เซี่ยเชียนฮวันมองไปยังหญิงวัยกลางคนแปลกหน้าผู้นี้ด้วยความตกตะลึงพบว่านางสวมชุดคลุมสีเทายาวเรียบง่าย ผมยาวถึงเอวดำขลับ มองออกว่ามีอายุแล้ว ท่าทีสง่างาม ตอนสาวๆ คงจะงดงามไม่น้อย“ท่านคือ..."เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นยืนแม้นางจะไม่รู้จักสตรีคนตรงหน้า แต่ก็พอจะเดาได้ว่าตำแหน่งไม่ธรรมดา “ข้าแซ่หลิว ทุกคนล้วนเรียกข้าว่าหลิวไท่เฟย" สตรีผู้นั้นยิ้มขึ้น"เป็นหลิวไท่เฟยนี่เอง"เซี่ยเชียนฮวันพยักหน้าตอบรับในอารามแห่งนี้ล้วนเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ไม่ช้าก็เร็วสักวันคงได้เจอกันทุกคน เพียงแต่นั่งคิดไม่ถึงว่าจะมีคนมา หานางถึงที่"ไท่เฟยอาจจะจำผิดไป ข้าแซ่เซี่ย มาจากจวนอันติ้งโหว หาได้แซ่มู่หรง" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นหลิวไท่เฟยหัวเราะ เดินเข้ามาจูงมือเซี่ยเชียนฮวันไว้ราวกับเป็นญาติผู้ใหญ่อาวุโสและตบไปที่หลังมือของนางเบาๆ “ไม่หรอก ข้าไม่ได้จำผิดไป บิดาของเจ้าคือหลานของมู่หลงไทเฮา และเจ้าก็คือหลานสาวของนาง ดังนั้นเจ้าจึงเป็นสตรีในตระกูลมู่หรง"เซี่ยเชียนฮวันจึงได้เข้าใจไทเฮาองค์ปัจจุบันแซ่มู่หรงและนี่ก็คือแซ่ของย่าทวดนางจู่ๆ เรียกนางเช่นนั้นจึงไม่ทันคิดได้"ในตอนนั้น ท่านและท่านป้
"กรี๊ด..."เซี่ยเชียนฮวันส่งเสียงกรีดร้องออกมาสั้นๆ จากนั้นนางก็ลื่นล้มลงไปในหน้าผา!จากมุมนี้ บังเอิญมีกิ่งไม้สองสามกิ่งงอกขึ้นมาปิดบังเอาไว้ นางจึงมองไม่เห็นว่าใครเป็นคนผลักนางตกลงมา!แม้ที่นี่จะไม่ใช่หน้าผาลึก แต่ก็มีความลาดชันมาก หากเซี่ยเชียนฮวันตกลงไปละก็คาดว่าคงจะรอดยากโชคดีเหลือเกินหลินซวี่กระโดดออกมากอดเซี่ยเชียนฮวันเอาไว้แน่น ใช้ปลายเท้าแตะไปยังหินที่ยื่นออกมา แล้วเอาร่างกายของตนเป็นเกราะกำบัง เพื่อไม่ให้เซี่ยเชียนฮวันได้รับอันตรายแต่ว่าตัวเขากลับบาดเจ็บไม่น้อยเซี่ยเชียนฮวันล้มลงมากระแทกเขาด้วยเต็มแรงอีกทั้งเขายังกระแทกเข้ากับหินข้างล่างหน้าผาหลายทีทำให้องครักษ์ลับตัวน้อยคนนี้ที่ไม่เคยเอ่ยปากพูด ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด ซึ่งเซี่ยเชียนฮวันก็ได้ยินมันทั้งสองคนกลิ้งลงมาถึงสุดหน้าผาแล้ว ในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันก็ปลอดภัย นางรีบลุกขึ้นตรวจดูอาการของหลินซวี่แย่แล้ว...ที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บมีเลือดออก กระดูกซี่โครงหักหลายซี่ ร่างกายฟกช้ำ ดูเหมือนอาจเดินไม่ได้ด้วยอาการค่อนข้างจะรุนแรง“พระชายาอ๋องไม่ต้องสนใจข้าน้อย ได้โปรดเดินตามถ
"พระชายาอ๋องพ่ะย่ะค่ะ รีบหาที่ซ่อนเร็ว..."หลินซวี่ได้ยินเสียงหอนของหมาป่าดังนั้นก็ตั้งใจจะเข้ามากันเซี่ยเชียนฮวันให้อยู่ข้างหลังตน แต่บัดนี้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บมาก เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ปวดร้าวอย่างรุนแรงจนไม่อาจขยับได้เซี่ยเชียนฮวันรีบปลอบใจเขาว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นกังวลไป สัตว์ป่าเหล่านั้นเพียงคำรามอยู่รอบๆ มันอาจไม่กล้าเข้ามา”"หาได้เป็นดังนั้นพ่ะย่ะค่ะ พวกมันจะตามกลิ่นเลือดมายังที่นี่” ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของหลินซวี่ดูจริงจังมากในขณะนี้ “ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าน้อย หากไม่รีบไปก็คงไม่ทันแล้ว"“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เราหาที่หลบป้องกันภัยก่อนดีกว่า" เซี่ยเชียนฮวันไม่เคยคิดที่จะทิ้งองครักษ์ตัวน้อยนี้เอาไว้เลยนางพยุงหลินซวี่ขึ้นมาแล้วเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างช้าๆ ทีละก้าว"ข้าน้อยต้องทำบุญมามากมายเพียงไรกัน... จึงทำให้พระชายาอ๋องใส่ใจข้าน้อยเช่นนี้"ใบหน้าของหลินสีแดงเรื่อ เซี่ยเชียนฮวันพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เจ้าคอยปกป้องข้าอย่างลับๆ เป็นเวลาเนิ่นนาน จะว่าไปแล้วข้าต่างหากที่ควรขอบคุณ เพราะเจ้าเอาใจใส่ดูแลข้ามากเหลือเกิน""นั่นเป็นเพราะคำสั่งของท่านอ๋อง..
“ฟ่อๆ ..."ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนตัวออกมาจากสระน้ำลึก ใกล้เข้ามาทางเซี่ยเชียนฮวันกับหลินซวี่"เป็นงูใหญ่" หลินซวี่ใบหน้าซีดเผือด เขาพยายามเอื้อมมือออกไปคลำเพื่อต้องการปกป้องเซี่ยเชียนฮวันไว้ข้างหลัง “พระชายาอ๋องรีบไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะคอยกันมันเอาไว้เอง"“ไม่ได้ บัดนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บอยู่"แน่นอนว่าเซี่ยเชียนฮวันไม่ยอมไปหลินซวี่รีบร้อนใจขึ้นทันที เขาใช้แรงคิดจะผลักเซี่ยเชียนฮวันออกไป "หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มกันท่านเอาไว้ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ขึ้นเขาลงห้วย ก็จะไม่ปล่อยให้ท่านได้พบกับอันตราย!"เขาเอื้อมมือออกไปผลักร่างของเซี่ยเชียนฮวัน จากนั้นร่างเขาก็ชะงักลงด้วยใบหน้าอันแดงเรื่อบัดนี้เซี่ยเชียนฮวันดูสงบเงียบกว่าเขาเสียอีก“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเช่นนั้น งูถือว่าเป็นสัตว์เลือดเย็น ตราบใดที่พวกมันไม่รู้สึกว่าถูกคุกคามจากเรา มันก็จะไม่โจมตีเรา”เซี่ยเชียนฮวันกดไปที่บ่าของหลินซวี่แล้วกระซิบพูดเมื่อได้ยินน้ำเสียงอันนุ่มนวลแต่ทรงพลังของนาง หลินซวี่ก็ค่อยๆ สงบลง เขากลั้นลมหายใจ พยายามไม่ส่งเสียงใดออกมาเพื่อรบกวนงูใหญ่ตัวนั้นเมื่อเสียงของงูดังมาใกล้เข้าม
“พระชายาอ๋อง เจ้า...เจ้ากลับมาแล้วจริงหรือ?"แม่ชีที่กำลังกวาดลานเอ่ยถามอย่างเหลือเชื่อเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "พวกเจ้าคิดว่าข้าตายแล้วหรือ""หลิวไท่เฟยบอกว่า ตอนที่เจ้ากำลังเดินเล่นบริเวณวัดถู่ตี้กง ไม่ทันระวังลื่นล้มลงไปในเหว ที่แห่งนั้นอันตรายยิ่งนัก ก้นเหวมีงูพิษสัตว์ดุร้ายมากมาย พวกเราจึงคิดว่าเจ้าไม่อาจกลับมาได้แล้ว” แม่ชีพูดแล้วส่ายหน้า"นั่นหมายความว่าข้าเป็นผู้มีบุญซึ่งพระพุทธเจ้าทรงคุ้มกัน" เซี่ยเชียนฮวันยิ้มขึ้นอย่างบางเบาเมื่อแม่ชีผู้นี้เอ่ยขึ้น เซี่ยเชียนฮวันก็เข้าใจได้ในทันที หลิวไท่เฟยคงไม่บอกกับคนอื่นว่านางเป็นคนผลักตนลงไปในเหว บอกเพียงแค่ว่าตนตกเหวเพื่อจะได้หลอกลวงผู้อื่นให้เชื่อภิกษุณีติงจิ้งที่นำทางเซี่ยเชียนฮวันเมื่อวานนี้ ได้ยินว่านางกลับมาแล้วจึงรีบเดินทางมาทันทีนางเห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันสบายดี หัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ ก็ผ่อนคลายลงแล้วกล่าวหลายครั้งว่า “อามิตตาพุทธ” คนที่ถูกส่งมา ณ ที่นี้ แม้จะกล่าวว่าเป็นคนที่ราชวงศ์ไม่ต้องการ แต่หากพวกนางเป็นอะไรขึ้นมา อารามจื่อเสียก็จะถูกลงโทษอย่างเคร่งครัดโดยฮ่องเต้“พระชายาอ๋อง เจ้าไม่คุ้นเคยกับทางที่นี่และยังก
"ช่างเถิดพระชายาอ๋อง ข้าเดินทางจากไปก็ได้"ถึงอย่างไรหลินซวี่ก็เป็นชายหนุ่มเลือดร้อนคนหนึ่งเขาถูกสตรีกลุ่มนี้บีบบังคับ ทั้งยังมีผลกระทบต่อความบริสุทธิ์ของพระชายาอ๋อง บัดนี้เขาจึงไม่อาจทนได้เขาหยิบนกหวีดออกมา ยัดใส่มือเซี่ยเชียนฮวันแล้วกระซิบว่า "ข้าน้อยจะไปหาที่พักอาศัยตรงตีนเขา หากท่านพบอันตรายใด ได้โปรดเป่านกหวีดนี้ แล้วข้าน้อยจะรีบเดินทางมา""เสี่ยวหลินจื่อ"เซี่ยเชียนฮวันเห็นเขาเดินหันหลังจากไป ใช้ไม้เท้าพยุงร่างของตนลงภูเขา เดิมทีนางต้องการจะเอ่ยบางอย่างขึ้นแต่ก็ได้เงียบลงภิกษุณีติงจิ้งยกมือขึ้นโบกเบาๆ "เอาเถอะ ในเมื่อพระชายาอ๋องเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันเถอะ"ทุกคนแยกย้ายกันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเซี่ยเชียนฮวันหันหลังกลับมามองดูหลิวไท่เฟย พบว่าสตรีนางนี้เผยอมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น ก่อนจะเดินติดตามภิกษุณีติงจิ้งไปข้างหลัง ไม่ได้เอ่ย คำใดกับนางอีกสักประโยคเดียวถึงอย่างไรนางก็เคยเป็นสนมผู้ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนนางได้ต่อสู้แก่งแย่งกับสตรีในวังหลังมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี สำหรับเซี่ยเชียนฮวันแล้วยังอ่อนหัดนักเซี่ยเชียนฮวันถอน
"แม้แต่ฮ่องเต้ยังกล่าวว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ข้าน้อยจึงเป็นกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อท่านอ๋องเท่านั้น” ซูอวี้เออร์พูดขึ้นเซียวเย่หลันมองไปที่นาง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเสด็จพ่อเคยกล่าวเช่นนั้นในพระราชสำนัก?"“องค์ องค์หญิงแปดเล่าให้ข้าฟัง ดูเหมือนเรื่องนี้จะแพร่ไปทั่วราชวังหลวง"ซูอวี้เออร์แสร้งทำท่าทีจริงจังเดิมทีนางต้องการทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันเป็นตัวซวย คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่หลงกล ซ้ำยังวกกลับมาจับผิดคำพูดของนางการสนทนากับเซียวเย่หลันจะหละหลวมสักน้อยไม่ได้เลย“ความซวยหรือลางบอกเหตุร้ายเหล่านั้น ล้วนเป็นเพียงกลอุบายที่หลี่ฉางหมิงหยิบยกออกมาพูดเอง การที่ข้าให้นางเดินทางไปภูเขาจื่อเสียก็เพื่อให้นางไปไตร่ตรองตนเอง หาใช่ว่าข้าเชื่อเรื่องราวผีสางเหล่านั้น" เซียวเย่หลันกล่าวขึ้นเบาๆ “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้างมงายจนเกินไป ทำให้ท่านอ๋องรู้สึกขบขัน” ซูอวี้เออร์ก้มหน้าลงเซียวเย่หลันนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมาเขาคิดเพียงว่า หากตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันอยู่ข้างกายเขา ก็คงจะหัวเราะเยาะเย้ยกับคำพูดเรื่องผีสางไร้สาระแบบนี้พร้อมกับเขาอย่างแน่นอนแม้ว่าสตรีผู้นั้นจะไม่ได้ร่ำเรีย
"แม่นางซู หลินซวี่เป็นคนนิสัยเช่นไรข้ารู้ดี ต่อให้เขาและพระชายาอ๋องอยู่กันสองคนตามลำพัง ก็คงเป็นเพราะคอยคุ้มกันอารักขาพระชายาอ๋อง เขาจะไม่ทำสิ่งใดที่เลยเกินอย่างแน่นอน"เย่ซิ่นเอ่ยขึ้นด้วยความเย็นชาเขาไม่อยากฟังซูอวี้เออร์พูดจาไร้สาระได้อีกต่อไปก่อนหน้านี้ เขาเองก็เคยคิดว่าซูอวี้เออร์เป็นกุลสตรีที่งดงามและอ่อนโยน หากไม่ใช่เพราะมีตัวตนที่ต่ำต้อยไปหน่อย ก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีจะขึ้นเป็นตำแหน่งพระชายาอ๋องบัดนี้เมื่อมีเซี่ยเชียนฮวันมาเปรียบเทียบ เขากลับไม่ชอบซูอวี้เออร์มากขึ้นทุกที"องครักษ์เย่กล่าวเช่นนี้ ข้าเองก็เชื่อเจ้า เพียงแต่ข้าได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ในภูเขาจื่อเสียมามากมายเหลือเกิน กล่าวว่าพระชายาอ๋องให้องครักษ์ลับผู้นั้นปลูกกระท่อมหลังเล็กๆ ไว้ที่ตีนเขา นำข้าวนำน้ำไปให้เขาด้วยตนเอง จนกระทั่งดึกดื่นจึงเดินทางกลับ”ซูอวี้เออร์แสร้งกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนบางเบา เกรงว่าเซียวเย่หลันจะโมโหขึ้นมา จึงไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไหร่นัก นางเหลือบมองดูเล็กน้อยแต่เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมาแล้ว เซียวเย่หลันก็สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที แววตาผิดหวังก็ให้ค่อยๆ จางหายไป"ข้าสั่งให้เขาไปทำหน้า
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา