“ขอความเมตตา?” ซูหรานหัวเราะออกมา “ขอโทษนะ แต่ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก”คนที่ใจดีคือซูอินต่างหาก ไม่ใช่เธอ ซูหรานฟู่จิ้นหานหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นน้ำเสียงของเขาจะจริงจังขึ้นมา “ถ้าเขากล้าทำร้ายคุณ เขาก็กำลังรนหาที่ตาย!”ซูหรานตกตะลึงไปเธอมองเงาร่างบนฉากกั้น จู่ ๆ ก็เกิดรู้สึกราวกับตนเองสำคัญต่อเขามากขึ้นมาแต่การที่เขาช่วยเธอต่อกรกับตระกูลลู่ ก็เป็นเพียงแค่น้ำใจของสามีดีเด่นเพียงเท่านั้น…ภายใต้ผวังค์แห่งความคิด เสียงจากฉากกั้นยังคงดำเนินต่อไป “ลู่ซิวหนิงเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลลู่ลดลง อีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ทรัพย์สมบัติตระกูลลู่จะถูกประมูลเพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้ธนาคาร หลังจากการตระกูลลู่ล้มละลายแล้ว จะไม่มีใครมารบกวนคุณอีก”คำว่า “ลู่ซิวหนิงไปโรงพยาบาลจิตเวช” ดังก้องอยู่ในสมองของซูหราน “เดี๋ยวนะ ลู่ซิวหนิงเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”ฟู่จิ้นหานไม่ตอบแต่ซูหรานเข้าใจดีว่าขอแค่ลู่ซิวหนิงเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ต่อให้เขาไม่ได้เป็นบ้า เขาก็คงไม่ต่างจากคนวิกลจริตสักเท่าไหร่ซูหรานคิดถึงสิ่งที่ลู่ซิวหนิงทำ และแอบสมน้ำหน้าเขาในใจเมื่อลู่ซิวหนิงมีจุดจบแ
ฉินฟั่งมองไปที่กองเอกสารขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา และอยากจะตายหัวทิ่มไปกับกองเอกสารสิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือการส่งสัญญาณขอความเมตตาจากเจ้านาย“คุณซู อันที่จริง ที่วันนั้นผมไปที่นั่นได้ทันเวลา เป็นเพราะคำสั่งของคุณชายสามฟู่กับสามีของคุณ...ผมก็แค่ถูกไหว้วานมา เขาต่างหากครับที่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณมากที่สุด…”ฉินฟั่งรู้ว่าคุณชายของเขาได้ยินสิ่งที่เขาพูด ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขอความเมตตาในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ซูหรานมองไปที่สามีดีเด่น เธอไม่สามารถปกปิดความประหลาดใจต่อสิ่งที่ฉินฟั่งพูดได้เห็นได้ชัดว่าฟู่จิ้นหานดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษราวกับว่าเขาไม่อยากจะโชว์เกินไป เขาไอเบา ๆ แล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณไม่มีเวลา ผมก็ไม่บังคับหรอก รีบกลับบ้านเถอะ”คำว่า “รีบกลับบ้านเถอะ” ของฟู่จิ้นหานทำให้ฉินฟั่งรู้สึกเหมือนได้รับการอภัยทานเขาแทบจะทรุดตัวลงแล้วก้มหัวคำนับขอบคุณหลังจากวางสายโทรศัพท์ มีความคลุมเครือในบรรยากาศอันไม่อาจอธิบาย ฟู่จิ้นหานสบตากับซูหรานโดยไม่ลังเล แต่จู่ ๆ ซูหรานก็เลี่ยงสายตาของเขาด้วยการกะพริบตา“นายน้อยจี้ละอยู่ไหน” ซูหรานเลี่ยงที่จะสบตากับเขาและเปลี่ยนเรื่อ
นี่อาจเป็นคำเรียก “สามี” ที่ซูหรานภูมิใจที่สุดเท่าที่เคยเรียกเลยก็ว่าได้ทันทีที่เธอเรียกเขา เธอก็สังเกตเห็นสีหน้าที่แข็งทื่อเล็กน้อยบนใบหน้าของสามี และรู้สึกถึงการสายตาจ้องมองอันแสนประหลาดใจของจี้เยี่ยนโจว และซูหรานก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาแต่สเต็กนั้นถูกส่งเข้าปากของเขาไปแล้ว “สามี” ก็เรียกแล้ว เสียใจไปก็เปล่าประโยชน์เธอทำได้เพียงแค่พยายามงัดรอยยิ้มสวยแฝงเลศนัยของตัวเองออกมา ก่อนจะมองสามีดีเด่นด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าถ้าเขาไม่ไว้หน้าเธอ และปล่อยให้เธอแพ้ในสนามรบครั้งนี้ เธอจะสอนบทเรียนให้เขาจำไปจนวันตาย“……”หลังจากที่ฟู่จิ้นหานตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจความคิดของซูหรานแต่สิ่งที่ตามมาคือความสุข เพราะคิดไม่ถึงว่าซูหรานจะกำลังหึงเขานี่มัน...ดีสุด!ฟู่จิ้นหานอ้าปากแล้วงับสเต็กที่ซูหรานป้อนให้ เพลิดเพลินกับอาหารที่ซูหรานป้อนเขาสุดๆ“อร่อยมั้ยคะ?” ซูหรานพออกพอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าเขาเลือกที่จะร่วมมือและไม่ปล่อยให้เธอขายหน้า ซูหรานก็อดไม่ได้ที่จะตัดอีกชิ้นหนึ่งแล้วป้อนเข้าไปในปากของสามีดีเด่นอย่างอ่อนโยน“อร่อยครับ คุณป้อนผมอร่อยทุกอย่างอยู่แล้ว” ฟู่จิ้นหานยิ้มแป้นจนเห็
ซูหราน: “…”ซูหรานจ้องมองสามีดีเด่นของเธอก่อนจะสั่งว่า “ต้องไป!”“ได้ เว้นแต่คุณจะสัญญากับผมก่อน ว่าที่ผมพูดไปทั้งหมดนั่นคุณจะยอมรับ”ซูหราน: “…”ยอมรับ? ยอมรับอะไร?ในเวลานี้ ซูหรานคิดแต่ว่าเธอไม่อยากรีรออีกต่อไปแล้ว เกิดเขาไข้ขึ้นจนเกิดสมองอ๋องไปจริง ๆ ละ เธอไม่สนใจสิ่งที่เขาเพิ่งพูด เพราะคิดว่าเขาเป็นเพราะไข้ อีกสักพักเขาอาจจะสถานการณ์ไม่ได้“โอเค ๆ ฉันยอมรับ ฉันยอมรับแล้ว ตอนนี้ไปโรงพยาบาลได้หรือยัง”ทันใดนั้นฟู่จิ้นหานก็เชื่อฟัง: “ได้ครับ”ซูหรานพาสามีลงไปชั้นล่างแล้วขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลซินเหอทันทีที่เขาเข้าโรงพยาบาล ก็มีคนจำหน้าเขาได้ ก่อนที่ซูหรานจะทันได้ลงทะเบียน เจ้าหน้าที่จำนวนมากก็เข้ามาพาตัวฟู่จิ้นหานแยกออกจากซูหรานพื่อไปที่ห้องฉุกเฉินซูหรานมึนงงตั้งแต่กระบวนการให้น้ำเกลือไปตลอดจนกระบวนการเข้ารับการรักษาในวอร์ดเธอไปเช็คอินแต่ได้รับแจ้งว่าคุณชายฟู่ได้ทำตามขั้นตอนทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว“คุณคือคุณซูหรานใช่ไหมคะ คุณฟู่...กำลังเรียกชื่อคุณอยู่น่ะค่ะ…” นางพยาบาลตามหาซูหรานและมองซูหรานด้วยสายตาที่เคารพเป็นพิเศษทั้งโรงพยาบาลต่างก็รู้ดีว่าคนที่นอนอยู่ในวอร์ดวีไอพีคน
“คุณหญิงย่าลู่ ฉันช่วยคุณไม่ได้จริงๆ”เมื่อซูหรานพูดจบ ใบหน้าของคุณหญิงย่าลู่ก็ชะงักไปทันที ดูราวกับเธอยังอยากพยายามให้ซูหรานนึกถึงเรื่องดี ๆ ที่ตระกูลลู่เคยทำให้เธอแต่คุณหญิงย่าลู่คิดไปคิดมา เธอกลับไม่พบเรื่องดี ๆ ที่เคยทำเลยแม้แต่เรื่องดีเมื่อเห็นว่าซูหรานกำลังจะจากไป คุณนายลู่ก็ยิ่งวิตกร้อนใจทันใดนั้นเธอก็ตะโกนใส่ซูหรานว่า “ตระกูลลู่ของเราให้โอกาสเธอได้ติดต่อกับคุณชายสามฟู่ ถ้าไม่ใช่วันเกิดของฉัน ต่อให้เธอใช้สมองจนตายก็ไม่มีทางได้เจอคุณชายสามฟู่หรอก ซูหราน เธอจับคุณชายสามฟู่อยู่แล้วจะทำตัวเนรคุณแบบนี้ไม่ได้นะ”จับเหรอ?ซูหรานเข้าใจนัยยะของคำว่า “จับ” ของคุณหญิงย่าลู่เป็นอย่างดีหรือก็คือการใช้เต้าไต่ ล่อลวงผู้ชายทุกวิถีทางซูหรานเผยสายตาเยาะเย้ย คนในตระกูลลู่ไม่ทำให้เธอผิดหวังเลยจริง ๆ“คุณหญิงย่าลู่พูดถึงคนเนรคุณ ฉันคงไม่กล้าเป็นหรอกค่ะ ฉันควรจะดีใจมากกว่านะ ที่ไม่ตกหลุมพรางของตระกูลลู่เสียก่อน พวกคุณน่ะ...มันน่าขยะแขยง!”ซูหรานไม่คิดจะซ้ำเติมใคร แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะยอมถูกรังแกเช่นกันเมื่อเห็นดวงตาดุร้ายของคุณหญิงย่าลู่ ซูหรานก็ถอยหลังไปสองสามก้าว“คุณหญิงย่าลู่ ฉั
ซูอินรอคอยคำถามนี้เพียงแค่เธอถาม งานนี้ก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว"ฉันสามารถทำให้เธอถูกตระกูลเย่ขับไล่ออกจากบ้านได้ คุณปู่เย่ให้เกียรติเธอมากเท่าไหร่ ฉันก็สามารถทำให้คุณปู่เย่อับอายเธอได้มากเท่านั้น"ในการควบคุมคนแก่คนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมเขาในฐานะทายาทเพียงคนเดียว ซูอินมั่นใจเต็มที่แม้กระทั่ง..."ฉันสามารถทำให้ซูหรานถูกคุณชายสามฟู่ทิ้งได้!" นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของซูอินเธอรู้ว่านี่คือสิ่งที่ฉินอวี่เหลียนต้องการด้วยแน่นอน ฉินอวี่เหลียนจ้องมองซูอิน แล้วหัวเราะขึ้นมาทันที "ฮ่า ดี ฉันจะช่วยเธอ"เมื่อมองซูอิน เธอรู้สึกเหมือนกำลังมองตัวเองในอดีตภาพของเย่ซิงหลานผุดขึ้นในความคิดของฉินอวี่เหลียนเย่ซิงหลาน...ถ้าเธอรู้ว่าลูกสาวของเธอถูกตระกูลเย่ทอดทิ้งเหมือนขยะ เธอคงจะตายตาไม่หลับนั่นแหละคือสิ่งที่เธอต้องการให้เย่ซิงหลานตายตาไม่หลับ!"ดี ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน ป้า...เหลียน!" ซูอินยื่นมือไปหาฉินอวี่เหลียนทั้งสองจับมือกันเบาๆ สายตาสอดประสานกัน สื่อความหมายมากมายโดยไม่ต้องพูด"ในอดีต หลังจากเย่ซิงหลานกลับจากเมืองจิงเฉิงมาเมืองไห่เฉิง ไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง แต
ซูหรานชะงักเล็กน้อย เธอย่อตัวลงข้างๆ คุณปู่เย่ "คุณปู่คะ หนูคือหรานหรานนะคะ...""หรานหราน... ก็คือเหยียนเหยียน..." คุณปู่เย่ยิ้มเห็นสายตาที่มีความสุขของเขา ซูหรานจึงไม่แก้ไขอีกก็เหยียนเหยียนก็แล้วกันเธอไม่สามารถหาลูกสาวที่หายไปของคุณปู่ได้ คุณปู่เย่หาที่พึ่งทางใจจากเธอแทนลูกสาวที่หายไป นี่ก็คือคุณค่าเพียงอย่างเดียวของเธอแล้ว"คุณปู่คะ หนูคือเหยียนเหยียนค่ะ" ซูหรานยิ้มพูดแต่คุณปู่เย่กลับขมวดคิ้วทันที แก้คำพูด "อะไรคือคุณปู่? พ่อต่างหาก... วันนั้นพ่อไม่ควรตีลูก ไม่ควรพูดแบบนั้น จนทำให้ลูกต้องออกจากเมืองจิงเฉิง ออกจากตระกูลเย่ ลูกคงจะเกลียดพ่อมากสินะ?"คุณปู่เย่ดูเหมือนจะเห็นซูหรานเป็นลูกสาวที่หายไปจริงๆ เขาลูบหัวซูหราน สายตาเต็มไปด้วยความเสียใจและรู้สึกผิดซูหรานรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างบีบรัดหัวใจ เธอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว "ไม่เกลียดค่ะ หนูไม่เกลียด หนูไม่เกลียดพ่อ"ราวกับต้องการให้เขาเชื่อ ต้องการขับไล่ความรู้สึกผิดในดวงตาของชายชรา ซูหรานพูด "ไม่เกลียด" ซ้ำถึงสามครั้งคุณปู่เย่ชะงักไปครู่หนึ่ง แววตาค่อยๆ อ่อนโยนลง"ลูกควรจะเกลียดพ่อนะ..." คุณปู่เย่ลูบหัวซูหรานเบาๆ "หราน
ในฐานะผู้เกี่ยวข้อง ซูหรานกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยแต่บางคนนั่งไม่ติดแล้วเย่ซือเหยียนคาดว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าจะมีการแต่งตั้งเร็วขนาดนี้ยังเป็นผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของอัญมณีตระกูลเย่อีก...ตอนแรกเธอต้องพยายามอย่างหนักกว่าจะได้รับอนุญาตจากคุณปู่ให้เช่าอัญมณีตระกูลเย่ แต่ซูหราน...เพิ่งผ่านไปไม่นาน ช่างเป็นคนที่รู้จักเอาใจคนจริงๆ เย่ซือเหยียนรู้สึกอึดอัด อยากจะระบายออกพอดีผู้ช่วยนำข่าวมาบอก "คุณหนู เซียวหยุนเจินจากหลิงเทียนกรุ๊ปเข้าพักที่โรงแรมใหญ่ของเมืองไห่เฉิงแล้วค่ะ"เซียวหยุนเจินจากหลิงเทียนกรุ๊ปคือเจ้าของเพชรสีแดงที่เย่ซือเหยียนกำลังตามหา"ช่วยนัดให้ฉัน...ไม่! ฉันจะไปหาเขาเอง!" เย่ซือเหยียนหยิบกระเป๋า ไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวเธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของคุณปู่ได้ จึงทำได้เพียงหาทางอื่นเพื่อตัดโอกาสก้าวหน้าของซูหรานในขณะเดียวกัน ที่วิลล่าตระกูลซูซูอินมองดูอินสตาแกรมที่เต็มไปด้วยการพูดคุยและความอิจฉาต่อซูหราน เกือบทุกคนต่างพูดว่าซูหรานเป็นลูกรักของสวรรค์ มีโชคดีติดตัวความมั่งคั่งมหาศาลของตระกูลเย่ ใครเห็นก็ต้องอิจฉาถ้าเธอเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขข