“พระสนมกุ้ยเฟย ท่านมีอะไรก็พูดมาเลยตรงๆ”สีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันเคร่งเครียดขึ้นมา!ท่านแม่ของนางไปที่จวนไท่เว่ย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเฉิงกุ้ยเฟยด้วย?ฟังน้ำเสียงของเฉิงกุ้ยเฟยเห็นได้ชัดว่าแอบข่มขู่!เฉิงกุ้ยเฟยหัวเราะเยือกเย็นออกมา “ข้าเพียงแค่เป็นห่วงฮูหยินอันติ้งโหวสักหน่อยก็เท่านั้นเอง ได้ยินว่าช่วงนี้มีพวกผู้ร้ายหลบหนีการจับกุมมาที่เมืองหลวง ตอนนี้ยังจับไม่ได้ ตอนที่ฮูหยินอันติ้งโหวออกไปข้างนอกก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากหน่อยจะดีกว่า เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น พระชายาจ้านอ๋องท่านว่าถูกหรือเปล่าล่ะ”“ไม่รบกวนกุ้ยเฟยให้เป็นพะวง ประเทศชาติก็มีกฎหมาย หากมีคนกล้าลงมือกับฮูหยินระดับสูงคนหนึ่งจริงๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหน ก็ต้องได้รับการลงโทษอย่างแสนสาหัสแน่นอน”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึมนางเข้าใจดีว่าตอนนี้เฉิงกุ้ยเฟยไม้อ่อนใช้ไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็งคิดไม่ถึงว่าจะกล้าเอาชีวิตของฮูหยินอันติ้งโหวมาข่มขู่นางได้สายตาของเฉิงกุ้ยเฟยไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย “พระชายาจ้านอ๋อง เจ้าเยาว์วัยเกินไปแล้ว แม้ว่าประเทศชาติจะมีกฏหมายของมันเอง แต่ความผิดถูกของท
“เฉิงกุ้ยเฟยโหดเหี้ยมอำมหิตมาโดยตลอด บัดนี้นางลักพาตัวท่านแม่ของพระชายาไปเป็นตัวประกัน เกรงว่าจะทำเรื่องชีวิตแลกด้วยชีวิตออกมา พระชายาไม่งั้นก็ช่างมันเถอะ”เย่ซิ่นเกลี้ยกล่อมเขาทราบดีว่าซืออวี้สวี่เป็นคนร้ายที่ฆ่าน้องสาวของเขาความแค้นนี้เขาจะต้องล้างแค้นด้วยตัวเองไม่ควรเอาชีวิตของฮูหยินอันติ้งโหวมาวางเป็นเดิมพันด้วยเซี่ยเชียนฮวันกลับส่ายหน้า “ต่อกรกับคนเลวพวกนี้ การล่าถอยเพียงครั้งเดียว ก็มีแต่จะทำให้พวกเขาได้คืบเอาศอกได้!”“แต่......”“เจ้าวางใจ ข้าหาวิธีได้แน่”หลังเข้าวัง เซี่ยเชียนฮวันก็ไม่ได้มายังตําหนักจินหลวนเลยทันที แต่ไปยังสถานที่อื่นก่อนในที่สุดนางก็มาอยู่ต่อหน้าฝ่าบาทแล้ว เห็นเพียงเฉิงกุ้ยเฟยนั่งอยู่ข้างกายฝ่าบาทด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง ด้านหลังมีเซียวหมิงเซียนยืนอยู่ด้วย และแสดงสีหน้าหยิ่งยโสเช่นเดียวกัน ยังมีขุนนางฝ่ายบุ๋นสองแถวที่อยู่ในฝ่ายจดบันทึกประวัติศาสตร์ฟังอยู่ด้านข้างด้วย และซืออวี้สวี่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น เล่าอย่างละเอียดอย่างกระตือรือร้นและกล้าหาญอยู่“กระหม่อมไม่ได้มีใจที่จะปกปิดฮ่องเต้เลย เพียงแค่นางเปาผู้นั้นไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงความบริสุทธิ์ ตื๊
“เรียกนางเปา”ขันทีวิ่งออกไปประกาศเซี่ยเชียนฮวันมองไปที่ซืออวี้สวี่ แล้วส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “เจ้ามีความสามารถมากจริงๆ สามารถเขียนดำเป็นขาวได้ด้วยพู่กัน น่าเสียดายที่เจ้าไม่เดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง และใช้สติปัญญาในการทำสิ่งเลวร้าย”“หึๆ คำพูดของพระชายาจ้าน เกรงว่าข้าจะคืนทั้งหมดให้กับท่าน!”ซืออวี้สวี่ดวงตาเฉียบคม บางทีเขาอาจจะอยู่กับเซียวหมิงเซียนมาเป็นเวลานานแล้ว จึงติดนิสัยเย่อหยิ่งมาด้วย “ท่านอาจจะเป็นสาวงามแห่งยุค แต่เนื่องจากความบาดหมางส่วนตัวกับองค์หญิงแปด จึงสมรู้ร่วมคิดกับนางเปาเพื่อใส่ร้ายข้า เพราะความเกลียดชังส่วนตัว ช่างไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาเลยจริงๆ”ได้ฟังวาจาคารมคมคายของเขา ที่กลับดำเป็นขาวไม่หยุด ดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันก็ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆแต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่นางจะเปิดปากพูด ก็รู้สึกถึงการจ้องมองอันแหลมคมของเฉิงกุ้ยเฟย!เป็นการคุกคามที่ไม่ปิดบังหากไม่ได้รับการยืนยันเรื่องความปลอดภัยของฮูหยินอันติ้งโหว ก็เป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะโต้เถียงกับซืออวี้สวี่!โชคดีที่เปาอิ๋งหันมาถึงแล้ว“หม่อมฉันขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท”เปาอิ๋งหันปฏิบัติตามมารยาทที่เซี่ยเชียนฮวัน
“เซี่ยเชียนฮวัน ถึงตาเจ้ามาอบรมข้าตั้งแต่เมื่อไหร่?!”เซียวหมิงเซียนขมวดคิ้ว กระทืบเท้า และหันศีรษะไปมองดูเสด็จพ่อกับท่านแม่ ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจอย่างมีความหวังว่า พวกเขาจะสนับสนุนตัวเองเซี่ยเชียนฮวันแบมือ “ข้าเพียงบอกข้อเท็จจริงก็เท่านั้น ทุกคนคงเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า นางเปาแย่อย่างที่ราชบุตรเขยซือพูดเมื่อกี้นี้หรือไม่”“เจ้า... เจ้าต้องแอบหาคนอื่นมาปลอมเป็นนาง!”เซียวหมิงเซียนกัดริมฝีปาก แล้วเหลือบมองที่เปาอิ๋งหันอีกครั้งในใจนางเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมาก่อนหน้านี้ นางยังหัวเราะกับรูปร่างหน้าตาของเปาอิ๋งหัน โดยบอกว่านางไม่เคยเห็นผู้หญิงที่น่าเกลียดขนาดนี้มาก่อน ถ้านางเปาอยากจะสวยกว่านี้ ก็ต้องกลับชาติมาเกิดใหม่! แต่เมื่อเปาอิ๋งหันปรากฏตัวในวันนี้ ก็ตบหน้านางอย่างแรงหากความงามเช่นนั้นจำเป็นต้องกลับชาติมาเกิดใหม่ แล้วนางไม่ควรกลับชาติมาเกิดอีกหรือ?เซียวหมิงเซียนยอมรับไม่ได้ว่า อดีตภรรยาของสามีนางสวยกว่าตัวนางเองมาก!“ข้าเพียงรักษาแผลบนใบหน้าของนางเปา และช่วยให้นางลดน้ำหนัก” เซี่ยเชียนฮวันพูดเบาๆ “ราชบุตรเขยซือแต่งงานกับนางมาเจ็ดปีแล้ว เขาจะจำนางไม่ได้เชียวเ
“ไทเฮา?!”ทุกคนตกใจ!ไทเฮาพระวรกายอ่อนแอ และไม่ได้ออกจากวังหย่งโซ่วมาหลายปีแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าจะปรากฏตัวในเวลานี้ฮ่องเต้ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่หน้าห้องโถง จับมือไทเฮาแล้วตรัสด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ลมอะไรหอบไทเฮาเสด็จมา”ไทเฮาเดินอย่างเชื่องช้า ร่างกายของนางไม่มีกลิ่นตัวของผู้สูงอายุ ในทางกลับกัน ยังทิ้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไว้ทุกที่ หากไม่ใช่ฤดูหนาว มันคงจะดึงดูดผึ้งและผีเสื้อจำนวนมาก“ข้าได้ยินมาว่าราชบุตรเขยที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ขององค์หญิงแปดก่อปัญหา และเกี่ยวข้องกับฮวันฮวันของข้า ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อชมความสนุก”ไทเฮาเหลือบมองเซียวหมิงเซียนเล็กน้อยสายตานี้ ทำให้เซียวหมิงเซียนตกใจมากจนอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองก้าว ก้มหน้าลงและพึมพำว่า “ถวายพระพรไทเฮา”ไทเฮาองค์ปัจจุบันไม่ใช่พระมารดาโดยสายเลือดของฮ่องเต้ ดังนั้น เหล่าองค์ชายและองค์หญิงจึงไม่ได้ใกล้ชิดกับนางเป็นพิเศษ และกลัวนางมากกว่าเคารพรักฮ่องเต้รู้อยู่ในใจว่าไทเฮามาที่นี่เพื่อสนับสนุนเซี่ยเชียนฮวัน จึงยิ้มอย่างสงบ “แค่เรื่องเล็กน้อย พระชายาจ้านมาที่นี่เพื่อเป็นพยานเท่านั้น”“จริงเหรอ? แต่ที่ข้าได้ยินมา ฮวันฮวันเกือบถูกฝั
ซืออวี้สวี่เป็นจอหงวนที่ฝ่าบาทแต่งตั้งให้เองปฏิภาณไหวพริบย่อมดี มีปฏิกิริยาตอบกลับไวมากเขากล่าวโต้แย้งว่า “พระชายาเข้าใจผิดแล้ว นางเปามีวาจาที่ไม่สำรวมต่อองค์หญิง ข้าอยากจะสั่งสอนนางสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่านางจะขี้กลัวเกินไป เพิ่งจะเข้ามาในจวนองค์หญิงก็ตกใจเป็นลมไปเลย ข้ายังเข้าใจผิดคิดว่านางตายแล้วเสียอีก ก็เลยหาที่ฝังนางเท่านั้นเอง”“สำหรับเรื่องที่พระชายาถูกขัง นี่ก็เป็นเรื่องคาดคิดไม่ถึงจริงๆ กลไกของประตูสุสานแห่งนั้นอยู่ที่ปากทาง ตอนที่พวกเรากดเริ่มกลไก ก็ไม่ทราบเลยว่าพระชายาก็อยู่ข้างในสุสานหินด้วยเช่นกัน”เขาพูดได้อย่างแยบยล ผลักความรับผิดชอบทิ้งไปอย่างหมดจดเซียวหมิงเซียนทราบดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ดีต่อตน ก็กล่าวไปตามน้ำว่า: “ใช่แล้วล่ะ เหตุการณ์ทั้งหมดอันที่จริงก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดที่หญิงชาวบ้านก่อความวุ่นวายขึ้นมา ตอนนี้ข้าก็ไม่อยากจะถือสาหาความกับนางแล้ว ขอเพียงให้เสด็จพ่อมีราชโองการให้อวี้สวี่หย่าขาดกับนางก็พอแล้ว”“หม่อมฉันไม่ได้รับความเป็นธรรมเพคะ! หม่อมฉันไม่เคยไม่เคารพในตัวองค์หญิงเลย เป็นพวกเขาที่จับข้าเข้าไปในจวนองค์หญิง แล้วโบยข้าทั้งเป็นถึง 80 ทีอย่างรุนแ
“ดูเข้าสิ เสด็จแม่เพิ่งมา ตอนนี้เจ้าเจ็ดก็มาร่วมสร้างบรรยากาศอีกคน”ฝ่าบาทหันหน้าไปหัวเราะกับทางไทเฮาครู่หนึ่งไทเฮายิ้มออกมาเล็กน้อย: “เย่หลันไม่เหมือนข้าที่ชอบพูดจาส่งเดชเป็นยายแก่แบบนี้ เขาเป็นคนที่ไม่มีเรื่องไม่มาอยู่แล้ว ฝ่าบาทสู้เรียกตัวเขาเข้ามาจะดีกว่า”“เสด็จแม่พูดถูก”ฝ่าบาทยกมือขึ้นมาจากนั้นเซียวเย่หลันก็เดินมาที่หน้าตำหนักก้าวใหญ่ๆ ขณะที่คารวะนั้นแผ่นหลังก็ยังคงตั้งตรงอยู่ บุคลิกภาพก็เบียดซืออวี้สวี่ตกขอบไปในทันใด“เซียวเย่หลัน เจ้ามาทำอะไร?” เซี่ยเชียนฮวันเม้มปากถามนางไม่ได้หวังว่าในเวลาแบบนี้เขายังจะมาก่อความวุ่นวายอีกเซียวเย่หลันเหลือบมองไปที่นางครู่หนึ่ง “ท้องใหญ่ขนาดนั้นแล้ว อย่าได้เก็บกักอารมณ์โมโหเอาไว้ทั้งวันเลย”“ข้ามีที่ไหน......”เซี่ยเชียนฮวันไร้ความพูดใดตอนนี้ท้องของนางก็ไม่ได้ใหญ่มากเข้าใจไหมอีกอย่าง เห็นได้ชัดว่านางโต้แย้งกับซืออวี้สวี่อย่างเป็นเหตุเป็นผล ทำไมถึงได้เปลี่ยนเป็นโมโหจนไม่มีที่ระบายไปได้?ด้านหลังของเซียวเย่หลันยังพาคนมาด้วย 1 คนเมื่อซืออวี้สวี่เห็นใบหน้าของคนผู้นี้ชัดเจน ก็เปลี่ยนสีหน้าขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว“บอกเรื่องที่เจ้าท
“ไม่ๆ ความหมายของข้าคือ......”ซืออวี้สวี่ลุกลี้ลุกลนเกินไป ไม่คิดเลยว่ายังไม่ทันได้ทำอะไรก็สารภาพออกมาเองแล้ว!เขาไม่ได้มีท่าทีการโต้วาทีอย่างเข้มข้นราวกับจูกัดเหลียงเมื่อครู่เลย เขากล่าวอธิบายออกมาอย่างอึกๆอักๆ “ตามที่ทุกคนทราบกันดีว่าพระชายาจ้านอ๋องถูกลอบทำร้ายที่สวนบ๊วย ข้าเพียงแค่คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เลยเอ่ยปากพูดไปเรื่อยเท่านั้นเอง”คำพูดเพิ่งจะกล่าวจบ เซียวเย่หลันก็กล่าวออกมาว่า “แต่คืนวันนั้นคนที่ถูกลอบทำร้ายก็ไม่ได้มีเพียงเซี่ยเชียนฮวันคนเดียว ยังมีข้าด้วย”“นี่ นี่...จ้านอ๋องห้าวหาญไร้ศัตรู ใครจะกล้าส่งนักฆ่าไปสังหารท่านได้เล่า”“ผิดแล้ว ชนเผ่าต่างแดนเห็นข้าเป็นปัญหาใหญ่ที่อยู่ในใจ มักจะส่งคนมาลอบสังหารบ่อยครั้ง”“ยังไงข้าก็ไม่เคยทำ ล้วนเป็นคนอื่นที่ใส่ร้ายปรักปรำข้าทั้งนั้น! องค์หญิง องค์หญิงท่านรีบช่วยข้าพูดหน่อย!”ซืออวี้สวี่มือไม้ปั่นป่วนไปหมดแล้ว ไม่คาดว่าจะคุกเข่าลงแล้วคลานมาทางเซียวหมิงเซียน ดึงชายกระโปรงของนางเอาไว้ แล้ววิงวอนอย่างยากเย็นแต่ตอนนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีตา ก็สามารถมองออกว่าเขาไม่อาจหลุดพ้นจากเรื่องที่เซี่ยเชียนฮวันถูกลอบทำร้ายที่สวนบ๊วยไปได้
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา