"แม่นางซู หลินซวี่เป็นคนนิสัยเช่นไรข้ารู้ดี ต่อให้เขาและพระชายาอ๋องอยู่กันสองคนตามลำพัง ก็คงเป็นเพราะคอยคุ้มกันอารักขาพระชายาอ๋อง เขาจะไม่ทำสิ่งใดที่เลยเกินอย่างแน่นอน"เย่ซิ่นเอ่ยขึ้นด้วยความเย็นชาเขาไม่อยากฟังซูอวี้เออร์พูดจาไร้สาระได้อีกต่อไปก่อนหน้านี้ เขาเองก็เคยคิดว่าซูอวี้เออร์เป็นกุลสตรีที่งดงามและอ่อนโยน หากไม่ใช่เพราะมีตัวตนที่ต่ำต้อยไปหน่อย ก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีจะขึ้นเป็นตำแหน่งพระชายาอ๋องบัดนี้เมื่อมีเซี่ยเชียนฮวันมาเปรียบเทียบ เขากลับไม่ชอบซูอวี้เออร์มากขึ้นทุกที"องครักษ์เย่กล่าวเช่นนี้ ข้าเองก็เชื่อเจ้า เพียงแต่ข้าได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ในภูเขาจื่อเสียมามากมายเหลือเกิน กล่าวว่าพระชายาอ๋องให้องครักษ์ลับผู้นั้นปลูกกระท่อมหลังเล็กๆ ไว้ที่ตีนเขา นำข้าวนำน้ำไปให้เขาด้วยตนเอง จนกระทั่งดึกดื่นจึงเดินทางกลับ”ซูอวี้เออร์แสร้งกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนบางเบา เกรงว่าเซียวเย่หลันจะโมโหขึ้นมา จึงไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไหร่นัก นางเหลือบมองดูเล็กน้อยแต่เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมาแล้ว เซียวเย่หลันก็สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที แววตาผิดหวังก็ให้ค่อยๆ จางหายไป"ข้าสั่งให้เขาไปทำหน้า
ในตอนแรกเซี่ยเชียนฮวันคิดว่าเป็นเสียงลมแต่การเคาะนั้นดูมีจังหวะ ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกเหมือนมีใครกำลังส่งสัญญาณบางอย่างดึกดื่นเช่นนี้ ฟังแล้วช่างน่าใจหายเซี่ยเชียนฮวันจับผ้าห่มไว้แน่นแล้วหลับตาไม่กล้าลงจากเตียง และไม่กล้าไปเปิดหน้าต่างผ่านไปไม่นานในที่สุดคนที่อยู่นอกหน้าต่างก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาผลักประตูเข้ามาช้าๆ แล้วกระโดดเข้ามาในห้อง หยุดยืนอยู่ข้างเตียงของเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันสัมผัสได้ถึงลมหายใจไม่คุ้นเคยที่มาอยู่ข้างกายตนนางจึงคลำไปที่ใต้หมอนเพื่อหยิบนกหวีด ก่อนจะนำมันออกมาอย่างรวดเร็วแล้วตั้งใจจะเป่า“ชู่ว์!"ผู้บุกรุกยามวิกาลคนนั้นเข้ามาจับมือเซี่ยเชียนฮวันไว้เพื่อไม่ให้นางเป่านกหวีดเขากระซิบเสียงบางเบา “อย่าได้เสียงดังไป ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอกน่า""เจ้าเป็นใคร?"ในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันก็เบิกตากว้างเพื่อมอง ถึงมีแสงจากดวงจันทร์ แต่นางก็ยังมองไม่เห็นใบหน้าแท้จริงของเขาเขาปิดใบหน้าเอาไว้ เผยออกมาเพียงดวงตาที่กำลังยิ้ม"เสี่ยวเชียนฮวัน เจ้าลืมข้าอีกแล้วหรือ ช่างทำให้ข้ารู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก"ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ "อย่างน้อยเมื่อครั้งก่อนในพระราชวัง ข้าก็เค
"เป็นเจ้าต่างหากที่เอ่ยชื่อเซียวเย่หลันขึ้นมาก่อน เหตุใดจึงหันมาโทษข้า"เซี่ยเชียนฮวันพึมพำออกมาแต่นางก็รู้ดีว่าเซียวเย่หลันชายผู้นั้นอารมณ์ไม่แน่ไม่นอน นางอยู่ในจวนจ้านอ๋องมานานจึงได้เคยชินแล้วชายปิดหน้าตะคอกขึ้น "เซียวเย่หลันเอาแต่ฝึกซ้อมทหาร ไม่ไปประชุมราชวงศ์ จึงทำให้องค์ชายรองมีโอกาสได้รับความโปรดปรานอีกครั้ง""องค์ชายรองได้รับความโปรดปรานอีกครั้งหรือ? คาดไม่ถึงว่าข้าเดินทางออกจากเมืองหลวงมาได้ไม่ถึงครึ่งเดือน สถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปได้มากเช่นนี้" เซี่ยเชียนฮวันพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจแต่นางก็ไม่ได้รู้สึกแปลกการที่องค์ชายรองกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง นับว่าเป็นสิ่งที่นางคาดเดาเอาไว้ชายปิดหน้านั่งเคียงข้างนางอยู่บนเตียง ไม่ถือตัวว่าตนเป็นคนนอก เขาขัดสมาธิแล้วถอนหายใจออกมา "ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานเฉิงกุ้ยเฟย ดังนั้นจึงอดใจปฏิบัติต่อโอรสของนางด้วยความเย็นชาได้ไม่นานหรอก”“อีกไม่กี่วัน ราชวงศ์จะจัดการปิดล้อมล่าสัตว์ครั้งสุดท้ายก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง เดิมทีทุกคนคิดว่าองค์ชายรองคงไม่ได้ไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะทรงเอ่ยชื่อให้เขาไปด้วย”ประโยคนี้ตอนเขาพูดออกมา รู้สึกเหมือนไม่พอ
"เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?!"ขณะที่เซี่ยเชียนฮวันกำลังจ้องดูแผนที่อย่างใจจดใจจ่อ นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของชายหนุ่มเข้ามาใกล้ จึงตกใจสะดุ้งหนีชายปิดหน้าแตะไปที่คางของตนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ใครให้เจ้าจุดไฟเล่า ท่ามกลางความคลุมเครือเช่นนี้ ข้ารู้สึกว่าเจ้างดงามกว่าหญิงใดในปฐพี"อีกอย่าง บัดนี้ทั้งสองกำลังนั่งสนทนากระซิบกระซาบอยู่บนเตียงเขาเป็นชายหนุ่มปกติคนหนึ่ง จะไม่ให้จิตใจว่อกแว่กได้อย่างไรเซี่ยเชียนฮวันโบกมือปฏิเสธด้วยความรังเกียจ "บัดนี้ข้าเป็นหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้ายังมีความสนใจในตัวข้า คงจะบ้าไปแล้วกระมัง""งั้นหรือ? ข้าไม่เห็นว่าท้องเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไร สู้เจ้าเปลื้องผ้าออกให้ข้าดูได้ชัดเจนกว่านี้เป็นไร" ชายปิดหน้าหรี่ตาลงแล้วเลื่อนแววตานั้นไปที่ท้องน้อยของนางแววตาของเขาราวกับงูพิษ ทำให้เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกอึดอัดใจนางถอยหลังออกไปอีกเล็กน้อยจนเกือบจะตกเตียง นางไม่มีทางเลือกอื่นทำได้เพียงคว้าขอบเตียงไว้ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "หากเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระเหล่านี้อีก ข้าจะใช้เข็มของข้าจัดการกับเจ้าโลกของเจ้าเสีย จากนี้ไปเจ้าจะได้ไม่สามารถคิดเรื่องมิดีมิร้ายกั
สองวันต่อมาเซี่ยเชียนฮวันออกใบสั่งยาเพื่อขับความเย็นในร่างกาย แล้วให้เสี่ยวตงนำยาบำรุงมาให้ในห้องศึกษาตำราภิกษุณีและเหล่าไท่เฟยทั้งหลายบำเพ็ญตนอยู่บนภูเขามาเป็นเวลาเนิ่นนานหลายปี พวกนางทนทุกข์ทรมานจากร่างกายที่หนาวเย็น ด้วยเหตุนี้ยาสมุนไพรที่เซี่ยเชียนฮวันจัดเตรียมไว้จึงเป็นที่นิยมกันอย่างมาก ทุกคนดื่มวันละหนึ่งถ้วยรวมถึงหลิวไท่เฟยด้วยจนกระทั่งวันที่สาม หลังจากหลิวไท่เฟยดื่มยาบำรุงและศึกษาตำราเรียบร้อยแล้ว จึงเตรียมตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้องเมื่อเห็นว่ารอบกายไม่มีใคร เซี่ยเชียนฮวันจึงปรากฏตัวขึ้นแล้วขวางทางนางไว้"พระชายาจ้านอ๋อง มาหาข้ามีธุระหรือ?"หลิวไท่เฟยยิ้มขึ้นอย่างเสแสร้งเซี่ยเชียนฮวันส่งเสียงหึๆ ออกมาด้วยความเยาะเย้ย “ในตอนนั้นเจ้าต้องการผลักข้าตกภูเขา แต่บัดนี้กลับดื่มยาบำรุงที่ข้าปรุงขึ้นทุกวัน หน้าด้านหน้าทนเหลือเกิน""ข้าเคยผลักเจ้าเมื่อไหร่กัน? พระชายาอ๋องลื่นล้มไปเองเท่านั้น” หลิวไท่เฟยหรี่ตาลง ไม่ยอมรับการกระทำอันชั่วร้ายของนางแต่เซี่ยเชียนฮวันหาได้สนใจว่าสตรีหัวใจโหดเหี้ยมผู้นี้จะยอมรับหรือไม่นางเผยอมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา "หลิวไท่เฟย บัดนี้เจ้ารู้สึก
ตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันต้องการรู้ว่าใครกันที่เป็นผู้บงการหลิวไท่เฟย จะเป็นซูอวี้เออร์ อัครมหาเสนาบดีหลี่ หรือเป็นคนอื่น?เดิมทีเซี่ยเชียนฮวันคิดว่าซูอวี้เออร์ไม่มีความสามารถมากพอที่จะบงการไท่เฟยได้แต่ก่อนหน้าที่นางจะเดินทางออกจากเมืองหลวง ท่านหญิงหยวนหลี่ได้เอ่ยเตือนนางว่า ตัวตนของซูอวี้เออร์ไม่ได้ง่ายดายดังที่เห็นหากสิ่งที่ท่านหญิงหยวนหลี่พูดเป็นความจริงเช่นนั้นเซี่ยเชียนฮวันจะเห็นซูอวี้เออร์เป็นเพียงอนุภรรยาธรรมดาไม่ได้อีกต่อไป"รีบพูดมาเร็วเข้า หากเจ้าไม่พูดก็รอให้พิษแพร่ไปทั่วร่างเถิด”เซี่ยเชียนฮวันมองไปทางหลิวไท่เฟยด้วยความเย็นชา ซึ่งบัดนี้กำลังกอดขาของตนหลิวไท่เฟยหดตัวลงแล้วพึมพำว่า "ไม่มีใครบงการ เป็นข้า...ข้าเองที่คิดทำเช่นนั้น"“ไร้สาระ! ข้าและเจ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นอกเสียจากเจ้าสติไปแล้ว จึงคิดเรื่องที่อาจต้องสังหารเก้าชั่วโคตร ด้วยการลอบสังหารพระชายาอ๋อง!" เซี่ยเชียนฮวันตำหนิขึ้นอย่างแรง"เจ้าถือว่าข้าเสียสติก็แล้วกัน...พระชายาอ๋อง ตอนนั้นที่ข้าถูกส่งมายังภูเขาจื่อเสียอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี รุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าก็ต้องมาเป็นแม่ชีที่นี่แล้ว ข้าใช้ชีวิตผ่านไปตั้
"คำพูดคำจาไร้สาระสิ้นดี เจ้าคงไม่รู้ว่ากำลังพูดสิ่งใดอยู่"เซี่ยเชียนฮวันสะบัดเท้า เตะมือของหลิวไท่เฟยออกไปจากนั้นนางจึงหันหลังกลับจู่ๆ ก็ชะงักฝีเท้าลง หยิบขวดยาถอนพิษออกมาโยนลงไปที่พื้น"หลังจากที่เจ้าดื่มยาถอนพิษนี้เข้าไป จะนอนหลับเป็นเวลาหลายวันหลายคืน เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พิษในร่างกายก็จะหมดไป"กล่าวจบก็ไม่ได้หันไปมองหลิวไท่เฟยอีก นางเดินตรงออกไปอย่างรวดเร็วอาศัยช่วงที่หลิวไท่เฟยนอนสลบไสล นางจะแสร้งทำเป็นป่วยแล้วลงภูเขาไป ต่อให้ภิกษุณีติงจิ้งหรือคนอื่นๆ อยากเดินทางมาหานางเพื่อเยี่ยมเยียน เสี่ยวตงก็สามารถรับมือให้พวกนางทั้งหลายกลับไปได้แผนการช่างดูราบรื่นเหลือเกินเพียงแต่ว่าเมื่อเซี่ยเชียนฮวันได้ยินเรื่องราวอันไม่คาดคิดมาจากปากของหลิวไท่เฟย จึงทำให้นางจิตใจกระสับกระส่ายเล็กน้อยในความทรงจำของนาง ท่านยายจากไปตั้งแต่เด็ก มู่หรงไทเฮาจึงเห็นนางเป็นเหมือนหลานสาวของตน ปฏิบัติต่อนางอย่างใจดี เช่นเดียวกับคุณยายที่ดีของหลานทั่วไปมู่หรงไทเฮาที่อ่อนโยนเช่นนั้น จะเกี่ยวข้องกับการสวรรคตของฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้อย่างไร?เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากเชื่อเลย!แต่นางสังเกตท่าทีการ
"ข้าหาได้สนใจ”เซียวเย่หลันมองไปทางอื่นด้วยใบหน้าอันเย็นชาแต่องค์ชายรองยังคงกัดไม่ปล่อย เขาพูดถึงหัวข้อนี้ต่อไปพร้อมรอยยิ้มว่า "น่าเสียดายเหลือเกิน น้องสะใภ้อาศัยอยู่ในอารามมาได้กว่าครึ่งเดือนแล้ว คาดว่าคงจะคิดถึงเจ้ายิ่งนัก""พี่รองกล่าวเช่นนั้นไม่ถูกต้องเท่าไร ด้วยนิสัยอันโลกมากในกามของเซี่ยเชียนฮวัน นางจะไม่มีชายหนุ่มเคียงข้างได้อย่างไร? คาดว่านางคงจะหาคนอื่นมาเคียงข้างกาย บัดนี้จึงไม่มีเวลาคิดถึงเสด็จพี่เจ็ดแล้วกระมัง"องค์หญิงแปดเซียวหมิงเซียนที่ตามมาอยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาการที่สองพี่น้องผลัดกันพูดไปมาเช่นนี้ก็เพื่อกดดันเซียวเย่หลันผู้คนรอบข้างไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา ต่างเสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน หันไปมองทิวทัศน์รอบข้างบัดนี้เป็นดั่งที่ทุกคนรู้ดี นับตั้งแต่เซียวเย่หลันเขาฟ้องร้องเรื่องการยึดครองที่ดินทำกินของชาวบ้าน ทำให้สองพี่น้องถูกโบยไปถึง สองร้อยไม้ จึงได้เกิดความบาดหมางกันขึ้นบัดนี้องค์ชายรองกลับมาได้รับความโปรดปรานอีกครั้ง พระชายาอ๋องของเซียวเย่หลันก็ถูกส่งไปบำเพ็ญตนที่ภูเขาจื่อเสีย เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของทั้งสองมีขึ้นมีลง ไม่มีใครแน่นอนแน่ชัด ด