบจำแล้วหรือยัง”“จำได้แล้วเพคะ”เซี่ยเชียนฮวันตอบด้วยเสียงแผ่วต่ำหมิงเฟยคำรามฮึเบาๆ ครั้นแล้วก็จากไปพร้อมกับขันทีโ
ซูอวี้เออร์แสดงอากัปกิริยาให้ดูนอบน้อมหมอบต่ำในทางกลับกัน ยกเซี่ยเชียนฮวันขึ้นเป็นผู้มีศีลธรรมอันสูงส่งเวลานี้หากเซี่ยเชียนฮวันไม่ยอมให้อภัย ต้องถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอนว่า “ไม่มีคุณธรรม” และ “จิตใจคับแคบ”นางก็แค่ถูกหมิงเฟยตีที่ฝ่ามือ แต่ซูอวี้เออร์เกือบล้มเชียวนะ!“ไม่โทษเจ้าหรอก ต้องโทษที่ข้าไม่ดีเอง ตอนที่ยืนขึ้นไม่ได้ดูแลเจ้าให้ดี เจ้าคงตกใจกระมัง”เซี่ยเชียนฮวันหายใจเข้าลึกๆ แล้วยิ้มอย่างสดใสให้กับซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์ตกตะลึงนางไม่คาดคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันจะตอบเช่นนี้เดิมทีนางคิดว่าคนที่มีอารมณ์รุนแรงแบบเซี่ยเชียนฮวัน จะต้องเริ่มงัดข้อกับนาง จากนั้นทำเรื่องน่าอับอายต่อหน้าราชวงศ์ทั้งหลาย!“ข้า ข้าจะกล้าตำหนิพี่หญิงได้อย่างไร พี่หญิงเป็นพระชายา แต่ไหนแต่ไรมาท่านเป็นคนที่ถูกเสมอ มีแต่ข้าที่เป็นคนผิด”ซูอวี้เออร์หลุบตาลง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแอน่าสงสาร แสร้งทำเป็นว่ามักถูกเซี่ยเชียนฮวันรังแกบ่อยครั้ง จนตัวเองกลายเป็นเหยื่อเซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยีและพูดว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าขี้กลัวเหมือนหนู งานเลี้ยงในราชวงศ์ที่เป็นงานใหญ่เช่นนี้ เจ้าจะตกใจกลัวก็เป็นเรื
“หมิงเฟยเหนียงเหนียงโปรดระงับโทสะด้วย ได้โปรดให้กระหม่อมคุยกับพระชายาเองเถิด”ขันทีหนุ่มคนหนึ่งรีบเข้ามาทำความเคารพ จากนั้นพาเซี่ยเชียนฮวันออกไปอีกด้านเซี่ยเชียนฮวันจำได้ว่านี่เป็นขันทีที่เข้ามาใหม่ชื่อเสี่ยวอวิ่นจื่อนางสงสัย “เจ้าต้องการบอกอะไรข้า”“พระชายาอย่าโกรธเคืองเลย อันที่จริงหมิงเฟยเหนียงเหนียงไม่ได้หมายความอย่างนั้น” เสี่ยวอวิ่นจื่อลดเสียงลง “หลายคนบอกว่า ท่านมีทักษะคืนชีวิต เปลี่ยนภรรยาเดิมราชบุตรเขยซือจากหญิงอัปลักษณ์ให้กลับมาเป็นหญิงงามได้”“หรือว่าเสด็จแม่คิดว่า ข้าสามารถทำให้นางสวยขึ้นได้?”จากนั้นเซี่ยเชียนฮวันจึงเข้าใจได้ทันทีที่แท้ความกระสับกระส่ายเป็นเพียงข้ออ้างของหมิงเฟย สิ่งที่นางต้องการจริงๆ คือทักษะการฟื้นฟูความงาม!เสี่ยวอวิ่นจื่อเกาหัวแล้วพูดยิ้มๆ “ท่านก็รู้นิสัยของหมิงเฟยเหนียงเหนียงดี นางมีนิสัยเย่อหยิ่ง เขินอายเกินกว่าจะพูดกับท่านตรงๆ ท่านได้โปรดเข้าใจด้วย”“อื้ม ข้ารู้ว่าในช่วงนี้ฉินจีได้รับการโปรดปราน ส่งผลกระทบต่อเสด็จแม่อย่างมาก แต่ภรรยาเดิมของซืออวี้สวี่นั้นเป็นเพราะกินยาผิดถึงได้ล้มป่วยกลายเป็นคนอัปลักษณ์ ส่วนความชราตามธรรมชาติเช่นเสด็จแม่
ตามกฎแล้ว ฉินจีมีสถานะต่ำกว่า ควรทำความเคารพเซี่ยเชียนฮวัน แล้วหลีกทางให้ทว่าฉินจีแต่ไม่เพียงจะไม่ทำความเคารพ แต่ยังไม่คิดที่จะหลีกทางให้ด้วยนางมองไปที่เซี่ยเชียนฮวันอย่างประเมิน กระตุกมุมปากขึ้นพูดว่า “ถนนแคบ พระชายาจ้านอ๋องโปรดหลีกทางด้วย”เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เหล่าข้ารับใช้ในวังที่อยู่ซ้ายขวาข้างๆ สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย!ขันทีคนเมื่อครู่กล่าวแนะนำเสียงแผ่วเบา “นี่เกรงจะไม่เหมาะสม ตามมารยาทแล้ว ควรเป็นพวกที่ที่ต้องหลีกทาง...”“เหตุใดจะไม่เหมาะสม ข้าเป็นผู้หญิงของฝ่าบาท ตามลำดับอาวุโสก็อยู่เหนือกว่าพระชายาจ้านอ๋อง เป็นนางที่ต้องหลีกทางให้ข้าอยู่แล้ว”ฉินจีอาศัยว่าตนได้รับความโปรดปราน พูดอย่างมั่นใจ ไม่เห็นเซี่ยเชียนฮวันอยู่ในสายตาเลย“นี่...”ขันทีรู้สึกลำบากใจ แล้วเหลือบมองไปที่เซี่ยเชียนฮวันในเวลานี้เซี่ยเชียนฮวันมีสีหน้านิ่งเฉย ดูไม่ออกว่านางโกรธหรือไม่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลดเสียงลง กล่าวโน้มน้าว “พระชายาจ้านอ๋องไม่เพียงแต่เป็นพระชายาเท่านั้น แต่ยังเป็นหลานสาวของไทเฮาอีกด้วย ท่านเพิ่งเข้าวังมาไม่นานมานี้ อย่าล่วงเกินนางจะดีกว่า”“แล้วอย่างไรเล่า ในวังคือฝ
เซี่ยเชียนฮวันไม่ทันได้ระวังตัวจึงถูกแมวตะปบเดิมทีนางไม่ใช่คนกลัวแมวแต่เมื่อจู่ๆ ถูกทำให้ตกใจ ก็จะเสียการทรงตัวและล้มลงข้างทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!“สวรรค์!”ข้ารับใช้ในวังที่อยู่ถัดจากฉินจีกรีดร้องทว่า ฉินจีกลับมีสีหน้าลำพองใจ เฝ้าดูเซี่ยเชียนฮวันล้มคว่ำเป็นที่น่าขายหน้าในช่วงเวลาวิกฤติมีร่างหนึ่งผ่านมาอย่างรวดเร็ว และพยุงเซี่ยเชียนฮวันได้ทันเวลา ทำให้นางไม่ได้ล้มลงไป“องค์ชายห้า เป็นท่าน...”รูม่านตาของเซี่ยเชียนฮวันหดลงเล็กน้อยที่แท้ก็เป็นเซียวจ้านหลังจากที่เซียวจ้านช่วยพยุงนางลุกขึ้น ก็รีบชักมือกลับ อากัปกิริยาเหมาะสม พูดด้วยรอยยิ้ม “น้องสะใภ้ สบายดีหรือไม่”“ขอบพระทัยเพคะ โชคดีที่ท่านช่วยไว้ทัน”เซี่ยเชียนฮวันมองไปยังแมวสีขาวตัวน้อยที่นอนขี้เกียจอยู่บนพื้น ในใจยังรู้สึกหวาดผวาครั้งนี้ต้องขอบคุณเซียวจ้านไม่เช่นนั้นหากนางล้มลงกับพื้น นางอาจจะไม่สามารถช่วยชีวิตทารกในครรภ์ได้!เซียวจ้านส่ายหัว “แค่เรื่องเล็กน้อย น้องสะใภ้ไม่ต้องเกรงใจ”เมื่อเขามองไปที่ฉินจีอีกครั้ง ดวงตาพลันแปรเปลี่ยนไปทันที สีหน้าเย็นชายิ่งกว่าที่เคยเป็น“ฉินเจี๋ยอวี๋ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระช
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก