“เจ้า นี่พวกเจ้า...”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่านี่คงจะเป็นฉากที่น่าตกใจมากที่สุดในหนึ่งเดือนของนางมันน่าตกใจยิ่งกว่าคืนนั้น ที่นางกับหลินซวี่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ และบังเอิญไปเจองูยักษ์ที่ตัวหนาเท่ากับชามฉากตรงหน้านางตอนนี้ คือฉากที่เซี่ยเหยียนกำลังกอดกับเฉิงกุ้ยเฟย!หรือถ้าจะพูดกันตรงๆ ก็คือเป็นเฉิงกุ้ยเฟยที่กำลังกอดเซี่ยเหยียนแน่นจากทางด้านหลัง ทั้งสองใกล้ชิดกันราวกับคู่รักที่รักกันอย่างดูดดื่มเพียงแต่ว่า สีหน้าของเซี่ยเหยียนกลับตกใจพอๆ กับเซี่ยเชียนฮวัน “ไม่ใช่นะ ฮวันฮวันฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด”หัวของเขาส่งเสียงดังวิ้งวิ้ง คาดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ น้องสาวของเขาก็โผล่เข้ามา รู้สึกเหมือนถูกจับได้คาหนังคาเขาอย่างไรก็ไม่รู้เห็นได้ชัดว่า เฉิงกุ้ยเฟยก็คาดไม่ถึงว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญจะเป็นเซี่ยเชียนฮวัน นางจึงนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง“เซี่ยเหยียนจับนางไว้!”เซี่ยเชียนฮวันเห็นเฉิงกุ้ยเฟยอ้าปากเหมือนจะกรีดร้อง จึงรีบพุ่งเข้ามา พลางสั่งให้เซี่ยเหยียนจับเฉิงกุ้ยเฟยเอาไว้ และปิดปากไม่ให้นางส่งเสียงร้องออกมา“อื้ออื้ออื้อ!”เฉิงกุ้ยเฟยพยายามดิ้น ขณะถลึงตาใส่ด้วยควา
“พระสนมกุ้ยเฟย อย่าโทษพวกข้าที่ทำกับท่านเช่นนี้ เป็นท่านที่ไร้เมตตาก่อน”“กลอุบายที่ท่านใช้กับเซี่ยเหยียนนั้นร้ายแรงเกินไป หากพวกเขาเข้ามาเห็นเซี่ยเหยียนกอดกับท่าน ท่านคงจะบอกว่าหลังจากที่เขาดื่มจนเมา ก็บุกเข้ามาทำมิดีมิร้ายท่าน”เซี่ยเชียนฮวันจ้องไปที่เฉิงกุ้ยเฟยเมื่อเรื่องนี้ถูกรายงานต่อฮ่องเต้ สถานเบาคือตัดหัวเซี่ยเหยียน สถานหนักคือเก้าชั่วโครตไม่ว่าเป็นกรณีใดพี่ชายของนางก็จะไม่รอดเฉิงกุ้ยเฟยแสดงท่าทางดูถูกเหยียดหยาม ก่อนพ่นหายใจออกมา แสดงท่าทีเย้ยหยันเซี่ยเชียนฮวันนางไม่เชื่อว่าสองพี่น้องจะกล้าทําอะไรกับนาง“ข้ารู้ว่าการต่อสู้ในวังหลังนั้นน่ากลัวมาก หลายปีที่ผ่านมาเกรงว่าคงมีนางสนมและทายาทมังกรจำนวนไม่น้อยที่ถูกท่านจัดการไป ในความคิดของท่าน ชีวิตของเซี่ยเหยียนนั้นไม่มีค่าอะไรเลย อย่างมากก็เป็นหินรองเท้าให้ท่านและโอรสของท่านเหยียบขึ้นไป”เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้น และหยิบจอกเหล้าที่เซี่ยเหยียนเคยดื่มขึ้นมาจากนั้นก็ดึงขวดยาขนาดเล็กออกมาจากอก ก่อนจะเทผงยาลงไปในเหล้า และกล่าวเสียงเรียบว่า “แต่เซี่ยเหยียนเป็นพี่ชายเพียงคนเดียวข้า ข้าไม่อาจปล่อยให้ท่านทำร้ายเขาได้”“อื้ออื้ออื้
“พี่ชาย พวกเราแก้มัดกุ้ยเฟยกันเถอะ”เซี่ยเชียนฮวันหยิบเสื้อผ้าของเฉิงกุ้ยเฟยไปวางอีกด้านหนึ่ง จากนั้นก็สั่งให้เซี่ยเหยียนแก้มัดให้เฉิงกุ้ยเฟยขั้นตอนสุดท้าย นอกจากนี้ยังเป็นขั้นตอนที่สําคัญที่สุด นั่นก็คือนำถุงเท้าเหม็นๆ ที่ยัดใส่ปากของเฉิงกุ้ยเฟยออก“ฮวันฮวัน เจ้าไม่คิดว่านางจะเรียกคนมาหรือ?”เซี่ยเหยียนรู้สึกไม่แน่ใจตอนนี้เฉิงกุ้ยเฟยกำลังโมโหสุดขีด ถ้าหากนางถูกโทสะครอบงำ และอยากตายไปพร้อมพวกเขาจริงๆ ล่ะเซี่ยเชียนฮวันแสยะยิ้ม “นางไม่ทำหรอก”“เจ้าแน่ใจได้อย่างไร?”“ด้วยความอัปยศที่เราทำกับนางในวันนี้ บางทีนางอาจจะอยากตายไปพร้อมกับพวกเราก็ได้ แต่ถ้าทำเช่นนั้น ชั่วชีวิตนี้ลูกชายของนางก็ไม่อาจเป็นฮ่องเต้ได้”ตอนนี้ที่องค์ชายรองสามารถฟื้นความโปรดปรานขึ้นมาได้ นอกจากความสามารถของตัวเองและการสนับสนุนของตระกูลหลี่แล้ว ก็ยังมีสาเหตุจากความโปรดปรานที่ฮ่องเต้มีต่อเฉิงกุ้ยเฟยว่ากันว่ามารดาพึ่งพาลูกชาย แต่สำหรับราชวงศ์แล้ว เป็นลูกชายที่พึ่งพามารดาชายผู้สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้าเช่นฮ่องเต้ วังหลังมีสนมนับพัน ย่อมไม่ขาดแคลนโอรสที่ยอดเยี่ยม แต่สตรีที่สามารถได้รับความโปรดปรานจากเขามาหลาย
“เซี่ยเหยียนล่ะ? ไม่ใช่เราตกลงกันว่า จะล่อเขามาที่นี่ จากนั้น...”หลี่จิ้งหย่าเห็นเฉิงกุ้ยเฟยอยู่คนเดียวในเต็นท์ แต่ไม่เห็นเซี่ยเหยียนที่เป็นเป้าหมาย“เพี๊ยะ!”นางพูดไม่ทันจบ ก็โดนฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง!หลี่จิ้งหย่ายกมือกุมแก้ม และคุกเข่าด้วยความหวาดกลัว “เสด็จแม่...”“อุบายของเจ้าช่างดีจริงๆ”ในที่สุดเฉิงกุ้ยเฟยก็เปิดปากพูด ก่อนจะเลื่อนสายตาที่เย็นชา มายังร่างของหลี่จิ้งหย่าหลี่จิ้งหย่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอมองอย่างละเอียด ก็พบว่าเสื้อผ้าของเฉิงกุ้ยเฟยดูไม่เป็นระเบียบ ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง ทันใดนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเซี่ยเหยียนเป็นแค่โหวน้อยจอมเสเพลหรอกหรือ นี่เขาลงมือกับเฉิงกุ้ยเฟยจริงๆ รึเนี่ย?!ไม่มีทาง!เขาจะกล้าขนาดนั้นได้อย่างไร?!“เสด็จแม่พระทัยเย็นๆ ก่อนเพคะ เป็นลูกสะใภ้ที่ไม่ดีเอง ลูกสะใภ้คิดอ่านไม่รอบคอบ ทำให้เสด็จแม่ต้องพลอยลำบาก”หลี่จิ้งหย่าไม่กล้าถาม ทำได้เพียงนั่งคุกเข่าตัวสั่นเท่านั้นหลังจากนั้นไม่นาน เฉิงกุ้ยเฟยก็สงบสติอารมณ์ลงได้ นางกล่าวเสียงแข็งว่า “ไปแจ้งฉงเอ๋อร์ ให้นำคนตรวจค้นภายในค่าย เซี่ยเชียนฮวันลอบเข้ามาในค่
“ฉงเอ๋อร์พูดถูก ในเมื่อกวางเซียนตัวนั้นปรากฏกายออกมานำทางเจ้าเจ็ดที่บาดเจ็บสาหัส นั่นหมายความว่าจะต้องเป็นสัญญาณจากสวรรค์ที่อวยพรต้าเซี่ยของข้า”คําพูดขององค์ชายรองทําให้ฮ่องเต้ยิ่งมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้นเขาควบม้าไปยังสถานที่ที่เซียวเย่หลันเอ่ยถึง“เจ้าเจ็ด ร่างกายของเจ้ายังบาดเจ็บสาหัสและคงไม่สะดวกนัก หากเจ้ากลัวงูหรือสัตว์ร้ายเหล่านั้น ก็ให้ข้าไปล่าสัตว์เป็นเพื่อนเสด็จพ่อเถอะ” องค์ชายรองหันไปยิ้มน้อยๆ ให้กับเซียวเย่หลัน และกล่าวบทสนทนาที่ดูรอบคอบ เซียวเย่หลันเพียงหรี่ตา มิกล่าวสิ่งใด คนอื่นๆ จึงคิดว่าเขายอมรับข้อเสนอขององค์ชายรองเขากลับไปรอที่ค่ายอย่างใจเย็นผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่เซียวเย่หลันคิด ผ่านไปครู่ใหญ่ กองทหารม้ากลุ่มใหญ่ก็ขี่ม้ากลับมาอย่างอึกทึก ฝูงชนต่างรายล้อมรอบฮ่องเต้ สีหน้าของพวกเขาดูประหม่าและตื่นตระหนก!“เจ้าเจ็ด เจ้าทำร้ายพวกเราแล้ว!” องค์ชายรองวิ่งเข้ามาอย่างโกรธจัด “สถานที่ที่เจ้าพูดถึงมีกวางเซียนที่ไหนกันล่ะ เห็นได้ชัดว่าเป็นงูยักษ์ตัวหนึ่งเท่านั้น!เสด็จพ่อตกพระทัยจนตกจากหลังม้า ทำให้บาดเจ็บมิใช่น้อย เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร?!”เซียวเย่หลันเงยหน้าขึ้น ก็เห็นข
“ยาพิษ? รึว่าชาวซีเหลียงพวกนั้นจะลอบลงมือ...”ฮองเฮาตกใจมากเมื่อวานซืนเซียวเย่หลันเพิ่งจับนักโทษชาวซีเหลียงมาได้สองคน ไม่แน่ว่า พอพวกเขาได้อยู่ใกล้ๆ ก็ลอบวางยาพิษฮ่องเต้ต้าเซี่ย เซียวเย่หลันปฏิเสธเสียงเรียบ “ค่ายใหญ่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ต่อให้สายลับชาวซีเหลียงพวกนั้นจะกล้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างนอก ก็ไม่กล้าเข้าใกล้อยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวางยาพิษเสด็จพ่อเลย บางทีที่หมอหลวงพูดถึงน่าจะหมายถึงพิษงู”“พูดแบบนี้แล้ว ตอนที่ข้าตกจากหลังม้า แม้ว่างูตัวนั้นจะไม่ได้โจมตีข้า แต่กลับอ้าปากพ่นไอสีดำบางอย่างใส่ข้า” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วขณะทวนความทรงจำเฉิงกุ้ยเฟยถามอย่างร้อนใจ “มีวิธีรักษาพิษงูนี้หรือไม่?”เมื่อครู่นางยังมีแรงทะเลาะกับฮองเฮา แต่บัดนี้พอได้ยินว่าฮ่องเต้ถูกพิษงู ในใจก็ตื่นตระหนกขึ้นมาโดยพลัน ไม่สนใจจะทะเลาะกับฮองเฮาต่อหากฮ่องเต้สิ้นพระชมน์ตอนนี้ องค์รัชทายาทก็จะขึ้นครองบัลลังก์อย่างเหมาะสม ส่วนองค์ชายรองของนางก็คงไม่มีโอกาสได้ครองบัลลังก์“ทูลกุ้ยเฟย กระหม่อมจะพยายามรักษาอย่างเต็มที่” หมอหลวงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นพูดได้ยินหมอหลวงกล่าวเช่นนี้ หัวใจของเฉิงกุ้ยเฟยพลันเย็นวาบไป
ภูเขาจื่อเสียเซี่ยเชียนฮวันควบม้ามาครึ่งคืน ในที่สุดก็กลับมาถึงเสียทีเมื่อกลับถึงอาราม เสี่ยวตงก็เข้ามาต้อนรับด้วยสีหน้าประหม่า “พระชายา ท่านกลับมาแล้ว! เมื่อคืนหลิวไท่เฟยผู้นั้นตื่นขึ้นมา และทันทีที่นางตื่นนางก็มาสร้างปัญหาให้กับท่าน...”“นางพบว่าข้าไม่อยู่หรือ?” เซี่ยเชียนฮวันนิ่วหน้า“ขออภัยเจ้าค่ะพระชายา ล้วนเป็นบ่าวที่ไร้ประโยชน์ ไม่สามารถจัดการกับนางได้”เสี่ยวตงแสดงสีหน้าโศกเศร้าเซี่ยเชียนฮวันตบไหล่ปลอบใจนาง “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก ข้าควบคุมปริมาณยาไม่ดีเอง เดิมทีมันควรจะทำให้นางไม่ได้สติไปสองสามวัน”“พระชายาจ้านอ๋อง เจ้าขัดพระบัญชาของฝ่าบาทและแอบออกไปข้างนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ดูสิว่าวันนี้เจ้าจะอธิบายอย่างไร”หลิวไท่เฟยเดินมาจากด้านหลังพร้อมภิกษุณีติงจิ้งและคนอื่นๆภิกษุณีติงจิ้งมองเซี่ยเชียนฮวันด้วยใบหน้าผิดหวัง แล้วพูดว่า “พระชายา ท่านยังเด็กนัก จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านจะโหยหาความเจริญของเมืองหลวง แต่การที่ท่านออกจากภูเขาจื่อเสียโดยไม่แจ้งให้ทราบ มันส่งผลกระทบต่อทุกคน”“ท่านภิกษุณี ข้าไม่ได้แอบไปเมืองหลวง เพียงแต่รีบร้อนลงจากเขาไปรักษาคนป
“นี่...”ภิกษุณีติงจิ้งรู้สึกลังเลเป็นอย่างมากตามกฎแล้วจะต้องรายงานไปยังราชสํานัก นั่นเป็นความผิดทางอาญา และโทษสถานเบาที่สุดก็คือเนรเทศ“ภิกษุณี ท่านไม่สามารถแหกกฎเพียงเพราะนางยังเด็กอยู่” หลิวไท่เฟยกดดันต่อนางตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะกำจัดเซี่ยเชียนฮวันทางหนึ่ง นางกลัวว่าตัวเองอาจจะถูกวางยาอีกครั้ง อีกทางหนึ่ง นางก็เกรงว่าเซี่ยเชียนฮวันจะเปิดเผยสิ่งที่นางเคยพูดออกไป ซึ่งอาจจะทำให้เกิดแรงจูงใจมากมายที่จะมาฆ่านางเหมือนตอนยังอยู่วังหลัง ที่ทุกย่างก้าวล้วนเต็มไปด้วยอันตรายและจำเป็นต้องชิงลงมือก่อนภิกษุณีติงจิ้งลังเลอยู่พักใหญ่ จ้องมองเซี่ยเชียนฮวันอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ถ้าหากพระชายาต้องการลงเขาไปรักษาคน ไม่สู้โกนผมเป็นภิกษุณี เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ของเจ้าแม่กวนอิม กลายเป็นศิษย์อารามจื่อเสียของข้า ด้วยวิธีนี้ท่านก็สามารถลงเขาไปในนามของสาวกได้”“อะไรนะ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงจนตาค้างต้องการโกนผมของนาง และเปลี่ยนนางเป็นภิกษุณี?นี่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!“ท่านภิกษุณี ข้าเต็มไปด้วยความคิดทางโลก รากทั้งหกไม่บริสุทธิ์ ไม่คู่ควรกับการออกบวช ลืมสิ่งท่านพูดไปเถอะ” เซี่ยเช