แต่ในใจเธอกลับรู้สึกแปลก ๆ เมื่อสำรวจอย่างละเอียด ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันแปลกตรงไหนหลังจากนั้นเยว่เซียงและโจวหมิงอวี้ก็โทรมาหาเธอทันทีที่ฟื้นความจำได้ คนแรกที่เธอติดต่อก็คือสองคนนี้ และได้มอบหมายงานต่าง ๆ ของซิงหลานจิวเวลรี่ให้กับทั้งสองคนจัดการและทั้งสองคนก็จะรายงานสถานการณ์ของบริษัทให้เธอฟังตามเวลาที่กำหนด ปากก็บอกว่าเป็นเรื่องงานแต่ครั้งนี้ ตอนที่ทั้งสองคนโทรมา ในระหว่างการสนทนาไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ทั้งสองก็ได้พูดถึงหนุ่มหล่อที่เคยมาที่บริษัทอยู่บ่อย ๆ ออกมา ทั้งยังชมว่าตาของเธอมีแววบ้าง ชมว่าทั้งสองเหมาะสมกันบ้างความรู้สึกแปลกประหลาดในใจของซูหรานยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆเธอเองก็อยากที่จะหาคำตอบให้กับความแปลกประหลาดนี้ดังนั้น เมื่อซ่งฉีโทรศัพท์นัดเธอออกไป ซูรานก็จึงตอบรับโดยไม่ลังเลทั้งสองได้นัดหมายสถานที่กันไว้ ในตอนที่ซูหรานมาถึง ซ่งฉีก็ได้มาถึงก่อนแล้วซูรานสั่งกาแฟมาหนึ่งแก้ว จนกระทั่งซูรานนั่งลงนานพอสมควร สายตาของซ่งฉีก็เอาแต่จ้องซูหรานอยู่ตลอดเวลา สีหน้าของเขาเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่“ทำไม? บนหน้าฉันเขียนอะไรไว้อย่างงั้นเหรอ?” ซูรานลดการระมัดระวังลงเม
ผ่านกระจกมองหลัง ปรากฏให้เห็นใบหน้าที่ดูดุร้ายไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นลู่ซิวหนิงเขาหันไปมองซูหราน ที่กำลังเดินเข้าไปในโรงแรมไห่เฉิง มือถือในมือของเขา แสดงให้เห็นรูปถ่ายรูปนั้นอย่างชัดเจนในรูปถ่าย ซูหรานยืนอยู่ข้างฟู่จิ้นหาน ทั้งยังดูโดดเด่นเป็นพิเศษพวกเขาถ่ายรูปกับคู่สามีภรรยาที่กำลังอุ้มเด็กอยู่ นี่พวกเขากำลังประกาศอะไรรึเปล่า?ซูหรานหายเข้าไปในประตูโรงแรมไห่เฉิง ลู่ซิวหนิงจ้องไปยังท้องของซูหรานในรูปถ่าย สายตาของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นชั่วร้ายขึ้นมาอาจเป็นเพราะเขาจดจ่อเกินไป จนไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีคนที่อยู่ไม่ไกลมองเขาอยู่ หน้าตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ราวกับต้องการยืนยันว่าตนไม่ได้มองผิด คนคนนั้นถึงกับถ่ายรูปเอาไว้ด้วยหลินเยว่เยว่ไม่คิดเลยว่า เธอจะได้พบกับซูหรานเธอยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอกับลู่ซิวหนิงที่นี่ด้วยเธอมองที่รูปถ่ายหลายต่อหลายครั้งเพื่อยืนยัน ว่านั่นคือลู่ซิวหนิงจริง ๆโดยไม่มีการลังเลเลยแม้แต่น้อย หลินเยว่เยว่โทรหาซูอินทันที แต่เธอโทรไปหลายครั้งก็กลับไม่สามารถติดต่อได้ เธอจึงตัดสินใจยอมแพ้“แปลกจัง ช่วงนี้พี่อินอินเหมือนว่าจะยุ่งมากเลยนะ”หลินเยว่เยว่ไม่ร
คุณหนูใหญ่เย่เดินตามคุณชายสามฟู่ พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหลงใหลผู้จัดการโรงแรมได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่เย่ที่ชื่นชอบคุณชายสามฟู่จากเพื่อนในเมืองจิงเฉิงอยู่ก่อนแล้วในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้ถึงกับกลัวว่าจะถูกเห็นเข้าเสียด้วยซ้ำ เขาจึงหันหลังและหลบไปอย่างเงียบ ๆเมื่อเขาหันกลับมาอีกครั้ง คุณชายสามฟู่และคุณหนูใหญ่เย่ก็หายไปแล้วผู้จัดการจึงได้ถอนหายใจออกมา ขณะเดียวกันก็ภาวนาว่าทางที่ดีก็ให้คุณผู้หญิงฟู่เดินออกจากโรงแรมไปไม่อย่างนั้นสนามรบนี้ คงได้เกิดผลกระทบต่อเขาเป็นแน่ผู้จัดการนึกถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว เขารู้สึกขนลุกขึ้นมา ถึงขั้นยกมือขึ้นประนม และพึมพำอะไรบางอย่างในปากแต่เมื่อเสียงติ๊งดังขั้น ประตูลิฟต์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปิดออกทันทีที่ผู้จัดการหัดไปดู และสังเกตเห็นซูหราน เขาก็รู้สึกทันทีว่าทั้งโลกกำลังจะพังทลายลงในช่วงเวลาที่รวดเร็ว เขาพุ่งไปข้างหน้าเพื่อดึงความสนใจของคุณผู้หญิงฟู่เอาไว้แต่ซูหรานกลับมองไปทางผู้จัดการด้วยสายตาที่ดูเย็นชา การก้าวเท้าของผู้จัดการก็แข็งทื่อทันที แม้แต่ขยับตัวยังไม่กล้าขยับ“ฟู่จิ้นหานล่ะ?”ซูหรานเ
ฉู่หลิงขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงของเธอแสดงถึงความรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้ยินคำว่า “ไม่เคยสนใจผู้หญิง” เปลือกตาของซูหรานก็กระตุก ในใจก็คาดเดาเรื่องหนึ่งขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง เธอก็ได้ยินชื่อของตัวเองถูกพูดออกมาจากปากคนที่ถูกเรียกว่า “คุณอาฉู่” คนนั้น“ซูหราน? เหอะ ผู้หญิงไห่เฉิงเนี่ยเจ้าเล่ห์เสียจริง คิดจะล่อลวงจิ้นหาน แต่งเข้าตระกูลฟู่ของเรา มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”ฉู่หลิงเปลี่ยนจากท่าทางอ่อนโยนและพูดจาน่าฟังเหมือนตอนที่อยู่ต่อหน้าฟู่จิ้นหานเมื่อกี้ออกไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเอ่ยถึงซูหราน ดวงตาของฉู่หลิงก็กลับเย็นชาขึ้นทันทีต่อให้จะมีประตูห้องน้ำกั้นอยู่ ซูหรานก็ยังสัมผัสได้ว่า “คุณอาฉู่” คนนี้ ไม่ชอบเธอคุณอาฉู่......ปากก็พูดว่า “ตระกูลฟู่ของพวกเรา” เธอเป็นอะไรกับฟู่จิ้นหานกัน?ซูหรานพยายามคาดเดาเกี่ยวกับตัวตนของเธอ ในขณะเดียวกันเธอก็เข้าใจ ว่าคุณอาฉู่คนนี้มาที่นี่ก็เพราะถูกรูปถ่ายใบนั้นดึงดูดให้มามาเพื่อที่จะหยุดเธอไม่ให้แต่งเข้าตระกูลฟู่งั้นเหรอ?ซูหรานยิ่งรู้สึกว่ามันน่าขันในสายตาของคนเหล่านี้ เหมือนว่าจะมองเธอ ซูหราน เหมือนเป็นผู้หญิงที่ชอบเงินทองและอำนาจมากยังไงอย่างงั้นใค
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถก็มาจอดที่หน้าเจินหลินย่วนซูหรานลงจากรถ เนื่องจากฝีเท้าที่ค่อนข้างเร่งรีบ เธอจึงไม่ได้สังเกตว่ามีสายตาอีกหนึ่งคู่คอยติดตามเธออยู่ตลอด จนกระทั่งเงาของเธอค่อย ๆ หายไปลู่ซิวหนิงยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัวราวกับผีร้าย ทำให้รู้สึกขนลุกเป็นพิเศษฮึ ซูหราน......เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้มุ่งมั่นขนาดนั้น จนถึงขั้นขึ้นรถเขาอีกครั้งเธอก็ยังไม่รู้ตัวถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ต่อไป เช่นนั้นการจัดการกับเธอก็จะยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่แต่ความระมัดระวังของซูหราน ลู่ซิวหนิงเองก็ไม่กล้าที่จะประมาทเมื่อกี้โชคดีที่ไม่ได้ถูกซูหรานสังเกตเห็น แต่หากซูหรานสังเกตเห็นเขาเมื่อไหร่ เช่นนั้นเขาก็จะไม่สามารถหลบหนีจากสายตาของฟู่จิ้นหานได้อีกเลยเขาสามารถเผชิญหน้ากับซูอินและซูหรานได้โดยที่ไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ลังเลแต่ฟู่จิ้นหาน......สำหรับฟู่จิ้นหาน ในใจลู่ซิวหนิงกลับรู้สึกถึงความน่ากลัวที่ฝังลึกเข้าไปในกระดูก ความกลัวนั้นเกิดขึ้นพร้อมกับความเกลียดชัง ดังนั้น ต่อให้เขาจะกลัว แต่เขาก็ไม่สามารถกดทับความเกลียดชังนั้นเอาไว้ได้ภาพบางอย่างผุดเข้ามาในหัว ลู่ซิวหนิงจับพวงมาลัยเอาไว้แน่น จนมื
เมื่อเทียบกันแล้ว ดั่งดวงจันทร์ที่ลอยบนฟ้า กับดินโคลนที่อยู่บนพื้นดินโดยเฉพาะแสงที่ทำให้แสบตานั้นลู่ซิวหนิวเหมือนว่าจะสามารถเอาชะนะความกลัวได้ เขาค่อย ๆ หันหลังกลับ แล้วมองไปที่ฟู่จิ้นหาน การเคลื่อนไหวยังคงระมัดระวังอยู่เสมอจนกระทั่งเงาของฟู่จิ้นหานได้หายไปจากสายตา ลู่ซิวหนิงที่เดิมมีสีหน้าหวาดระแวงก็ค่อย ๆ หายไปทีละน้อย ความโกรธเกรี้ยวและบ้าคลั่งก็ค่อย ๆ เข้ามาแทนทีสุดท้าย รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ราวกับปีศาจที่กลับมาจากนรกและในขณะเดียวกัน ฟู่จิ้นหานก็เปิดประตูด้วยความคาดหวังที่เต็มเปี่ยมทันทีที่เข้าประตูไป เขาก็เรียกชื่อของซูหราน แต่ในห้องกลับไม่มีเสียงตอบกลับจากซูหรานเลย“ภรรยา?”ฟู่จิ้นหานเรียกออกไปอีกครั้งด้วยความสงสัย แล้วเดินเข้าไปในห้องของเธอ กลับยังคงว่างเปล่ามีเพียงโต๊ะเครื่องแป้งเท่านั้น กล่องที่เคยใส่เครื่องประดับของซูหรานถูกเปิดออกฟู่จิ้นหานตรงเข้าไปดู ในกล่องนั้นขาดแหวนเพชรไปหนึ่งวงซูหรานมาที่นี่แล้วเอาแหวนไปงั้นเหรอ?แหวนวงนั้นมีความหมายพิเศษต่อเขา มันเป็นสิ่งที่เขาและซูรานร่วมกันสร้างจนสำเสร็จ ถือเป็นของที่แสดงถึงความรักระ
“นาย ๆ ๆ ๆ ......” จี้เยี่ยนโจวเกือบจะเบรกรถกะทันหันฟู่จิ้นหานไม่สนใจความยุ่งเหยิงในตอนนี้ พร้อมกับหันหน้าไปรอจี้เยี่ยนโจวจี้เยี่ยนโจวรีบหาจุดจอดรถทันที แล้วหันไปสบตากับฟู่จิ้นหานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย“ทำไม? ฉันทายถูกงั้นเหรอ? ซูหรานท้องจริง ๆ งั้นเหรอ?”ฟู่จิ้นหาน: “......”ตั้งครรภ์......ภายในสมองที่ว่างเปล่า เหลือเพียงแค่สองคำนี้เท่านั้นภาพของซูรานในวันนั้นที่กอดหนูน้อยเอาไว้ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และมีความรักของแม่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเธอ“เธอจะต้องเป็นแม่ที่ดีแน่”ฟู่จิ้นหานยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัวจี้เยี่ยนโจวเหมือนเพิ่งจะได้ยินเรื่องตลกเข้ายังไงอย่างงั้นนี่......นี่หมายความว่า เขาทายถูกเข้าแล้วจริง ๆ!“นายนี่ใช้ได้เลยนะ!”จี้เยี่ยนโจวมองฟู่จิ้นหานด้วยความตื่นเต้น เขาคิดไม่ถึงเลยว่า การที่เขาไปทำงานที่กั่งเฉิงระยะหนึ่ง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไปเร็วขนาดนี้ไม่แปลกใจเลย ที่บัญชีออฟฟิเชียลของฟู่ซือกรุ๊ปจะโพสต์รูปออกมาบนโลกโซเชียลฟู่จิ้นหานรู้ว่าจี้เยี่ยนโจวคิดมากเกินไปแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแค่เหลือบมองจี้เยี่ยนโจว
คุณชายใหญ่เย่เข้ามาที่ร้าน เขากำชับเอาไว้อย่างชัดเจนว่าเตรียวชุดเดรสไว้เพื่อคุณซูอีกทั้ง ชุดเดรสที่เธอนำมามีแค่ไซส์ของคุณซูหรานทั้งนั้น แต่หลานสาวแท้ ๆ คนนี้กลับต้องการจะเลือก......ผู้จัดการร้านมองไปทางเย่ถิงเซินเพื่อขอความช่วยเหลือแต่เย่ถิงเซินกลับหันท้ายทอยให้เธอ ไม่แม้แต่จะหันมามองเลยด้วยซ้ำสายตาของผู้จัดการร้านจึงทำได้แค่มองไปหาซูหรานที่อยู่ตรงหน้าเย่ถิงเซินเท่านั้นแน่นอนว่าซูหรานเองก็ไม่อยากทำให้ผู้จัดการร้านต้องลำบากใจ“ให้เธอเลือกเถอะค่ะ!”ในสายตาของซูหราน ต่อให้ซูอินจะย้ายชุดเดรสทั้งหมดเข้ามาไว้ในตู้เสื้อผ้าก็ไม่สำคัญ เพราะยังไงซะ เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะเลือกตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่คำพูดนี้ ซูอินกลับยิ่งไม่พอใจเห็น ๆ อยู่ว่าซูอินคือตัวเอก แต่คำว่า “ให้” ของซูหราน กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกช่วยเหลืออย่างไร้ค่าเธอจะกลืนความรู้สึกนี้ลงไปได้อย่างไรแต่จู่ ๆ เธอก็ตระหนักได้ว่าหยางซูมองดูอยู่ข้าง ๆ ซูอินจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไป เพราะกลัวว่าจะทำให้หยางซูรู้สึกไม่ชอบใจซูอินมองไปทางซูหราน และยิ้มอย่างหวานซึ้ง“ขอบคุณค่ะ พี่หรานหราน”เหอะ!รอให้เธอได้เลือกชุดที่สว