รอยสักบนแผ่นหลังของซูอิน เหมือนกับลวดลายบนตราประทับทุกประการตราประทับนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ภรรยาของเขา ที่ซึ่งเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเหยียนเหยียนทิ้งเอาไว้ให้ในตอนนั้น เขาเองก็ใช้ตราประทับนั้นเพื่อยืนยันตัวตนของเหยียนเหยียน และพาเหยียนเหยียนกลับตระกูลเย่เพียงแต่ในปีนั้น ความขัดแยกระหว่างเขากับเหยียนเหยียนก็ปะทุขึ้น จนทำให้เหยียนเหยียนต้องหนีออกจากบ้านอีกครั้ง ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่พบร่องรอยของเธออีกเลยแต่ร่างกายของซูอินกลับมีรอยสักลวดลายเดียวกับตราประทับ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?“เป็นเธอ ฉันเจอเธอแล้ว......” สีหน้าของคุณท่านเย่ดูตื่นเต้นเป็นอย่างมากพ่อบ้านที่อยู่ข้าง ๆ เองก็ไม่สามารถซ่อนความสุขของเขาเอาไว้ได้เช่นกัน “สวรรค์ช่างมีตาจริง ๆ คุณท่านครับ อิงตามอายุของคุณหนูซูแล้ว ตอนที่เธอเกิด น่าจะเป็นตอนที่คุณหนูเหยียนเหยียน......”“ใช่ ลูกสาวของเหยียนเหยียน จะต้องเป็นลูกสาวของเหยียนเหยียนแน่นอน......”เดิมทีคุณท่านเย่ยอมแพ้ไปแล้ว เขาคิดว่าที่พระเจ้าลิขิตให้เขาได้เจอกับซูหราน ถือว่าเป็นการไถ่ถอนบาปของเขาแล้วแต่คิดไม่ถึงเลยว่า สวรรค์จะยังเมตตาเขาอยู่เขาตามหาลูกสาวของเหยียนเหยีย
เมื่อซูหรานได้ยินน้ำเสียงนั้น เธอก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอจึงรีบถามขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าคุณปู่เป็นอะไรรึเปล่า?”“คุณกลับมาก่อนเถอะ”เย่ถิงเซินไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น เขาก็ดูกังวล และพูดต่อว่า “ผมจะไปรับคุณเอง”หลังพูดจบ เย่ถิงเซินก็วางสายโทรศัพท์ไปซูหรานจ้องมองโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกงุนงงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงได้ทำให้เย่ถิงเซินกังวลได้มากขนาดนี้?ซ่งอวี่หมิงสังเกตเห็นความผิดปกติบนสีหน้าของเธอ “คุณซูคะ มีอะไรรึเปล่าคะ?”ซูหรานกระตุกริมฝีปากของเธอ “เปล่าค่ะ แต่ว่า คุณหนูซ่งคะ ฉันน่าจะอยู่กับคุณต่อไม่ได้แล้วค่ะ ส่วนเข็มกลัดนี่ ฉันจะรีบทำออกมาให้คุณโดยเร็วที่สุดนะคะ พอถึงตอนนั้น ฉันจะติดต่อให้คุณมารับเองค่ะ”ซูหรานกล่าวไปพลาง เก็บข้าวของบนโต๊ะไปพลาง“อ๋อ ค่ะ งั้นคุณจัดการธุระก่อนเถอะค่ะ” ซ่งอวี่หมิงไม่กล้าที่จะถามอะไรออกไปมากกว่านี้ก่อนจะเดินออกไป เธอก็เหลือบมองซูหรานด้วยความกังวลในขณะเดียวกันนี้เอง เย่ซือเหยียนที่เพิ่งจะได้รับคริสตัลสีทับทิมมาจากเซียวหยุนเจิน ก็แทบรอไม่ไหวที่จะใช้คริสตัลสีทับทิมเม็ดนั้นสร้างเครื่องประดับออก
“พี่คะ”เสียงของซูอินที่ไม่ได้ดังหรือบาจนเกินไปก็ลอยเข้ามาในหูของซูหราน จนซูหรานเกือบจะคิดว่าตัวเองหูฝาดไปแล้วที่นี่คือวิลล่าตระกูลเย่ ซูอินจะมาอยู่ที่วิลล่าตระกูลเย่ได้ยังไง?เธอจึงเพิกเฉยต่อเสียงนั้น แต่ไม่นานซูอินก็เรียกออกมาอีกครั้ง:“พี่คะ......”ซูหรานขมวดคิ้ว แล้วค่อย ๆ หันศีรษะของเธอไปช้า ๆ ทันทีที่เธอสังเกตเห็นซูอินที่อยู่หลังโซฟา เธอก็ขมวดคิ้วทันทีสำหรับครอบครัวของซูจี้ไห่และซูอิน เดิมทีซูหรานก็รู้สึกรังเกียจมากพออยู่แล้วดังนั้น เมื่อเธอเห็นว่าซูอินอยู่ที่วิลล่าตระกูลเย่ ซูหรานจึงเริ่มตั้งรับโดยสัญชาตญาณ “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”น้ำเสียงของเธอที่เปล่งออกมาค่อนข้างดัง ราวกับต้องการจะทำให้ซูอินตกใจซูอินหดตัวอย่างเห็นได้ชัด ราวกับกระต่ายขาวตัวน้อยที่หวาดกลัว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัวที่มีต่อซูหราน และด้วยความกลัวนั้น ก็ดูเหมือนเธอยิ่งอยากจะเดินเข้าใกล้ซูหรานมากกว่าเดิม“พี่คะ ฉัน......ฉันคิดถึงพี่ค่ะ ดังนั้นงานเลี้ยงต้อนรับของพี่ในวันนั้น ฉันก็เลยแอบไปที่งาน พี่คะ วันนั้นหนูมองพี่จากที่ไกล ๆ พี่สวยมากเลยนะคะ พี่มีความสามารถมากขนาดนั้น พอได้ทำงานที่บริษัทอัญมณ
ขณะที่ซูหรานเดินไปข้างหน้า ซูอินก็รีบหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัดท่าทีที่เธอแสดงต่อซูหรานดูขัดแย้งเป็นพิเศษราวกับว่าเธออยากจะเข้าใกล้ แต่ก็ยังกลัวซูหรานอยู่ แม้แต่เย่ซือเหยียนที่เดินเข้ามาพร้อมกันกับซูหรานเห็นฉากนั้น เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจ และคิดว่าซูอินนั้นช่างเป็นนักแสดงมืออาชีพจริง ๆนี่ถ้าเกิดว่าเธอไม่รู้มาก่อนว่าซูอินเกลียดซูหราน เย่ซือเหยียนคงหลงเชื่อการแสดงฉากนี้ของเธอไปแล้วเย่ซือเหยียนรู้สึกว่ามันน่าสนใจ เธอจึงเหลือบมองไปทางคุณท่านเย่ในเวลานี้ ใบหน้าของคุณท่านเย่ดูมืดมน ซูหรานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คุณท่านเย่ เธอรออยู่นานแต่ก็ไม่มีการตอบกลับใด ๆ “คุณปู่คะ พวกเราไปกันเถอะค่ะ” ซูหรานพูดขึ้นอีกครั้งเธอกังวลว่าคุณท่านเย่จะวิตกกังวลมากเกินไป ไม่ว่ายังไงท่านก็อายุเยอะแล้ว ทั้งยังมีโรคประจำตัวอีก จะให้เกิดเรื่องอะไรผิดพลาดขึ้นไม่ได้แต่ขณะที่เธอยื่นมือออกไปเพื่อที่จะเข็นรถให้เขา ทันใดนั้นคุณท่านเย่ก็พูดขึ้นมา “ซูหราน!”น้ำเสียงของคุณท่านเย่ฟังดูเย็นชา และคำที่เขาเรียกเธอก็คือ “ซูหราน” ไม่ใช่ “หรานหราน”ซูหรานรู้สึกอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กลับไม่ได้สนใจ แต่ครู่ต่อมา เธอก
คุณท่านเย่ที่เห็นว่าเธอร้องไห้ออกมาราวกับสายฝน บวกกับสีหน้าที่ดูไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั่นอีก แววตาของเขาก็ยิ่งรู้สึกสงสารหนักกว่าเดิมเขาเอื้อมมือไปจับมือของซูอิน แล้วบอกเรื่องที่เย่ถิงเซินตรวจสอบมาได้กับเธอ“เมื่อก่อน หนูเคยใช้ชื่อฉินอินใช่ไหม?”ซูอินขมวดคิ้ว “คุณปู่รู้ได้ยังไงคะ? เมื่อก่อนหนูชื่อว่าฉินอิน หลังจากที่แม่แต่งงานกับพ่อเลี้ยงคนปัจจุบันแล้ว หนูก็เปลี่ยนมาใช้นามสกุลซูตามพ่อเลี้ยงคนปัจจุบัน แต่ว่า......”ซูอินกัดริมฝีปากของเธอ แล้วมองดูคุณท่านเย่ “คุณปู่รู้ได้ยังไงคะ?”แน่นอนว่าคนที่ตรวจสอบจนเจอคือเย่ถิงเซินคุณท่านเย่มองดูซูอินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูมากขึ้น “หนูรู้ไหม ว่าทำไมหนูถึงนามสกุลฉิน?”“แม่บอกว่า ตั้งแต่ตอนที่แม่รับหนูมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หนูก็ใช้นามสกุลฉินมาก่อนแล้ว เดิมแม่อยากจะให้หนูใช้นามสกุลฉินต่อนะคะ แต่แม่ก็กังวลว่าหากหนูมีนามสกุลไม่เหมือนพ่อแล้วคนอื่นจะดูถูกหนู เพราะงั้นเธอจึงให้หนูเปลี่ยนมาใช้นามสกุลซูค่ะ”คุณท่านเย่ถอนหายใจ “นับว่าเธอดีกับหนูมากจริง ๆ แต่ว่า ที่เมื่อก่อนหนูใช้นามสกุลฉิน ก็เป็นเพราะแม่ของหนู ลูกของปู่เองก็ใช้นามสกุลฉินเช
แม้แต่ซูอินและเย่ซือเหยียนเองก็รู้สึกประหลาดใจซูหราน......เธอถึงขั้นยอมตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ และไม่ยอมที่จะขอโทษ!ใบหน้าของคุณท่านเย่เข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้คิ้วของเขาขมวดเป็นปมเขาไม่ได้ต้องการจะขับไล่เธอออกจากตระกูลเย่ เขาเพียงแค่ต้องการยืนหยัดเพื่ออินอินเท่านั้น และอาศัยโอกาสนี้กำหนดลำดับความสำคัญให้กับหลานสาวที่เพิ่งค้นพบของเขา ทำให้เธอได้รับความเคารพจากทุกคน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ซูหรานจะถึงขั้นพูดแบบนี้ออกมาสีหน้าของคุณท่านเย่บูดบึ้งด้วยความโกรธเย่ถิงเซินที่เห็นแบบนั้น เขาก็รีบอธิบายแทนซูหรานทันที เพื่อจะได้ทำให้ทุกอย่างไม่วุ่นวายไปมากกว่านี้ แต่เขาเพิ่งจะอ้าปาก ซูหรานก็ย่อตัวลงนั่งยอง ๆ แล้วเอื้อมมือไปลูบที่คิ้วของคุณท่านเย่คุณท่านเย่รู้สึกตกใจเล็กน้อยไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เดิมทีในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธ แต่จู่ ๆ คิ้วของเขากลับค่อย ๆ คลายออก“คุณปู่คะ คุณปู่อย่าโกรธอีกเลยนะคะ” ซูหรานเอาหัวแนบไปที่เข่าของคุณท่านเย่ เช่นเดียวกับตอนที่เธอทำในห้องโถงที่วิลล่าตระกูลเย่เมื่อกี้ซูหรานตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ แต่ในเวลานี้ เธอกลับยังคงรู้สึกทำใจปล่อย
“ครับ” เย่ถิงเซินรับปากพร้อมกับสีหน้าที่ค่อนข้างซับซ้อนแต่ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของเขา แทบดูไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อยคุณท่านเย่ที่กำลังจมอยู่กับความสุข จู่ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “ถิงเซิน ปู่ตามหาลูกสาวของอาเธอเจอแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีความสุขเลยนะ?”มีความสุขเหรอ? ทำไมเขาต้องมีความสุขด้วย?เขารู้ดีว่าคุณอาคือความกังวลเดียวของคุณปู่ ผ่านมาตั้งหลายปี คุณปู่รู้สึกผิดต่อคุณอามากแค่ไหนเขาเองก็เห็นกับตาตัวเองมาแล้วเขาคาดหวังมากกว่าใครเสียอีกที่อยากให้คุณปู่ตามหาคุณอาให้เจอ หรือว่าเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคุณอาก็ยังดีแต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่พวกเขาตามหาจะเป็นซูอินไปได้เพราะเป็นซูอิน จิตใต้สำนึกของเขาที่มีต่อซูอินจึงมีความรู้สึกไม่ชอบอยู่ ถึงขั้นต่อต้านเธอเลยด้วยซ้ำแต่ตัวเขาเองก็รู้ดี ว่าตัวเองควรจะทำอะไร“คุณปู่ครับ ผม......”?ขณะที่เย่ถิงเซินกำลังจะพูด ทันใดนั้น ซูอินก็ขัดจังหวะเขา “คุณปู่คะ พี่ถิงเซินจะไม่มีความสุขได้ยังไงกันล่ะคะ? เมื่อกี้ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาล ในใจหนูกลัวมาก ดีที่ได้พี่ถิงเซินปลอบใจเอาไว้ ขอบคุณนะคะพี่ถิงเซิน”ใบหน้าของซูอินดูไร้เดียงสา รอยยิ้มของ
หลังจากที่ทั้งสองเดินเข้าประตูไป ต่างก็ไม่มีใครที่เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนซูอินยกมุมปากของเธอขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเธอไม่ได้ละเอียดอ่อนเท่ากับของซูหราน ยิ่งไม่มีความสง่างามเหมือนเย่ซือเหยียนเลยสักนิด แต่บางทีอาจเป็นเพราะสถานะที่เปลี่ยนไปของเธอ จึงทำให้รู้สึกว่าใบหน้าของเธอนั้นเป็นประกายขึ้นมาตั้งแต่ที่เย่ซือเหยียนเดินเข้าประตูมา ก็เอาแต่จ้องเธอตลอดแต่ซูอินก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย เธอแค่ยิ้มออกมาเบา ๆ เท่านั้นในที่สุด เย่ซือเหยียนก็ขมวดคิ้ว และถามออกไปด้วยความสงสัย “ฉันได้ยินมาว่าคุณอาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ๆ แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่าหน้าตาของเธอมัน......”ดูเหมือนว่าเย่ซือเหยียนกำลังพยายามนึกหาคำศัพท์ที่จะไม่ทำร้ายจิตใจผู้อื่นอยู่แต่เธอก็ต้องส่ายหัว และเม้มปากด้วยความรังเกียจ นั่นกลับเป็นการอธิบายความรู้สึกทั้งหมดของเธอออกมาได้ชัดเจนเสียยิ่งกว่าคำพูดซะอีกซูอินเองก็คิดไม่ถึง ว่าเธอจะโจมตีรูปร่างหน้าตาของเธอตรง ๆ แบบนี้เดิมทีเธอคิดอยู่เสมอว่าเป็นเพราะซูหรานสาวยกว่าเธอ ในใจถึงได้รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าพอเย่ซือเหยียนยิ่งพูดแบบนี้ มันก็ยิ่งกระตุ้นเธอขึ้นมาในทันทีรอยยิ้มบนใ