ที่เธอจะสื่อก็คือ ห้ามไม่ให้เขารบกวนเธอ ทางที่ดีก็ควรจะออกไปซะฟู่จิ้นหานหยุดกะทันหัน มือของเขาสั่นเล็กน้อย และหัวใจของเขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกดทับเอาไว้ และเขาไม่สามารถระงับความเจ็บปวดนี้ได้เขาไม่อยากออกไป เขาอยากอยู่กับเธอ แต่เขาก็กลัวว่าการกระทำใด ๆ ก็ตามแต่ของเขาจะทำให้เธอหงุดหงิด“คุณนอนเถอะ ผมอยู่หน้าประตูนะ คุณนอนพักให้สบาย” ฟู่จิ้นหานหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปทางซูหรานที่อยู่บนเตียงโดยไม่ละสายตาอยู่พักใหญ่หลังจากนั้นไม่นาน เขาถึงได้ค่อย ๆ ก้าวเบา ๆ ออกไปที่ประตูเขาไม่ได้เดินออกไป เขาแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ แทนซูหรานไม่ได้พูดอะไรอีกถ้าไม่อยากออกก็ไม่ต้องออกเธอต้องการที่จะนอนจริง ๆ!เธอไม่อยากปล่อยให้สมองโล่ง แล้วต้องกลับไปนึกถึงฉากที่น่ารำคาญพวกนั้นบางทีเธอก็อาจจะเหนื่อยเกินไปจริง ๆ หลังจากนั้นไม่นาน ซูหรานก็ผล็อยหลับไปพอได้ยินเสียงหายใจของซูหรานที่อยู่บนเตียงค่อย ๆ สงบลง ฟู่จิ้นหานก็ยังคงอยู่ในห้องนั้นต่ออีกเป็นเวลานาน จนกระทั่งฟ้าสว่าง เขาถึงได้เดินออกจากห้องไปทั้งที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน ฟู่จิ้นหานก็กลับไม่ได้รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อยเขาเดิน
แม้กระทั่งจนถึงตอนนี้ ลู่ซิวหนิงก็ยังคงคิดว่าตัวเองอาจจะพอมีโชคอยู่บ้างแต่ความจริงก็คือ ไม่มีที่ว่างสำหรับโชคของเขาตั้งนานแล้วฟู่จิ้นหานหัวเราะเยาะออกมา ลู่ซิวหนิงที่ถูกคลุมศีรษะเอาไว้ กระทั่งสีหน้าของคุณชายสามฟู่เป็นยังไง เขาเองก็มองไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่ความเงียบที่เกิดขึ้นหลังจากที่เสียงหัวเราสิ้นสุดลง กลับทำให้ความกลัวในใจของเขาพุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุดทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ ว่าในระบบสำนักกิจการพลเรือน เขาไม่สามารถตรวจสอบคู่สมรสของซูหรานได้ใครบ้างที่มีอำนาจมากพอที่จะสามารถสั่งให้สำนักกิจการพลเรือนซ่อนข้อมูลส่วนตัวได้?เกรงว่าจะมีเพียงคุณชายสามฟู่เท่านั้นที่ทำได้!เมื่อลู่ซิวหนิงนึกถึงสิ่งที่เขาทำกับซูหราน จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีมีดห้อยอยู่บนหัวของเขา มีดเล่มนั้นอาจร่วงหล่นเมื่อใดก็ได้ หัวจะหลุดจากบ่าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้“อาสามครับ......ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริง ๆ ผมไม่ควรทำกับซู......”เดิมลู่ซิวหนิงกำลังจะเรียกชื่อซูหรานออกไปตรง ๆ แต่จู่ ๆ ก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ เขาจึงรีบกลับคำทันที “อาสะใภ้สาม......ใช่ ผมไม่ควรมีความคิดเลว ๆ ต่ออาสะใภ้สามแบบนั้นเลย”ลู่ซิวหนิงเตือนเ
แรงตบนั้นถึงขั้นทำให้ซูอินทรุดตัวลง ไม่ใช่เพราะซุนฉินมือไวตาไว คว้าเอาไว้ได้ทัน ซูอินคงล้มลงไปกองอยู่กับพื้นไปแล้วซูอินคาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าคุณหญิงย่าลู่จะลงมือกับเธอ การตบครั้งนี้ทำให้เธอถึงกับตกตะลึงได้จริง ๆ“คุณหญิงย่าลู่คะ ทำไม่คุณถึงต้องลงไม้ลงมือด้วย......” ซุนฉินรู้สึกเป็นทุกข์อย่างมากเมื่อคุณหญิงย่าลู่นึกถึงข่าวที่ลู่ซิงฮวานำมาบอกในตอนเช้า คิดว่าเธอจะมัวมาสนใจว่าใครปวดใจไม่ปวดใจอยู่งั้นเหรอ?เมื่อเห็นว่าซูอินกำลังตกตะลึง เธอก็รีบก้าวไปข้างหน้าทันที และคว้าข้อมือของซูอินขึ้นมา “ซูอิน ลู่ซิวหนิงอยู่ที่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของซูอินร้อนผ่าวด้วยความเจ็บปวดเธอเหวี่ยงมือของคุณหญิงย่าลู่ทิ้งด้วยความโกรธ “ฉันไม่รู้!”คำพูดที่เย็นชาสองสามคำ ก็ถือว่าเธอสุภาพกับคุณหญิงย่าลู่มากพอแล้วแต่ครู่ต่อมา คุณหญิงย่าลู่ก็จ้องมองเธออยู่นานเกือบนาที ภายใต้การจ้องมองนั้น กลับทำให้ซูอินรู้สึกชาที่หนังศีรษะ ทันใดนั้นคุณหญิงย่าลู่ก็คุกเข่าลงต่อหน้าซูอิน“......”ซูอิน หลินเยว่เว่ ซุนฉินต่างก็พยายามระงับความประหลาดใจเอาไว้ขณะที่ซุนฉินกำลังจะถาม คุณหญิงย่าลู่ก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาว่า “ซูอิน
ซูหรานสลัดความคิดของเธอทิ้งไป หลังจากไปเข้าห้องน้ำเพื่อใส่ยาแล้ว เธอก็กลับรู้สึกรำคาญใจขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องเพื่อไปรับอากาศ ทันทีที่เปิดประตู ร่างสูงก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอสามีตัวพ่อเหรอ?เขายังคงสวมเสื้อผ้าตัวเดียวกันกับเมื่อคืน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าเป็เพราะเขาไม่ได้นอนมาทั้งคืนรึเปล่า หนวดของเขาถึงได้ยาวขนาดนี้ตอนแรกซูหรานคิดว่าเธออาจจะตาฝาดไปจนกระทั่งเสียงของเขาดังขึ้น “ซูหราน คุณตื่นแล้วเหรอ? เมื่อคืนผมเห็นคนใส่ยาที่ปาก ให้ผมพาคุณไปให้โรงพยาบาลตรวจให้เถอะนะ”ฟู่จิ้นหานพูดอย่างระมัดระวังสายตาที่เขามองซูหราน เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ราวกับลูกสุนัขที่กำลังคาดหวังคำตอบจากเจ้าของซูหรานกระตุกมุมปาก แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรทุกการเคลื่อนไหวของปาก ก็จะทำให้มีอาการปวดบริเวณแผลซูหรานยกมือขึ้น และส่งสัญญาณให้สามีตัวพ่อหลีกทางฟู่จิ้นหานก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว และเคลื่อนตัวออกไปให้พ้นทาง ซูหรานเดินผ่านเขาไป เขาเดินตามเธอไปทันที ตลอดทั้งเช้า แทบจะทุกที่ที่ซูหรานเดินไป ฟู่จิ้นหานก็จะเดินตามไปตลอดในขณะเดียวกัน ซูหรานก็หยิบการ์ดหน่วยความจำของกล้องออกมา แล้วทำลายมันทิ้ง พร้อ
สีหน้าของคุณหญิงย่าลู่ดูน่าเกลียดมากครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่ซิวหนิงก็ได้ถูกจับอาบน้ำและแต่งตัวให้ใหม่แล้ว แต่คนกลับยังคงหมดสติอยู่ภายในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ของตระกูลลู่ใบหน้าของทุกคนต่างก็ดูน่าเกลียดพ่อบ้านรีบเดินออกมาจากห้องของลู่ซิวหนิงที่อยู่บนชั้นสอง แล้วเดินตรงไปหาคุณหญิงย่าลู่ หลังจากเหลือบมองคุณหญิงย่าลู่ เขาก็ลำบากใจที่จะพูดออกมา“ซิวหนิงเป็นยังไงบ้างแล้ว?” คุณหญิงย่าลู่ถามเมื่อกี้เธอแค่มองดูคร่าว ๆ คุณหญิงย่าลู่คิดว่าลู่ซิวหนิงคงแค่ถูกจับเปลื้องผ้าออกเท่านั้นแต่แววตาของพ่อบ้านยังคงสั่นไหว“พูดมาสิ!” คุณหญิงย่าลู่เร่งเร้าพ่อบ้านก้มศีรษะลง และรายงานสิ่งที่เพิ่งเห็นตามความเป็นจริง “บาดแผลบนร่างกายของนายน้อย มีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ให้เรียกหมอมา......”“แค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก” คุณหญิงย่าลู่ไม่ได้รู้สึกกังวลมากขนาดนั้นแต่สิ่งที่พ่อบ้านกำลังพูดต่อ กลับทำให้ใบหน้าของเธอซีดลง“มีจุดหนึ่งบนร่างกายของคุณชายที่ถูกฉีกขาดครับ ราวกับว่ามันถูกฝืนให้ง้างออกด้วย......”พ่อบ้านยังไม่ทันได้พูดจบด้วยซ้ำ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ดูเหมือนจะเข้าใจได้ในทันทีฉีกขาด
สายตาของซูหรานยังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม เธอไม่อยากที่จะพลาดการแสดงออกใด ๆ ของสามีตัวพ่อเลยแม้แต่วินาทีเดียวคำว่า “คุณชายสามฟู่” ทำให้ฟู่จิ้นหานแทบหายใจไม่ออก รู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัดในขณะนั้นเอง เขาถึงขั้นทำใจเอาไว้แล้วด้วย ว่าถ้าหากซูหรานเดาตัวตนของเขาออกจริง ๆ เขาก็จะหงายไพ่ของเขาออกไปตรง ๆ เลยในหัวของฟู่จิ้นหานกำลังคิดว่าจะอธิบายความรู้สึกแย่ ๆ ที่เธอมีต่อ “คุณชายสามฟู่” ยังไงดีแต่หลังจากนั้น คำพูดของซูหรานก็ทำให้เขาหยุดคิดยู่ครู่หนึ่ง“.......ลูกพี่ลูกน้อง?”ซูหรานขมวดคิ้ว ราวกับว่าเธอรู้สึกว่าการคาดเดาของเธอไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้” ลูกพี่ลูกน้องของคุณชายสามฟู่ เช่นนั้นฐานะของเขาก็จะต้องสูงส่งด้วยสิ ส่วนสามีตัวพ่อของเธอ ดู ๆ แล้วก็ค่อนข้างสูงส่งเหมือนกัน แต่ตระกูลฟู่......สูงส่งกว่านั้นเยอะ!ซูหรานส่ายหัวหลายต่อหลายครั้งฟู่จิ้นหานที่เห็นแบบนั้น ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่าซูหรานไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ซูหรานก็พูดขึ้นว่า “อีกเดี๋ยวฉันว่าจะไปที่ตึกฟู่ซือกรุ๊ปหน่อยนะ”ตึกฟู่ซือกรุ๊ปง
“ขอความเมตตา?” ซูหรานหัวเราะออกมา “ขอโทษนะ แต่ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก”คนที่ใจดีคือซูอินต่างหาก ไม่ใช่เธอ ซูหรานฟู่จิ้นหานหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นน้ำเสียงของเขาจะจริงจังขึ้นมา “ถ้าเขากล้าทำร้ายคุณ เขาก็กำลังรนหาที่ตาย!”ซูหรานตกตะลึงไปเธอมองเงาร่างบนฉากกั้น จู่ ๆ ก็เกิดรู้สึกราวกับตนเองสำคัญต่อเขามากขึ้นมาแต่การที่เขาช่วยเธอต่อกรกับตระกูลลู่ ก็เป็นเพียงแค่น้ำใจของสามีดีเด่นเพียงเท่านั้น…ภายใต้ผวังค์แห่งความคิด เสียงจากฉากกั้นยังคงดำเนินต่อไป “ลู่ซิวหนิงเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลลู่ลดลง อีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ทรัพย์สมบัติตระกูลลู่จะถูกประมูลเพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้ธนาคาร หลังจากการตระกูลลู่ล้มละลายแล้ว จะไม่มีใครมารบกวนคุณอีก”คำว่า “ลู่ซิวหนิงไปโรงพยาบาลจิตเวช” ดังก้องอยู่ในสมองของซูหราน “เดี๋ยวนะ ลู่ซิวหนิงเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”ฟู่จิ้นหานไม่ตอบแต่ซูหรานเข้าใจดีว่าขอแค่ลู่ซิวหนิงเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ต่อให้เขาไม่ได้เป็นบ้า เขาก็คงไม่ต่างจากคนวิกลจริตสักเท่าไหร่ซูหรานคิดถึงสิ่งที่ลู่ซิวหนิงทำ และแอบสมน้ำหน้าเขาในใจเมื่อลู่ซิวหนิงมีจุดจบแ
ฉินฟั่งมองไปที่กองเอกสารขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา และอยากจะตายหัวทิ่มไปกับกองเอกสารสิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือการส่งสัญญาณขอความเมตตาจากเจ้านาย“คุณซู อันที่จริง ที่วันนั้นผมไปที่นั่นได้ทันเวลา เป็นเพราะคำสั่งของคุณชายสามฟู่กับสามีของคุณ...ผมก็แค่ถูกไหว้วานมา เขาต่างหากครับที่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณมากที่สุด…”ฉินฟั่งรู้ว่าคุณชายของเขาได้ยินสิ่งที่เขาพูด ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขอความเมตตาในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ซูหรานมองไปที่สามีดีเด่น เธอไม่สามารถปกปิดความประหลาดใจต่อสิ่งที่ฉินฟั่งพูดได้เห็นได้ชัดว่าฟู่จิ้นหานดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษราวกับว่าเขาไม่อยากจะโชว์เกินไป เขาไอเบา ๆ แล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณไม่มีเวลา ผมก็ไม่บังคับหรอก รีบกลับบ้านเถอะ”คำว่า “รีบกลับบ้านเถอะ” ของฟู่จิ้นหานทำให้ฉินฟั่งรู้สึกเหมือนได้รับการอภัยทานเขาแทบจะทรุดตัวลงแล้วก้มหัวคำนับขอบคุณหลังจากวางสายโทรศัพท์ มีความคลุมเครือในบรรยากาศอันไม่อาจอธิบาย ฟู่จิ้นหานสบตากับซูหรานโดยไม่ลังเล แต่จู่ ๆ ซูหรานก็เลี่ยงสายตาของเขาด้วยการกะพริบตา“นายน้อยจี้ละอยู่ไหน” ซูหรานเลี่ยงที่จะสบตากับเขาและเปลี่ยนเรื่อ