ใบหน้าของซูหรานเปลี่ยนเป็นสีแดง เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย แต่จู่ ๆ เธอก็เสียอาการ“คุณ......คุณ......คุณ......”นี่มันคำพูดน่าขนลุกอะไรกันเนี่ย?ซูหรานลูบแก้มที่ร้อนผ่าว พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ ยากมากกว่าเธอจะสงบจิตสงบใจลงได้ แล้วพูดออกไปตรง ๆ “ใครคิดถึงคุณกัน?”“คุณ......”รอยยิ้มของฟู่จิ้นหานกว้างจนไม่สามารถหุบยิ้มได้ คำพูดหยอกล้อแค่หนึ่งประโยค ก็ทำเอาซูหรานแทบไปไม่เป็นซูหรานกำลังจะวางสายโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกอาย แต่จู่ ๆ ฟู่จิ้นหานก็ไม่สามารถระงับเสียงหัวเราะของเขาได้ ทำให้แผลตรงสะบักตึง จนต้องเผลอร้องครวญครางออกมาเบา ๆซูหรานตกใจนิดหน่อย “คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”ฟู่จิ้นหานก้มศีรษะลงมอง และเห็นว่าบาดแผลมีเลือดไหลออกมาอีกแล้วเขาไม่อยากให้ซูหรานกังวล แต่ความเจ็บปวดจากบาดแผลก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เขาต้องการที่จะลุกขึ้น ก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นมา ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะทรงตัวได้ แต่กลับไม่ทันระวังจนเผลอไปชนเข้ากับแก้วน้ำที่อยู่ข้าง ๆฉินฟั่งที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็รีบเข้าไปในห้องทันที “คุณชาย......”เสียงที่ถูกเปล่งออกมาว่า “คุณชาย” นั้น ซูหรานก็บังเอิญได้ยินเข้า ย
ด้วยความตื่นตระหนก เย่ซือเหยียนก็สัมผัสโดนหน้าอกและหน้าท้องของฟู่จิ้นหานไปทั่ว โดยหวังจะช่วยเขาเช็ดน้ำบนร่างกายออกฟู่จิ้นหานคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ด้วยความรังเกียจ“โอ้ย......จิ้นหาน......” เย่ซือเหยียนรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าจ้องมองไปทางฟู่จิ้นหานชิวเฉิงมองไปทางคนทั้งสองด้วยความสนใจฟู่จิ้นหานต้องการที่จะสะบัดมือของเย่ซือเหยียนออก แต่จู่ ๆ ภายใต้การจ้องมองของเขา ร่างของบุคคลที่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวที่ประตูห้องพักผู้ป่วย ทำให้เขาถึงกับต้องตาค้างซูหราน......เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?ขณะที่ฟู่จิ้นหานตกตะลึงอยู่ เสียงหัวเราะของชิวเฉิงก็ดังขึ้นข้าง ๆ หูของเขา “ซือเหยียนไม่ได้ตั้งใจน่ะ เธอแค่เป็นห่วงนาย ดูนายสิ ทำเธอเจ็บแล้วนั่นน่ะ”ดวงตาของฟู่จิ้นหานเป็นประกาย ราวกับเขากลัวว่าชิวเฉิงจะเห็นซูหราน ฟู่จิ้นหานจึงรีบเบือนหน้าไปทางอื่น“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ฟู่จิ้นหานปล่อยมือที่จับข้อมือของเย่ซือเหยียนลงความเป็นห่วงที่หาเจอได้ยากยี้ ทันทีที่เย่ซือเหยียนได้ยิน เธอก็ประหลาดใจมากแต่ไม่นาน เธอก็ได้สติกลับคืนมา แล้วส่ายหัว “ไม่เป็นไร”เมื่อกี้ตอนที่ฟู่จิ้นหานตกตะลึ
พอเย่ถิงเซินพูดกำชับออกไปแบบนั้นเสร็จ เขาก็วางสายไปจี้เยี่ยนโจวไม่มีโอกาสที่จะเอ่ยปากถามเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่กล้าที่รอช้าด้วยเช่นกัน เขารีบขับรถมุ่งตรงไปที่หลิวกวงบาร์ทันทีจี้เยี่ยนโจวเพิ่งออกไปได้ไม่นาน เย่ซือเหยียนก็กลับมาที่วิลล่าตระกูลเย่พอดีทันทีที่เห็นร่างนั้น เธอก็จำได้ทันทีว่าคือจี้เยี่ยนโจว“คุณชายจี้มาทำอะไรที่นี่กัน?” เย่ซือเหยียนรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย จี้เยี่ยนโจว ฟู่จี้หาน เย่ถิงเซิน ทั้งสามคนเคยเป็นเพื่อนที่สนืทกันมากแต่หลังจากที่อาเหยียนหายตัวไป ฟู่จิ้นหานกับเย่ถิงเซินก็ทะเลาะกัน และเย่ถิงเซินก็พยายามตีตัวออกห่างจี้เยี่ยนโจวด้วยเช่นกันพวกเขาไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปีแล้ว แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาโผล่ที่ประตูบ้านได้ล่ะ?“เมื่อวานคุณชายจี้ดื่มหนักมาก คุณชายใหญ่เลยพาคุณชายจี้กลับบ้านครับ เขาพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืน เมื่อกี้ที่คุณชายจี้มา เห็นเขาบอกว่าลืมของทิ้งเอาไว้ แต่ก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร อย่างไรก็ตาม......คุณชายจี้ดูแปลก ๆ นิดหน่อยครับ จู่ ๆ ก็ถามถึงคุณหนูหรานหราน แต่นั่นก็ไม่น่าจะแปลกเท่าไหร่ อยู่ที่ไห่เฉิงเหมือนกัน คุณชายจี้ก็อาจจะรู้จักคุณหนูหรานหรานอยู่แล้วก็
ซูหรานกลับรู้สึกว่านี่มันน่าขันสิ้นดี“นายรักอินอินของนาย ฉันก็ทำให้พวกนายได้สมปรารถนา พวกนายก็ได้ครองคู่กันตามที่ต้องการแล้วไม่ใช่รึไง? นอกจากนี้ฉันมีสามี ฉันแต่งงานไปแล้ว แล้วนายจะมาพูดเรื่องแต่งงานกับฉันทำบ้าอะไร?”ซูหรานเหลือบมองกล้องที่มีไฟสีแดงแสดงสถานะกะพริบ เธอก็เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีลู่ซิวหนิงสังเกตเห็นการจ้องมองของเธอ ทันใดนั้นก็นึกถึงแผนการของตนขึ้นมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจผสมกับความบ้าคลั่ง“ผ่านมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว สรุปสามีของเธอคือใครกันแน่? ฉันยังหาโอกาสเจอไม่ได้สักที แต่ว่าก็ช่างมันเถอะ......”ลู่ซิวหนิงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา แล้วตบไปยังกล้องที่กำลังอัดอยู่เบา ๆ “เธอคิดว่า ถ้าเกิดเขาได้เห็นเรื่องอื้อฉาวนี้ของเธอเข้า เขาจะหย่ากับเธอไหม?”ซูหรานเข้าใจในสิ่งที่เขาหมายถึง“ลู่ซิวหนิง อย่าแม้แต่จะคิดนะ!”ซูหรานพยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้น ถ้าเป็นตอนปกติ ลู่ซิวหนิงคงไม่มีทางสัมผัสเธอได้แม้แต่ปลายเล็บ แต่เนื่องจากเวลานี้เธอถูกวางยา ร่างกายจึงค่อนข้างอ่อนแรง แม้แต่จะลุกขึ้นยืนยังไม่ไหวพอลู่ซิวหนิงเห็นว่าเธอเป็นแบบนี้แล้ว เขาจึงไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้นสำหรับ
ลูกเตะนี้ ทำให้หน้าอกของลู่ซิวหนิงเจ็บปวดเป็นอย่างมาก จนแทบอาเจียนออกมาเป็นเลือด“ซูหราน เธอ......” แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่ลืมที่จะโน้มน้าวซูหรานให้รับผิดแทนอยู่ดีแต่คราวนี้ ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ฉินฟั่งก็เหยียบหน้าอกของเขาเสียก่อน ใบหน้าของฉินฟั่งที่เดิมก็ดูโหดอยู่แล้ว บวกกับสีหน้าที่ดูมืดมนของเขาตอนนี้ก็ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมแค่การจ้องมองเพียงครั้งเดียว ลู่ซิวหนิงก็กลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกสายตาของซูหรานจับจ้องไปทางกล้องตัวนั้นอยู่นานสองนาน ในที่สุดเธอก็ยื่นมือไปคว้ากล้องขึ้นมา เหมือนว่ามันเพิ่งจะบันทึกความรู้สึกอัปยศอดสูเมื่อกี้เอาไว้ได้ฉินฟังและจี้เยี่ยนโจวก็เพิ่งจะสังเกตเห็นการมีอยู่ของกล้องตัวนั้นด้วยความฉลาดของพวกเขาทั้งสอง แค่มองแววเดียวก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของกล้องตัวนั้นได้ในทันทีรอจนซูหรานเดินออกจากห้องไป เมื่อเห็นว่าเธอเดินห่างไปไกลมากพอ ฉินฟั่งก็เริ่มรัวหมัดแรง ๆ ใส่หน้าลู่ซิวหนิงทันที ทันใดนั้น ลู่ซิวหนิงถูกทำร้ายอย่างหนักหน่วงจนดวงดาวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา แล้วบริเวณข้างหูของเขา ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น:“ลู่ซิวหนิง มึงนี่มันชิงหมาเกิดจริง ๆ !”แววตาข
ฟู่จิ้นหานลงจากรถชิวเฉิงกระแทกเข้ากับพวงมาลัย และในขณะที่เขาเพิ่งจะได้สติ ฟู่จิ้นหานก็ได้มาเคาะที่กระจกรถของเขาความรู้สึกผิดแวบขึ้นมาในดวงตาของชิวเฉิง เขาลดกระจกลง และฟู่จิ้นหานก็ยิ้มให้อย่างเย็นชา “ฉันก็คิวว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นนาย? สะกดรอยตามฉันทำไม?”“ผม......” ชิวเฉิงกำลังคิดหาข้ออ้าง ว่าเขาไม่ได้สะกดรอยตามเขาแต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงรถยนต์คำรามขึ้นมา ในไม่ช้า รถตู้หลายคันก็เข้ามาล้อมทั้งสองคนเอาไว้ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนพร้อมอาวุธครบมือก็ทยอยลงมาจากรถนั่นต่างก็เป็นคนของชิวเฉิงชิวเฉิงรู้ดี ว่าด้วยความฉลาดของฟู่จิ้นหาน เขาน่าจะตั้งใจล่อเขาออกมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวตอนนี้ต่อให้เขาจะพยายามแก้ตัวเท่าไหร่ ฟู่จิ้นหานก็คงจะไม่เชื่อเขาอยู่ดีดังนั้น แทนที่จะอ้างเหตุผลเพื่อหลบหนี ไม่สู้จัดการฟู่จิ้นหานซะตั้งแต่วันนี้เลย ภารกิจเขาก็จะถือว่าสำเร็จไปด้วย“ทำไม?” ฟู่จิ้นหานเหลือบมองผู้คนรอบตัวเขา แววตาของเขาก็ยิ่งมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆชิวเฉิงเลิกคิ้วและยิ้มอย่างเฉยเมย “จิ้นหาน ฉันเองก็ได้รับความไว้วางใจมาจากคนอื่นเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น นายคิดว่าด้วยมิตรภาพของเราสองคน แล้วฉันจะไม่ทำอ
ที่เธอจะสื่อก็คือ ห้ามไม่ให้เขารบกวนเธอ ทางที่ดีก็ควรจะออกไปซะฟู่จิ้นหานหยุดกะทันหัน มือของเขาสั่นเล็กน้อย และหัวใจของเขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกดทับเอาไว้ และเขาไม่สามารถระงับความเจ็บปวดนี้ได้เขาไม่อยากออกไป เขาอยากอยู่กับเธอ แต่เขาก็กลัวว่าการกระทำใด ๆ ก็ตามแต่ของเขาจะทำให้เธอหงุดหงิด“คุณนอนเถอะ ผมอยู่หน้าประตูนะ คุณนอนพักให้สบาย” ฟู่จิ้นหานหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปทางซูหรานที่อยู่บนเตียงโดยไม่ละสายตาอยู่พักใหญ่หลังจากนั้นไม่นาน เขาถึงได้ค่อย ๆ ก้าวเบา ๆ ออกไปที่ประตูเขาไม่ได้เดินออกไป เขาแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ แทนซูหรานไม่ได้พูดอะไรอีกถ้าไม่อยากออกก็ไม่ต้องออกเธอต้องการที่จะนอนจริง ๆ!เธอไม่อยากปล่อยให้สมองโล่ง แล้วต้องกลับไปนึกถึงฉากที่น่ารำคาญพวกนั้นบางทีเธอก็อาจจะเหนื่อยเกินไปจริง ๆ หลังจากนั้นไม่นาน ซูหรานก็ผล็อยหลับไปพอได้ยินเสียงหายใจของซูหรานที่อยู่บนเตียงค่อย ๆ สงบลง ฟู่จิ้นหานก็ยังคงอยู่ในห้องนั้นต่ออีกเป็นเวลานาน จนกระทั่งฟ้าสว่าง เขาถึงได้เดินออกจากห้องไปทั้งที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน ฟู่จิ้นหานก็กลับไม่ได้รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อยเขาเดิน
แม้กระทั่งจนถึงตอนนี้ ลู่ซิวหนิงก็ยังคงคิดว่าตัวเองอาจจะพอมีโชคอยู่บ้างแต่ความจริงก็คือ ไม่มีที่ว่างสำหรับโชคของเขาตั้งนานแล้วฟู่จิ้นหานหัวเราะเยาะออกมา ลู่ซิวหนิงที่ถูกคลุมศีรษะเอาไว้ กระทั่งสีหน้าของคุณชายสามฟู่เป็นยังไง เขาเองก็มองไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่ความเงียบที่เกิดขึ้นหลังจากที่เสียงหัวเราสิ้นสุดลง กลับทำให้ความกลัวในใจของเขาพุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุดทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ ว่าในระบบสำนักกิจการพลเรือน เขาไม่สามารถตรวจสอบคู่สมรสของซูหรานได้ใครบ้างที่มีอำนาจมากพอที่จะสามารถสั่งให้สำนักกิจการพลเรือนซ่อนข้อมูลส่วนตัวได้?เกรงว่าจะมีเพียงคุณชายสามฟู่เท่านั้นที่ทำได้!เมื่อลู่ซิวหนิงนึกถึงสิ่งที่เขาทำกับซูหราน จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีมีดห้อยอยู่บนหัวของเขา มีดเล่มนั้นอาจร่วงหล่นเมื่อใดก็ได้ หัวจะหลุดจากบ่าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้“อาสามครับ......ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริง ๆ ผมไม่ควรทำกับซู......”เดิมลู่ซิวหนิงกำลังจะเรียกชื่อซูหรานออกไปตรง ๆ แต่จู่ ๆ ก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ เขาจึงรีบกลับคำทันที “อาสะใภ้สาม......ใช่ ผมไม่ควรมีความคิดเลว ๆ ต่ออาสะใภ้สามแบบนั้นเลย”ลู่ซิวหนิงเตือนเ