“พิโธ่ ดูเจ้าพูดสิ รับใช้บุรุษนะไม่ต้องใช้ตา!”“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก มีหลายที่ต้องใช้ตาเหมือนกัน...”“ชู่ รีบหุบปาก”ในที่สุดก็มีแม่ครัวสองสามคนที่สังเกตเห็นเซี่ยเชียนฮวัน พวกนางรีบก้มหน้าก้มตา รู้สึกตกใจจนไม่กล้าเปล่งเสียงออกมานางเว่ยแม่ของเย่ซิ่นที่เป็นหัวหน้าห้องครัว ก็รีบเดินเข้ามา ยิ้มแห้งๆ แล้วกล่าวว่า “พระชายาโปรดให้อภัยด้วย สตรีพวกนี้แค่พูดจาไร้สาระ แต่พวกนางไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน”“ไม่เป็นไร”เซี่ยเชียนฮวันตอบนางเหลือบมองคนที่ทํางานในห้องครัวแวบหนึ่ง “ป้าเว่ย รบกวนเรียกทุกคนออกมายืนตรงหน้าข้าทั้งหมด ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว”“เจ้าค่ะ”นางเว่ยไม่กล้าขัดคำสั่ง กวักมือเรียกผู้คนให้ออกมาไม่ช้าคนรับใช้หลายสิบคนก็ยืนกันเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ในลานกว้าง เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าของพวกเขามึนงงมาก“หากพระชายาต้องการจะลงโทษ ทรงลงโทษเพียงคนปากเปราะไม่กี่คนเถอะเพคะ ไม่จำเป็นต้องลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง” นางเว่ยเกลี้ยกล่อมนางคิดว่าเพราะเซี่ยเชียนฮวันได้ยินคำพูดพวกนั้น จึงโมโหขึ้นมาเซี่ยเชียนฮวันส่ายหน้า นางเดินกลับไปกลับมาอยู่สองรอบ แต่ก็ไม่เห็
เรือนฮวันซาเซี่ยเชียนฮวันยิ้มปลอมๆ แสดงสีหน้าชื่นมื่น ขณะวิ่งเข้ามาทักทายเฝ้าสนมหมิง“เสด็จแม่ ช่วงนี้สุขภาพของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ใบสั่งยาที่ข้าให้ท่านก่อนหน้านี้ ท่านดื่มแล้วรู้สึกเช่นไร? จริงสิ ให้ข้าฝังเข็มท่านอีกครั้งดีหรือไม่ วันละครั้ง เพื่อให้ท่านไม่รู้สึกปวดเอว และมีใบหน้างดงามตลอดไป”ใบหน้าของเซี่ยเชียนฮวันเขียนคำว่า ‘ประจบสอพลอ’ อย่างชัดเจนแต่กระนั้น นางก็ไม่กล้าเข้าใกล้พระสนมหมิงมากนัก เพียงแค่นั่งคุกเข่าที่หน้าโต๊ะ และหยั่งเชิงความคิดของสนมหมิง“เจ้าไม่จำเป็นต้องมาประจบสอพลอข้า เพราะมันไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกชอบเจ้าขึ้นเลยสักนิด”สนมหมิงจัดดอกไม้ด้วยสีหน้าเย็นชาหลังจากที่นางถูกหลี่จิ้งหย่าผู้ที่อยากได้เป็นลูกสะใภ้มากที่สุดแทงข้างหลัง อารมณ์ของนางก็ไม่แปรปรวนอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็นเย็นชา เหมือนหุ่นเชิดไร้อารมณ์อันที่จริงตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันเหนื่อยมาก แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า “ลูกสะใภ้แค่อยากให้เสด็จแม่สุขภาพดีขึ้น ส่วนเสด็จแม่จะชอบหรือไม่ชอบลูกสะใภ้นั้น ก็ไม่เป็นไร”ในที่สุด สนมหมิงก็ยกเปลือกตาขึ้น และเหลือบมองนางเล็กน้อย“การฝังเข็มที่เจ้าพูดถึง มันได้ผลจริง
ซูอวี้เออร์โกรธมากแน่นอนว่า นางทําได้เพียงเก็บอารมณ์ที่แท้จริงไว้ในใจเท่านั้น เบื้องหน้ายังต้องแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใย เล่นบทบาทเป็นสาวงามอ่อนหวานหลังจากฝนหมึกเสร็จ ก็เอื้อมมือไปนวดไหล่เซียวเย่หลันเบาๆ พลางพูดจาฉอเลาะว่า “พี่สาวกำลังอุ้มท้องอยู่ ถ้าหากเสด็จแม่สูญเสียการควบคุม แล้วทำร้ายพี่สาวขึ้นมาจะทำเช่นไร?”พูดถึงเมล็ดป่าในท้องของเซี่ยเชียนฮวัน แน่นอนว่า ปฏิกิริยาของเซียวเย่หลันก็เป็นไปตามที่ซูอวี้เออร์คาดไว้ สีหน้าของเขาพลันเย็นชาขึ้นมา นิ้วของเขาบีบพู่กันแน่น จนเส้นเอ็นปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ขมวดคิ้วพูดว่า “พระสนมหมิงทานยามาสักพักแล้ว อาการป่วยก็มั่นคง ไม่มีทางคลั่งขึ้นมาง่ายๆ”อารมณ์ของเขาสั่นไหว แม้แต่การเขียนก็ยังยุ่งเหยิง เลินเล่อเมื่อเขียนจดหมายเสร็จ เซียวเย่หลันก็ปิดผนึก และวางทับด้วยจานหินหมึก ก่อนจะเดินออกจากห้องหนังสือไปอย่างเงียบๆซูอวี้เออร์หรี่ตามองแผ่นหลังของชายคนนั้นจนหายลับไป จากนั้นนางก็ใช้ความเร็วของมือ หยิบจดหมายอีกฉบับออกจากแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว และสลับกับจดหมายที่เซียวเย่หลันเขียนสักพักก็มีทหารมารับจดหมายซูอวี้เออร์ทําราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้
ภายในสวนพระสนมหมิงเดินมาถึงใต้ต้นไทรใหญ่ ในที่สุดก็มองเห็นเงาร่างผอมเพรียวของสตรีผู้หนึ่งนางกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ออกมา”“ลูกสะใภ้คารวะเสด็จแม่”ซูอวี้เออร์ก้มหน้าเดินออกมาจากเงาไม้ และคารวะสนมหมิงสนมหมิงเหลือบมองนาง “หยุดพูดจาไร้สาระ ตอนทานอาหารเจ้าก็ส่งสัญญาณให้ข้าตลอดเวลา เจ้าอยากจะบอกอะไรกับข้า?”“สมกับเป็นเสด็จแม่ ฉลาดมีไหวพริบ มองปราดเดียวก็เข้าใจสัญญาณของลูกสะใภ้”ซูอวี้เออร์ยิ้มน้อยๆ สนมหมิงไม่ให้ค่ากับคำพูดเยินยอเหล่านี้ นางยังคงแสดงท่าทีเฉยเมยและเย็นชา ส่งเสียงหึออกมาเบาๆ“ข้าคิดว่าเจ้าค่อนข้างประพฤติตัวดี ในฐานะอนุคนหนึ่ง ยามปกติก็รับใช้หลันเอ๋อร์ ช่วยคลายความเบื่อหน่ายให้เขา แต่คาดไม่ถึงเลยว่าหูตาของเจ้าจะมากมายถึงเพียงนี้”ซูอวี้เออร์ได้ยินว่าตัวเองถูกเรียกว่า ‘อนุ’ ก็แสดงท่าทางผิดปรกติเล็กน้อยแต่ในไม่ช้า นางก็กลับมาตั้งตัวได้ และพูดจาเสียงอ่อนหวาน “ลูกสะใภ้รู้ดีว่าในใจของเสด็จแม่เป็นห่วงท่านอ๋อง จึงมีบางอย่างที่ทนซ่อนไว้ไม่ได้ และกลัวว่าเสด็จแม่จะโดนคนเลวหลอก เลยต้องตัดสินใจแบบนี้”“เจ้าหมายความว่าอะไร”“คือ...”ซูอวี้เออร์แสดงสีหน้าลำบากใจดูเหมือนนางจ
“หุบปากไว้ ถ้าหากใครรู้เรื่องนี้ คนแรกที่ข้าจะสังหารก็คือเจ้า”สนมหมิงจ้องมองซูอวี้เออร์อย่างเหี้ยมโหดซูอวี้เออร์ล้มลงกับพื้นและร้องไห้สะอึกสะอื้น “ลูกสะใภ้...ลูกสะใภ้จะปิดปากให้แน่น!”“รู้ก็ดี”พระสนมหมิงสะบัดชายเสื้อแล้วหมุนตัวเดินจากไป โดยไม่เหลือบมองซูอวี้เออร์อีกเมื่อกลับมาถึงเรือนฮวันซา ก็เห็นเซี่ยเชียนฮวันนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือที่หน้าระเบียงอย่างเงียบๆ จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้เป็นไปได้ไหมว่าหลี่จิ้งหย่าไม่ได้โกหกนางเด็กที่ถุงฟางอุ้มอยู่นั้นเป็นเมล็ดป่าจริงๆ...“เหตุใดเสด็จแม่ถึงกลับมาเร็วนักเจ้าคะ? การเดินหลังอาหารดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของท่าน ท่านสามารถเดินให้มากขึ้นได้”เซี่ยเชียนฮวันได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว จึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มน้อยๆ ให้สนมหมิงสนมหมิงยังคงแสดงท่าทีเช่นเดิม แต่คราวนี้ นางไม่เพิกเฉยต่อคําทักทายของเซี่ยเชียนฮวัน นางเดินเข้าไป และนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม“ข้าได้ยินมาว่า เมื่อวานมีเด็กสาวคนหนึ่งตกลงไปในบ่อน้ำเสียชีวิต” สนมหมิงพูดอย่างเย็นชา“เพคะ มีเรื่องนี้จริงๆ”เซี่ยเชียนฮวันหยุดมือที่พลิกหน้ากระดาษเล็กน้อยตี๋เอ๋อร์ตายแล้ว และคนตายก็ไม่สา
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา การใช้ชีวิตในเรือนฮวันซาของเซี่ยเชียนฮวันก็คือการนอนที่เรือนนอกท่ามกลางแสงจันทร์สนมหมิงกำกริชในมือแน่น และเดินมาที่เตียงอย่างเงียบๆ ดวงตาที่เย็นชาและโหดเหี้ยมคู่นั้นคล้ายกับเซียวเย่หลันไม่มีผิด ซึ่งมองลงมายังเซี่ยเชียนฮวันที่กำลังหลับสนิทจากด้านบนอา...แค่พูดถึงใบหน้าเล็กๆ ที่ดูเหมือนเซียนสวรรค์นั้น ก็เพียงพอที่จะเป็นภรรยาของหลันเอ๋อร์แล้วน่าเสียดายที่เจ้าทำตัวน่าไม่อาย กล้าที่จะตั้งครรภ์เมล็ดป่าก่อนจะแต่งเข้ามาในจวน และปล่อยให้หลันเอ๋อร์ต้องแบกรับความอัปยศเช่นนี้ น่าแค้นใจนักนางไม่เห็นพวกเราสองแม่ลูกคนอยู่ในสายตาจิตใจของสนมหมิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ความโกรธในส่วนลึกของดวงตาทวีความรุนแรงขึ้น จิตสังหารพลันพุ่งพล่าน นางค่อยๆ วางกริชบนหน้าท้องของเซี่ยเชียนฮวันตอนนี้ เพียงแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็สามารถกำจัดเมล็ดป่านั่นไปได้!บางทีอาจจะสัมผัสถึงอันตรายโดยไม่รู้ตัว เซี่ยเชียนฮวันจึงขมวดคิ้ว หมุนคอแล้ววางมือข้างหนึ่งบนหน้าท้อง“อย่าได้ตำหนิข้าเลย หากเมล็ดป่านี่เกิดมา ชะตากรรมของสองแม่ลูกอย่างพวกเจ้าก็มีแต่จะทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้น ข้าเคยผ่านมาแล้ว...”มื
เซี่ยเชียนฮวันสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยถ้าหากพระสนมหมิงไม่ได้ดื่มยา จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นในขณะที่นางออกไปเดินเล่นเมื่อคืนเกรงว่าคงมีใครบางคนมาเป่าหูสนมหมิงมิฉะนั้น พระสนมหมิงคงไม่พูดถึงทหารองค์รักษ์เฟิงขึ้นมา และไล่บี้ถามเอาเช่นนี้ดูเหมือนว่า เรือนฮวันซาจะไม่ปลอดภัยอีกแล้วเซี่ยเชียนฮวันโน้มตัวลง คิดจะดมกลิ่นให้ละเอียด เพื่อยืนยันว่าพระสนมหมิงเทซุปยาลงในกระถางดอกไม้จริงหรือไม่แต่นางเพิ่งจะก้มตัวลง เซียวเย่หลันก็คว้าแขนนางจากทางด้านหลัง และลากนางเข้ามา กล่าวเสียงเย็นชาว่า “อย่าแสร้งทําเป็นหูหนวกเป็นใบ้ ดวงตาของอวี้เออร์แย่ลงและกำลังพักฟื้น ตอนนี้ไม่ถึงคราวที่เจ้าจะมาอารมณ์เสียที่นี่”“ไม่ใช่ว่าท่านหาหมอมารักษานางแล้วหรือ? แล้วทำไมถึงแย่ลงอีกล่ะ”เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าอย่างไม่เข้าใจเซียวเย่หลันหัวเราะอย่างเย็นชา “ยังจะเสแสร้งอะไร เจ้าก็รู้ว่าอวี้เออร์ร่างกายไม่ดี พิษเย็นซึมเข้าไปในไขกระดูก เมื่อนางถูกพิษ ผลที่ตามมาย่อมร้ายแรงกว่าคนธรรมดา”“อ่อ ข้าไม่ได้นึกถึงมันจริงๆ”เซี่ยเชียนฮวันกลอกตาอย่างไม่สะทกสะท้านอันที่จริง นางรู้ว่าพิษเย็นของซูอวี้เออร์เป็นของปลอม แล้วทำไมนาง
“ตอนแรก เจ้าเอาแต่พูดว่าเจ้าจะใช้เวลาแค่ห้าวันในการแก้ปัญหาโรคระบาด และยังบอกด้วยว่าไม่ต้องการของรางวัลใดๆ หลังจากที่แก้ไขปัญหาได้ สิ่งที่ต้องการคือโล่ประกาศเกียรติคุณในฐานะหมอเทวดาอันดับหนึ่ง”หลังจากที่ฮ่องเต้กล่าวจบ จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะคิดว่ามันค่อนข้างตลกเขาหันไปมองเหอกงกงที่อยู่ข้างๆ แล้วชี้ไปที่ท่านหญิงหยวนหลี่ และกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าเชื่อนางจริงๆ และยกเรื่องการควบคุมโรคระบาดให้กับหญิงสาวผู้หยิ่งผยองคนนี้ เจ้าว่า น่ามันตลกหรือไม่?”เหอกงกงกงกงรีบโค้งคํานับ “ฝ่าบาททรงห่วงใยประชาราษฎร์ดร จึงต้องการแก้ปัญหาโรคระบาดให้เร็วที่สุด”“ฝ่าบาท! หม่อมฉันสามารถพัฒนาวิธีรักษาโรคระบาดได้แล้วจริงๆ หากไม่มีอะไรผิดพลาด ภายในห้าวันก็สามารถแก้ไขมันได้ แต่พระชายาจ้านอ๋องสั่งให้ใครบางคนมาแอบเปลี่ยนยาของหม่อมฉัน ส่งผลให้ไม่มีใครอยากมาซื้อยา สถานการณ์จึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้!”ท่านหญิงหยวนหลี่คลานเข่าไปข้างหน้าใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พูดไปพลางก็หันหน้ามาชี้เซี่ยเชียนฮวันด้วยความโกรธฮ่องเต้หันมามองเซี่ยเชียนฮวันอีกครั้ง แล้วเอ่ยถามว่า “พระชายาจ้านอ๋อง มีเรื่องแบบนี้จริง