แก้มของซูหรานแดงยิ่งกว่าเดิม เธอตกใจอย่างเห็นได้ชัดแต่หลังจากนั้น เธอก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา “สามีงั้นเหรอ? สามีอะไรกัน?”ซูหรานมองดูโทรศัพท์ แต่สายตาของเธอก็ยังคงพร่ามัวเกินกว่าจะมองเห็นได้ชัดเจน ความเหนื่อยล้าทางร่างกายก็มาเยือน ซูหรานทิ้งตัวลงบนโซฟา เธอค่อย ๆ ปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอการเชื่อมต่อของโทรศัพท์ยังคงดำเนินต่อไปภายในโรงแรม สีหน้าของฟู่จิ้นหานดูเคร่งขรึม“ซูหราน?” เขาพยายามเรียกเธออยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบกลับจากซูหรานผู้หญิงคนนี้คงเมามากจนเผลอหลับไปแล้วแน่ ๆ!ด้วยความกังวลว่าเธอไม่มีใครดูแล สุดท้ายฟู่จิ้นหายจึงยอมทนพิษบาดแผล แล้วโทรหาฉินฟั่ง“คุณชายครับ?” ฉินฟั่งเดินเข้ามาในห้องนอน และเห็นร่ายกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของฟู่จิ้นหาน จากนั้นก็ได้ยินเสียงคำสั่งจากเขาทันที “เอาชุดของบอดี้การ์ดมาให้ฉันหน่อย”ฉินฟั่ง “......”หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ฉินฟั่งก็ถามขึ้นทันที “คุณชาย คุณจะเอาชุดบอดี้การ์ดไปทำไมครับ?”“ฉันให้นายเอามาก็เอาเถอะ เร็วเข้า พูดไร้สาระมากมายขนาดนั้นเพื่ออะไร?” ฟู่จิ้นหานเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ซูหรานเมาแต่กลับไม่มีคนดูแล เขาแทบจะอยากไปอยู่ข้าง
ภายในกระจก ใบหน้าของเขาดูขาวซีด และริมฝีปากก็ซีดด้วยเช่นกันแต่บนริมฝีปาก กลับมีร่องรอยที่ชัดเจนมากปรากฏอยู่ฟู่จิ้นหานนึกถึงการกัดของซูหรานเมื่อคืนนี้ และสังเกตเห็นว่าดวงตาของจี้เยี่ยนโจวเริ่มขี้เล่นมากขึ้นเรื่อย ๆ“มองอะไรอยู่ได้!” ฟู่จิ้นหานโยนกระจกกลับไปอย่างเย็นชาตาที่ว่องไวของจีเหยียนโจวจึงรับมันได้อย่ารวดเร็ว และอดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อ “คุณชายสาม คุณได้รับบาดเจ็บมา แต่กลับไม่รู้จัดหักห้ามใจหน่อยเลยนะ!"“ไสหัวออกไป!” ฟู่จิ้นหานหลับตาลง แล้วออกคำสั่งไล่แขกทันทีเขารู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ ถ้าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อคืนเขาก็อาจจะทำมากกว่าจูบก็ได้เขาไม่เคยควบคุมตัวเองได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าซูหรานจี้เยี่ยนโจวหัวเราะเยาะ ขณะที่เขากำลังหันหลังจะจากไป ฟู่จิ้นหานก็หยุดเขาเอาไว้ก่อน “เยี่ยนโจว......”“......” จี้เยี่ยนโจวหันกลับมา “คุณชายสาม มีอะไรจะรับสั่งเหรอครับ?”“ช่วยฉันดูแลซูหรานที” ฟู่จิ้นหานมองตรงเข้าไปในดวงตาของจี้เยี่ยนโจว แล้วพูดด้วยท่าทีที่ดูเคร่งขรึม:“ยังมีคนสะกดรอยตามฉันอยู่ ช่วงนี้ฉันไม่สะดวกที่จะออกไปพบหน้าซูหราน”หากทางฝั่งจิงเฉิงรู้ว่าซูหรานคือจุดอ่อนของเขา
แม้ว่าเสียงจะเบา แต่ซูหรานก็ยังได้ยิน“คุณพูดว่า หลินเยว่เยว่......” ซูหรานจำได้ว่า เมื่อวานในงานเลี้ยงเต้นรำ หลินเยว่เยว่เองก็อยู่ด้วยซ่งอวี่หมิงกะพริบตาเบา ๆ เธอเองก็ไม่ได้อยากทรยศต่อหลินเยว่เยว่ แต่พอมาคิดดูแล้ว เธอก็ยังคงพูดออกไปอยู่ดี “เยว่เยว่แค่บอกว่า คุณคือลูกพี่ลูกน้องของเธอ แถมบอกว่าคุณพยายามเข้าหาคุณชายใหญ่เย่อีก......”“งั้นเหรอ?” ซูหรานไม่เชื่อ ว่าคนอย่างหลินเยว่เยว่จะพูดแค่นี้จริง ๆแต่ซูหรานก็ไม่ได้ถามอะไรต่อหลังจากที่ซ่งอวี่หมิงจากไปแล้ว ซูหรานก็ได้รับสายโทรศัพท์อีกสาย จากนั้นเธอจึงหยิบต่างหูที่ออกแบบเองขึ้นมา แล้วออกจากซิงหลานจิวเวลรี่ไป......ตั้งแต่ช่วงเช้า หลินเยว่เยว่ก็รอสายของซ่งอวี่หมิงมาตลอดหลังจากที่เธอได้รู้จักกับคุณหนูตระกูลซ่ง เธอก็รู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสที่จะกลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้ง อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อจะใช้ซ่งอวี่หมิงในการเข้าหาซ่งฉี เมื่อถึงเวลาที่เธอได้แต่งงานกับซ่งฉี นั่นก็เท่ากับว่าซูอินเองก็ต้องไว้หน้าเธอด้วยเช่นกันหลังจากที่รู้ว่าซ่งฉีไปที่สนามยิงปืน หลินเยว่เยว่เองก็ตามไปเช่นกันเมื่อซ่งฉีออกมาจากสนามยิงปืน เธอก็รีบตามเขาไปทันที แล้
ขณะที่ซูหรานกำลังเดินไปหา หลินเยว่เยว่เองก็พยายามมองดูรอบ ๆ แต่เธอก็กลับไม่เห็นเงาของซูหราน“ให้ตายเถอะ! เธอบอกให้ฉันมาที่นี่ ตงลงแล้วเธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”ถ้าไม่ใช่เพราะเธอกังวลว่าซูหรานจะพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าซ่งฉี เธอก็คงไม่ต้องมาตามนัดแบบนี้แต่หลังจากที่รอไปเพียงแค่สองนาที หลินเยว่เยว่ก็ได้หมดความอดทน“ถ้าอีกหนึ่งนาทียังไม่มา จะมาโทษฉันไม่ได้นะ!” หลินเยว่เยว่จ้องดูเวลาบนโทรศัพท์ของเธอทันทีที่เธอพูดจบ จู่ ๆ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ:“ฉันมาแล้ว!” ใบหน้าซูหรานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่กำลังพูด เธอก็ยกเท้าขึ้นมา แล้วเตะเข้าไปที่ก้นของหลินเยว่เยว่แรง ๆ“อ๊าก......”หลินเยว่เยว่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบสนองเลยด้วยซ้ำด้วยแรงที่เธอมี ก็ทำให้อีกฝ่ายถึงขั้นเดินเซไปด้านหน้าสองสามก้าว จากนั้นเสียงซ่าดังขึ้น พร้อมหลินเยว่เยว่ที่ทำท่ากางแขน ก่อนที่จะตกลงไปในบ่อน้ำพุอธิษฐาน“แค่ก ๆ ๆ ......” หลินเยว่เยว่ตัวเปียกไปหมด แถมยังสำลักน้ำเข้าไปอีก หลังจากลุกขึ้นจากน้ำด้วยความไม่พอใจ เธอก็จ้องซูหรานด้วยความโกรธ “ซูหราน เธอทำบ้าอะไรของเธอ!”“ฉันทำอะไรงั้นเหรอ? งั้นเธอเองก็ลองคิ
“เหอะ หลานสาวของฉัน พวกเธอก็ละเลยและรังแกได้อย่างงั้นเหรอ?”คุณท่านเย่เหลือบมองซ่งเหลียนด้วยความไม่พอใจ แต่ครู่ต่อมา ในตอนที่เขามองไปทางซูหราน สายตาก็กลับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนในทันทีคุณท่านเย่ตบหลังมือของซูหราน แล้วพูดขึ้นว่า “หรานหราน วันนี้พวกเขามาเพื่อขอโทษน่ะ แต่ยังไงซะ ถ้าหลานไม่อยากให้อภัยก็ไม่เป็นไรเลยนะ ขอแค่หลานมีความสุขก็พอ”หลังจากที่คุณท่านเย่พูดแบบนั้น สีหน้าของซ่งเหลียนและคุณหญิงซ่งกลับตระหนกยิ่งกว่าเดิมก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็คิดว่าซูหรานไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคุณท่านเย่แน่นอน แต่วันนี้ซ่งอวี่หมิงก็เพิ่งจะมาบอกกับพวกเขาว่า ซูหรานเป็นหลานสาวคนใหม่ของคุณท่านเย่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ตระกูลเย่ก็ได้ประกาศออกมาว่า ตระกูลเย่ตัดสินใจยกเลิกเงินลงทุนที่เดิมทีจะลงทุนที่ไห่เฉินไปซ่งเหลียนก็เพิ่งจะตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ และเขาก็ไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขารีบนำตัวคนที่หาเรื่องซูหรานเมื่อวานนี้มา กระทั่งพ่อแม่ของคนพวกนั้นเองก็พาตัวมาด้วยทั้งหมดนี่ก็เพื่อมาขอโทษซูหราน!ก่อนที่ซูหรานจะกลับมา คุณท่านเย่ก็ได้แสดงเจตนารมณ์ของเขาเอาไว้อย่างชัดเจน: เขาสามาร
เมื่อซูหรานนึกถึงสายโทรศัพท์สายนั้น เธอก็ตกใจเล็กน้อยแต่เย่ซือเหยียนกลับส่งยิ้มเบา ๆ ให้ซูหราน พร้อมกับเดินไปหาเธอ และจับมือเธออย่างสนิทสนม “คุณปู่ คุณปู่รีบร้อนแบบนี้ เดี๋ยวก็ทำให้หรานหรานตกใจหรอกค่ะ สามีหรานหรานเองก็จะตกใจไปด้วย ใช่ไหม หรานหราน?”“......”รอยยิ้มบนใบหน้าของซูหรานแข็งทื่อคุณท่านเย่ที่เห็นแบบนั้น ก็กลับคิดว่าเธอน่าจะเขิน“ที่ซือเหยียนพูดก็มีเหตุผล ไว้ค่อยนัดเจอกันวันหลังเถอะ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถ้าเลือกวันได้แล้ว ให้บอกปู่ล่วงหน้าด้วยนะ ปู่เองก็ต้องเตรียมด้วยเช่นกัน!”ดูเหมือนคุณท่านเย่จะให้ความสนใจกับสามีของซูหรานเป็นพิเศษแต่ซูหรานกลับกำลังประสบปัญหาเข้าให้แล้วในหัวซูหรานเอาแต่คิดเรื่องสามีตัวพ่อ ถึงขนาดเย่ซือเหยียนพูดอะไรกับเธอไปบ้าง ซูหรานก็ไม่ได้ยินทั้งนั้น จนกระทั่งจู่ ๆ เย่ซือเหยียนก็พูดขึ้นมาว่า “หรานหราน ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ช่วงนี้ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเธอเลย ฉันจำเป็นต้องพักข้างนอกสักระยะ อย่าคิดถึงฉันนักล่ะ!”ทันทีที่เย่ซือเหยียนพูดจบ เธอก็มองไปทางซูหรานพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นก็วิ่งขึ้นไปยังห้องนอนบนชั้นสองทันทีเหลือทิ้งไว้แค่ซูหรานที่นั่งคิ้วขมวด
ใบหน้าของซูหรานเปลี่ยนเป็นสีแดง เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย แต่จู่ ๆ เธอก็เสียอาการ“คุณ......คุณ......คุณ......”นี่มันคำพูดน่าขนลุกอะไรกันเนี่ย?ซูหรานลูบแก้มที่ร้อนผ่าว พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ ยากมากกว่าเธอจะสงบจิตสงบใจลงได้ แล้วพูดออกไปตรง ๆ “ใครคิดถึงคุณกัน?”“คุณ......”รอยยิ้มของฟู่จิ้นหานกว้างจนไม่สามารถหุบยิ้มได้ คำพูดหยอกล้อแค่หนึ่งประโยค ก็ทำเอาซูหรานแทบไปไม่เป็นซูหรานกำลังจะวางสายโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกอาย แต่จู่ ๆ ฟู่จิ้นหานก็ไม่สามารถระงับเสียงหัวเราะของเขาได้ ทำให้แผลตรงสะบักตึง จนต้องเผลอร้องครวญครางออกมาเบา ๆซูหรานตกใจนิดหน่อย “คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”ฟู่จิ้นหานก้มศีรษะลงมอง และเห็นว่าบาดแผลมีเลือดไหลออกมาอีกแล้วเขาไม่อยากให้ซูหรานกังวล แต่ความเจ็บปวดจากบาดแผลก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เขาต้องการที่จะลุกขึ้น ก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นมา ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะทรงตัวได้ แต่กลับไม่ทันระวังจนเผลอไปชนเข้ากับแก้วน้ำที่อยู่ข้าง ๆฉินฟั่งที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็รีบเข้าไปในห้องทันที “คุณชาย......”เสียงที่ถูกเปล่งออกมาว่า “คุณชาย” นั้น ซูหรานก็บังเอิญได้ยินเข้า ย
ด้วยความตื่นตระหนก เย่ซือเหยียนก็สัมผัสโดนหน้าอกและหน้าท้องของฟู่จิ้นหานไปทั่ว โดยหวังจะช่วยเขาเช็ดน้ำบนร่างกายออกฟู่จิ้นหานคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ด้วยความรังเกียจ“โอ้ย......จิ้นหาน......” เย่ซือเหยียนรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าจ้องมองไปทางฟู่จิ้นหานชิวเฉิงมองไปทางคนทั้งสองด้วยความสนใจฟู่จิ้นหานต้องการที่จะสะบัดมือของเย่ซือเหยียนออก แต่จู่ ๆ ภายใต้การจ้องมองของเขา ร่างของบุคคลที่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวที่ประตูห้องพักผู้ป่วย ทำให้เขาถึงกับต้องตาค้างซูหราน......เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?ขณะที่ฟู่จิ้นหานตกตะลึงอยู่ เสียงหัวเราะของชิวเฉิงก็ดังขึ้นข้าง ๆ หูของเขา “ซือเหยียนไม่ได้ตั้งใจน่ะ เธอแค่เป็นห่วงนาย ดูนายสิ ทำเธอเจ็บแล้วนั่นน่ะ”ดวงตาของฟู่จิ้นหานเป็นประกาย ราวกับเขากลัวว่าชิวเฉิงจะเห็นซูหราน ฟู่จิ้นหานจึงรีบเบือนหน้าไปทางอื่น“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ฟู่จิ้นหานปล่อยมือที่จับข้อมือของเย่ซือเหยียนลงความเป็นห่วงที่หาเจอได้ยากยี้ ทันทีที่เย่ซือเหยียนได้ยิน เธอก็ประหลาดใจมากแต่ไม่นาน เธอก็ได้สติกลับคืนมา แล้วส่ายหัว “ไม่เป็นไร”เมื่อกี้ตอนที่ฟู่จิ้นหานตกตะลึ