"แม้แต่ฮ่องเต้ยังกล่าวว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ข้าน้อยจึงเป็นกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อท่านอ๋องเท่านั้น” ซูอวี้เออร์พูดขึ้นเซียวเย่หลันมองไปที่นาง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเสด็จพ่อเคยกล่าวเช่นนั้นในพระราชสำนัก?"“องค์ องค์หญิงแปดเล่าให้ข้าฟัง ดูเหมือนเรื่องนี้จะแพร่ไปทั่วราชวังหลวง"ซูอวี้เออร์แสร้งทำท่าทีจริงจังเดิมทีนางต้องการทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันเป็นตัวซวย คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่หลงกล ซ้ำยังวกกลับมาจับผิดคำพูดของนางการสนทนากับเซียวเย่หลันจะหละหลวมสักน้อยไม่ได้เลย“ความซวยหรือลางบอกเหตุร้ายเหล่านั้น ล้วนเป็นเพียงกลอุบายที่หลี่ฉางหมิงหยิบยกออกมาพูดเอง การที่ข้าให้นางเดินทางไปภูเขาจื่อเสียก็เพื่อให้นางไปไตร่ตรองตนเอง หาใช่ว่าข้าเชื่อเรื่องราวผีสางเหล่านั้น" เซียวเย่หลันกล่าวขึ้นเบาๆ “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้างมงายจนเกินไป ทำให้ท่านอ๋องรู้สึกขบขัน” ซูอวี้เออร์ก้มหน้าลงเซียวเย่หลันนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมาเขาคิดเพียงว่า หากตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันอยู่ข้างกายเขา ก็คงจะหัวเราะเยาะเย้ยกับคำพูดเรื่องผีสางไร้สาระแบบนี้พร้อมกับเขาอย่างแน่นอนแม้ว่าสตรีผู้นั้นจะไม่ได้ร่ำเรีย
"แม่นางซู หลินซวี่เป็นคนนิสัยเช่นไรข้ารู้ดี ต่อให้เขาและพระชายาอ๋องอยู่กันสองคนตามลำพัง ก็คงเป็นเพราะคอยคุ้มกันอารักขาพระชายาอ๋อง เขาจะไม่ทำสิ่งใดที่เลยเกินอย่างแน่นอน"เย่ซิ่นเอ่ยขึ้นด้วยความเย็นชาเขาไม่อยากฟังซูอวี้เออร์พูดจาไร้สาระได้อีกต่อไปก่อนหน้านี้ เขาเองก็เคยคิดว่าซูอวี้เออร์เป็นกุลสตรีที่งดงามและอ่อนโยน หากไม่ใช่เพราะมีตัวตนที่ต่ำต้อยไปหน่อย ก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีจะขึ้นเป็นตำแหน่งพระชายาอ๋องบัดนี้เมื่อมีเซี่ยเชียนฮวันมาเปรียบเทียบ เขากลับไม่ชอบซูอวี้เออร์มากขึ้นทุกที"องครักษ์เย่กล่าวเช่นนี้ ข้าเองก็เชื่อเจ้า เพียงแต่ข้าได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ในภูเขาจื่อเสียมามากมายเหลือเกิน กล่าวว่าพระชายาอ๋องให้องครักษ์ลับผู้นั้นปลูกกระท่อมหลังเล็กๆ ไว้ที่ตีนเขา นำข้าวนำน้ำไปให้เขาด้วยตนเอง จนกระทั่งดึกดื่นจึงเดินทางกลับ”ซูอวี้เออร์แสร้งกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนบางเบา เกรงว่าเซียวเย่หลันจะโมโหขึ้นมา จึงไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไหร่นัก นางเหลือบมองดูเล็กน้อยแต่เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมาแล้ว เซียวเย่หลันก็สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที แววตาผิดหวังก็ให้ค่อยๆ จางหายไป"ข้าสั่งให้เขาไปทำหน้า
ในตอนแรกเซี่ยเชียนฮวันคิดว่าเป็นเสียงลมแต่การเคาะนั้นดูมีจังหวะ ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกเหมือนมีใครกำลังส่งสัญญาณบางอย่างดึกดื่นเช่นนี้ ฟังแล้วช่างน่าใจหายเซี่ยเชียนฮวันจับผ้าห่มไว้แน่นแล้วหลับตาไม่กล้าลงจากเตียง และไม่กล้าไปเปิดหน้าต่างผ่านไปไม่นานในที่สุดคนที่อยู่นอกหน้าต่างก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาผลักประตูเข้ามาช้าๆ แล้วกระโดดเข้ามาในห้อง หยุดยืนอยู่ข้างเตียงของเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันสัมผัสได้ถึงลมหายใจไม่คุ้นเคยที่มาอยู่ข้างกายตนนางจึงคลำไปที่ใต้หมอนเพื่อหยิบนกหวีด ก่อนจะนำมันออกมาอย่างรวดเร็วแล้วตั้งใจจะเป่า“ชู่ว์!"ผู้บุกรุกยามวิกาลคนนั้นเข้ามาจับมือเซี่ยเชียนฮวันไว้เพื่อไม่ให้นางเป่านกหวีดเขากระซิบเสียงบางเบา “อย่าได้เสียงดังไป ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอกน่า""เจ้าเป็นใคร?"ในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันก็เบิกตากว้างเพื่อมอง ถึงมีแสงจากดวงจันทร์ แต่นางก็ยังมองไม่เห็นใบหน้าแท้จริงของเขาเขาปิดใบหน้าเอาไว้ เผยออกมาเพียงดวงตาที่กำลังยิ้ม"เสี่ยวเชียนฮวัน เจ้าลืมข้าอีกแล้วหรือ ช่างทำให้ข้ารู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก"ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ "อย่างน้อยเมื่อครั้งก่อนในพระราชวัง ข้าก็เค
"เป็นเจ้าต่างหากที่เอ่ยชื่อเซียวเย่หลันขึ้นมาก่อน เหตุใดจึงหันมาโทษข้า"เซี่ยเชียนฮวันพึมพำออกมาแต่นางก็รู้ดีว่าเซียวเย่หลันชายผู้นั้นอารมณ์ไม่แน่ไม่นอน นางอยู่ในจวนจ้านอ๋องมานานจึงได้เคยชินแล้วชายปิดหน้าตะคอกขึ้น "เซียวเย่หลันเอาแต่ฝึกซ้อมทหาร ไม่ไปประชุมราชวงศ์ จึงทำให้องค์ชายรองมีโอกาสได้รับความโปรดปรานอีกครั้ง""องค์ชายรองได้รับความโปรดปรานอีกครั้งหรือ? คาดไม่ถึงว่าข้าเดินทางออกจากเมืองหลวงมาได้ไม่ถึงครึ่งเดือน สถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปได้มากเช่นนี้" เซี่ยเชียนฮวันพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจแต่นางก็ไม่ได้รู้สึกแปลกการที่องค์ชายรองกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง นับว่าเป็นสิ่งที่นางคาดเดาเอาไว้ชายปิดหน้านั่งเคียงข้างนางอยู่บนเตียง ไม่ถือตัวว่าตนเป็นคนนอก เขาขัดสมาธิแล้วถอนหายใจออกมา "ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานเฉิงกุ้ยเฟย ดังนั้นจึงอดใจปฏิบัติต่อโอรสของนางด้วยความเย็นชาได้ไม่นานหรอก”“อีกไม่กี่วัน ราชวงศ์จะจัดการปิดล้อมล่าสัตว์ครั้งสุดท้ายก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง เดิมทีทุกคนคิดว่าองค์ชายรองคงไม่ได้ไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะทรงเอ่ยชื่อให้เขาไปด้วย”ประโยคนี้ตอนเขาพูดออกมา รู้สึกเหมือนไม่พอ
"เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?!"ขณะที่เซี่ยเชียนฮวันกำลังจ้องดูแผนที่อย่างใจจดใจจ่อ นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของชายหนุ่มเข้ามาใกล้ จึงตกใจสะดุ้งหนีชายปิดหน้าแตะไปที่คางของตนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ใครให้เจ้าจุดไฟเล่า ท่ามกลางความคลุมเครือเช่นนี้ ข้ารู้สึกว่าเจ้างดงามกว่าหญิงใดในปฐพี"อีกอย่าง บัดนี้ทั้งสองกำลังนั่งสนทนากระซิบกระซาบอยู่บนเตียงเขาเป็นชายหนุ่มปกติคนหนึ่ง จะไม่ให้จิตใจว่อกแว่กได้อย่างไรเซี่ยเชียนฮวันโบกมือปฏิเสธด้วยความรังเกียจ "บัดนี้ข้าเป็นหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้ายังมีความสนใจในตัวข้า คงจะบ้าไปแล้วกระมัง""งั้นหรือ? ข้าไม่เห็นว่าท้องเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไร สู้เจ้าเปลื้องผ้าออกให้ข้าดูได้ชัดเจนกว่านี้เป็นไร" ชายปิดหน้าหรี่ตาลงแล้วเลื่อนแววตานั้นไปที่ท้องน้อยของนางแววตาของเขาราวกับงูพิษ ทำให้เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกอึดอัดใจนางถอยหลังออกไปอีกเล็กน้อยจนเกือบจะตกเตียง นางไม่มีทางเลือกอื่นทำได้เพียงคว้าขอบเตียงไว้ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "หากเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระเหล่านี้อีก ข้าจะใช้เข็มของข้าจัดการกับเจ้าโลกของเจ้าเสีย จากนี้ไปเจ้าจะได้ไม่สามารถคิดเรื่องมิดีมิร้ายกั
สองวันต่อมาเซี่ยเชียนฮวันออกใบสั่งยาเพื่อขับความเย็นในร่างกาย แล้วให้เสี่ยวตงนำยาบำรุงมาให้ในห้องศึกษาตำราภิกษุณีและเหล่าไท่เฟยทั้งหลายบำเพ็ญตนอยู่บนภูเขามาเป็นเวลาเนิ่นนานหลายปี พวกนางทนทุกข์ทรมานจากร่างกายที่หนาวเย็น ด้วยเหตุนี้ยาสมุนไพรที่เซี่ยเชียนฮวันจัดเตรียมไว้จึงเป็นที่นิยมกันอย่างมาก ทุกคนดื่มวันละหนึ่งถ้วยรวมถึงหลิวไท่เฟยด้วยจนกระทั่งวันที่สาม หลังจากหลิวไท่เฟยดื่มยาบำรุงและศึกษาตำราเรียบร้อยแล้ว จึงเตรียมตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้องเมื่อเห็นว่ารอบกายไม่มีใคร เซี่ยเชียนฮวันจึงปรากฏตัวขึ้นแล้วขวางทางนางไว้"พระชายาจ้านอ๋อง มาหาข้ามีธุระหรือ?"หลิวไท่เฟยยิ้มขึ้นอย่างเสแสร้งเซี่ยเชียนฮวันส่งเสียงหึๆ ออกมาด้วยความเยาะเย้ย “ในตอนนั้นเจ้าต้องการผลักข้าตกภูเขา แต่บัดนี้กลับดื่มยาบำรุงที่ข้าปรุงขึ้นทุกวัน หน้าด้านหน้าทนเหลือเกิน""ข้าเคยผลักเจ้าเมื่อไหร่กัน? พระชายาอ๋องลื่นล้มไปเองเท่านั้น” หลิวไท่เฟยหรี่ตาลง ไม่ยอมรับการกระทำอันชั่วร้ายของนางแต่เซี่ยเชียนฮวันหาได้สนใจว่าสตรีหัวใจโหดเหี้ยมผู้นี้จะยอมรับหรือไม่นางเผยอมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา "หลิวไท่เฟย บัดนี้เจ้ารู้สึก
ตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันต้องการรู้ว่าใครกันที่เป็นผู้บงการหลิวไท่เฟย จะเป็นซูอวี้เออร์ อัครมหาเสนาบดีหลี่ หรือเป็นคนอื่น?เดิมทีเซี่ยเชียนฮวันคิดว่าซูอวี้เออร์ไม่มีความสามารถมากพอที่จะบงการไท่เฟยได้แต่ก่อนหน้าที่นางจะเดินทางออกจากเมืองหลวง ท่านหญิงหยวนหลี่ได้เอ่ยเตือนนางว่า ตัวตนของซูอวี้เออร์ไม่ได้ง่ายดายดังที่เห็นหากสิ่งที่ท่านหญิงหยวนหลี่พูดเป็นความจริงเช่นนั้นเซี่ยเชียนฮวันจะเห็นซูอวี้เออร์เป็นเพียงอนุภรรยาธรรมดาไม่ได้อีกต่อไป"รีบพูดมาเร็วเข้า หากเจ้าไม่พูดก็รอให้พิษแพร่ไปทั่วร่างเถิด”เซี่ยเชียนฮวันมองไปทางหลิวไท่เฟยด้วยความเย็นชา ซึ่งบัดนี้กำลังกอดขาของตนหลิวไท่เฟยหดตัวลงแล้วพึมพำว่า "ไม่มีใครบงการ เป็นข้า...ข้าเองที่คิดทำเช่นนั้น"“ไร้สาระ! ข้าและเจ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นอกเสียจากเจ้าสติไปแล้ว จึงคิดเรื่องที่อาจต้องสังหารเก้าชั่วโคตร ด้วยการลอบสังหารพระชายาอ๋อง!" เซี่ยเชียนฮวันตำหนิขึ้นอย่างแรง"เจ้าถือว่าข้าเสียสติก็แล้วกัน...พระชายาอ๋อง ตอนนั้นที่ข้าถูกส่งมายังภูเขาจื่อเสียอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี รุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าก็ต้องมาเป็นแม่ชีที่นี่แล้ว ข้าใช้ชีวิตผ่านไปตั้
"คำพูดคำจาไร้สาระสิ้นดี เจ้าคงไม่รู้ว่ากำลังพูดสิ่งใดอยู่"เซี่ยเชียนฮวันสะบัดเท้า เตะมือของหลิวไท่เฟยออกไปจากนั้นนางจึงหันหลังกลับจู่ๆ ก็ชะงักฝีเท้าลง หยิบขวดยาถอนพิษออกมาโยนลงไปที่พื้น"หลังจากที่เจ้าดื่มยาถอนพิษนี้เข้าไป จะนอนหลับเป็นเวลาหลายวันหลายคืน เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พิษในร่างกายก็จะหมดไป"กล่าวจบก็ไม่ได้หันไปมองหลิวไท่เฟยอีก นางเดินตรงออกไปอย่างรวดเร็วอาศัยช่วงที่หลิวไท่เฟยนอนสลบไสล นางจะแสร้งทำเป็นป่วยแล้วลงภูเขาไป ต่อให้ภิกษุณีติงจิ้งหรือคนอื่นๆ อยากเดินทางมาหานางเพื่อเยี่ยมเยียน เสี่ยวตงก็สามารถรับมือให้พวกนางทั้งหลายกลับไปได้แผนการช่างดูราบรื่นเหลือเกินเพียงแต่ว่าเมื่อเซี่ยเชียนฮวันได้ยินเรื่องราวอันไม่คาดคิดมาจากปากของหลิวไท่เฟย จึงทำให้นางจิตใจกระสับกระส่ายเล็กน้อยในความทรงจำของนาง ท่านยายจากไปตั้งแต่เด็ก มู่หรงไทเฮาจึงเห็นนางเป็นเหมือนหลานสาวของตน ปฏิบัติต่อนางอย่างใจดี เช่นเดียวกับคุณยายที่ดีของหลานทั่วไปมู่หรงไทเฮาที่อ่อนโยนเช่นนั้น จะเกี่ยวข้องกับการสวรรคตของฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้อย่างไร?เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากเชื่อเลย!แต่นางสังเกตท่าทีการ
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา