ซูหรานสลัดความคิดของเธอทิ้งไป หลังจากไปเข้าห้องน้ำเพื่อใส่ยาแล้ว เธอก็กลับรู้สึกรำคาญใจขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องเพื่อไปรับอากาศ ทันทีที่เปิดประตู ร่างสูงก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอสามีตัวพ่อเหรอ?เขายังคงสวมเสื้อผ้าตัวเดียวกันกับเมื่อคืน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าเป็เพราะเขาไม่ได้นอนมาทั้งคืนรึเปล่า หนวดของเขาถึงได้ยาวขนาดนี้ตอนแรกซูหรานคิดว่าเธออาจจะตาฝาดไปจนกระทั่งเสียงของเขาดังขึ้น “ซูหราน คุณตื่นแล้วเหรอ? เมื่อคืนผมเห็นคนใส่ยาที่ปาก ให้ผมพาคุณไปให้โรงพยาบาลตรวจให้เถอะนะ”ฟู่จิ้นหานพูดอย่างระมัดระวังสายตาที่เขามองซูหราน เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ราวกับลูกสุนัขที่กำลังคาดหวังคำตอบจากเจ้าของซูหรานกระตุกมุมปาก แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรทุกการเคลื่อนไหวของปาก ก็จะทำให้มีอาการปวดบริเวณแผลซูหรานยกมือขึ้น และส่งสัญญาณให้สามีตัวพ่อหลีกทางฟู่จิ้นหานก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว และเคลื่อนตัวออกไปให้พ้นทาง ซูหรานเดินผ่านเขาไป เขาเดินตามเธอไปทันที ตลอดทั้งเช้า แทบจะทุกที่ที่ซูหรานเดินไป ฟู่จิ้นหานก็จะเดินตามไปตลอดในขณะเดียวกัน ซูหรานก็หยิบการ์ดหน่วยความจำของกล้องออกมา แล้วทำลายมันทิ้ง พร้อ
สีหน้าของคุณหญิงย่าลู่ดูน่าเกลียดมากครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่ซิวหนิงก็ได้ถูกจับอาบน้ำและแต่งตัวให้ใหม่แล้ว แต่คนกลับยังคงหมดสติอยู่ภายในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ของตระกูลลู่ใบหน้าของทุกคนต่างก็ดูน่าเกลียดพ่อบ้านรีบเดินออกมาจากห้องของลู่ซิวหนิงที่อยู่บนชั้นสอง แล้วเดินตรงไปหาคุณหญิงย่าลู่ หลังจากเหลือบมองคุณหญิงย่าลู่ เขาก็ลำบากใจที่จะพูดออกมา“ซิวหนิงเป็นยังไงบ้างแล้ว?” คุณหญิงย่าลู่ถามเมื่อกี้เธอแค่มองดูคร่าว ๆ คุณหญิงย่าลู่คิดว่าลู่ซิวหนิงคงแค่ถูกจับเปลื้องผ้าออกเท่านั้นแต่แววตาของพ่อบ้านยังคงสั่นไหว“พูดมาสิ!” คุณหญิงย่าลู่เร่งเร้าพ่อบ้านก้มศีรษะลง และรายงานสิ่งที่เพิ่งเห็นตามความเป็นจริง “บาดแผลบนร่างกายของนายน้อย มีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ให้เรียกหมอมา......”“แค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก” คุณหญิงย่าลู่ไม่ได้รู้สึกกังวลมากขนาดนั้นแต่สิ่งที่พ่อบ้านกำลังพูดต่อ กลับทำให้ใบหน้าของเธอซีดลง“มีจุดหนึ่งบนร่างกายของคุณชายที่ถูกฉีกขาดครับ ราวกับว่ามันถูกฝืนให้ง้างออกด้วย......”พ่อบ้านยังไม่ทันได้พูดจบด้วยซ้ำ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ดูเหมือนจะเข้าใจได้ในทันทีฉีกขาด
สายตาของซูหรานยังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม เธอไม่อยากที่จะพลาดการแสดงออกใด ๆ ของสามีตัวพ่อเลยแม้แต่วินาทีเดียวคำว่า “คุณชายสามฟู่” ทำให้ฟู่จิ้นหานแทบหายใจไม่ออก รู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัดในขณะนั้นเอง เขาถึงขั้นทำใจเอาไว้แล้วด้วย ว่าถ้าหากซูหรานเดาตัวตนของเขาออกจริง ๆ เขาก็จะหงายไพ่ของเขาออกไปตรง ๆ เลยในหัวของฟู่จิ้นหานกำลังคิดว่าจะอธิบายความรู้สึกแย่ ๆ ที่เธอมีต่อ “คุณชายสามฟู่” ยังไงดีแต่หลังจากนั้น คำพูดของซูหรานก็ทำให้เขาหยุดคิดยู่ครู่หนึ่ง“.......ลูกพี่ลูกน้อง?”ซูหรานขมวดคิ้ว ราวกับว่าเธอรู้สึกว่าการคาดเดาของเธอไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้” ลูกพี่ลูกน้องของคุณชายสามฟู่ เช่นนั้นฐานะของเขาก็จะต้องสูงส่งด้วยสิ ส่วนสามีตัวพ่อของเธอ ดู ๆ แล้วก็ค่อนข้างสูงส่งเหมือนกัน แต่ตระกูลฟู่......สูงส่งกว่านั้นเยอะ!ซูหรานส่ายหัวหลายต่อหลายครั้งฟู่จิ้นหานที่เห็นแบบนั้น ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่าซูหรานไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ซูหรานก็พูดขึ้นว่า “อีกเดี๋ยวฉันว่าจะไปที่ตึกฟู่ซือกรุ๊ปหน่อยนะ”ตึกฟู่ซือกรุ๊ปง
“ขอความเมตตา?” ซูหรานหัวเราะออกมา “ขอโทษนะ แต่ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก”คนที่ใจดีคือซูอินต่างหาก ไม่ใช่เธอ ซูหรานฟู่จิ้นหานหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นน้ำเสียงของเขาจะจริงจังขึ้นมา “ถ้าเขากล้าทำร้ายคุณ เขาก็กำลังรนหาที่ตาย!”ซูหรานตกตะลึงไปเธอมองเงาร่างบนฉากกั้น จู่ ๆ ก็เกิดรู้สึกราวกับตนเองสำคัญต่อเขามากขึ้นมาแต่การที่เขาช่วยเธอต่อกรกับตระกูลลู่ ก็เป็นเพียงแค่น้ำใจของสามีดีเด่นเพียงเท่านั้น…ภายใต้ผวังค์แห่งความคิด เสียงจากฉากกั้นยังคงดำเนินต่อไป “ลู่ซิวหนิงเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลลู่ลดลง อีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ทรัพย์สมบัติตระกูลลู่จะถูกประมูลเพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้ธนาคาร หลังจากการตระกูลลู่ล้มละลายแล้ว จะไม่มีใครมารบกวนคุณอีก”คำว่า “ลู่ซิวหนิงไปโรงพยาบาลจิตเวช” ดังก้องอยู่ในสมองของซูหราน “เดี๋ยวนะ ลู่ซิวหนิงเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”ฟู่จิ้นหานไม่ตอบแต่ซูหรานเข้าใจดีว่าขอแค่ลู่ซิวหนิงเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ต่อให้เขาไม่ได้เป็นบ้า เขาก็คงไม่ต่างจากคนวิกลจริตสักเท่าไหร่ซูหรานคิดถึงสิ่งที่ลู่ซิวหนิงทำ และแอบสมน้ำหน้าเขาในใจเมื่อลู่ซิวหนิงมีจุดจบแ
ฉินฟั่งมองไปที่กองเอกสารขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา และอยากจะตายหัวทิ่มไปกับกองเอกสารสิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือการส่งสัญญาณขอความเมตตาจากเจ้านาย“คุณซู อันที่จริง ที่วันนั้นผมไปที่นั่นได้ทันเวลา เป็นเพราะคำสั่งของคุณชายสามฟู่กับสามีของคุณ...ผมก็แค่ถูกไหว้วานมา เขาต่างหากครับที่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณมากที่สุด…”ฉินฟั่งรู้ว่าคุณชายของเขาได้ยินสิ่งที่เขาพูด ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขอความเมตตาในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ซูหรานมองไปที่สามีดีเด่น เธอไม่สามารถปกปิดความประหลาดใจต่อสิ่งที่ฉินฟั่งพูดได้เห็นได้ชัดว่าฟู่จิ้นหานดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษราวกับว่าเขาไม่อยากจะโชว์เกินไป เขาไอเบา ๆ แล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณไม่มีเวลา ผมก็ไม่บังคับหรอก รีบกลับบ้านเถอะ”คำว่า “รีบกลับบ้านเถอะ” ของฟู่จิ้นหานทำให้ฉินฟั่งรู้สึกเหมือนได้รับการอภัยทานเขาแทบจะทรุดตัวลงแล้วก้มหัวคำนับขอบคุณหลังจากวางสายโทรศัพท์ มีความคลุมเครือในบรรยากาศอันไม่อาจอธิบาย ฟู่จิ้นหานสบตากับซูหรานโดยไม่ลังเล แต่จู่ ๆ ซูหรานก็เลี่ยงสายตาของเขาด้วยการกะพริบตา“นายน้อยจี้ละอยู่ไหน” ซูหรานเลี่ยงที่จะสบตากับเขาและเปลี่ยนเรื่อ
นี่อาจเป็นคำเรียก “สามี” ที่ซูหรานภูมิใจที่สุดเท่าที่เคยเรียกเลยก็ว่าได้ทันทีที่เธอเรียกเขา เธอก็สังเกตเห็นสีหน้าที่แข็งทื่อเล็กน้อยบนใบหน้าของสามี และรู้สึกถึงการสายตาจ้องมองอันแสนประหลาดใจของจี้เยี่ยนโจว และซูหรานก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาแต่สเต็กนั้นถูกส่งเข้าปากของเขาไปแล้ว “สามี” ก็เรียกแล้ว เสียใจไปก็เปล่าประโยชน์เธอทำได้เพียงแค่พยายามงัดรอยยิ้มสวยแฝงเลศนัยของตัวเองออกมา ก่อนจะมองสามีดีเด่นด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าถ้าเขาไม่ไว้หน้าเธอ และปล่อยให้เธอแพ้ในสนามรบครั้งนี้ เธอจะสอนบทเรียนให้เขาจำไปจนวันตาย“……”หลังจากที่ฟู่จิ้นหานตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจความคิดของซูหรานแต่สิ่งที่ตามมาคือความสุข เพราะคิดไม่ถึงว่าซูหรานจะกำลังหึงเขานี่มัน...ดีสุด!ฟู่จิ้นหานอ้าปากแล้วงับสเต็กที่ซูหรานป้อนให้ เพลิดเพลินกับอาหารที่ซูหรานป้อนเขาสุดๆ“อร่อยมั้ยคะ?” ซูหรานพออกพอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าเขาเลือกที่จะร่วมมือและไม่ปล่อยให้เธอขายหน้า ซูหรานก็อดไม่ได้ที่จะตัดอีกชิ้นหนึ่งแล้วป้อนเข้าไปในปากของสามีดีเด่นอย่างอ่อนโยน“อร่อยครับ คุณป้อนผมอร่อยทุกอย่างอยู่แล้ว” ฟู่จิ้นหานยิ้มแป้นจนเห็
ซูหราน: “…”ซูหรานจ้องมองสามีดีเด่นของเธอก่อนจะสั่งว่า “ต้องไป!”“ได้ เว้นแต่คุณจะสัญญากับผมก่อน ว่าที่ผมพูดไปทั้งหมดนั่นคุณจะยอมรับ”ซูหราน: “…”ยอมรับ? ยอมรับอะไร?ในเวลานี้ ซูหรานคิดแต่ว่าเธอไม่อยากรีรออีกต่อไปแล้ว เกิดเขาไข้ขึ้นจนเกิดสมองอ๋องไปจริง ๆ ละ เธอไม่สนใจสิ่งที่เขาเพิ่งพูด เพราะคิดว่าเขาเป็นเพราะไข้ อีกสักพักเขาอาจจะสถานการณ์ไม่ได้“โอเค ๆ ฉันยอมรับ ฉันยอมรับแล้ว ตอนนี้ไปโรงพยาบาลได้หรือยัง”ทันใดนั้นฟู่จิ้นหานก็เชื่อฟัง: “ได้ครับ”ซูหรานพาสามีลงไปชั้นล่างแล้วขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลซินเหอทันทีที่เขาเข้าโรงพยาบาล ก็มีคนจำหน้าเขาได้ ก่อนที่ซูหรานจะทันได้ลงทะเบียน เจ้าหน้าที่จำนวนมากก็เข้ามาพาตัวฟู่จิ้นหานแยกออกจากซูหรานพื่อไปที่ห้องฉุกเฉินซูหรานมึนงงตั้งแต่กระบวนการให้น้ำเกลือไปตลอดจนกระบวนการเข้ารับการรักษาในวอร์ดเธอไปเช็คอินแต่ได้รับแจ้งว่าคุณชายฟู่ได้ทำตามขั้นตอนทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว“คุณคือคุณซูหรานใช่ไหมคะ คุณฟู่...กำลังเรียกชื่อคุณอยู่น่ะค่ะ…” นางพยาบาลตามหาซูหรานและมองซูหรานด้วยสายตาที่เคารพเป็นพิเศษทั้งโรงพยาบาลต่างก็รู้ดีว่าคนที่นอนอยู่ในวอร์ดวีไอพีคน
“คุณหญิงย่าลู่ ฉันช่วยคุณไม่ได้จริงๆ”เมื่อซูหรานพูดจบ ใบหน้าของคุณหญิงย่าลู่ก็ชะงักไปทันที ดูราวกับเธอยังอยากพยายามให้ซูหรานนึกถึงเรื่องดี ๆ ที่ตระกูลลู่เคยทำให้เธอแต่คุณหญิงย่าลู่คิดไปคิดมา เธอกลับไม่พบเรื่องดี ๆ ที่เคยทำเลยแม้แต่เรื่องดีเมื่อเห็นว่าซูหรานกำลังจะจากไป คุณนายลู่ก็ยิ่งวิตกร้อนใจทันใดนั้นเธอก็ตะโกนใส่ซูหรานว่า “ตระกูลลู่ของเราให้โอกาสเธอได้ติดต่อกับคุณชายสามฟู่ ถ้าไม่ใช่วันเกิดของฉัน ต่อให้เธอใช้สมองจนตายก็ไม่มีทางได้เจอคุณชายสามฟู่หรอก ซูหราน เธอจับคุณชายสามฟู่อยู่แล้วจะทำตัวเนรคุณแบบนี้ไม่ได้นะ”จับเหรอ?ซูหรานเข้าใจนัยยะของคำว่า “จับ” ของคุณหญิงย่าลู่เป็นอย่างดีหรือก็คือการใช้เต้าไต่ ล่อลวงผู้ชายทุกวิถีทางซูหรานเผยสายตาเยาะเย้ย คนในตระกูลลู่ไม่ทำให้เธอผิดหวังเลยจริง ๆ“คุณหญิงย่าลู่พูดถึงคนเนรคุณ ฉันคงไม่กล้าเป็นหรอกค่ะ ฉันควรจะดีใจมากกว่านะ ที่ไม่ตกหลุมพรางของตระกูลลู่เสียก่อน พวกคุณน่ะ...มันน่าขยะแขยง!”ซูหรานไม่คิดจะซ้ำเติมใคร แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะยอมถูกรังแกเช่นกันเมื่อเห็นดวงตาดุร้ายของคุณหญิงย่าลู่ ซูหรานก็ถอยหลังไปสองสามก้าว“คุณหญิงย่าลู่ ฉั