เซี่ยเชียนฮวันสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยถ้าหากพระสนมหมิงไม่ได้ดื่มยา จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นในขณะที่นางออกไปเดินเล่นเมื่อคืนเกรงว่าคงมีใครบางคนมาเป่าหูสนมหมิงมิฉะนั้น พระสนมหมิงคงไม่พูดถึงทหารองค์รักษ์เฟิงขึ้นมา และไล่บี้ถามเอาเช่นนี้ดูเหมือนว่า เรือนฮวันซาจะไม่ปลอดภัยอีกแล้วเซี่ยเชียนฮวันโน้มตัวลง คิดจะดมกลิ่นให้ละเอียด เพื่อยืนยันว่าพระสนมหมิงเทซุปยาลงในกระถางดอกไม้จริงหรือไม่แต่นางเพิ่งจะก้มตัวลง เซียวเย่หลันก็คว้าแขนนางจากทางด้านหลัง และลากนางเข้ามา กล่าวเสียงเย็นชาว่า “อย่าแสร้งทําเป็นหูหนวกเป็นใบ้ ดวงตาของอวี้เออร์แย่ลงและกำลังพักฟื้น ตอนนี้ไม่ถึงคราวที่เจ้าจะมาอารมณ์เสียที่นี่”“ไม่ใช่ว่าท่านหาหมอมารักษานางแล้วหรือ? แล้วทำไมถึงแย่ลงอีกล่ะ”เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าอย่างไม่เข้าใจเซียวเย่หลันหัวเราะอย่างเย็นชา “ยังจะเสแสร้งอะไร เจ้าก็รู้ว่าอวี้เออร์ร่างกายไม่ดี พิษเย็นซึมเข้าไปในไขกระดูก เมื่อนางถูกพิษ ผลที่ตามมาย่อมร้ายแรงกว่าคนธรรมดา”“อ่อ ข้าไม่ได้นึกถึงมันจริงๆ”เซี่ยเชียนฮวันกลอกตาอย่างไม่สะทกสะท้านอันที่จริง นางรู้ว่าพิษเย็นของซูอวี้เออร์เป็นของปลอม แล้วทำไมนาง
“ตอนแรก เจ้าเอาแต่พูดว่าเจ้าจะใช้เวลาแค่ห้าวันในการแก้ปัญหาโรคระบาด และยังบอกด้วยว่าไม่ต้องการของรางวัลใดๆ หลังจากที่แก้ไขปัญหาได้ สิ่งที่ต้องการคือโล่ประกาศเกียรติคุณในฐานะหมอเทวดาอันดับหนึ่ง”หลังจากที่ฮ่องเต้กล่าวจบ จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะคิดว่ามันค่อนข้างตลกเขาหันไปมองเหอกงกงที่อยู่ข้างๆ แล้วชี้ไปที่ท่านหญิงหยวนหลี่ และกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าเชื่อนางจริงๆ และยกเรื่องการควบคุมโรคระบาดให้กับหญิงสาวผู้หยิ่งผยองคนนี้ เจ้าว่า น่ามันตลกหรือไม่?”เหอกงกงกงกงรีบโค้งคํานับ “ฝ่าบาททรงห่วงใยประชาราษฎร์ดร จึงต้องการแก้ปัญหาโรคระบาดให้เร็วที่สุด”“ฝ่าบาท! หม่อมฉันสามารถพัฒนาวิธีรักษาโรคระบาดได้แล้วจริงๆ หากไม่มีอะไรผิดพลาด ภายในห้าวันก็สามารถแก้ไขมันได้ แต่พระชายาจ้านอ๋องสั่งให้ใครบางคนมาแอบเปลี่ยนยาของหม่อมฉัน ส่งผลให้ไม่มีใครอยากมาซื้อยา สถานการณ์จึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้!”ท่านหญิงหยวนหลี่คลานเข่าไปข้างหน้าใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พูดไปพลางก็หันหน้ามาชี้เซี่ยเชียนฮวันด้วยความโกรธฮ่องเต้หันมามองเซี่ยเชียนฮวันอีกครั้ง แล้วเอ่ยถามว่า “พระชายาจ้านอ๋อง มีเรื่องแบบนี้จริง
"คาดว่าพวกเจ้าคงเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เมื่อคืนจู่ๆ ฝนดาวตกสีเลือดก็ปรากฏขึ้นบริเวณใกล้เคียงกับเมืองหลวง สำนักหอดูดาวหลวงทำการคำนวณจากตำราโบราณ กล่าวว่าเป็นสัญญาณแห่งความโชคร้าย ดาวร้ายจะบังเกิดขึ้นในราชวงศ์”ฮ่องเต้ตรัสขึ้นช้าๆ แต่ขุนนางทั้งหลายที่นั่งอยู่ได้ยินเช่นนั้นกลับตกใจดาวร้ายจะถือกำเนิด?สำหรับฮ่องเต้ที่คือเรื่องที่ต้องห้าม!ยิ่งไปกว่านั้น สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ในราชวงศ์น้อยจนนับนิ้วได้ พระชายาจ้านอ๋องก็เป็นหนึ่งในนั้นประกอบกับพระชายาจ้านอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์คนเดียวที่ได้ติดเชื้อกาฬโรคในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ดูเหมือนทุกคนจะมุ่งเป้าไปที่นางท่านเจ้าเมืองรีบก้าวไปด้านหน้า กล่าวอย่างกล้าหาญว่า "ทูลฝ่าบาท โบราณว่ารำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง สิ่งที่บันทึกโบราณได้เขียนเอาไว้ก็ใช่ว่าจะถูกต้องไปเสียทุกเรื่อง ตระกูลเซียวเป็นสายเลือดแห่งทายาทมังกร จะมีดาวร้ายถือกำเนิดขึ้นได้อย่างไร""นั่นสิ ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เรื่องเหล่านี้ล้วนไร้สาระ ขอฝ่าบาทโปรดอย่าได้เชื่อคำเหล่านี้ง่ายๆ พ่ะย่ะค่ะ”อันติ้งโหวก็อดไม่ได้ที่จะก้าวมาโค้งกายคำนับแม้ที่ผ่านมา เรื่องราวในราชสำนัก เขาทำหน้าที่แบบขอ
"ท่านอัครมหาเสนาบดี กล่าวเช่นนั้นเกรงว่าจะเกินเหตุไป ตระกูลของเราจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ยิ่งนัก ฟ้าดินล้วนเป็นพยานได้ ท่านกล่าวเช่นนี้กำลังใส่ร้าย ไร้ความยุติธรรม..."อันติ้งโหวรีบชี้แจงทันทีทันใดนั้น ฮ่องเต้ก็ได้เอ่ยขึ้นขัดจังหวะขึ้น "พวกเจ้าไม่ต้องถกเถียงกัน ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นขุนนางผู้จงรักภักดี นอกจากฝนดาวตกครั้งนี้แล้ว ข้ามักฝันร้ายอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนเป็นลางบอกเหตุชวนให้กังวล” “จากที่ข้าดู จะเป็นการดีกว่าหากส่งพระชายาจ้านอ๋องไปพักผ่อนบำรุงครรภ์ที่ภูเขาจื่อเสีย เป็นการขจัดภัยพิบัติต่างๆ แล้วอีกสักพักค่อยกลับมาในเมืองหลวง”สีหน้าของอันติ้งโหวซีดเซียวเมื่อได้ยินกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ในเมื่อฮ่องเต้ทรงประกาศเช่นนี้ คาดว่าคงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงสิ่งใด“ท่านพ่อเจ้าคะภูเขาจื่อเสียคือสถานที่เช่นไร?"เซี่ยเชียนฮวันขยับเข้าไปใกล้อันติ้งโหวแล้วกระซิบอันติ้งโหวกำหมัดแน่น "นั่นคือสุสานของเชื้อพระวงศ์!"สนมคนใดที่ถูกส่งไปที่นั่นล้วนไม่มีทางได้กลับมาอีก แม้จะกล่าวว่าให้อาศัยที่นั่นสักพักค่อยกลับมา แต่หากเซี่ยเชียนฮวันเดินทางไปครั้งนี้ เกรงว่าคงจะเป็นเช่นเดียวกับเหล่าสนมที่
เมื่อครู่ตอนที่ฮ่องเต้ตรัสว่าจะให้เซี่ยเชียนฮวันเดินทางออกจากเมืองหลวง ท่านเจ้าเมืองได้เข้าไปขอร้องความเมตตาแล้ว อันติ้งโหวก็เข้าร้องขอความเมตตา รวมถึงองค์รัชทายาทและองค์ชายห้าผู้ไม่เคยไปมาหาสู่กับนาง ต่างเข้าร้องขอความเมตตาแทนนางมีเพียงเซียวเย่หลันเท่านั้นที่ไม่พูดไม่จา ราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเขาคงเห็นด้วยกับการตัดสินพระทัยของฮ่องเต้เป็นที่สุด"เจ้าไปอยู่ที่ภูเขาจื่อเสียสักพักก็คงดี ไปครุ่นคิดดูว่าอวี้เออร์ต้องทรมานเพราะเจ้ามากเพียงใด"เซียวเย่หลันเหลือบมองนางอย่างเย็นชาเซี่ยเชียนฮวันหัวเราะขึ้น "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางต้องทนทุกข์เพราะข้า ไม่ใช่เพราะตัวนางเอง?""ดูเหมือนตอนนี้เจ้าก็ยังคงไม่รู้สึกผิด เสด็จพ่อกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เจ้าควรไปนั่งสมาธิสวดภาวนา จะได้กำจัดสิ่งชั่วร้ายในกายใจเจ้าไปเสีย” เซียวเย่หลันกล่าวด้วยใบหน้าอันเย็นชาหมอบอกว่า โชคดีที่ดวงตาของซูอวี้เออร์ถูกพิษเพียงเล็กน้อยและพิษนั้นไม่รุนแรง หากรุนแรงกว่านี้ตาข้างซ้ายคงจะบอดจวบจนตอนนี้ดวงตาของนางก็ยังไม่หายดี ต้องใส่ยาที่แผลทุกวันแม้เซี่ยเชียนฮวันจะไม่พอใจที่เขาไปลอยโคมดอกไม้เป็นเพื่อนซูอวี้เออร์ จึง
น้ำเสียงและรังสีที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเซียวเย่หลันดุจดั่งเมฆทะมึนปกคลุมไปทั่วเมือง ทำให้คนพบเห็นแทบหายใจไม่ออกแต่เซี่ยเชียนฮวันกลับไม่อยากตอบเขานางหันไปกล่าวอำลาอันติ้งโหวแล้วหันหลังเดินจากไปตามลำพังเซียวเย่หลันตามนางมาอย่างใกล้ชิด เอื้อมมือไปคว้าแขนนางเอาไว้ "เจ้าเล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียด""เจ้าจะกังวลไปทำไม? มีคนต้องการช่วยเจ้ากำจัดลูกนอกคอกที่เจ้าว่า เจ้าควรจะดีใจไม่ใช่หรือ" เซี่ยเชียนฮวันเยาะเย้ยถากถาง"ในจวนอ๋องของข้า เรื่องเช่นนั้นไม่สมควรเกิดขึ้น"เซียวเย่หลันมองไปที่นางด้วยสายตาอันสงสัยบางทีเขาอาจรู้สึกว่านางกำลังโกหก แล้วแสร้งทำตัวน่าสงสารเซี่ยเชียนฮวันไม่อยากเสียเรี่ยวแรงและเวลาไปอธิบาย นางกล่าวเพียงว่า "เจ้าพูดได้ถูกแล้ว เรื่องราวนั้นเกิดขึ้นในจวนของเจ้า เพียงแค่เจ้ามีกระจิตกระใจไปสืบดู เหตุใดจะสืบไม่รู้ความ""การที่เจ้าไม่รู้เรื่องนั้นเป็นเพราะเจ้าไม่เคยใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของข้า หากเทียบกับซูอวี้เออร์ เจ้ามักปิดตาข้างเดียวอยู่เสมอ แล้วเราสองแม่ลูกจะสำคัญอะไร"กล่าวจบเซี่ยเชียนฮวันก็สะบัดแขนของเขา เดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังเซียวเย่หลันตกตะลึงเล็กน้อย
"ใครกันใจร้ายเช่นนี้? ท่านแม่เห็นฆาตกรหรือไม่?"เสี่ยวตงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามนางเว่ยถอนหายใจว่า "ไม่เห็น! ตอนที่ข้าไปถึงศพของพวกเขาเหม็นเน่าขึ้นอืดแล้ว ข้าได้สอบถามคนหลายคนกล่าวว่ามีคนเห็นตี๋เออร์เดินถือถ้วยยาไปที่ห้องของพระชายาอ๋องเมื่อสามวันก่อนตอนกลางคืน ผ่านไปไม่นานนางก็วิ่งออกมาด้วยความตื่นตระหนก ใครจะรู้เล่าว่าวันรุ่งขึ้นนางจะตายอยู่ในบ่อน้ำ”"นี่...นี่มันฆ่าปิดปากกันชัดๆ !"เสี่ยวตงพูดไม่ออกนางเว่ยพยักหน้า "ข้าได้ยินจากสาวรับใช้ที่นอนห้องเดียวกันกับตี๋เออร์ บอกว่าที่มือของตี๋เออร์คืนนั้นดูเหมือนจะถูกของมีคมเฉือนเข้า คาดเดาว่านางคงถูกใครบางคนบีบบังคับให้ไปวางยาพระชายาอ๋อง แต่กลับถูกพระชายาอ๋องจับได้เสียก่อน และเนื่องจากไม่มีใครอยู่ในเวลานั้น นางจึงได้เบาะแว้งกับพระชายาอ๋อง ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บ""ต้องโทษข้าที่ไม่อยู่ในช่วงนั้น คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ประสงค์ร้ายเข้ามาหวังสังหารเหนียงเหนียง" เสี่ยวตงโมโหจนกระทืบเท้าปึง "ท่านแม่ เหตุใดจึงไม่ทูลเรื่องนี้ให้ท่านอ๋องทราบ?"นางเว่ยได้แต่ทำหน้าหมดหวัง "พวกเขาฆ่าทุกคนปิดปากหมดแล้ว ข้าเองไม่มีหลักฐาน จะกล้าทูลต่อท่านอ๋องได้อย่างไร""เ
“ท่านอ๋อง เชิญไปดูแม่นางซูก่อนเถิดเพคะ!"หยุนซีเอ่ยร้องขออีกครั้งในที่สุดเซียวเย่หลันก็ไม่อาจต้านทานคำร้องขอจากนางได้ จึงตอบตกลงไปว่า "คาดจะไปเดี๋ยวนี้”กล่าวจบเขาก็นึกถึงคำพูดของเสี่ยวตงสะท้อนขึ้นมาในใจหากพระชายาอ๋องจะแสร้งทำตัวน่าสงสารขี้ออดอ้อนเหมือนแม่นางซูบ้าง...เซียวเย่หลันขยี้ไปที่หัวคิ้ว แล้วกำจัดความคิดนี้ออกไปอวี้เออร์ไม่ได้แสร้งทำตัวน่าสงสารสักหน่อยนางถูกพิษจริง และพิษนี้เข้าไปในดวงตาของนาง จะไม่ให้นางร้องไห้ได้อย่างไรในตอนนั้นที่เขาแต่งงานกับเซี่ยเชียนฮวันเพราะไม่มีทางเลือก ทั้งยังให้เข้ามาเป็นพระชายาอ๋อง ถือว่าทำให้ซูอวี้เออร์ผิดหวังมากพอแล้ว หากตอนนี้รู้ว่าอาการของนางแย่ลงแต่กลับยืนกรานไปพบเซี่ยเชียนฮวัน ทนเห็นนางต้องเจ็บปวดรวดร้าวก็คงจะไม่ยุติธรรมเซียวเย่หลันเดินทางมายังเรือนจิ่นซิ่วด้วยอารมณ์เช่นนี้ ก่อนจะทำการปลอบโยนซูอวี้เออร์อยู่พักใหญ่จากนั้นกว่าเขาจะปลีกตัวออกมาได้แล้วกลับไปที่หอหลันเซียง กลับพบว่าที่นั่นไม่มีใครอยู่ !"เห็นพระชายาอ๋องหรือไม่?"เซียวเย่หลันเดินมาที่หน้าประตูใหญ่ พบเย่ซิ่นยืนอยู่ที่นั่นจึงรีบเอ่ยเย่ซิ่นหันกลับมาตอบด้วยความนอบ
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา