ตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันต้องการรู้ว่าใครกันที่เป็นผู้บงการหลิวไท่เฟย จะเป็นซูอวี้เออร์ อัครมหาเสนาบดีหลี่ หรือเป็นคนอื่น?เดิมทีเซี่ยเชียนฮวันคิดว่าซูอวี้เออร์ไม่มีความสามารถมากพอที่จะบงการไท่เฟยได้แต่ก่อนหน้าที่นางจะเดินทางออกจากเมืองหลวง ท่านหญิงหยวนหลี่ได้เอ่ยเตือนนางว่า ตัวตนของซูอวี้เออร์ไม่ได้ง่ายดายดังที่เห็นหากสิ่งที่ท่านหญิงหยวนหลี่พูดเป็นความจริงเช่นนั้นเซี่ยเชียนฮวันจะเห็นซูอวี้เออร์เป็นเพียงอนุภรรยาธรรมดาไม่ได้อีกต่อไป"รีบพูดมาเร็วเข้า หากเจ้าไม่พูดก็รอให้พิษแพร่ไปทั่วร่างเถิด”เซี่ยเชียนฮวันมองไปทางหลิวไท่เฟยด้วยความเย็นชา ซึ่งบัดนี้กำลังกอดขาของตนหลิวไท่เฟยหดตัวลงแล้วพึมพำว่า "ไม่มีใครบงการ เป็นข้า...ข้าเองที่คิดทำเช่นนั้น"“ไร้สาระ! ข้าและเจ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นอกเสียจากเจ้าสติไปแล้ว จึงคิดเรื่องที่อาจต้องสังหารเก้าชั่วโคตร ด้วยการลอบสังหารพระชายาอ๋อง!" เซี่ยเชียนฮวันตำหนิขึ้นอย่างแรง"เจ้าถือว่าข้าเสียสติก็แล้วกัน...พระชายาอ๋อง ตอนนั้นที่ข้าถูกส่งมายังภูเขาจื่อเสียอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี รุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าก็ต้องมาเป็นแม่ชีที่นี่แล้ว ข้าใช้ชีวิตผ่านไปตั้
"คำพูดคำจาไร้สาระสิ้นดี เจ้าคงไม่รู้ว่ากำลังพูดสิ่งใดอยู่"เซี่ยเชียนฮวันสะบัดเท้า เตะมือของหลิวไท่เฟยออกไปจากนั้นนางจึงหันหลังกลับจู่ๆ ก็ชะงักฝีเท้าลง หยิบขวดยาถอนพิษออกมาโยนลงไปที่พื้น"หลังจากที่เจ้าดื่มยาถอนพิษนี้เข้าไป จะนอนหลับเป็นเวลาหลายวันหลายคืน เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พิษในร่างกายก็จะหมดไป"กล่าวจบก็ไม่ได้หันไปมองหลิวไท่เฟยอีก นางเดินตรงออกไปอย่างรวดเร็วอาศัยช่วงที่หลิวไท่เฟยนอนสลบไสล นางจะแสร้งทำเป็นป่วยแล้วลงภูเขาไป ต่อให้ภิกษุณีติงจิ้งหรือคนอื่นๆ อยากเดินทางมาหานางเพื่อเยี่ยมเยียน เสี่ยวตงก็สามารถรับมือให้พวกนางทั้งหลายกลับไปได้แผนการช่างดูราบรื่นเหลือเกินเพียงแต่ว่าเมื่อเซี่ยเชียนฮวันได้ยินเรื่องราวอันไม่คาดคิดมาจากปากของหลิวไท่เฟย จึงทำให้นางจิตใจกระสับกระส่ายเล็กน้อยในความทรงจำของนาง ท่านยายจากไปตั้งแต่เด็ก มู่หรงไทเฮาจึงเห็นนางเป็นเหมือนหลานสาวของตน ปฏิบัติต่อนางอย่างใจดี เช่นเดียวกับคุณยายที่ดีของหลานทั่วไปมู่หรงไทเฮาที่อ่อนโยนเช่นนั้น จะเกี่ยวข้องกับการสวรรคตของฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้อย่างไร?เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากเชื่อเลย!แต่นางสังเกตท่าทีการ
"ข้าหาได้สนใจ”เซียวเย่หลันมองไปทางอื่นด้วยใบหน้าอันเย็นชาแต่องค์ชายรองยังคงกัดไม่ปล่อย เขาพูดถึงหัวข้อนี้ต่อไปพร้อมรอยยิ้มว่า "น่าเสียดายเหลือเกิน น้องสะใภ้อาศัยอยู่ในอารามมาได้กว่าครึ่งเดือนแล้ว คาดว่าคงจะคิดถึงเจ้ายิ่งนัก""พี่รองกล่าวเช่นนั้นไม่ถูกต้องเท่าไร ด้วยนิสัยอันโลกมากในกามของเซี่ยเชียนฮวัน นางจะไม่มีชายหนุ่มเคียงข้างได้อย่างไร? คาดว่านางคงจะหาคนอื่นมาเคียงข้างกาย บัดนี้จึงไม่มีเวลาคิดถึงเสด็จพี่เจ็ดแล้วกระมัง"องค์หญิงแปดเซียวหมิงเซียนที่ตามมาอยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาการที่สองพี่น้องผลัดกันพูดไปมาเช่นนี้ก็เพื่อกดดันเซียวเย่หลันผู้คนรอบข้างไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา ต่างเสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน หันไปมองทิวทัศน์รอบข้างบัดนี้เป็นดั่งที่ทุกคนรู้ดี นับตั้งแต่เซียวเย่หลันเขาฟ้องร้องเรื่องการยึดครองที่ดินทำกินของชาวบ้าน ทำให้สองพี่น้องถูกโบยไปถึง สองร้อยไม้ จึงได้เกิดความบาดหมางกันขึ้นบัดนี้องค์ชายรองกลับมาได้รับความโปรดปรานอีกครั้ง พระชายาอ๋องของเซียวเย่หลันก็ถูกส่งไปบำเพ็ญตนที่ภูเขาจื่อเสีย เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของทั้งสองมีขึ้นมีลง ไม่มีใครแน่นอนแน่ชัด ด
"ช้าก่อนสหาย ข้าไม่ใช่มือสังหาร แต่ข้าทำตราประทับหาย กำลังหาอยู่นี่ไงเล่า"เซี่ยเชียนฮวันรีบโบกมือแล้วใช้กลยุทธ์หลอกล่อที่เคยฝึกฝนมาเป็นแรมปีองครักษ์ผู้นั้นยังคงมองมาที่นางด้วยความสงสัย "เป็นไปไม่ได้ ตราประทับเป็นของสำคัญยิ่งนัก ทุกคนล้วนเก็บเอาไว้อย่างดีเหตุใดเจ้าจึงทำมันหาย?""ข้าขอบอกตามความจริงว่าข้าเพิ่งเคยเดินทางมาสนามล่าสัตว์ครั้งแรก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพระพักตร์ของฮ่องเต้ จึงรู้สึกทั้งตื่นเต้นและตื้นตัน ด้วยเหตุนี้จึงทำความผิดพลาดใหญ่หลวงโดยไม่ได้ตั้งใจ”เซี่ยเชียนฮวันยกมือขึ้นเกาศีรษะ พยักหน้าโค้งกายทำท่าทีว่าง่ายองครักษ์ผู้นั้นเม้มปากเล็กน้อย มองท่าทีของนางที่ดูอ่อนแอราวกับนกน้อยที่เพิ่งออกมาสู่โลกกว้าง เขาจึงเก็บดาบลงแล้วเอ่ยถามต่อไปว่า "เจ้าคือผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้ใด?""คือ...จวนเซวียนชินอ๋อง ใช่แล้ว ข้าคือองครักษ์ข้างกายผู้คุ้มกันของเซวียนชินอ๋อง"เซี่ยเชียนฮวันครุ่นคิดแต่ไม่ได้หยิบยกชื่อของเซียวเย่หลันออกมาเนื่องจากเซวียนชินอ๋องมีอาการป่วยเรื้อรัง มักเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว ดังนั้นผู้คุ้มกันของเขาจึงไม่ค่อยมีใครเห็น โอกาสถูกเปิดโปงจึงน้อยลงเป็นจริงดัง
"ซู่ซ่าๆ...”ดูเหมือนเซียวเย่หลันจะได้ยินเสียงน้ำไหลหากฟังผิวเผินอาจคิดว่ามีสัตว์ลงไปในน้ำแต่เขาไม่ได้ผ่อนคลายความระมัดระวังลง ในทางกลับกัน เขาหรี่ตาลงแล้วเดินไปยังทิศทางต้นเสียงของน้ำที่ดังขึ้นคาดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีน้ำตกเล็กๆ อยู่กลางป่าภายใต้แสงจันทร์ น้ำสะท้อนแวววาวราวกับถูกเคลือบด้วยเงินเซียวเย่หลันเดินตามเส้นทางเล็กๆ นี้ไป เขาแหวกพุ่มไม้ออก พบร่างเล็กๆ ยืนอยู่ในน้ำ ผิวพรรณขาวผ่อง แผ่นหลังของสดใสงดงามราวกับหิมะ ท่ามกลางแสงสลัวทำให้รู้สึกเหมือนเทพธิดาลงมาจากสวรรค์เขาอดไม่ได้ที่จะชะงักลงจู่ๆ ดาบในมือที่เอวของเขาก็เลื่อนหล่นลงไปที่พื้นอย่าเสียงดัง "ตุ๊บ" ทำให้สตรีที่อยู่ในน้ำตกตะลึงเซี่ยเชียนฮวันตกใจสะดุ้งโหยง! นางได้ยินเสียงที่ดังขึ้นจากข้างหลัง แต่ไม่มีเวลาหันกลับไปมอง รีบกระโดดลงน้ำแล้วว่ายออกไปทันที"กลับมา!"เซียวเย่หลันตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดังแล้วรีบไล่ตามไปมีคนนอกจริงด้วยชาวบ้านธรรมดาทั่วไปไม่น่ากล้าเข้าใกล้พื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ คนผู้นี้นี้มีจุดประสงค์ใดไม่รู้ มองดูมีแนวโน้มว่าจะเป็นมือสังหารเขาไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอนโชคดีที่เซี่ยเชียนฮวันว่ายน
“ข้าเพียงออกมาอาบน้ำ จะ จะต้องเอาหลักฐานอะไรติดตัวมาด้วยเล่า?" เซี่ยเชียนฮวันแอบบ่นอยู่ในใจคนอะไรกันระมัดระวังเหลือเกินจัดการยากกว่าองครักษ์คนก่อนหน้าตั้งมากเวลาผ่านไปครึ่งเดือนกว่า เซี่ยเชียนฮวันจำเสียงของเซียวเย่หลันไม่ค่อยได้ นางเพียงรู้สึกว่าคุ้นเคยเล็กน้อยเซียวเย่หลันมองไปยังภาพสะท้อนคลุมเครือบนน้ำด้านหลังก้อนหินใหญ่ "เจ้าบอกกับข้ามาว่าชื่อและนามสกุลเดิมของพระชายาองค์รัชทายาทคืออะไร”“ชื่อเดิมคือเสวี่ยเจิน ชื่อเล่นคือเจินเจิน ข้าเกิดตอนเทศกาลกู๋อวี่ ช่วงเวลาเชื่อมต่อฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ข้าชอบกินขนมกุ้ยฮัว และไม่กินปลา ข้ากลัวหมาแต่ไม่กลัวแมว เท่านี้พอหรือไม่?"เซี่ยเชียนฮวันพูดออกมามากมายโชคดีเหลือเกิน ตอนที่นางไปรักษาอาการเจ็บป่วยให้กับพระราชนัดดาน้อย จึงมีความคุ้นเคยกับพระชายาองค์รัชทายาท ได้รู้เรื่องราวของนางมาเล็กน้อยดูสิว่าครั้งนี้จะหลอกเจ้าไม่ได้ผลหรือ?เซี่ยเชียนฮวันหยุดหายใจรอคำตอบของอีกฝ่ายคิดไม่ถึงว่าผ่านไปสักพัก เซียวเย่หลันจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ถึงเจ้าจะพูดออกมามากมายเช่นนั้น แต่ข้าไม่รู้จักพระชายาองค์รัชทายาทพอ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เจ้ากล่
"ซู่ซ่า!"การเคลื่อนไหวของทั้งสองคนค่อนข้างดัง ทำให้น้ำเกิดกระเซ็นปิดหน้าของกันและกันแม้เซียวเย่หลันจะถูกกดบริเวณข้อมือเอาไว้ และฝังเข็มไปยังจุดอ่อน แต่สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนจะดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน โจมตีได้อย่างง่ายดายเซี่ยเชียนฮวันเห็นดังนั้นว่าพลาดท่าให้แล้ว จึงคิดขึ้นว่า แย่แล้วสิ!นางรีบเปลี่ยนการโจมตีแล้วแทงไปที่จุดฝังเข็มของเขาบริเวณใต้น้ำตรงจุดลับวิธีนี้อาจจะดูค่อนข้างร้ายกาจไปหน่อย แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นแล้วหากถูกอีกฝ่ายมองออกว่านางคือพระพระชายาจ้านอ๋อง ขัดคำสั่งฮ่องเต้ลงจากภูเขาโดยพลการ คงจะถูกลงโทษแน่นอน อีกอย่างฮ่องเต้อาจรู้สึกว่านางไม่อยู่เป็นที่เป็นทาง ขัดต่อคำสั่ง นางอาจไม่ได้กลับเมืองหลวงอีกเลยก็ได้"ความสามารถแค่นี้คิดอยากจะเป็นมือสังหาร"เซียวเย่หลันหัวเราะเยาะอย่างเย็นชาเขาถอยออกไปข้างหลังก้าวหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงเข็มเงินของนางได้อย่างง่ายดายเซี่ยเชียนฮวันไม่มีศิลปะการต่อสู้ก่อนหน้าที่จะเดินมาที่นี่ นางเพียงเรียนรู้จากหลินซวี่เล็กๆ น้อยๆ เพื่อใช้ป้องกันตัวเองได้เท่านั้นทักษะนี้จะใช้สู้กับองครักษ์ทั้งหลายก็เพราะได้แค่ถูไถ นับภาษาอะไรกั
"พี่งูเอ๋ยพี่งู คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะตามข้ามาถึงที่นี่ ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าให้พ้นจากวิกฤตเมื่อครู่ แต่เสื้อผ้าของข้ายังอยู่ที่นั่น อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ข้าเกรงว่าจะหนาวตายเสียก่อน"เซี่ยเชียนฮวันซุกตัวอยู่ในมุมหนึ่งของถ้ำ โดยใช้มือโอบร่างกายของตนเอาไว้ ท่าทีดูน่าสงสารเหลือเกินนางพึมพำออกมาว่า "ต้องโทษชายคนเมื่อครู่ ข้าบอกแล้วว่าเพียงแค่อาบน้ำเท่านั้น แต่เขากลับยืนกรานจะจับข้าในฐานะมือสังหาร คนตาบอดเช่นเขา ในอนาคตหากมีลูก ลูกคงจะตาบอดด้วย"งูใหญ่ขดตัวกลม ไม่รู้ว่ามันเข้าใจคำพูดของนางหรือไม่ แต่เข้ามาใกล้นางมากขึ้นเซี่ยเชียนฮวันยื่นมือออกมาปฏิเสธ "พี่งูคิดอยากเพิ่มความอบอุ่นให้ข้าหรือ? แต่เจ้าเป็นสัตว์เลือดเย็น ยิ่งเข้าใกล้ข้า ข้ายิ่งสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็น น้ำใจของเจ้านั้นข้ารับไว้แล้ว"นางฟังไม่ออกว่าเสียงฟ่อๆ ของงูใหญ่หมายถึงสิ่งใด แต่นางรู้ว่างูตัวนี้มีจิตวิญญาณและจะไม่ทำร้ายนางแน่บางทีสักวันหนึ่งนางอาจจะศึกษาตำรากุ่ยอีทั้งเจ็ดเล่มได้สำเร็จ เมื่อถึงเวลานั้นคงสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้เช่นบรรพบุรุษของกุ่ยอีในตำนานงูใหญ่ไม่ได้เข้าใกล้นางอีกมันก้มศีรษะลงนิ่งเงียบ