"เหนียงเหนียงเพคะ เมื่อได้ยินเช่นนี้บ่าวก็นึกขึ้นมาได้ บ่าวเคยได้ยินท่านพี่กล่าวว่าก่อนหน้านี้ท่านอ๋องเดินทางไปหาท่านหญิงหยวนหลี่ที่จวนกานชินอ๋องก็เป็นข้อเสนอแนะของซูอวี้เออร์"เสี่ยวตงหวนระลึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นนางนิ่งเงียบไปสักพักแล้วครุ่นคิด เมื่อพันแผลให้กับเสี่ยวตงแล้ว นางก็เก็บของเตรียมตัวออกไปข้างนอกรถม้าเดินทางโคลงเคลงอยู่สักพัก เซี่ยเชียนฮวันกลับมายังเมืองทางตะวันตกอีกครั้งหากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่ดูว่างเปล่าเมื่อหลายวันก่อน บัดนี้ที่ถนนดูคึกคักมากขึ้น แต่ว่า...ล้วนเต็มไปด้วยศพผู้ที่ติดเชื้อกาฬโรคในกลุ่มแรก บัดนี้เริ่มทยอยเสียชีวิตลงศพของพวกเขาดูน่ากลัวยิ่งนัก ถูกห่อด้วยฟางวางเรียงอยู่บนเกวียน รอนำส่งไปเผารอบข้างเต็มไปด้วยเสียงคร่ำครวญสภาพแวดล้อมไม่ต่างกับอยู่ในนรก เซี่ยเชียนฮวันกัดฟันแล้วเดินตรงไปที่ฮัวเยว่ถัง พบว่าชายหนุ่มผู้นั้นกำลังแบกบิดาที่ป่วยหนักของเขาต้องการจะจากไป"เกิดอะไรขึ้น?"นางรีบตรงเข้าไปเดิมทีคิดว่าคนไข้เสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อพิจารณาดูอีกทีพบว่ายังมีชีวิตอยู่เซี่ยเหยียนก็อยู่ท
"แต่ว่าที่บ้านของข้าไม่มีของมีค่าอะไรเลยและไม่รู้ว่าจะไปหยิบยืมจากผู้ใดได้ ..."ชายผู้นั้นคุณทำออกมาหยวนหลี่ยังคงทำท่าทีเย็นชาราวกับดอกไม้ผู้สูงส่ง นางกล่าวขึ้นว่า "เช่นนั้นข้าก็ไร้หนทาง คนที่อยากจะซื้อยามีมากมายเหลือเกิน หากว่าพวกเขาพยายามดิ้นรนที่จะจ่ายเงินสำหรับซื้อยา ข้ากลับนำยาที่มีไม่มากมาบริจาคให้แก่เจ้า เช่นนั้นคงไม่ยุติธรรมต่อพวกเขาสินะ?""แต่ว่าพ่อของข้า พ่อของข้าใกล้จะ...""เชิญกลับเถิด"ชายหนุ่มผู้นั้นรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาดเขาตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หันกลับไปมองเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันเดินตรงเข้าไปหาท่านหญิงหยวนหลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา โน้มกายพยุงชายหนุ่มที่คุกเข่าให้ยืนขึ้น"ข้าบอกกับเจ้าแล้วว่าขอร้องนางไปก็ไร้ประโยชน์” ดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันมืดมนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน "นางเพียงต้องการขายยาในราคามหาศาล เอาทรัพย์สินของประชาชนธรรมดาเช่นพวกเจ้าไปเสีย แล้วนางจะใจดีกับเจ้าได้อย่างไร""พระชายาอ๋องกล่าวเช่นนี้เกรงว่าจะไม่ยุติธรรมนัก"ท่านหญิงหยวนหลี่ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วพูดกับเซี่ยเชียนฮวันด้วยความไม่พึงพอใจนางกล่าวอย่างเย็นชาว่า "ยานี้ต้องใช้ส่วนประกอบที่ไม่ธรร
ขอบอกตามตรงว่าเซี่ยเชียนฮวันไม่เคยเห็นกับคนที่แปลกเช่นนี้มาก่อน บัดนี้จึงทำให้นางรู้สึกตกตะลึงกับความคิดของท่านหญิงหยวนหลี่"ท่านหญิงข้าขอพูดอะไรกับเจ้าสักประโยคหนึ่ง”เซี่ยเชียนฮวันมองไปยังท่านหญิงหยวนหลี่ที่ทำท่าทีหยิ่งยโสท่านหญิงหยวนหลี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "งั้นหรือ? เชิญพระชายาอ๋องกล่าวมาเถิด""ผู้ที่มีจิตใจชั่วร้าย มองใครล้วนชั่วร้ายทั้งสิ้น" เซี่ยเชียนฮวันพยุงชายหนุ่มผู้นั้นให้ลุกขึ้นแล้วให้เขาแบกบิดาที่ป่วยหนักเดินทางออกมาจากถงซ่านถังท่านหญิงหยวนหลี่กำมือในแขนเสื้อเอาไว้แน่นบอกว่านางมีความคิดชั่วร้ายงั้นหรือ?เหอะๆ น่าขำยิ่งนักในความคิดของนาง พระชายาจ้านอ๋องกำลังจะได้ลงนรกแล้ว ยังกล้าทำมาปากดีตัวเองกำลังจะตายยังไม่รู้ตัว กล้ามาเยาะเย้ยนาง...เซี่ยเชียนฮวัน สำหรับเจ้าคงต้องใช้คำว่าโง่เง่ามาเปรียบเปรย"ท่านหมอเทวดาแล้วพ่อของข้าจะทำอย่างไรเล่า ท่านหญิงไม่ยอมขายยาให้กับเรา เช่นนั้นพ่อของข้าคงต้องนอนรอวันตายใช่หรือไม่”ชายหนุ่มผู้นั้นก็ทำตัวไม่ถูก เขาได้แต่เงยหน้าขึ้นมองดูเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันตบบ่าของเขาเบาๆ ถอนหายใจพูดว่า "เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ข้าจะพยายา
"เมื่อครู่บ่าวแอบไปที่เรือนจิ่นซิ่วมา..."ท่าทีของเสี่ยวตง นอกจากความตึงเครียดแล้วยังดูตื่นเต้นเล็กน้อย นางแทบรอไม่ไหวที่จะบอกความลับนี้กับเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันหยิกแก้มน้อยๆ ของเสี่ยวตงแล้วตำหนิว่า "จู่ๆ เจ้าไปที่เรือนจิ่นซิ่วทำไมกัน ตอนนี้มือของเจ้าบาดเจ็บอยู่ หากซูอวี้เออร์หาเรื่องลงโทษเจ้าอีกละก็ คราวนี้มือของเจ้าคงใช้การไม่ได้อีกต่อไปแน่นอน""ขอโทษเพคะเหนียงเหนียง บ่าวผิดไปแล้ว" เสี่ยวตงก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดเซี่ยเชียนฮวันมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้วนางจึงได้ดึงเสี่ยวตงเข้าไปในห้อง กระซิบถามว่า "เจ้าได้ยินอะไรมา?""เหนียงเหนียงเพคะ ก่อนหน้านี้เหนียงเหนียงกล่าวว่าแม่นางซูและท่านหญิงหยวนหลี่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่อกันใช่หรือไม่ วันนี้บ่าวรู้สึกว่าไม่มีอะไรทำจึงได้เดินเที่ยวไปรอบๆ ปรากฏว่าเจอกับผู้ที่มาส่งจดหมายให้แม่นางสู้แทนท่านหญิงหยวนหลี่!"เสี่ยวตงกระซิบแล้วพูดขึ้นด้วยความสงสัย นางจึงแอบไปบริเวณใกล้เคียงกับเรือนจิ่นซิ่ว และได้ยินบทสนทนาของซูอวี้เออร์กับสาวรับใช้อวิ๋นซีเข้าพอดีหากไม่ได้แอบฟังคงไม่รู้ว่าที่แท้ซูอวี้เออร์และท่านหญิงหยวนหลี่แอบร่
ณ คืนนั้นในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันก็เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวตงจึงรีบร้อนยืนกรานจะต้องไปขโมยสูตรกลั่นยาให้ได้ในคืนนี้ไม่เพียงเพราะวันที่ฮ่องเต้กำหนดไว้ใกล้ถึงแล้วแต่คืนนี้ ยังมีเทศกาลลอยโคมดอกไม้เป็นเอกลักษณ์ของต้าเซี่ย ซูอวี้เออร์และเซียวเย่หลันจะไปยังทะเลสาบชิงเหลียนด้วยกันแล้วนั่งเรือสำราญเพลิดเพลินกับการชมโคมดอกไม้เทศกาลอันสำคัญเช่นนี้ องค์ชายและชนชั้นสูงต่างจากพาครอบครัวของตนไปเที่ยวเล่น ชื่นชมโคมดอกไม้แล้วขอพรภาวนาให้บ้านของตนความปลอดภัย ประสบความราบรื่นเซี่ยเชียนฮวันนั่งอุ่นมืออยู่ในห้อง เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มดังขึ้นตรงบันไดไม้ด้านนอกประตูไม่ใช่แค่เซียวเย่หลันคนเดียวยังมีซูอวี้เออร์อยู่ข้างกายเขาด้วย"งานโคมดอกไม้คืนนี้ เจ้าจะเดินทางไปพร้อมกับข้าหรือไม่”เซียวเย่หลันเอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันพลิกฝ่ามือที่กำลังอุ่นอยู่ในไฟร้อน ตอบกลับอย่างใจเย็นโดยไม่หันหลังไปมองว่า "ไม่ไป"“ท่านพี่เหนื่อยกับเรื่องกาฬโรคมาตั้งหลายวันแล้ว ควรออกไปพักผ่อนก่อนเถิด"น้ำเสียงของซูอวี้เออร์ดูอ่อนโยน ราวกับว่านางกำลังครุ่นคิดแทนเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันไม่สนใจนักได้แต่หันไปหยิบหน้ากากอนา
ผ่านไปอีกไม่นาน อวิ๋นซีก็คงจะกลับมาเมื่อถึงเวลานั้นเซี่ยเชียนฮวันจะกลายเป็นเช่นสัตว์ที่ติดอยู่ในกรง ไม่อาจหนีออกไปได้และถูกจับคาหนังคาเขาทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในสมองของนาง แย่แล้วนี่คงไม่ใช่อุบายของซูอวี้เออร์?ตามที่นางคาดเดาไว้ก่อนหน้า ซูอวี้เออร์จงใจให้เสี่ยวตงได้ยินการสนทนานี้ ก่อนจะเอ่ยปากชวนเซียวเย่หลันให้เดินทางออกไปดูโคมดอกไม้ด้วยกัน เพื่อให้โอกาสผู้อื่นเข้ามาในเรือนจิ่นซิ่วหากว่าซูอวี้เออร์ได้ปรึกษาหารือกับอวิ๋นซีเอาไว้แล้ว ประเดี๋ยวพวกเขาเข้ามาพร้อมกัน เซี่ยเชียนฮวันก็ไม่อาจปฏิเสธสิ่งใดได้เมื่อกลุ่มคนเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เซี่ยเชียนฮวันจึงรู้ว่าไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดต่อไปแล้วนางลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจละทิ้งการเข้าค้นหาสูตรปรุงยาในครั้งนี้ แล้วพุ่งตรงออกไปตรงหน้าต่าง“พลุบ"ทันใดนั้น เซี่ยเชียนฮวันก็แทบจะลื่นล้มนางก้มหน้าลงมอง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจที่พื้นมีอิฐก้อนหนึ่งที่สามารถขยับได้ ด้านขวาของอิฐเผยอขึ้นเล็กน้อยเซี่ยเชียนฮวันโน้มกายลงมาแล้วใช้แรงยกอิฐก้อนนั้นขึ้นเต็มกำลัง พบว่าใต้อิฐเป็นช่องว่าง มีจดหมายลับอยู่หลายฉบับและกล่องซ
กุญแจถูกเปิดออกเสียงดัง “แกร๊ก" ด้านในไม่ได้เป็นดังที่เซี่ยเชียนฮวันคิดเอาไว้ว่าทันทีที่มันถูกเปิดออก อาจมีอาวุธลับบางอย่างเด้งออกมา "เหนียงเหนียงเป็นอะไรหรือไม่เพคะ?” เสี่ยวตงรีบเอ่ยถามเซี่ยเชียนฮวันส่ายหน้าเมื่อคิดดูแล้ว ซูอวี้เออร์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้จัดการกับนาง ไทเฮาเห็นนางเป็นเหมือนหลานสาวแท้ๆ หากมีคนลอบสังหารนางจนตาย คาดว่าฮ่องเต้คงจะสืบสวนอย่างถึงที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นซูอวี้เออร์แม้อยู่ในจวนอ๋องก็ยากที่จะหลบหนีได้ราบรื่นแต่ว่าเซี่ยเชียนฮวันยังคงรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติไปเมื่อครู่ตอนที่นางเดินถือกล่องกลับมา ข้างในกล่องดูเหมือนมีของบางอย่างกระแทกไปมา ข้างในคงไม่ได้มีเพียงใบเขียนสูตรกลั่นยา..."เหนียงเหนียงไม่ต้องกลัวไปเพคะ บ่าวจะเปิดดูก่อน"เสี่ยวตงเห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันค่อนข้างลังเล นางจึงอาสาเอื้อมมือเข้าไปเปิดฝากล่องทันใดนั้นเมื่อฝากล่องถูกเปิดออกก็มีอะไรบางอย่างพุ่งชนออกมา!"ระวัง!"เซี่ยเชียนฮวันได้สติกลับคืนมาและพบว่าเสี่ยวตงกำลังยื่นมือออกไปจับ จึงรีบห้ามเอาไว้ชั่วพริบตาเดียว ร่างเล็กๆ สีดำก็พุ่งกายออกมา!มันดูโหดร้ายผิดปกติ และกัดเข้าไปที่แขนของ
ณ ทะเลสาบชิงเหลียน มีคู่รักมากมายโอบกอดกันอยู่บริเวณท่าเรือ บรรยากาศเต็มไปด้วยหวานชื่นในมือของพวกเขาเขียนคำอธิษฐานเอาไว้ ใส่ลงไปในโคมดอกไม้แล้วนำไปลอยในแม่น้ำ หนึ่งในนั้นคือเซียวเย่หลันและซูอวี้เออร์เซียวเย่หลันทำสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก เขาไม่ค่อยสนใจเทศกาลเกี่ยวกับความรักใคร่เช่นนี้ เมื่อเขานั่งอยู่บนเรือ ทำให้เรือรอบๆ ถอยห่างออกไป"ท่านอ๋องเพคะ ดูคำอธิษฐานของข้าน้อยสิ”ซูอวี้เออร์ยิ้มแล้วนำกระดาษที่ตนเขียนเอาไปให้เซียวเย่หลันดูเซียวเย่หลันเหลือบตามองกล่าวว่า "เขียนสวยดี" "ที่ข้าน้อยให้ดูไม่ใช่ตัวอักษรสักหน่อย แต่เป็นคำปรารถนาที่จะได้อยู่ร่วมไปทุกชาติกับท่าน"ซูอวี้เออร์วางข้อความลงแล้วถอนหายใจเงียบๆ เซียวเย่หลันขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย "ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องไร้สาระถึงชีวิตหลังความตาย"คนเราเมื่อตายไปแล้วจะมีชาติหน้าอีกได้อย่างไร?เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดสตรีมักจินตนาการในสิ่งที่ไม่สมจริงเหล่านี้อยู่เสมอซูอวี้เออร์ไม่มีทางเลือกอื่นจึงได้แต่เบ้ริมฝีปากแล้วเอ่ยท่าทางยั่วยวน "เทศกาลอันน่ายินดีเช่นนี้ท่านอ๋อง ช่างไร้ความรู้สึกเหลือเกิน เพื่อเป็นการลงโทษที่ท่านอ๋องเย็น
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา