น้ำเสียงและรังสีที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเซียวเย่หลันดุจดั่งเมฆทะมึนปกคลุมไปทั่วเมือง ทำให้คนพบเห็นแทบหายใจไม่ออกแต่เซี่ยเชียนฮวันกลับไม่อยากตอบเขานางหันไปกล่าวอำลาอันติ้งโหวแล้วหันหลังเดินจากไปตามลำพังเซียวเย่หลันตามนางมาอย่างใกล้ชิด เอื้อมมือไปคว้าแขนนางเอาไว้ "เจ้าเล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียด""เจ้าจะกังวลไปทำไม? มีคนต้องการช่วยเจ้ากำจัดลูกนอกคอกที่เจ้าว่า เจ้าควรจะดีใจไม่ใช่หรือ" เซี่ยเชียนฮวันเยาะเย้ยถากถาง"ในจวนอ๋องของข้า เรื่องเช่นนั้นไม่สมควรเกิดขึ้น"เซียวเย่หลันมองไปที่นางด้วยสายตาอันสงสัยบางทีเขาอาจรู้สึกว่านางกำลังโกหก แล้วแสร้งทำตัวน่าสงสารเซี่ยเชียนฮวันไม่อยากเสียเรี่ยวแรงและเวลาไปอธิบาย นางกล่าวเพียงว่า "เจ้าพูดได้ถูกแล้ว เรื่องราวนั้นเกิดขึ้นในจวนของเจ้า เพียงแค่เจ้ามีกระจิตกระใจไปสืบดู เหตุใดจะสืบไม่รู้ความ""การที่เจ้าไม่รู้เรื่องนั้นเป็นเพราะเจ้าไม่เคยใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของข้า หากเทียบกับซูอวี้เออร์ เจ้ามักปิดตาข้างเดียวอยู่เสมอ แล้วเราสองแม่ลูกจะสำคัญอะไร"กล่าวจบเซี่ยเชียนฮวันก็สะบัดแขนของเขา เดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังเซียวเย่หลันตกตะลึงเล็กน้อย
"ใครกันใจร้ายเช่นนี้? ท่านแม่เห็นฆาตกรหรือไม่?"เสี่ยวตงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามนางเว่ยถอนหายใจว่า "ไม่เห็น! ตอนที่ข้าไปถึงศพของพวกเขาเหม็นเน่าขึ้นอืดแล้ว ข้าได้สอบถามคนหลายคนกล่าวว่ามีคนเห็นตี๋เออร์เดินถือถ้วยยาไปที่ห้องของพระชายาอ๋องเมื่อสามวันก่อนตอนกลางคืน ผ่านไปไม่นานนางก็วิ่งออกมาด้วยความตื่นตระหนก ใครจะรู้เล่าว่าวันรุ่งขึ้นนางจะตายอยู่ในบ่อน้ำ”"นี่...นี่มันฆ่าปิดปากกันชัดๆ !"เสี่ยวตงพูดไม่ออกนางเว่ยพยักหน้า "ข้าได้ยินจากสาวรับใช้ที่นอนห้องเดียวกันกับตี๋เออร์ บอกว่าที่มือของตี๋เออร์คืนนั้นดูเหมือนจะถูกของมีคมเฉือนเข้า คาดเดาว่านางคงถูกใครบางคนบีบบังคับให้ไปวางยาพระชายาอ๋อง แต่กลับถูกพระชายาอ๋องจับได้เสียก่อน และเนื่องจากไม่มีใครอยู่ในเวลานั้น นางจึงได้เบาะแว้งกับพระชายาอ๋อง ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บ""ต้องโทษข้าที่ไม่อยู่ในช่วงนั้น คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ประสงค์ร้ายเข้ามาหวังสังหารเหนียงเหนียง" เสี่ยวตงโมโหจนกระทืบเท้าปึง "ท่านแม่ เหตุใดจึงไม่ทูลเรื่องนี้ให้ท่านอ๋องทราบ?"นางเว่ยได้แต่ทำหน้าหมดหวัง "พวกเขาฆ่าทุกคนปิดปากหมดแล้ว ข้าเองไม่มีหลักฐาน จะกล้าทูลต่อท่านอ๋องได้อย่างไร""เ
“ท่านอ๋อง เชิญไปดูแม่นางซูก่อนเถิดเพคะ!"หยุนซีเอ่ยร้องขออีกครั้งในที่สุดเซียวเย่หลันก็ไม่อาจต้านทานคำร้องขอจากนางได้ จึงตอบตกลงไปว่า "คาดจะไปเดี๋ยวนี้”กล่าวจบเขาก็นึกถึงคำพูดของเสี่ยวตงสะท้อนขึ้นมาในใจหากพระชายาอ๋องจะแสร้งทำตัวน่าสงสารขี้ออดอ้อนเหมือนแม่นางซูบ้าง...เซียวเย่หลันขยี้ไปที่หัวคิ้ว แล้วกำจัดความคิดนี้ออกไปอวี้เออร์ไม่ได้แสร้งทำตัวน่าสงสารสักหน่อยนางถูกพิษจริง และพิษนี้เข้าไปในดวงตาของนาง จะไม่ให้นางร้องไห้ได้อย่างไรในตอนนั้นที่เขาแต่งงานกับเซี่ยเชียนฮวันเพราะไม่มีทางเลือก ทั้งยังให้เข้ามาเป็นพระชายาอ๋อง ถือว่าทำให้ซูอวี้เออร์ผิดหวังมากพอแล้ว หากตอนนี้รู้ว่าอาการของนางแย่ลงแต่กลับยืนกรานไปพบเซี่ยเชียนฮวัน ทนเห็นนางต้องเจ็บปวดรวดร้าวก็คงจะไม่ยุติธรรมเซียวเย่หลันเดินทางมายังเรือนจิ่นซิ่วด้วยอารมณ์เช่นนี้ ก่อนจะทำการปลอบโยนซูอวี้เออร์อยู่พักใหญ่จากนั้นกว่าเขาจะปลีกตัวออกมาได้แล้วกลับไปที่หอหลันเซียง กลับพบว่าที่นั่นไม่มีใครอยู่ !"เห็นพระชายาอ๋องหรือไม่?"เซียวเย่หลันเดินมาที่หน้าประตูใหญ่ พบเย่ซิ่นยืนอยู่ที่นั่นจึงรีบเอ่ยเย่ซิ่นหันกลับมาตอบด้วยความนอบ
“ท่านกุ่ยอี่ แม่หนูนั่นได้รับความนิยมมากกว่าท่านเสียอีก"ชิวหมิ่นเดินไปหาชายผู้นั้นพร้อมกับอาหารเรียกน้ำย่อยแล้ววางมันลงอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะล้อเลียนขึ้นเสิ่นหรงยิ้มขึ้นเบาๆ "นี่เป็นเรื่องดี หากข้าต้องการหาผู้สืบทอด ข้าคงไม่อยากหาคนที่มีนิสัยแปลกๆ และสันโดษเช่นเดียวกับข้า""ที่แท้ท่านรู้ตัวว่าตนมีนิสัยแปลกหรือ ไม่ง่ายเลยจริงๆ " ชิวหมิ่นพึมพำออกมาเบาๆ ที่จริงแล้ว นิสัยของกุ่ยอีนางว่าก็ไม่ได้แปลกอะไรนัก แค่ไม่ปกติมีขุนนางชั้นสูงมากมายนำเงินมามอบให้เขาหลายล้านตะลึง แต่เขาไม่ย่างกายไปให้เห็นแม้แต่เงา ว่าในบางครั้งเจอกับขอทานข้างถนนที่กำลังใกล้ตาย พวกเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วแท้ๆ เพราะอยู่ไปก็มีแต่ความทุกข์ลำบาก แต่หมอคนนี้กลับยัดเยียดที่จะรักษาโรคให้หายถ้าไม่เรียกว่าแปลก แล้วนี่มันอะไรกัน?แต่ผู้ชายนิสัยเยี่ยงนี้กลับกลายเป็นกุ่ยอี ผู้ที่มีความสามารถล้นฟ้า ช่างเดาได้ยากเหลือเกิน"น่าเสียดาย แม่นางคนนี้โชคไม่ดีนัก”เสิ่นหรงลูบไปที่เคราของตน สายตาจ้องไปยังรถม้าของเซี่ยเชียนฮวันที่ขับเคลื่อนไกลออกไปชิวหมิ่นถามด้วยความสงสัย "โชคหรือ?""เห็นได้ชัดว่าโรคระบาดครั้งนี้มีคนทำขึ้น หา
“ฮ่าๆ คิดว่าใครเสียอีก พระชายาอ๋องไม่ใช่หรือนี่”ท่านหญิงหยวนหลี่ไม่ได้แต่งกายหรูหราดูดีมีเครื่องประดับเช่นเมื่อก่อน นางไร้ซึ่งความรู้สึกเหมือนเป็นเทพธิดาลงมาจุติ บัดนี้มองดูแล้วช่างทรุดโทรมห่อเหี่ยว เป็นเพียงสตรีธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นนางหัวเราะขึ้นอย่างเยือกเย็น “ทำไมหรือ วันนี้เดินทางมาเพื่อตั้งใจเยาะเย้ยข้า? ขอบใจมากจริงๆ "เซี่ยเชียนฮวันส่ายหน้า "เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่บังเอิญผ่านมาเจอเจ้า"“ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไรก็ตาม เจ้าก็ได้เห็นสภาพของข้าเช่นนี้แล้ว เจ้าคงจะสะใจน่าดู มีความสุขมากสินะ"ท่านหญิงหยวนหลี่กำมือแน่น กัดริมฝีปากซีดเผือดแห้งผากของตนเซี่ยเชียนฮวันรู้ว่านางอธิบายไปเช่นไรนางก็คงไม่เชื่อ จึงเอ่ยว่า “แท้จริงแล้วเจ้ามีพรสวรรค์ด้านการแพทย์มากนัก เพียงแต่เดินทางผิดไป หากเจ้าออกไปถึงหยาโจวแล้วสงบอารมณ์ตั้งใจศึกษาทักษะการรักษา สร้างคุณงามความดีให้ประชาชนก็คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย""เจ้าไม่ต้องมาพูดจาปลอบโยนข้า! เซี่ยเชียนฮวัน แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยคิดว่าข้าด้อยกว่าเจ้า รอดูเถอะ สักวันข้าจะรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง แล้วกลับมาแย่งฉายายอดหมอเทวดาของเจ้า!"แววตาของท่านหญิงหยวนห
ห้องนี้ดูไม่เหมือนเป็นที่พักอาศัย เหมือนห้องเก็บฟืนเสียมากกว่าไม่มีโต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะ เก้าอี้หรือเครื่องเรือนใดสักชิ้น ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงฉากกั้นอันงดงาม มีเพียงเตียงไม้เปล่าๆ วางไว้ไม่เพียงเท่านั้น บนเพดานเต็มไปด้วยใยแมงมุมและฝุ่น เมื่อผลักประตูเข้าไปฝุ่นมากมายร่วงหล่นลงมา“อะไรกัน สถานที่ทรุดโทรมเช่นนี้ ท่านภิกษุณี เหนียงเหนียงของเราเป็นถึงพระชายาอ๋อง จะให้อยู่ในห้องทรุดโทรมแบบนี้ได้อย่างไร!"เสี่ยวตงอดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นนางสามารถทนอยู่ได้ แต่นางไม่อาจทนเห็นเหนียงเหนียงต้องลำบากคิดไม่ถึงว่าภิกษุณีผู้นั้นจะตอบกลับอย่างเย็นชา “พระชายาอ๋องแล้วอย่างไรเล่า? สตรีที่อยู่ ณ ที่นี้ ใครบ้างเล่าที่ไม่ใช่สนมของฮ่องเต้องค์ก่อน แต่ทุกคนก็ล้วนมารวมกันที่นี่""แต่ว่า แต่ว่าบัดนี้เหนียงเหนียงของข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ หากเป็นอะไรขึ้นมา ใครเล่าจะรับผิดชอบไหว!"เสี่ยวตงพูดขึ้นด้วยความโมโหแต่ภิกษุณีผู้นั้นหัวเราะขึ้นด้วยความเยือกเย็น "พวกเจ้าถูกส่งมาที่นี่ หมายความว่าเด็กในท้องคงไม่สำคัญต่อราชวงศ์นัก""“เจ้า..."เสี่ยวตงพูดไม่ออกแต่เซี่ยเชียนฮวันกลับสงบลงอย่างรวดเร็ว นางยอมรับความจริงนี
เซี่ยเชียนฮวันมองไปยังหญิงวัยกลางคนแปลกหน้าผู้นี้ด้วยความตกตะลึงพบว่านางสวมชุดคลุมสีเทายาวเรียบง่าย ผมยาวถึงเอวดำขลับ มองออกว่ามีอายุแล้ว ท่าทีสง่างาม ตอนสาวๆ คงจะงดงามไม่น้อย“ท่านคือ..."เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นยืนแม้นางจะไม่รู้จักสตรีคนตรงหน้า แต่ก็พอจะเดาได้ว่าตำแหน่งไม่ธรรมดา “ข้าแซ่หลิว ทุกคนล้วนเรียกข้าว่าหลิวไท่เฟย" สตรีผู้นั้นยิ้มขึ้น"เป็นหลิวไท่เฟยนี่เอง"เซี่ยเชียนฮวันพยักหน้าตอบรับในอารามแห่งนี้ล้วนเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ไม่ช้าก็เร็วสักวันคงได้เจอกันทุกคน เพียงแต่นั่งคิดไม่ถึงว่าจะมีคนมา หานางถึงที่"ไท่เฟยอาจจะจำผิดไป ข้าแซ่เซี่ย มาจากจวนอันติ้งโหว หาได้แซ่มู่หรง" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นหลิวไท่เฟยหัวเราะ เดินเข้ามาจูงมือเซี่ยเชียนฮวันไว้ราวกับเป็นญาติผู้ใหญ่อาวุโสและตบไปที่หลังมือของนางเบาๆ “ไม่หรอก ข้าไม่ได้จำผิดไป บิดาของเจ้าคือหลานของมู่หลงไทเฮา และเจ้าก็คือหลานสาวของนาง ดังนั้นเจ้าจึงเป็นสตรีในตระกูลมู่หรง"เซี่ยเชียนฮวันจึงได้เข้าใจไทเฮาองค์ปัจจุบันแซ่มู่หรงและนี่ก็คือแซ่ของย่าทวดนางจู่ๆ เรียกนางเช่นนั้นจึงไม่ทันคิดได้"ในตอนนั้น ท่านและท่านป้
"กรี๊ด..."เซี่ยเชียนฮวันส่งเสียงกรีดร้องออกมาสั้นๆ จากนั้นนางก็ลื่นล้มลงไปในหน้าผา!จากมุมนี้ บังเอิญมีกิ่งไม้สองสามกิ่งงอกขึ้นมาปิดบังเอาไว้ นางจึงมองไม่เห็นว่าใครเป็นคนผลักนางตกลงมา!แม้ที่นี่จะไม่ใช่หน้าผาลึก แต่ก็มีความลาดชันมาก หากเซี่ยเชียนฮวันตกลงไปละก็คาดว่าคงจะรอดยากโชคดีเหลือเกินหลินซวี่กระโดดออกมากอดเซี่ยเชียนฮวันเอาไว้แน่น ใช้ปลายเท้าแตะไปยังหินที่ยื่นออกมา แล้วเอาร่างกายของตนเป็นเกราะกำบัง เพื่อไม่ให้เซี่ยเชียนฮวันได้รับอันตรายแต่ว่าตัวเขากลับบาดเจ็บไม่น้อยเซี่ยเชียนฮวันล้มลงมากระแทกเขาด้วยเต็มแรงอีกทั้งเขายังกระแทกเข้ากับหินข้างล่างหน้าผาหลายทีทำให้องครักษ์ลับตัวน้อยคนนี้ที่ไม่เคยเอ่ยปากพูด ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด ซึ่งเซี่ยเชียนฮวันก็ได้ยินมันทั้งสองคนกลิ้งลงมาถึงสุดหน้าผาแล้ว ในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันก็ปลอดภัย นางรีบลุกขึ้นตรวจดูอาการของหลินซวี่แย่แล้ว...ที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บมีเลือดออก กระดูกซี่โครงหักหลายซี่ ร่างกายฟกช้ำ ดูเหมือนอาจเดินไม่ได้ด้วยอาการค่อนข้างจะรุนแรง“พระชายาอ๋องไม่ต้องสนใจข้าน้อย ได้โปรดเดินตามถ