เซี่ยเชียนฮวันมองไปยังหญิงวัยกลางคนแปลกหน้าผู้นี้ด้วยความตกตะลึงพบว่านางสวมชุดคลุมสีเทายาวเรียบง่าย ผมยาวถึงเอวดำขลับ มองออกว่ามีอายุแล้ว ท่าทีสง่างาม ตอนสาวๆ คงจะงดงามไม่น้อย“ท่านคือ..."เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นยืนแม้นางจะไม่รู้จักสตรีคนตรงหน้า แต่ก็พอจะเดาได้ว่าตำแหน่งไม่ธรรมดา “ข้าแซ่หลิว ทุกคนล้วนเรียกข้าว่าหลิวไท่เฟย" สตรีผู้นั้นยิ้มขึ้น"เป็นหลิวไท่เฟยนี่เอง"เซี่ยเชียนฮวันพยักหน้าตอบรับในอารามแห่งนี้ล้วนเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ไม่ช้าก็เร็วสักวันคงได้เจอกันทุกคน เพียงแต่นั่งคิดไม่ถึงว่าจะมีคนมา หานางถึงที่"ไท่เฟยอาจจะจำผิดไป ข้าแซ่เซี่ย มาจากจวนอันติ้งโหว หาได้แซ่มู่หรง" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นหลิวไท่เฟยหัวเราะ เดินเข้ามาจูงมือเซี่ยเชียนฮวันไว้ราวกับเป็นญาติผู้ใหญ่อาวุโสและตบไปที่หลังมือของนางเบาๆ “ไม่หรอก ข้าไม่ได้จำผิดไป บิดาของเจ้าคือหลานของมู่หลงไทเฮา และเจ้าก็คือหลานสาวของนาง ดังนั้นเจ้าจึงเป็นสตรีในตระกูลมู่หรง"เซี่ยเชียนฮวันจึงได้เข้าใจไทเฮาองค์ปัจจุบันแซ่มู่หรงและนี่ก็คือแซ่ของย่าทวดนางจู่ๆ เรียกนางเช่นนั้นจึงไม่ทันคิดได้"ในตอนนั้น ท่านและท่านป้
"กรี๊ด..."เซี่ยเชียนฮวันส่งเสียงกรีดร้องออกมาสั้นๆ จากนั้นนางก็ลื่นล้มลงไปในหน้าผา!จากมุมนี้ บังเอิญมีกิ่งไม้สองสามกิ่งงอกขึ้นมาปิดบังเอาไว้ นางจึงมองไม่เห็นว่าใครเป็นคนผลักนางตกลงมา!แม้ที่นี่จะไม่ใช่หน้าผาลึก แต่ก็มีความลาดชันมาก หากเซี่ยเชียนฮวันตกลงไปละก็คาดว่าคงจะรอดยากโชคดีเหลือเกินหลินซวี่กระโดดออกมากอดเซี่ยเชียนฮวันเอาไว้แน่น ใช้ปลายเท้าแตะไปยังหินที่ยื่นออกมา แล้วเอาร่างกายของตนเป็นเกราะกำบัง เพื่อไม่ให้เซี่ยเชียนฮวันได้รับอันตรายแต่ว่าตัวเขากลับบาดเจ็บไม่น้อยเซี่ยเชียนฮวันล้มลงมากระแทกเขาด้วยเต็มแรงอีกทั้งเขายังกระแทกเข้ากับหินข้างล่างหน้าผาหลายทีทำให้องครักษ์ลับตัวน้อยคนนี้ที่ไม่เคยเอ่ยปากพูด ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด ซึ่งเซี่ยเชียนฮวันก็ได้ยินมันทั้งสองคนกลิ้งลงมาถึงสุดหน้าผาแล้ว ในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันก็ปลอดภัย นางรีบลุกขึ้นตรวจดูอาการของหลินซวี่แย่แล้ว...ที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บมีเลือดออก กระดูกซี่โครงหักหลายซี่ ร่างกายฟกช้ำ ดูเหมือนอาจเดินไม่ได้ด้วยอาการค่อนข้างจะรุนแรง“พระชายาอ๋องไม่ต้องสนใจข้าน้อย ได้โปรดเดินตามถ
"พระชายาอ๋องพ่ะย่ะค่ะ รีบหาที่ซ่อนเร็ว..."หลินซวี่ได้ยินเสียงหอนของหมาป่าดังนั้นก็ตั้งใจจะเข้ามากันเซี่ยเชียนฮวันให้อยู่ข้างหลังตน แต่บัดนี้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บมาก เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ปวดร้าวอย่างรุนแรงจนไม่อาจขยับได้เซี่ยเชียนฮวันรีบปลอบใจเขาว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นกังวลไป สัตว์ป่าเหล่านั้นเพียงคำรามอยู่รอบๆ มันอาจไม่กล้าเข้ามา”"หาได้เป็นดังนั้นพ่ะย่ะค่ะ พวกมันจะตามกลิ่นเลือดมายังที่นี่” ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของหลินซวี่ดูจริงจังมากในขณะนี้ “ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าน้อย หากไม่รีบไปก็คงไม่ทันแล้ว"“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เราหาที่หลบป้องกันภัยก่อนดีกว่า" เซี่ยเชียนฮวันไม่เคยคิดที่จะทิ้งองครักษ์ตัวน้อยนี้เอาไว้เลยนางพยุงหลินซวี่ขึ้นมาแล้วเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างช้าๆ ทีละก้าว"ข้าน้อยต้องทำบุญมามากมายเพียงไรกัน... จึงทำให้พระชายาอ๋องใส่ใจข้าน้อยเช่นนี้"ใบหน้าของหลินสีแดงเรื่อ เซี่ยเชียนฮวันพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เจ้าคอยปกป้องข้าอย่างลับๆ เป็นเวลาเนิ่นนาน จะว่าไปแล้วข้าต่างหากที่ควรขอบคุณ เพราะเจ้าเอาใจใส่ดูแลข้ามากเหลือเกิน""นั่นเป็นเพราะคำสั่งของท่านอ๋อง..
“ฟ่อๆ ..."ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนตัวออกมาจากสระน้ำลึก ใกล้เข้ามาทางเซี่ยเชียนฮวันกับหลินซวี่"เป็นงูใหญ่" หลินซวี่ใบหน้าซีดเผือด เขาพยายามเอื้อมมือออกไปคลำเพื่อต้องการปกป้องเซี่ยเชียนฮวันไว้ข้างหลัง “พระชายาอ๋องรีบไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะคอยกันมันเอาไว้เอง"“ไม่ได้ บัดนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บอยู่"แน่นอนว่าเซี่ยเชียนฮวันไม่ยอมไปหลินซวี่รีบร้อนใจขึ้นทันที เขาใช้แรงคิดจะผลักเซี่ยเชียนฮวันออกไป "หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มกันท่านเอาไว้ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ขึ้นเขาลงห้วย ก็จะไม่ปล่อยให้ท่านได้พบกับอันตราย!"เขาเอื้อมมือออกไปผลักร่างของเซี่ยเชียนฮวัน จากนั้นร่างเขาก็ชะงักลงด้วยใบหน้าอันแดงเรื่อบัดนี้เซี่ยเชียนฮวันดูสงบเงียบกว่าเขาเสียอีก“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเช่นนั้น งูถือว่าเป็นสัตว์เลือดเย็น ตราบใดที่พวกมันไม่รู้สึกว่าถูกคุกคามจากเรา มันก็จะไม่โจมตีเรา”เซี่ยเชียนฮวันกดไปที่บ่าของหลินซวี่แล้วกระซิบพูดเมื่อได้ยินน้ำเสียงอันนุ่มนวลแต่ทรงพลังของนาง หลินซวี่ก็ค่อยๆ สงบลง เขากลั้นลมหายใจ พยายามไม่ส่งเสียงใดออกมาเพื่อรบกวนงูใหญ่ตัวนั้นเมื่อเสียงของงูดังมาใกล้เข้าม
“พระชายาอ๋อง เจ้า...เจ้ากลับมาแล้วจริงหรือ?"แม่ชีที่กำลังกวาดลานเอ่ยถามอย่างเหลือเชื่อเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "พวกเจ้าคิดว่าข้าตายแล้วหรือ""หลิวไท่เฟยบอกว่า ตอนที่เจ้ากำลังเดินเล่นบริเวณวัดถู่ตี้กง ไม่ทันระวังลื่นล้มลงไปในเหว ที่แห่งนั้นอันตรายยิ่งนัก ก้นเหวมีงูพิษสัตว์ดุร้ายมากมาย พวกเราจึงคิดว่าเจ้าไม่อาจกลับมาได้แล้ว” แม่ชีพูดแล้วส่ายหน้า"นั่นหมายความว่าข้าเป็นผู้มีบุญซึ่งพระพุทธเจ้าทรงคุ้มกัน" เซี่ยเชียนฮวันยิ้มขึ้นอย่างบางเบาเมื่อแม่ชีผู้นี้เอ่ยขึ้น เซี่ยเชียนฮวันก็เข้าใจได้ในทันที หลิวไท่เฟยคงไม่บอกกับคนอื่นว่านางเป็นคนผลักตนลงไปในเหว บอกเพียงแค่ว่าตนตกเหวเพื่อจะได้หลอกลวงผู้อื่นให้เชื่อภิกษุณีติงจิ้งที่นำทางเซี่ยเชียนฮวันเมื่อวานนี้ ได้ยินว่านางกลับมาแล้วจึงรีบเดินทางมาทันทีนางเห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันสบายดี หัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ ก็ผ่อนคลายลงแล้วกล่าวหลายครั้งว่า “อามิตตาพุทธ” คนที่ถูกส่งมา ณ ที่นี้ แม้จะกล่าวว่าเป็นคนที่ราชวงศ์ไม่ต้องการ แต่หากพวกนางเป็นอะไรขึ้นมา อารามจื่อเสียก็จะถูกลงโทษอย่างเคร่งครัดโดยฮ่องเต้“พระชายาอ๋อง เจ้าไม่คุ้นเคยกับทางที่นี่และยังก
"ช่างเถิดพระชายาอ๋อง ข้าเดินทางจากไปก็ได้"ถึงอย่างไรหลินซวี่ก็เป็นชายหนุ่มเลือดร้อนคนหนึ่งเขาถูกสตรีกลุ่มนี้บีบบังคับ ทั้งยังมีผลกระทบต่อความบริสุทธิ์ของพระชายาอ๋อง บัดนี้เขาจึงไม่อาจทนได้เขาหยิบนกหวีดออกมา ยัดใส่มือเซี่ยเชียนฮวันแล้วกระซิบว่า "ข้าน้อยจะไปหาที่พักอาศัยตรงตีนเขา หากท่านพบอันตรายใด ได้โปรดเป่านกหวีดนี้ แล้วข้าน้อยจะรีบเดินทางมา""เสี่ยวหลินจื่อ"เซี่ยเชียนฮวันเห็นเขาเดินหันหลังจากไป ใช้ไม้เท้าพยุงร่างของตนลงภูเขา เดิมทีนางต้องการจะเอ่ยบางอย่างขึ้นแต่ก็ได้เงียบลงภิกษุณีติงจิ้งยกมือขึ้นโบกเบาๆ "เอาเถอะ ในเมื่อพระชายาอ๋องเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันเถอะ"ทุกคนแยกย้ายกันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเซี่ยเชียนฮวันหันหลังกลับมามองดูหลิวไท่เฟย พบว่าสตรีนางนี้เผยอมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น ก่อนจะเดินติดตามภิกษุณีติงจิ้งไปข้างหลัง ไม่ได้เอ่ย คำใดกับนางอีกสักประโยคเดียวถึงอย่างไรนางก็เคยเป็นสนมผู้ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนนางได้ต่อสู้แก่งแย่งกับสตรีในวังหลังมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี สำหรับเซี่ยเชียนฮวันแล้วยังอ่อนหัดนักเซี่ยเชียนฮวันถอน
"แม้แต่ฮ่องเต้ยังกล่าวว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ข้าน้อยจึงเป็นกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อท่านอ๋องเท่านั้น” ซูอวี้เออร์พูดขึ้นเซียวเย่หลันมองไปที่นาง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเสด็จพ่อเคยกล่าวเช่นนั้นในพระราชสำนัก?"“องค์ องค์หญิงแปดเล่าให้ข้าฟัง ดูเหมือนเรื่องนี้จะแพร่ไปทั่วราชวังหลวง"ซูอวี้เออร์แสร้งทำท่าทีจริงจังเดิมทีนางต้องการทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันเป็นตัวซวย คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่หลงกล ซ้ำยังวกกลับมาจับผิดคำพูดของนางการสนทนากับเซียวเย่หลันจะหละหลวมสักน้อยไม่ได้เลย“ความซวยหรือลางบอกเหตุร้ายเหล่านั้น ล้วนเป็นเพียงกลอุบายที่หลี่ฉางหมิงหยิบยกออกมาพูดเอง การที่ข้าให้นางเดินทางไปภูเขาจื่อเสียก็เพื่อให้นางไปไตร่ตรองตนเอง หาใช่ว่าข้าเชื่อเรื่องราวผีสางเหล่านั้น" เซียวเย่หลันกล่าวขึ้นเบาๆ “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้างมงายจนเกินไป ทำให้ท่านอ๋องรู้สึกขบขัน” ซูอวี้เออร์ก้มหน้าลงเซียวเย่หลันนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมาเขาคิดเพียงว่า หากตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันอยู่ข้างกายเขา ก็คงจะหัวเราะเยาะเย้ยกับคำพูดเรื่องผีสางไร้สาระแบบนี้พร้อมกับเขาอย่างแน่นอนแม้ว่าสตรีผู้นั้นจะไม่ได้ร่ำเรีย
"แม่นางซู หลินซวี่เป็นคนนิสัยเช่นไรข้ารู้ดี ต่อให้เขาและพระชายาอ๋องอยู่กันสองคนตามลำพัง ก็คงเป็นเพราะคอยคุ้มกันอารักขาพระชายาอ๋อง เขาจะไม่ทำสิ่งใดที่เลยเกินอย่างแน่นอน"เย่ซิ่นเอ่ยขึ้นด้วยความเย็นชาเขาไม่อยากฟังซูอวี้เออร์พูดจาไร้สาระได้อีกต่อไปก่อนหน้านี้ เขาเองก็เคยคิดว่าซูอวี้เออร์เป็นกุลสตรีที่งดงามและอ่อนโยน หากไม่ใช่เพราะมีตัวตนที่ต่ำต้อยไปหน่อย ก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีจะขึ้นเป็นตำแหน่งพระชายาอ๋องบัดนี้เมื่อมีเซี่ยเชียนฮวันมาเปรียบเทียบ เขากลับไม่ชอบซูอวี้เออร์มากขึ้นทุกที"องครักษ์เย่กล่าวเช่นนี้ ข้าเองก็เชื่อเจ้า เพียงแต่ข้าได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ในภูเขาจื่อเสียมามากมายเหลือเกิน กล่าวว่าพระชายาอ๋องให้องครักษ์ลับผู้นั้นปลูกกระท่อมหลังเล็กๆ ไว้ที่ตีนเขา นำข้าวนำน้ำไปให้เขาด้วยตนเอง จนกระทั่งดึกดื่นจึงเดินทางกลับ”ซูอวี้เออร์แสร้งกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนบางเบา เกรงว่าเซียวเย่หลันจะโมโหขึ้นมา จึงไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไหร่นัก นางเหลือบมองดูเล็กน้อยแต่เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมาแล้ว เซียวเย่หลันก็สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที แววตาผิดหวังก็ให้ค่อยๆ จางหายไป"ข้าสั่งให้เขาไปทำหน้า